ตอนที่ 1190 ทะเลสาบเพลิง
พีรามิดสีเลือดถูกดูดไปยังใจกลางของวังวนลาวา มันเคลื่อนไหวลึกเข้าไปในวังวน
ยิ่งลึกเข้าไปยังวังวน พลังของแรมโน้มถ่วงก็ยิ่งน่ากลัว
หลัวเฟิงและร่างอสูรเขาทองได้ยืนอยู่ภายในห้องควบคุมของพีรามิดสีเลือดที่ยังคงหมุนวนอยู่
“ที่นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ มันเทียบได้กับพื้นที่ของพายุดาบอันไร้สิ้นสุดของต้นกำเนิดปีก” หลัวเฟิงคิด
มีเพียงหอคอยดวงดาวเท่านั้นที่จะรอดจากพายุดาบนั้นมา แต่หอคอยดวงดาวไม่สามารถที่จะควบคุมทิศทางตัวเอง มันทำได้เพียงไปตามเส้นทางของวังวน แล้วถูกหยุดไว้โดยแรงโน้มถ่วง
ความเร็วมากกว่าความเร็วแสง 300 เท่า 500 เท่า พันเท่า ห้าพันเท่า พลังที่ศูนย์กลางของวังวนลาวาทำให้กฎจักรวาลต้องถอยห่างออกไป และพีรามิดสีเลือดก็กลายเป็นเส้นแสงสีเลือด
หลัวเฟิงที่อยู่ภายในหอคอยดวงดาวกำลังรู้สึงเหมือนถูกค้อนนับพันล้านตีเข้าที่หอคอยดวงดาว
“ที่เจียฟานฉีบันทึก ที่ศูนย์กลางของวังวนเป็นที่อันตรายที่สุด มีเพียงสมบัติแท้จริงสูงสุดเท่านั้นที่จะปลอดภัยหากผ่านเส้นทางนี้” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงนั้นโชคดีที่มีสมบัติแท้จริงสูงสุดหลายอย่าง สมบัติแท้จริงสูงสุดประเภทวังบินเป็นสิ่งที่ไม่มีใครที่จะหามาได้ง่ายๆ และมีไม่มากนัก มีเพียงดินแดนศักสิทธิ์ทั้งสองเท่านั้นที่อาจมีเพียงเล็กน้อย
หลัวเฟิงได้ค้นหาโอกาสในการรอดชีวิต และเขาก็โชคดีที่ยังคงมีชีวิตรอด
———-
เจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออสและเจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายที่อยู่ในวิหารต้องห้าม พวกเขาไม่สามารถที่จะเร่งความเร็วเข้าสู่ศูนย์กลางของวังวนได้ ทำให้เขาต้องฝ่าอุปสรรคมากมายที่อยู่ในทะเลลาวา จึงทำให้พวกเขาค่อนข้างไปได้ช้า
“ระวัง”
“เจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้าย เจ้าต้องรับผิดชอบด้านนี้ ส่วนข้าจะรับผิดชอบด้านนี้”
“ได้”
เจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออสและเจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายกำลังใช้สมบัติแท้จริงชั้นยอดประเภทพื้นที่ของพวกเขา แต่ลาวาภายนอกนั้นทรงพลังจนน่ากลัว แม้แต่สมบัติแท้จริงชั้นยอดประเภทพื้นที่ของพวกเขายังสร้างพื้นที่เล็กๆ ได้เท่านั้น
“เราต้องใช้เวลาเท่าไรถึงจะไปถึงทะเลเพลิง” เจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายถาม
“ทะเลเพลิงอย่างงั้นเรอะ เรากำลังเดินทางด้วยความเร็วสิบเท่าความเร็วแสง เราจำเป็นต้องใช้เวลานานมากในการเดินทางผ่านทั้งทะเลลาวา ตอนนี้เราเดินทางได้น้อยกว่า 1 ในหมื่น” ดวงตาของเจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออสมีความบ้าคลั่ง
“น้อยกว่าหนึ่งในหมื่น!!” ผู้เหนือศรสุดท้ายรู้สึกสิ้นหวัง
ช่วงเวลาสั้นๆ ก็สร้างแรงกดดันกับเขาแล้ว ถ้าเขาเดินทางคนเดียวอาจจะต้องตาย
“ตั้งใจให้ดี ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล” เจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออสจ้องมองอย่างรุนแรง
