Skip to content

A Will Eternal 172

บทที่ 172 ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าขอโทษ!

ค่ำคืนนี้ตลอดทั้งเมืองตงหลินมีการป้องกันอย่างหนาแน่น ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดล้วนเคลื่อนพล ขณะที่ทุกคนออกค้นหานักฆ่าอย่างเข้มงวด ป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยก็ออกไปจากเมืองตงหลินเรียบร้อยแล้ว

ตามคำบอกของตู้หลิงเฟย วาระการดำรงตำแหน่งของนางใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ต่อให้กลับสำนักก่อนกำหนดก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นนางจึงกลับสำนักไปพร้อมกับป๋ายเสี่ยวฉุน

ท้องฟ้ายามราตรีเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว พระจันทร์ลอยสูงเด่น ป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งด้วยกัน มองดวงดาวและพระจันทร์บนฟ้า แสงจันทร์สาดส่องลงมา ดวงหน้าตู้หลิงเฟยมองดูงดงามเป็นพิเศษ นางมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ฟังป๋ายเสี่ยวฉุนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาระหว่างที่คนทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากัน

“ตู้ตู้น้อย เจ้าไม่รู้อะไร คนชายฝั่งทิศใต้ถึงกับถือก้อนหินมาขว้างใส่ข้าเชียวนะ ทำเอาข้าเจ็บไปหมด…”

“งูพวกนั้นของหุบเขาหมื่นอสรพิษ ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย ข้าก็แค่อยากให้พวกมันน่ารักขึ้นมาบ้าง…”

“แล้วยังมีเจ้ากระต่ายสมควรตายนั่นอีก ตู้ตู้น้อย หากเจ้ากลับสำนักแล้วเห็นมัน ต้องมาบอกข้าด้วย!”

“พวกคนชายฝั่งทิศเหนือรังแกกันมากเกินไป นึกถึงตอนแรกที่ข้าไปอยู่ชายฝั่งทิศเหนือคนเดียวลำบากยากแค้น ใครก็ไม่กล้าล่วงเกิน เจียมเนื้อเจียมตัว ทว่าพวกเขากลับยังไม่ยอมปล่อยข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเล่าเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นในสำนักธาราเทพ ตู้หลิงเฟยซึ่งนั่งอยู่ข้างกันบ้างครั้งก็ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน บางครั้งก็ปิดปากหัวเราะ นัยน์ตาเผยแววเลื่อมใสและตกตะลึงอย่างพอดี ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคุยจ้อติดลม

เพียงแต่ชื่อตู้ตู้น้อยนี้ ตู้หลิงเฟยคัดค้านอย่างไรก็ไร้ผล ยิ่งนางค้านเท่าไหร่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเรียกเท่านั้น

“ตู้ตู้น้อย ตู้ตู้น้อย ตู้ตู้น้อย…”

ตู้หลิงเฟยเอามือตบหน้าผากเบาๆ ถอนหายใจอย่างจนใจ

จนกระทั่งถึงกลางดึก คนทั้งสองเจอถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขา ในถ้ำแห่งนี้ ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังนั่งสมาธิ อยู่ๆ ก็มีลมพัดมาเบาๆ ที่น่าแปลกก็คือลมโชยนี้พัดให้เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยปลิวสะบัด ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสัมผัสถึงมันไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ตู้หลิงเฟยลืมตา มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ข้างกาย เงียบงันไปนาน นัยน์ตาเผยความซับซ้อนและโศกเศร้า เมื่อเดินออกมาจากถ้ำ นางเงยหน้ามองดวงตะวันที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า สายลมพัดเส้นผมของนางปลิวไสว ตู้หลิงเฟยยกมือขวาขึ้นคิดจะเอาผมทัดหูตามความเคยชิน

ทว่าวินาทีที่มือของนางสัมผัสกับเส้นผม เส้นผมนั้นกลับลอยผ่านทะลุนิ้วมือของนางไป ตู้หลิงเฟยมองนิ้วชี้ที่กำลังพร่าเลือนเงียบๆ ความซับซ้อนในดวงตาของนางยิ่งมากขึ้น ออกแรงกำหมัดแน่น หลังจากที่อาการพร่าเลือนหายไป นางกอบกุมเส้นผมเอาไว้ พูดเสียงเบา

“เวลา เหลือไม่มากแล้ว…”

