ตอนที่ 1247 พื้นที่มรดก
แม้ว่าจะได้รับสืบทอดพื้นที่มรดกแล้ว หลัวเฟิงก็ยังมีข้อสงสัยอีกมากมายเกี่ยวกับเรือสุสานกับพื้นที่มรดก
หลัวเฟิงใช้พลังงานอมตะห่อหุ้มหินความทรงจำเอาไว้ หลังจากนั้นข้อมูลจำนวนมากก็ถูกส่งเข้าในจิตใจ มันเป็นข้อมูลของจิตสำนึกเสมือนสายน้ำวูดูวง มันถูกแยกออกเป็นข้อมูลชุดต่างๆ การทำงาน และพื้นที่แต่ละที่ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้ทำไว้กับเรือสุสาน ข้อมูลมีการควบคุมหลักของเรือสุสาน วิธีการควบคุม ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งผ่านหินความทรงจำ
“บรรพบุรุษที่สามได้เตรียมข้อมูลอย่างละเอียด” หลัวเฟิงรู้สึกเคารพ
“เกือบ 95% ของพื้นที่มรดกทั้งหมดเต็มไปด้วยความสำเร็จของบรรพบุรุษรุ่นที่สาม มีเพียง 5% ที่ถูกเพิ่มโดยเหล่าผู้สืบทอดอื่นๆ พื้นที่มรดกทั้งหมดนี้เหมาะสมกับการฝึกฝนเป็นอย่างดี”
หลัวเฟิงตกตะลึงจนไร้คำบรรยาย หากเขาไม่ได้ข้อมูลจากสายน้ำวูดูวง หลังจากเขาได้รับสืบทอดมรดก เขาจะต้องเดินไปให้ทั่วเรือสุสานเพื่อจะทำความเข้าใจมันทั้งหมด ทว่าในตอนนี้ทุกอย่างได้อยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว
พื้นที่มรดกนั้นเหมือนกับจักรวาลขนาดเล็กที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่
พื้นที่ที่เปรียบเหมือนกับห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหินความทรงจำจำนวนมหาศาล มันบันทึกเกือบทุกเทคนิคพื้นฐานของอารยธรรมโบราณ มีประสบการณ์ล้ำค่าที่นำไปสู่เส้นทางสูงสุด ประสบการณ์จากผู้สืบทอดแต่ละรุ่น เมื่อรวมกันนั้นพวกมันมีค่ามาก
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พิเศษสำหรับฝึกฝนการต่อสู้กับคู่ต่อสู้เสมือนทั้งหมด 282 แบบ ในหมู่ร่างเสมือนทั้งหมดมีสายน้ำวูดูวงแต่ละรุ่น พวกเขามีจิตสำนึกเสมือน มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือบรรพบุรุษรุ่นที่สาม
มีพื้นที่พิเศษที่ใช้สำหรับการสร้างเทคนิค พื้นที่พิเศษสำหรับใช้เพาะเลี้ยงอาวุธ พื้นที่พิเศษสำหรับ…
ข้อสรุปจากพื้นที่มรดกทั้งหมด มันคือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตที่สนับสนุนการฝึกฝน มันเต็มไปด้วยความรู้ที่จะส่งต่อไปยังผู้สืบทอดรุ่นต่อไป
“นี่หรูหรามากเกินไป”
ก่อนที่หลัวเฟิงจะรับมรดก เขาเต็มไปด้วยจินตนาการต่างๆ แต่เมื่อเขาได้รับมรดกของจริง มันก็ไม่เป็นไปตามที่จินตนาการไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นใครที่ใช้ชีวิตอยู่ในนี้จะสั้นหรือยาว มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนๆ นั้นจะไม่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุด สายน้ำวูดูวงมีข้อกำหนดสำหรับผู้สืบทอดที่เข้มงวด แม้จะไม่มีมรดกผู้สืบทอดก็จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่อยู่ดี เมื่อผู้สืบทอดที่ถูกเลือกให้รับพื้นที่มรดกก็เหมือนกับติดปีกให้เสือ พวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
