Skip to content

Swallowed Star 1319

ตอนที่ 1319 การมาของหลัวเฟิง

ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ด้านนอกเรือจักรวาล หอคอยเก้าชั้นพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับทิ้งเป็นแนวแสง

หลัวเฟิงที่อยู่ภายในหอคอยเก้าชั้นกำลังกวัดแกว่งดาบเงาเลือด เขามองไปยังเรือจักรวาลขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา

“จำเป็นต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ภายในดินแดนอันตรายที่สุดทั้งสามในมหาสมุทรจักรวาล ตอนนี้ไม่ใช่หลัวเฟิงคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ได้เป็นเจ้าแห่งจักรวาล ความแข็งแกร่งตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่หลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป” หลัวเฟิงกล่าว

———-

เจ้าแห่งจักรวาลจำนวนมากยังคงอยู่รอบๆ เรือจักรวาลกันเป็นเวลานาน พวกเขาส่วนใหญ่มีพื้นฐานพลังเพียง ระดับสาม หรือสี่

“นั่นมันสมบัติแท้จริงสูงสุด หอคอยดวงดาว”

“นั่นมันหอคอยดวงดาวจากจักรวาลดั้งเดิม ข้าได้ยินมาว่าจักรวาลดั้งเดิมได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ มันถูกแบ่งออกมาพันธมิตรร่วมและฝ่ายมนุษย์ ผู้นำทางช้างเผือกจากฝ่ายมนุษย์ได้นำหอคอยดวงดาวออกมาในช่วงสงครามครั้งสุดท้าย สถานการณ์ในจักรวาลดั้งเดิมตอนนี้กำลังมีเสถียรภาพ ผู้นำทางช้างเผือกจึงได้เอาหอคอยดวงดาวมายังเรือจักรวาล”

“หอคอยดวงดาวตั้งอยู่ภายในจักรวาลดั้งเดิมมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีใครทำให้มันยอมรับว่าเป็นเจ้านายได้ แล้วไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะตกอยู่ในมือของผู้นำทางช้างเผือก นอกจากนี้ผู้นำทางช้างเผือก็ยังเป็นผู้ได้รับมรดกสายน้ำวูดูวง”

“ผู้นำทางช้างเผือกนี้…จะโชคดีเกินไปแล้ว ทำไมข้าไม่โชคดีแบบนี้บ้าง”

หลัวเฟิงไม่มีความตั้งใจที่จะซ่อนหอคอยดวงดาวเวลาเดินทางมายังเรือจักรวาลเลยแม้แต่น้อย ด้วยสิ่งที่หลัวเฟิงทำ มันจึงดึงดูดผู้คนจำนวนมากที่ได้พบมัน

“รายงานท่านบรรพบุรุษ(ของเผ่าพันธุ์หนึ่ง) ผู้นำทางช้างเผือกของมนุษย์ได้นำหอคอยดวงดาวเข้าไปยังเรือจักรวาล”

“ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง หลัวเฟิงได้เข้าไปยังเรือสุสาน”

“ท่านบรรพบุรุษ ผู้นำทางช้างเผือกเพิ่งจะใช้หอคอยดวงดาวเข้าไปยังเรือจักรวาลเพียงคนเดียว”

———-

ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วมหาสมุทรจักรวาลอย่างรวดเร็ว มันเป็นเพียงข่าวเดียวที่ถูกกระจายไปอย่างทั่วถึงในมหาสมุทรจักรวาล ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะหลัวเฟิงเป็นผู้ได้รับมรดกสายน้ำวูดูวง เขาจึงเป็นเหมือนกับขุมทรัพย์เคลื่อนที่ในสายตาของกลุ่มอำนาจในมหาสมุทรจักรวาล มีใครบ้างที่ไม่อยากได้มรดกของหลัวเฟิง

แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาไม่สามารถทำให้ได้มรดกนั้นมาได้ เรือสุสานที่เคลื่อนที่ได้แม้กระทั่งถูกเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดล้อมรอบ ด้วยการโจมตีของเจ้าแห่งจักรวาลที่มีพลังตั้งแต่ระดับ 7-9 พลังของมันเหนือยิ่งกว่าอาจารย์ต้นกำเนิดจะต้านทาน แต่เรือสุสานมันก็ยังเคลื่อนที่ได้ตามปกติ การใช้พลังเพียงอย่างเดียวไม่มีทางที่จะแย่งมรดกไปจากหลัวเฟิงได้

แต่ว่าคราวนี้หลัวเฟิงเลือกจะใช้หอคอยดวงดาวเข้าไปในเรือจักรวาล พวกเขาจึงได้แต่สงสัยในความตั้งใจของเขา

ฝ่ายมนุษย์ที่กำลังมั่นคงได้นำหอคอยดวงดาวที่เป็นพลังสำคัญในการต่อสู้ มาสู่มหาสมุทรจักรวาลจริงรึ?

แล้วยังทำอย่างเปิดเผย?

“ดูเหมือนหลัวเฟิงจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของมนุษย์”

“เจ้าแห่งจักรวาลทุกคนในเผ่าพันธุ์ของข้าจะต้องฟังคำสั่งนี้ อย่างยั่วยุหลัวเฟิง จงรักษาระยะห่างของเจ้ากับเขา เมื่อพบเห็นจากระยะไกลก็ทำให้แน่ใจว่าหลบได้พ้นเส้นทางของเขา”

“ด้วยคำสั่งของข้า จะไม่มีเจ้าแห่งจักรวาลคนใดไปกระตุ้นหลัวเฟิง”

———-

หลัวเฟิงที่อยู่ในหอคอยดวงดาวไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปยั่วยุเขา หลัวเฟิงได้เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของเรือจักรวาล มันเป็นสถานที่ๆ เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดมักจะมารวมตัวกัน

กลุ่มอำนาจในมหาสมุทรจักรวาลในตอนนี้รู้เกี่ยวกับสมบัติแท้จริงสูงสุด(หอคอยดวงดาว) ของหลัวเฟิง

ผู้มีพลังตั้งแต่ระดับหกขึ้นไปสามารถที่จะต้านเทคนิคการดึงดูดของหอคอยดวงดาว เจ้าแห่งจักรวาลทั่วไปที่อยู่ห่างเพียงพอก็จะไม่เป็นปัญหา แต่เหมือนเข้าใกล้ก็จะถูกดูดทันที

หลัวเฟิงยังมีสมบัติที่ส่งผลกระทบกับอำนาจจิต มันส่งผลกระทบอำนาจจิต มีเพียงระดับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดเท่านั้นที่จะต้านมันเอาไว้ได้ ผู้ที่ไม่สามารถทนรับมันได้ก็จะต่อต้านอะไรต่อหน้าหลัวเฟิงไม่ได้เลย

สิ่งที่ทำให้เจ้าแห่งจักรวาลทั้งหมดกลัวหลัวเฟิงที่สุดคือสมบัติที่ส่งผลกระทบต่ออำนาจจิตของเขา

———-

เวลาผ่านไป ถึง 300 ปีนับตั้งแต่หลัวเฟิงเข้าไปยังเรือจักรวาล

แม้เวลาจะผ่านไป 300 ปี ความเร็วของหลัวเฟิงก็ยังไม่สามารถเกินขีดจำกัด 100 เท่าความเร็วแสงได้ เขาจำเป็นต้องใช้เวลา 700 ปีภายในห้องฝึกฝนถึงจะฝึกเทคนิคเร่งความเร็วสำเร็จ

ตอนที่จะเข้าไปที่เรือจักรวาล เจ้าแห่งจักรวาลหลายคนได้รวมตัวกันบริเวณที่พักด้านหน้าทางเข้าเรือจักรวาล