เนิ่นนาน ตู้หลิงเฟยกลับเข้าไปในถ้ำด้วยความกลัดกลุ้มและเศร้าซึม มองนิ่งไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุน นั่งลงข้างกายอย่างว่าง่าย เอนตัวพิงซบไหล่ของเขา หลับตาลง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ

เวลาผันผ่าน พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสามวัน สามวันมานี้ถือว่าไม่สลักสำคัญอะไรสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน เขาจินตนาการภาพที่ตัวเองกลับไปถึงสำนัก ด้วยการสร้างฐานรากวิถีฟ้าของตน ต้องเป็นที่จับตามองของคนนับหมื่นอย่างแน่นอน ทุกครั้งที่นึกถึงเขาก็จะฮึกเหิมถึงที่สุด อยากจะรีบกลับไปให้ถึงเสียเดี๋ยวนี้

ส่วนตู้หลิงเฟยกลับอยากให้การเดินทางครั้งนี้ช้าลงอีกหน่อย ทว่ามองเห็นความตื่นเต้นของป๋ายเสี่ยวฉุน นางก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ไม่เอ่ยอะไร สามวันต่อมา ภายใต้การช่วยเหลือจากตบะสร้างฐานรากของป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขาจึงเข้าใกล้สำนักธาราเทพมากขึ้นทุกที

กลางดึกของคืนวันที่สาม ขณะที่ห่างจากสำนักธาราเทพอีกเพียงแค่วันเดียว ตู้หลิงเฟยเสนอให้หยุดพัก ทั้งสองคนเจอถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขา เมื่ออยู่ในถ้ำ ป๋ายเสี่ยวฉุนเล่าเรื่องอันตรายที่ตัวเองเจอในโลกกระบี่อุกกาบาต พูดไปพูดมาเขารู้สึกง่วงเล็กน้อย ไม่ทันรู้ตัวก็หลับสนิทลงไปแล้ว

รอบด้านเงียบสงัด มีเพียงกองไฟที่ลุกโชนส่งเสียงเผาไหม้ดังเปรี๊ยะปร๊ะ แสงไฟทำให้ถ้ำแห่งนี้เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท เงียบอย่างมาก

ตู้หลิงเฟยจ้องมองกองไฟ เนิ่นนาน นางถึงหันหน้าไปจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลับสนิท นัยน์ตาเผยความอ่อนโยน และยิ่งมากด้วยการย้อนนึกความทรงจำ ไม่ได้สนใจร่างกายที่เริ่มพร่าเลือน

ครู่ใหญ่ ตู้หลิงเฟยถอนหายใจเบา หลังจากมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยดวงตาล้ำลึกหนึ่งครั้งก็ลุกขึ้นยืนด้วยร่างที่สั่นเทา หันกลับไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง มองเขาที่แม้หลับสนิทมุมปากก็ยังยกยิ้ม คล้ายกำลังฝันดี

นางเดินไปหยุดอยู่ข้างกายเขา จุมพิตลงไปบนริมฝีปากของเขาเบาๆ เมื่อหันตัวกลับอีกครั้งสีหน้าก็แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว เดินออกไปจากถ้ำ

ชั่วขณะที่นางก้าวออกมาจากถ้ำนั้นเอง ความว่างเปล่านอกถ้ำบิดเบือน เงาร่างมายาเก้าร่างปรากฏขึ้น ร่างมายาทั้งเก้านี้ไม่ว่าจะเป็นร่างใดก็ตามล้วนลึกลับเกินคาดเดา น่าพิศวงเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าตอนปรากฏตัวยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของความว่างเปล่าอีกด้วย

ทว่าเวลานี้เอง เงามายาลึกลับพิศวงทั้งเก้านี้กลับประสานมือโค้งตัวต่ำให้ตู้หลิงเฟย เคารพนบนอบอย่างถึงที่สุด ไม่ต่างไปจากข้ารับใช้

“คุณหนู งานที่ท่านมอบหมายให้ทำสำเร็จแล้ว ทั้งหมดสิบเอ็ดคน ล้วนอยู่ในนี้ทั้งหมด” เงาดำหนึ่งในนั้นน้ำเสียงแหบแห้ง ราวกับออกมาจากกาลเวลาอันไกลโพ้น เมื่อโบกมือ ข้างกายพลันมีหัวกะโหลกสิบเอ็ดหัวปรากฏขึ้น หัวกะโหลกทั้งสิบเอ็ดหัวนี้ ทุกใบหน้าล้วนเผยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คล้ายว่าช่วงเวลาก่อนตายได้มองเห็นภาพที่เหลือเชื่อมากที่สุด