“ในมหาสมุทรจักรวาลต่อสู้กันเพื่อมรดก เช่นเดียวกับสิ่งที่เผ่าดวงตาใช้ คือเทคนิคโจมตีร่วม มันเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปส่วนหนึ่งของอารยธรรมโบราณเท่านั้น มีความเป็นไปได้มากมายนับไม่ถ้วน”
หินความทรงจำพื้นฐานนับสิบล้านก้อนมีความสำคัญเพียงเล็กน้อยมาก มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสายน้ำวูดูวงแต่ละรุ่น ว่าจะให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกเก็บไว้หรือแบ่งปันกับกลุ่มอำนาจอื่น
“ความรู้คือพลัง ประสบการณ์ของสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ การเรียนรู้และฝึกฝนของพวกเขาทั้งหมดถูกสรรสร้างจากสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่รุ่นก่อน ทำให้พื้นฐานนี้ดีขึ้น”
สิ่งที่หลัวเฟิงทำอย่างแรกเหมือนๆ กับสิ่งที่สายน้ำวูดูวงรุ่นก่อนทำ ซึ่งเป็นการจดจำทุกสิ่งในหินความทรงจำเหล่านี้
บางทีหลัวเฟิงอาจได้สัมผัสกับความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและกระบวนการฝึกฝนของเขา หรือเขาอาจจะได้พบกับคู่ต่อสู้ในความจริง การเรียนรู้นี้จะทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงจุดอ่อนของศัตรู
หลัวเฟิงโบกมือ หินสีดำจำนวนมากมายได้ลอยขึ้นมาหยุดอยู่กลางอากาศ
“จัดหมวดหมู่”
หลัวเฟิงแบ่งพลังงานอมตะออกไปเชื่อมต่อกับหินความทรงจำ ข้อมูลที่เชื่อมต่อถูกแยกประเภท หลังจากนั้นไม่นานหินความทรงจำก็ได้ถูกจัดหมวดหมู่
หลัวเฟิงทำการจัดหมวดหมู่ก่อนที่จะเริ่มจดจำ
หลัวเฟิงอยู่ในพื้นที่ฝึกฝนที่เร่งเวลา 1 หมื่นเท่า เขาใช้เวลาประมาณ 15 วันในการจดจำทั้งหมดของมรดกหลัก (เวลาที่ใช้ไปคือไม่กี่ร้อยปี)
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำงานใหญ่ มันคือการเริ่มต้นจดจำข้อมูลหินความทรงจำนับร้อยล้านก้อน แม้ว่าจะมีหินจำนวนมาก แต่ทุกก้อนล้วนเป็นข้อมูลส่วนเล็กๆ ปริมาณของมันนั้นต่างกันมากกับมรดกหลัก แม้ว่าข้อมูลจะเป็นส่วนเล็กๆ เขาก็ต้องใช้เวลาไปถึง 30 ปีจึงครบทั้งหมด(เวลา 30 ยุค)
เมื่อทำการรับข้อมูลทั้งหมด หลัวเฟิงก็เริ่มอ่านความทรงจำ และทำการศึกษามันอย่างละเอียด เวลาที่ถูกใช้ไปในครั้งนี้นานยิ่งกว่าการรับข้อมูล เพราะก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่รับข้อมูลทั้งหมดเข้ามาในจิตใจของเขา ตอนนี้เขาทำการดูผ่านมันอย่างช้าๆ
———-
เรือสุสานนั้นยังคงลอยอยู่กลางอากาศเหนือพื้นที่ไฟน้ำแข็ง ประตูเรือของมันได้ถูกปิดไว้
บางครั้งมีสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ผ่านทางมาได้มองมันด้วยความอิจฉาในสายตา พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะอยู่นานแล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่ากลัวจะทำให้สายน้ำวูดูวงโกรธ ผู้ที่สามารถกำจัดเจ้าแห่งจักรวาลแท้จริงที่สองและเจ็ดได้ในทันที
ในขณะนั้น กลุ่มอำนาจส่วนใหญ่ได้แต่คาดเดาและคิดไปว่าใครได้เป็นผู้สืบทอด ทว่าหลัวเฟิงกลับเรียนได้อย่างสบายใจภายในพื้นที่มรดก เขานั้นอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่อยู่ภายในเรือสุสาน