ในตอนแรกพวกเขากลัวหลัวเฟิงที่กำลังเริ่มสนุกกับการฆ่า หลัวเฟิงมีดวงตาเทพและหอคอยดวงดาว มันคือฝันร้ายสำหรับเจ้าแห่งจักรวาล หากพวกเขาพบกับหลัวเฟิงโดยบังเอิญก็ไม่มีทางมีเวลาหนี เจ้าแห่งจักรวาลบางคนฉลาดพอที่จะคิดจะเดินทางไปยังอีกทางหนึ่งแทน

แต่เมื่อหอคอยดวงดาวผ่านไปโดยไม่มีการโจมตี แรกๆ พวกเขารู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อเวลาได้ผ่านไปสามร้อยปี หลัวเฟิงที่ได้ผ่านเจ้าแห่งจักรวาลต่างๆ ก็ไม่ได้ทำการโจมตี ทำให้เจ้าแห่งจักรวาลส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจกับเรื่องนี้

หลัวเฟิงที่ยืนอยู่ในหอคอยดวงดาวมองไปยังเปลวไฟอันไม่สิ้นสุด “ข้าไม่ได้โง่ ถึงจะสามารถฆ่าและยึดเอาสมบัติจากเจ้าแห่งจักรวาลมาได้ แต่ข้าก็ไม่คิดจะสร้างศัตรูไปทั่วทุกที่”

ช่วงเวลาที่เจ้าแห่งจักรวาลรวมตัวกันโจมตีเรือสุสาน พวกเขาก็ทำการโจมตีกันเองเช่นกัน แม้ว่ามันจะไม่มีการสูญเสียหรือสร้างความบาดหมาง ทำให้สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่บางคนยังสามารถสร้างมิตรภาพที่ดีกับหลัวเฟิงได้

หากหลัวเฟิงทำการอาละวาดไล่ฆ่าเจ้าแห่งจักรวาลเผ่าพันธุ์อื่นไปทั่ว ความตายของเจ้าแห่งจักรวาลเหล่านั้นจะทำให้เกิดความเกลียดชังต่อหลัวเฟิงยิ่งขึ้น

เมื่อเขาทำการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อื่นก็ยังสามารถที่จะร่วมมือกับเผ่าพันธุ์อื่นเมื่อจำเป็นขึ้นมา แต่ศัตรูที่ถูกฆ่าก็ยังคงต้องแสดงความโกรธด้วยการฆ่าเจ้าแห่งจักรวาลของมนุษย์ มันย่อมไม่ดีที่เขาจะทำการสร้างศัตรูไปทุกที่ เพราะมันจะเป็นปัญหาให้กับเจ้าแห่งจักรวาลคนอื่นๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ยังคงอ่อนแอกว่า ไม่มีทางที่หลัวเฟิงจะยอมทำเรื่องอะไรโง่ๆ อย่างเด็ดขาด

“อยู่ภายนอกมานานกว่า 300 ปี และในพื้นที่ฝึกฝนเท่ากับ 300 ยุค การทำความเข้าใจหอคอยดวงดาวมาถึงขีดจำกัดแล้ว เทคนิคที่ใช้การเผาผลาญพลังเป็นสิ่งที่ยากมาก แต่สิ่งที่ได้รับจากหอคอยดวงดาวก็ถือว่าเกินพอ” หลัวเฟิงพูดกับตัวเอง

ก่อนสงคราม หลัวเฟิงสามารถที่จะเข้าใจการแกะสลักสามขั้นแรกเท่านั้น

สมบัติแท้จริงชั้นยอดทั่วไปจะมีการแกะ 3 ขั้น และสามารถที่จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 6

การแกะสลักขั้นที่ 4 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 7

การแกะสลักขั้นที่ 5 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 8

การแกะสลักขั้นที่ 6 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 9

การเข้าถึงการแกะสลักขั้นที่ 7 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 10