พวกเขาก็คือสายลับทั้งหมดซึ่งมีที่ไปที่มาไม่แน่ชัดในเมืองตงหลินแห่งนี้ และต่างก็เป็นผู้ที่ได้รับภารกิจให้สังหารป๋ายเสี่ยวฉุน

ตู้หลิงเฟยไม่ได้สนใจกะโหลกศีรษะรวมไปถึงเงาร่างมายาทั้งเก้ารอบกายตน นางหมุนตัว มองนิ่งไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลับลึกอยู่ในถ้ำ เนิ่นนาน นางพึมพำแผ่วเบา

“ทุกเรื่องราวที่ข้าอยู่ในสำนักธาราเทพล้วนจอมปลอม มีเพียงอุบัติเหตุที่เทือกเขาลั่วเฉินเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง”

“ข้าทำภารกิจสำเร็จแล้ว ทว่ากลับไม่มีความสุข มีเพียงความรู้สึกผิดและเสียใจต่อเจ้า…ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าขอโทษ” ขณะที่พึมพำ ดวงตาของตู้หลิงเฟยมีน้ำตาไหลรินลงมา ทว่าตอนที่น้ำตานี้กลิ้งลงมาบนซีกแก้ม มันกลับกลายเป็นผุยผงและสลายหายไป

“คุณหนู ร่างมนุษย์ที่ท่านบุรพาจารย์สร้างขึ้นให้ท่านนี้ ไม่สามารถรักษาไว้ได้นานเกินไปนัก จึงส่งพวกข้ามารับท่านกลับไป ท่านจะเลือกกลับไปเลยหรือไม่?” ข้างกายตู้หลิงเฟย บรรดาเงามายาลึกลับทั้งเก้า เงาร่างที่อยู่ตรงกลางเอ่ยปากด้วยความเคารพยำเกรง น้ำเสียงล่องลอยไม่แน่นอน ทำให้รอบด้านบิดเบือน

ตู้หลิงเฟยเงียบงัน มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลับลึกอีกครั้ง นางพยักหน้าเบาๆ นัยน์ตาฉายแววเหนื่อยล้า พอหมุนตัว ร่างก็ค่อยๆ สลายหายไป สุดท้ายกลายเป็นกลุ่มควันสีเขียว หายไปพร้อมกับเงามายาทั้งเก้านั้น…

เช้าตรู่วันต่อมา เมื่อแสงอรุณตกกระทบลงบนพื้นดิน สาดส่องเข้ามาในถ้ำ ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง

“ตู้ตู้น้อย ข้าหิวน้ำ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหาวหวอด ในใจให้แปลกใจ นับแต่ที่ตนบำเพ็ญตบะมา น้อยครั้งนักที่เขาจะนอนหลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนอนหลับยาวอย่างครั้งนี้เลย เวลานี้พอขยี้ดวงตาเสร็จเขาก็ลุกขึ้นมองหาตู้หลิงเฟย

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้คิดมาก เดินออกมานอกถ้ำ ยืนรับแสงอาทิตย์แล้วบิดขี้เกียจ

“ต้องเป็นเพราะช่วงนี้เหนื่อยเกินไปแน่ๆ ถึงได้หลับสนิทซะได้ แต่นอนหลับคราวนี้ดีจริงๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกแค่ว่าพละกำลังเต็มเปี่ยม ตลอดทั้งในและนอกร่างล้วนแผ่พลังชีวิตไร้ที่สิ้นสุดออกมา และมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นในร่างของเขายามนี้ก็กลายเป็นสีทองอย่างสมบูรณ์แบบ เกาะตัวกันเป็นฐานรากวิถีฟ้า

ปราณของเขาไม่ถูกระงับไว้อีกต่อไป แต่สามารถเก็บและปล่อยออกมาได้ดั่งใจคิด พลังวิญญาณในร่างกว้างใหญ่ไพศาล ทุกครั้งที่หายใจคล้ายจะได้ยินเสียงคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากในร่าง