ทันที่ที่ประตูของเรือสุสานปิดลง ไม่มีใครในมหาสมุทรจักรวาลที่บุกรุกเข้ามา สำหรับผู้ที่กล้าย่างเท้าเข้าไปในเรือสุสานจะต้องพบกับความพินาศ เรือสุสานอาจไม่สามารถโจมตีสิ่งภายนอก แต่สายน้ำวูดูวงได้ปรับปรุงใหม่ให้มีวิธีมากมายดักจับผู้บุกรุก ไม่มีเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดคนใดที่กล้ามาท้าความตายนี้
เมื่อเวลาได้ผ่านไป หลัวเฟิงได้เข้าใจการพัฒนาจากอมตะไปสู่อัศวิน อัศวินไปยังเจ้าแห่งจักรวาล เจ้าแห่งจักรวาลไปยังเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เขายังได้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกียวกับเจ้าแห่งจักรวาลที่จะต้องพัฒนาต่อไป เขาได้มีความรู้ในด้านนี้มาก
แม้แต่เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดก็ไม่มีทางรู้เท่ากับหลัวเฟิง ในอารยธรรมโบราณมีการวิเคราะห์ที่ชัดเจนมากในด้านนี้ ภายในมรดกของสายน้ำวูดูวงได้วิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ไว้ทั้งหมดในรูปแบบข้อมูลทั่วไป ข้อมูลส่วนเสริมที่เก็บไว้ในหินความทรงจำเหล่านี้ไม่มีคุณค่าพอจะเก็บไว้เป็นความลับ
หลัวเฟิงอาจเป็นเพียงแค่อัศวิน เขามีคุณสมบัติให้คำแนะนำแก่เจ้าแห่งจักรวาล อาจมีคุณสมบัติที่จะให้คำแนะนำแม้แต่กับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด
เหล่าเจ้าแห่งจักรวาลในมหาสมุทรจักรวาลเสมือนกับชายตาบอดที่ข้ามแม่น้ำ แม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการพัฒนา พวกเขานั้นยังคงเต็มไปด้วยความสับสน ประสบการณ์จากรุ่นก่อนหน้าพวกเขานั้นน้อยเกินไป ทำให้พวกเขาเรียนรู้มันตั้งแต่ต้น ไม่มีวิธีที่จะทำให้พวกเขาเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
———-
เวลาได้ผ่านไปในพริบตาถึง 2,600 ปีจากตอนที่หลัวเฟิงรับมรดก
ในจักรวาลเสมือน ในพื้นที่ส่วนตัวที่แยกออกมาของผู้สร้างขวานยักษ์
“หลัวเฟิงได้เป็นผู้สืบทอดนานแล้ว แต่หลังจากที่เขาส่งข้อความมา เขาก็เหมือนหายตัวไป”
ในท้องฟ้ามืดมิดท่ามกลางหมู่ดาวมีวังเทพลอยอยู่ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหลและผู้สร้างขวานยักษ์ได้นั่งหันหน้าเข้าหากัน
ด้านมิตรภาพของผู้นำเมืองและผู้สร้างขวานยักษ์มีความใกล้ชิดสนิดสนมกัน
ก่อนหน้านี้อาจารย์ต้นกำเนิดได้ให้คำแนะนำแก่ผู้นำเมืองและผู้สร้างขวานยักษ์
ผู้นำเมืองเป็นผู้ที่เชื่อฟังอย่างมาก เขาได้ติดตามการสั่งสอนของอาจารย์ต้นกำเนิดทุกครั้งเมื่อตอนที่อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ต้นกำเนิด เขาคือศิษย์ที่เก่าแก่
ขวานยักษ์นั้นแตกต่าง เขาเป็นตัวตนที่ป่าเถื่อน แนวทางของเขาไม่ใกล้กับใคร เขามักจะออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ต้นกำเนิดไม่ได้แบ่งปันความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าผู้นำเมืองและผู้สร้างขวานยักษ์คือศิษย์คนแรกๆ ของเขา ขวานยักษ์เป็นเหมือนพี่ใหญ่ โดยเฉพาะช่วงที่อาจารย์ต้นกำเนิดได้ถูกขังเอาไว้ ทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองคน เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นพวกเขาทั้งสองก็ได้สร้างความสัมพันธ์ที่มากยิ่งขึ้น พวกเขามักจะปรึกษาด้วยกัน