การจำแนกประเภทสมบัติมักจะถูกกำหนดด้วยวิธีนี้ แต่หอคอยดวงดาวนั้นแตกต่าง

สามชั้นแรกของหอคอยดวงดาวนั้นเท่ากับพลังต่อสู้ปกติของสมบัติแท้จริงชั้นยอด

ชั้นที่ 4 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 7

ชั้นที่ 5 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 8

ชั้นที่ 6 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 8

ชั้นที่ 7 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 9

ชั้นที่ 8 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 9

ชั้นที่ 9 จะเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับ 10

ตอนนี้หลัวเฟิงสามารถตรวจจับพลังงานแบบแผ่วเบาได้ในชั้นที่เก้า หลังจากนั้นก็ไม่สามารถที่จะตรวจจับได้อีก แต่ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ทำให้แน่ใจถึงความแข็งแกร่งอันลึกลับของมันได้ ตลอดช่วงเวลา 600 ยุค หลัวเฟิงสามารถที่จะทำความเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ในชั้นที่ห้า

จากความแข็งแกร่งของหอคอยดวงดาว มันสามารถที่จะบอกถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างของหอคอยดวงดาวกับสมบัติแท้จริงชั้นยอดอื่นๆ ขั้นที่ 4 ของหอคอยดวงดาวก็เป็นเหมือนกับสมบัติแท้ชั้นยอดจริงทั่วไป แต่ชั้นที่ 6 มันเทียบกับขั้นที่ 5 ของสมบัติแท้จริงชั้นยอดอื่นๆ

สิ่งแรกที่แตกต่างจากสมบัติแท้จริงชั้นยอดทั่วไปคือการเข้าถึงระดับพลังสูงสุด

ประการที่สองคือการแกะสลักแต่ละชั้นของหอคอยดวงดาวจะมีเพียงหนึ่งเทคนิคต่อสู้เท่านั้น

การที่หลัวเฟิงฝึกถึงชั้นที่ 4 และ 5 เท่ากับหลัวเฟิงได้ฝึกฝนเทคนิคที่แตกต่างกันสองแบบจนเชี่ยวชาญ ด้วยสิ่งนี้ทำให้หลัวเฟิงมีความสนใจในหอคอยดวงดาวอย่างมาก

“เมื่อแข็งแกร่งขึ้นก็จะสร้างเทคนิคดาบในระดับที่สูงขึ้นมาได้ เมื่อถึงเวลาก็จะสามารถที่จะเข้าใจชั้น 6 และ 7 ของหอคอยดวงดาว” หลัวเฟิงกล่าว

———-

หลัวเฟิงได้เดินทางอยู่ในเรือจักรวาลมานานกว่า 400 ปี

ภายในพื้นที่ชั้นในของเรือจักรวาล บึงวังวน

วังวนสีเขียวขนาดใหญ่ตรงรอยแยกเป็นแนวประการังสีแดงขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 ล้านกิโลเมตร ที่แนวประการังสีแดงมีเจ้าแห่งจักรวาลอยู่ 12 คนกำลังจ้องมองมายังระยะไกล

“ทุกครั้งที่สมบัติเกิดภายในวังวนนี้อย่างน้อยจะเป็นสมบัติระดับแท้จริงชั้นยอดเป็นอย่างต่ำ มันเป็นไปได้ทั้งประเภทพื้นที่ชั้นยอด หรือวัง”

12 เจ้าแห่งจักรวาลจากกลุ่มอำนาจที่แตกต่างกันกำลังยืนมองรออยู่เงียบๆ วังวนที่ถูกสร้างได้กวาดผ่านแม้แต่กาลอวกาศและเวลา แต่พายุที่อยู่รอบๆ ปะการังสีแดงนั้นจะมีพลังที่น้อยกว่า แต่มันก็ยังพอที่จะทำให้เจ้าแห่งจักรวาลยืนอยู่ที่นั่นด้วยความยากลำบาก

