Skip to content

A Will Eternal 176

บทที่ 176 วิชาสืบทอดเดียวที่ซุกซ่อนอยู่!

และชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนบีบแผ่นหยกในกำมือหนึ่งครั้ง พลังวิญญาณหลอมรวมเข้าไป ทันใดนั้นปากถ้ำทั้งร้อยแห่งนี้พลัน…ระเบิดแสงพร่างพราวออกมาทั้งหมด

แสงเหล่านี้จ้าบาดตา ทั้งยังมีเสียงดังสนั่นกึกก้อง ปากถ้ำนับร้อยเป็นดั่งจุดกำเนิดแห่งแสง พริบตาเดียวก็ส่องให้ที่แห่งนี้สว่างจ้าขาวโพลน

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งตะลึง โจวซินฉีที่อยู่ด้านข้างก็ยิ่งตาค้าง สำลักลมหายใจ เผยสีหน้าเหลือเชื่อและยิ่งมากด้วยความตะลึงพรึงเพริด

“นี่…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!!” โจวซินฉีร้องอุทานเสียงหลง

ปากถ้ำร้อยแห่ง เป็นตัวแทนของวิชาสืบทอดหนึ่งร้อยวิชา บัดนี้วิชาสืบทอดทั้งหมดได้เปิดประตูออกกว้างเพื่อต้อนรับป๋ายเสี่ยวฉุน นี่หมายความว่าขอแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนยินดี ไม่ว่าจะเป็นวิชาสืบทอดของถ้ำใด เขาก็ล้วนเลือกเอาไปได้ทั้งสิ้น

ภาพนี้น่าตะลึงเกินไป โจวซินฉีมองเซ่อไปทันที ก่อนหน้านี้ตอนที่นางมามีเพียงปากถ้ำเดียวเท่านั้นที่เปล่งแสง ต่อให้เป็นกุ่ยหยาที่สร้างความฮือฮาไปทั้งสำนัก ก็ยังมีปากถ้ำแค่ยี่สิบกว่าแห่งเท่านั้นที่ส่องแสง

ทว่าตอนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ให้เกิดขึ้น…

และที่ยิ่งทำให้โจวซินฉีแตกตื่นมากกว่าเดิมก็คือนางสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า ปากถ้ำนับร้อยนี้แค่เปล่งแสงอย่างเดียวก็ยังพอว่า แต่นี่ถึงกับแย่งกันแผ่พลังดึงดูดออกมา คล้ายต้องการดึงรั้งให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปด้านใน

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้สมองของโจวซินฉีเกิดเสียงดังอึงอล นางเหม่อมองภาพทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าถ้ำวิชาสืบทอดนับร้อยเบื้องหน้า ยามนี้ได้กลายมาเป็นสัตว์ประหลาดร้อยตน แก่งแย่งชิงดีกันเพื่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกตัวเอง…

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็มองเซ่อไปเหมือนกัน เวลาเดียวกันบนเขาจ้งเต้า ผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกคนที่สัมผัสได้ถึงภาพนี้ต่างพากันตื่นตะลึง แม้แต่บุรพาจารย์หลายท่านของสำนักธาราเทพก็ยังสัมผัสได้ ทุกคนเบิกตากว้างกันหมด

“ต่อให้เป็นสร้างฐานรากวิถีฟ้าคนก่อนก็ยังไม่ถึงขนาดนี้เลย…”

“สามารถทำให้วิชาสืบทอดทั้งหมดเป็นเช่นนี้ได้ อธิบายได้อย่างเดียวว่า แก่นแท้รวมลมปราณของป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในขั้นที่เรียกว่าลึกล้ำจนมิอาจคาดคิดแล้ว!”

และยามนี้เอง บนเขาจ้งเต้ามีลำแสงนับร้อยลำระเบิดพุ่งทะยานขึ้นไปบนชั้นเมฆ สร้างความฮือฮาให้กับลูกศิษย์ทุกคน พวกเขาไม่รู้สึกแปลกใจกับภาพนี้ เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อนก็เคยปรากฏเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนั้นมีลำแสงเพียงยี่สิบกว่าลำเท่านั้น ภายหลังจึงมีเรื่องเล่าต่อกันไปว่ากุ่ยหยาถูกวิชาสืบทอดยี่สิบกว่าวิชาเลือกพร้อมกัน

ทว่าตอนนี้กลับมีลำแสงมากถึงร้อยลำ ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักธาราเทพอ้าปากค้างกันหมด

กุ่ยหยาที่กำลังนั่งทำสมาธิร่างพลันสั่นเยือกขึ้นมา เงยหน้ามองท้องฟ้าเงียบๆ เขาไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ป๋ายเสี่ยวฉุน…”

ซ่างกวานเทียนโย่ว เป่ยหันเลี่ย หลู่เทียนเหล่ย ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทุกคนสะดุ้งสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณ

และตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในเขตต้องห้ามก็กำลังกลืนน้ำลายเอื้อก กะพริบตาปริบๆ หัวใจเต้นโครมคราม พลันมองเห็นท่าทางยืนอึ้งเหมือนไก่ไม้ของโจวซินฉี เขาจึงรีบเชิดหน้าขึ้น สะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ พึมพำอย่างกลัดกลุ้ม

“เฮ้อ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงแค่ดีดนิ้ว วิชาสืบทอดนับร้อยของเขตต้องห้ามต่างก็พากันเปิดอ้าให้แก่ข้า ข้านี่ช่างล้ำเลิศยิ่งนัก ปวดหัวจริงๆ เล้ย”