“ฮ่าฮ่า เจ้าเป็นห่วงศิษย์รักของเจ้าจริงๆ” ขวานยักษ์ส่งเสียงดัง
“ใช่ ข้าห่วงว่าอาจมีเหตุบางอย่าง” ผู้นำเมืองส่ายหัว
“ใครจะรู้อะไรเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณ ใครจะรู้เหตุจูงใจของสายน้ำวูดูวงได้”
“เจ้าไม่ถามหลัวเฟิงโดยตรง?” ขวานยักษ์กล่าว
“ข้ากลัวว่าจะไปขวางความก้าวหน้าในการรับมรดกของเขา” ผู้นำเมืองถอนหายใจเบาๆ
“เจ้ายังต้องกังวลเรื่องอะไร เขามีร่างที่ยิ่งใหญ่ที่น้อยคนจะเป็นไปได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขายอมรับมรดกจะไม่สามารถมีสติสักเล็กน้อยในจักรวาลเสมือน” ผู้สร้างขวานยักษ์ส่ายหัว
“ถ้าเจ้าเป็นกังวลให้ข้าจัดการเอง” ผู้สร้างขวานยักษ์นั้นไม่มีความกังวล เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาได้ส่งข้อความไปหาหลัวเฟิง
มันเร็วมาก…
หนึ่งร่างได้ปรากฏขึ้นมาด้านหน้าวังเทพด้วยความเงียบ ร่างนั้นคือหลัวเฟิงที่สวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย หลัวเฟิงที่มักจะสวมใส่ชุดเกราะสีเงินเป็นประจำ ทำให้เขามักจะมีความโน้มเอียงไปยังสีขาวและสีเงิน
“หลัว…” ผู้สร้างขวานยักษ์เปิดปากแต่ไม่มีการพูดใดๆ เขามีรอยย่นที่คิ้วหลังจากเฝ้าสังเกตหลัวเฟิง
ผู้นำเมืองที่มักจะคิดรอบคอบได้ตกใจเมื่อพบหลัวเฟิง
ทั้งคู่สามารถบอกได้เมื่อเห็น…หลัวเฟิงนั้นได้รับโอกาสที่มากเหลือ มันเปลี่ยนแปลงเนื้อแท้ในส่วนลึก เหมือนกับคนที่ต่อสู้บ่อยๆ จนกลายเป็นคนก้าวราว และคนที่เรียนรู้มากๆ กลายเป็นพวกคงแก่เรียน
ประสบการณ์ที่แตกต่างได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน หลัวเฟิงได้ซึมซับอารยธรรมโบราณทำให้มุมมองทั่วไป ความคิดเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้เหนือว่าเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เขาสามารถที่จะเป็นอาจารย์ให้กับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดทั้งหลาย แล้วใครบ้างจะให้คำแนะนำแก่เขาได้
“ดูเหมือนว่ามรดกนี้จะพิเศษ” ขวานยักษ์หันไปมองผู้นำเมืองและถอนหายใจ
“ในช่วงที่ข้าเห็น ข้าได้เห็นรู้สึกเหมือนได้พบกับอาจารย์ต้นกำเนิดในตอนแรก อาจารย์ต้นกำเนิดก็ชอบใส่ชุดคุลมสีขาวเช่นกัน”
“เขามีการแสดงออกที่คล้ายกัน” ผู้นำเมืองแสดงความเห็นพ้องพลางหัวเราะ
หลัวเฟิงเดินเข้ามาแล้วกล่าว “ผู้สร้างขวานยักษ์ อาจารย์ โปรดอย่างล้อข้าเล่น”
“มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างชัดเจน เจ้าได้รับมามากในเวลานี้” ขวานยักษ์กล่าว
“เจ้ารู้สึกอย่างไร มรดกครั้งนี้มีประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์เราในทางไหน เจ้ามีความมั่นใจที่จะทำให้เผ่าพันธุ์ของเราอยู่เหนือการกลับมาเกิดหรือไม่” ผู้นำเมืองเลิกล้อเล่น
หลัวเฟิงพยักหน้า “จากระดับอมตะจนไปถึงขีดจำกัดเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด ทุกอย่างอยู่ภายในใจของข้า”
ขวานยักษ์และผู้นำเมืองมองตากันเป็นประกาย