“ได้…เจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออส ข้าไม่มีร่างอื่น ข้ามีเพียงร่างกายเดียว เจ้าต้องไม่ให้มันเกิดขึ้น” เจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายพูดออกมาด้วยความกังวล
“แน่นอนว่าข้าต้องพยายาม จ้าจะยอมปล่อยให้เกราะเทพทำลายหลุดลอยไปได้หรือไง เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะปล่อยของสะสมของข้าไป” เจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออสพูดพร้อมจ้องกลับ
“ตกลง” เจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายพยักหน้า
เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการใช้สมบัติประเภทพื้นที่ของเขา ด้วยความคิดของผู้มีหนึ่งร่างต่างกับผู้มีหลายร่าง แล้วอันตรายจากภายนอกยังทำให้เจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายสิ้นหวัง ด้วยความสิ้นหวังที่เขาอาจจะตายได้ทุกเมื่อทำให้เขาเหมือนจะเป็นบ้า
เจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออสทุ่มเทความสนใจและพลังงานทั้งหมดในการควบคุมวิหารต้องห้ามในบางครั้ง ในบางครั้งก็ใช้การควบคุมสมบัติประเภทพื้นที่ และบางครั้งก็ใช้การควบคุมเทคนิค เขาแสดงเทคนิคต่างๆ ของเขาในช่วงสามยุคจักรวาลที่ผ่านมาในแต่ละสถานการณ์
สำหรับเจ้าแห่งจักรวาลศรสุดท้ายนั้นไร้ประโยชน์สำหรับเขา
———-
พีรามิดสีเลือดได้วิ่งเร็วขึ้นในศูนย์กลางวังวนลาวา มันเร็วกว่าความเร็วแสง 1 แสนเท่า ด้วยการเดินทางเกินกว่ากฎทำให้ดวงตาของหลัวเฟิงนั้นเป็นประกาย
5 นาที 33 วินาทีหลังจากที่มุ่งเข้าไปยังวังวนลาวา…
เส้นแสงสีเลือดได้ออกจากทะเลลาวา แล้วบินมายังที่ว่าง และลงไปยังน้ำเย็น…
พีรามิดสีเลือดได้ชนเข้ากับน้ำด้วยความเร็วหมื่นเท่าของความเร็วแสง ทุกหยดของน้ำ หนักกว่านิวตรอน พลังจากการกระทบสามารถที่จะทำลายสมบัติแท้จริงชั้นสูงประเภทวังได้ โชคดีของเขาที่มีหอคอยดวงดาว หลัวเฟิงจึงสามารถที่จะทนมันได้
มันชะลอตัวลงทันทีภายใต้การต้านทาน ความเร็วของพีรามิดค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ
เขาเดินทางจากทะเลลาวาซึ่งทำลายร่างกายอมตะของเจ้าแห่งจักรวาลได้ แล้วก็มาถึงน้ำที่เย็นจนสามารถแช่แข็งร่างอมตะของเจ้าแห่งจักรวาลจนตาย การเปลี่ยนแปลงนี้สิ่งที่แบกรับมันคือหอคอยดวงดาว
หลังจาก 1 นาที 58 วินาที ที่พีรามิดสีเลือดมาถึงน้ำเย็น ก็เดินทางด้วยความเร็ว 100 เท่าของความเร็วแสง หลังจากที่ไหลไปตามน้ำก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ สูงหลายร้อยล้านกิโลเมตร
ร่างมนุษย์ได้บินออกมาจากพีรามิด และความสูงก็เพิ่มขึ้นมาเป็นสิบเมตร
“ถึงแม้เส้นทางนี้จะปลอดถัย แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาหรือไม่ ดีที่ข้ามาถึงสถานที่อันตราย ทะเลสาบเพลิง” หลัวเฟิงยิ้มขณะมองมายังด้านล่าง
เขากล้าที่จะทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะแผนที่ที่ได้มาจากเจียฟานฉี แต่เพราะว่าเขามีหอคอยดวงดาวที่คอยช่วยชีวิตจากสถานการณ์พิเศษ