แสงสีทองได้ไหลผ่านมาด้วยความเร็วสูง

เจ้าแห่งจักรวาลที่อยู่ภายในแนวปะการังตกใจ

“มันเป็นช่วงอันตรายที่สุด ใครกันที่กล้าลอยอยู่เหนือเรา เขาไม่กลัวที่จะถูกดึงลงไปยังวังวนหรือ”

“นั่นมันหอคอยดวงดาว”

“หอคอยเก้าชั้นนั้น มันคือหอคอยดวงดาวของผู้นำทางช้างเผือก”

“ไม่แปลกที่เขากล้าตัดผ่านมันตรงๆ เพราะเขามีสมบัติแท้จริงชั้นยอด ถ้าข้ามีมันสักอันหนึ่งก็คงกล้าดิ่งตรงเข้าไปยังส่วนลึกของบึงวังวน”

เจ้าแห่งจักรวาลทุกคนได้แต่เฝ้ามองจากระยะไกลด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่ตั้งใจที่จะหนีหรือหลบซ่อนจากหลัวเฟิง ในช่วงแรกที่หลัวเฟิงเข้าไปยังเรือจักรวาล เจ้าแห่งจักรวาลต่างทำการหลบหนีเอาตัวรอด แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าหลัวเฟิงไม่มีพฤติกรรมรังแกผู้อ่อนแอ พวกเขาทั้งหมดยังไม่มีใครเคยได้ยินว่าหลัวเฟิงฆ่าใคร

“เอ๊ะ หอคอยดวงดาวกำลังเลี้ยว”

“มันกำลังบินมาหาเรา”

“เขากำลังเข้ามาหาเรา”

เจ้าแห่งจักรวาลทั้งหมดแสดงความตกใจขึ้นมา แล้วต่อมาพวกเขาก็เริ่มตื่นตระหนก

ถ้าผู้นำทางช้างเผือกไม่สนใจเกี่ยวกับพวกเขา ทำไมเขาจึงหันหัวมาทิศทางนี้

แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาคิดเช่นนี้มันก็ไม่มีเวลาให้พวกเขาหลบหนีอีกต่อไปแล้ว เนื่องด้วยพวกเขาทุกคนกำลังอยู่ใกล้กับวังวนมากเกินไป พวกเขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะบินขึ้นไปด้านบน

สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับมีหนามสีดำสามอันอยู่บนหน้าผากพูดขึ้นมา “ผู้นำทางช้างเผือก สมบัติแท้จริงกำลังเกิดขึ้นภายในบึงวังวน พวกเรายินดีมอบให้เจ้า”

เจ้าแห่งจักรวาลจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันกำลังเฝ้ามองดูอย่างคาดหวัง

หอคอยดวงดาวได้ลงมาจนอยู่แนวปะการัง

หนึ่งในประตูด้านหนึ่งของหอคอยดวงดาวได้เปิดขึ้น มีหนึ่งร่างค่อยๆ ออกมาจากหอคอยด้วยการบินที่ช้า เขาสวมชุดเกราะสีเงิน มีปีกสีเงินอยู่ด้านหลัง เขามองลงมายังรอบๆ

“เจ้าแห่งจักรวาลทั้ง 11 ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับข้าที่มายังที่นี่ แต่มันเป็นเพียงแค่เขาเท่านั้น”

หลัวเฟิงชี้ลงมาหนึ่งใน 12 เจ้าแห่งจักรวาล

เจ้าแห่งจักรวาล 11 คนเริ่มหันไปมองดูผู้โชคร้าย ดวงตาของเขามองไปยังยักษ์สายฟ้าที่มีลูกบอลสายฟ้าที่หน้าอก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวหลังจากนั้นก็มองขึ้นไปหาหลัวเฟิง ตอนนี้หน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!