ความรู้สึกเช่นนั้น ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยสบายเช่นนี้มานานมากแล้ว เขาถือโอกาสนั่งลงทำสมาธิเสียตรงนั้น ทำความคุ้นเคยกับปราณชีพจรฟ้าที่แฝงอยู่ในสร้างฐานรากวิถีฟ้าในร่างกาย ขณะเดียวกันก็รอตู้หลิงเฟยไปด้วย

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ตู้หลิงเฟยก็ยังไม่กลับมา เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาขึ้น ในใจก็เริ่มร้อนรนเล็กน้อย

“ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก?” ป๋ายเสี่ยวฉุนหยิบแผ่นหยกออกมาด้วยความลังเล ส่งข้อความเสียงไปให้ตู้หลิงเฟย แต่ทุกอย่างกลับเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา

“ไม่ถูกสิ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลุกขึ้นยืนทันที เริ่มตามหาไปรอบด้าน จนกระทั่งถึงช่วงสนธยา เขาตามหาไปทั่วทุกที่แล้วกลับไม่พบเบาะแสใด…ตู้หลิงเฟย ราวกับหายตัวไป…อย่างไร้ร่องรอย!

ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งร้อนรน ในใจกระวนกระวายไม่เป็นสุข ขณะเดียวกันก็รู้สึกสังหรณ์ร้ายบางอย่าง หน้าเขาซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เริ่มตามหาอีกครั้ง

“ตู้ตู้น้อย เจ้าอยู่ที่ไหน!”

“ตู้หลิงเฟย เจ้าไปไหน!!”

“ตู้หลิงเฟย…” การตามหาของป๋ายเสี่ยวฉุนติดต่อกันสี่วันเต็ม สี่วันมานี้เขาตามหาไปทั่วทุกขอบเขต หาจนกระทั่งตัวเองผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ทรุดโทรมอย่างถึงที่สุด ถึงกระนั้นก็ยังหาตู้หลิงเฟยไม่พบ

“ตู้ตู้น้อย ข้าทำอะไรผิดหรือ เจ้าอย่าหลบหน้าข้าอย่างนี้ บอกข้ามาเถอะ!”

“ตู้หลิงเฟย เจ้าออกมานะ!”

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!” ป๋ายเสี่ยวคลุ้มคลั่ง ลมหายใจของเขาถี่กระชั้น สุดท้ายกลับไปยังถ้ำที่อยู่กับตู้หลิงเฟย ค้นหาอยู่ที่นั่นอย่างละเอียด ทว่ากลับยังคงไม่พบอะไร

ไม่รู้ว่าทำไมใจของเขาถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกฉีกกระชาก เหลือเพียงความว่างเปล่าโหวงเหวง ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่เคยมีมาก่อน เขากุมหน้าอกของตัวเอง หน้าขาวเผือด ย้อนค้นความทรงจำอย่างละเอียด นึกถึงการที่ตัวหลับลึกอย่างไร้สาเหตุ ใจของเขาก็ค่อยๆ หนักอึ้ง นัยน์ตาเคว้งคว้าง

เนื่องจากป๋ายเสี่ยวฉุนกลับช้าเกินเวลาไปมาก ทำให้สำนักถึงกับส่งคนออกมารับ โหวอวิ๋ยเฟยเป็นคนนำขบวน และยังมีลูกศิษย์ชายฝั่งเหนือใต้ หรือแม้แต่หลี่ชิงโหวก็ยังมาด้วยตัวเอง

เมื่อพวกเขาหาป๋ายเสี่ยวฉุนเจอ สิ่งที่พวกเขามองเห็นก็คือร่างที่ดวงตาแดงก่ำ นั่งอยู่นอกถ้ำ สีหน้าอิดโรย ผอมซูบลงไปหนึ่งรอบตัว เหม่อลอยราวกับคนสติไม่สมประกอบ

“เสี่ยวฉุน เจ้าเป็นอะไรไป?” นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ชิงโหวเห็นท่าทางเช่นนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาสงสารและเป็นกังวล รีบรุดหน้าเข้าไปถาม

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น นัยน์ตายังคงเลื่อนลอย หันหน้าไปมองหลี่ชิงโหว พึมพำเสียงผะแผ่ว

“ท่านอาหลี่ ตู้หลิงเฟย…หายไปแล้ว”

—————————————————–

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!