หลัวเฟิงมองที่ทะเลเพลิง “วังต้องห้ามนั้นน่าจะเดินทางด้วยความเร็วแสงสิบเท่า จำเป็นต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะผ่านทะเลลาวาและอันตรายทั้งหมด ฮ่า ฮ่า…หวังว่าเจ้าสามารถทำมันได้”
หลัวเฟิงรู้สึกดีมากหลังจากได้แก้แค้นกับเจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออส ใครจะเทียบกับเขาได้ มีเพียงเจ้าแห่งจักรวาลที่มีสมบัติแท้จริงสูงสุดเท่านั้นที่จะมีค่าเทียบกับเจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออส
หลัวเฟิงหยุดคิดเกี่ยวกับเจ้าแห่งจักรวาลฟาคาออส เขาเริ่มคิดถึงเส้นทางใหม่ จากเดิมที่เดินทางในหุบเขาเทพการทำลายเปลี่ยนมาเป็นทะเลสาบเพลิง หลัวเฟิงจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางของเขา
“ข้าเคยผ่านเส้นทางที่อันตรายกว่ามาแล้ว มันไม่ได้อันตรายกว่าหุบเขาเทพการทำลาย”
หลัวเฟิงมองรอบๆ พบกับทะเลเพลิงสุดลูกหูลูกตา เขาเห็นฟองสบู่ระเบิดออก และมีฟองสีน้ำเงินที่เหมือนกับผิวของน้ำเช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
น้ำที่ลุกไหม้เหมือนกับไฟ มันจึงถูกตั้งชื่อเหมือนกับไฟ
“ทะเลสาบเพลิง” ข้อมูลลอยเข้ามาในจิตใจของหลัวเฟิง
แม้ว่าทะเลสาบเพลิงนั้นอันตรายแต่ก็ปลอดภัยมากกว่าหุบเขาเทพการทำลาย
แม้ว่าจะมีอันตรายนับร้อยชนิดก็ไม่เพียงพอสำหรับเจ้าแห่งจักรวาลที่ได้เตรียมตัวมา มีเพียงอย่างเดียวที่อาจจะเรียกว่าอันตรายนั้นเรียกว่า ทะเลเพลิงแช่แข็งมันเป็นปรากฎการที่จะเกิดนานๆ ครั้งในทะเลสาบเพลิง
ทะเลเพลิงแช่แข็งเป็นไฟสีน้ำเงินที่มีสายฟ้าอยู่ข้างใน มันเย็นจนเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดไม่กล้าที่จะรับมันโดยตรง มันสามารถทำลายสมบัติแท้จริงชั้นสูงประเภทวังบิน
แต่มันก็ถือว่าไม่อันตรายต่อเจ้าแห่งจักรวาล มันจะเคลื่อนไหวช้าก่อนที่จะเคลื่อนไวกว่าความเร็วแสง 10 เท่า และด้วยการมองเห็นของเจ้าแห่งจักรวาลสามารถที่จะเห็นมันได้จากระยะไกล พวกเขาจึงสามารถที่จะหลบได้ง่ายๆ
แล้วยังมีพื้นที่จำนวนมากที่สามารถจะทำการเทเลพอตได้ ยกเว้นพื้นที่ใกล้กับน้ำ จึงทำให้เจ้าแห่งจักรวาลจำนวนมากหลบหนีจากอันตรายของทะเลสาบได้ สิ่งมีชีวิตบางสิ่งก็สามารถหลบในสมบัติแท้จริงชั้นยอดประเภทวังบินก็สามารถที่จะทน ทะเลเพลิงแช่แข็งได้
ทะเลสาบเพลิงถือเป็นอันตรายปานกลางในเรือจักรวาล มันอยู่ใกล้กับหุบเขาเทพการทำลายที่เกิดสมบัติแท้จริงจำนวนมาก จึงเป็นข้อดีสำหรับมันที่มีสมบัติแท้จริงบางอย่างปรากฎที่ทะเลสาบ มันทั้งปลอดภัยกว่าและมีโอกาสสูงในการเกิดสมบัติ ทำให้กลุ่มอำนาจต่างๆ มักประจำการอยู่รอบๆ ทะเลสาบเพลิง จากข้อมูลบันทึกของเจียฟานฉี
———-
มีคลื่นกาลอวกาศปรากฎขึ้นเหนือพื้นที่ทะเลสาบเพลิง และมีสิ่งมีชีวิตปรากฎตัวขึ้น
“ข้าถูกส่งให้มาประจำการที่นี่”
ชายร่างยักษ์มีสี่หน้า สิบหกแขน ได้มีการแสดงออกที่ใบหน้าแตกต่างกัน
เขามองไปรอบๆ แล้วรู้สึกถึงบางสิ่ง
“นั่นดูเหมือนมนุษย์”
สิ่งมีชีวิตสี่หน้าได้มุ่งเข้าหามนุษย์ในทันทีจนสร้างลำแสงขึ้นมา