แม้ว่าเขาจะพึมพำ ทว่าเสียงนี้ก็ดังพอที่จะทำให้โจวซินฉีได้ยิน โจวซินฉีหน้ามืดทะมึน ความรู้สึกในใจตีกันยุ่งเหยิง

ทันใดนั้นตรงกลางของปากถ้ำร้อยแห่ง จุดที่เดิมทีดูไม่เหมือนเป็นปากถ้ำพลันปริแตกออกมาเป็นช่องโหว่หนึ่งช่อง และอยู่ๆ ก็ระเบิดแสงจัดจ้ารุนแรงยิ่งกว่าใคร ราวกับกลายร่างเป็นแสงอาทิตย์ พริบตาเดียวก็ข่มแสงจากปากถ้ำรอบด้านทั้งหมดลงไปได้

หลังจากการข่มขวัญ ทำให้ปากถ้ำแห่งนี้กลายมาเป็นจุดที่สะดุดตาที่สุดท่ามกลางปากถ้ำสืบทอดร้อยแห่ง เห็นได้ชัดว่าวิชาสืบทอดที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้ทั้งแข็งแกร่งและเหี้ยมหาญ!

อีกทั้งแรงดึงดูดยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าปกคลุมไปทั่วกายป๋ายเสี่ยวฉุน ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของป๋ายเสี่ยวฉุน พริบตาเดียวร่างของเขาก็ถูกกระชากเข้าไปในปากถ้ำทันที

จนกระทั่งร่างของเขาหายไป ปากถ้ำที่เหลือคล้ายจะไม่พอใจ เปล่งแสงกะพริบวาบรุนแรงอยู่หลายครั้ง สุดท้ายจำต้องยอมแพ้อย่างจนใจ ค่อยๆ นิ่งสงบลง

ในฐานะที่เป็นพยานเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้ โจวซินฉีไม่รู้ว่าตัวเองจากมาอย่างไร นางรู้แค่ว่าท่าทางร้อนรนทนรอไม่ไหวที่ถ้ำวิชาสืบทอดเหล่านั้นเผยออกมา ทำให้ความคิดของนางพลิกคว่ำคะมำหงาย และปากถ้ำที่ปรากฏออกมาท้ายสุดนั่นก็คล้ายจะ…ไม่ได้รวมอยู่ในปากถ้ำร้อยแห่งนี้

และวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกปากถ้ำวิชาสืบทอดซึ่งเต็มไปด้วยความเหี้ยมหาญและความแข็งแกร่งดูดตัวเข้าไปนั้นเอง บนเขาทั้งเก้าแห่งของสำนักธาราเทพ บุรพาจารย์ห้าท่านล้วนจิตใจสะท้านไหว

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็จับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้ว ถึงขั้นที่ว่าต่อให้ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นพวกเขาก็ยังจับตามองอยู่เช่นเคย เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ พวกเขาจะกวาดพลังจิตลงไปชี้แนะให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกวิชาสำหรับฝึกฝน

เพราะเขาเป็นถึงสร้างฐานรากวิถีฟ้า สำนักธาราเทพจึงให้ความสำคัญอย่างถึงที่สุด

ทว่าหลังจากที่ปากถ้ำซึ่งเดิมทีไม่รวมเป็นหนึ่งในถ้ำร้อยแห่งปรากฏขึ้นแล้วดึงดูดป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไป พลังจิตของพวกเขาทั้งห้าคนจึงเกิดคลื่นเคลื่อนไหว

“นั่นคือ…”

“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้มีวาสนาถึงเพียงนี้เชียวรึ!!”

“วิชาสืบทอดนั้น…ไม่ได้เปิดออกมานานมากเหลือเกินแล้ว มันคือวิชาสืบทอดเพียงวิชาเดียว…ที่ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางวิชานับร้อย!”

ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจกันอยู่นั้น ในเขตต้องห้ามบนเขาจ้งเต้า ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกพลังดึงดูดรุนแรงกระชากเข้าไปอยู่ในห้องหินแห่งหนึ่ง

ห้องหินแห่งนี้เดิมทีมืดสนิท แต่ชั่วขณะที่เขาปรากฏตัว รอบด้านก็พลันสว่างไสวขึ้นมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งตะลึงและสงสัย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เขาไม่ทันจะได้เลือกก็ถูกวิชาสืบทอดเลือกตัวเองเสียก่อน เวลานี้จึงรีบมองไปรอบด้าน

ห้องหินไม่ใหญ่นัก มีแค่ตรงกลางเท่านั้นที่วาง…ตำราหินเล่มหนึ่งเอาไว้!

“หืม?” ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินเข้าไปหา วินาทีที่สายตาตกลงไปบนตำราหินเล่มนั้นก็ถูกตัวอักษรขนาดใหญ่บนนั้นดึงดูดสายตาเอาไว้ทันที

“คาถาลมปราณม่วงทงเทียน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง รู้สึกว่าชื่อนี้ช่างห้าวหาญยิ่งนัก เพียงแค่ชื่อก็สามารถจินตนาการได้ว่าต้องไม่ธรรมดา

“ชายฝั่งทิศใต้มีลมปราณม่วงควบคุมกระถาง ชายฝั่งทิศเหนือมีวิชาควบคุมสัตว์ทงเทียน ตอนนี้มีวิชาลมปราณม่วงทงเทียน หรือว่านี่คือวิชาสมบูรณ์แบบของสองวิชาใหญ่…แห่งสำนักธาราเทพ?”

“ใช้น้ำจากแม่น้ำทงเทียนมาฝึกบำเพ็ญตบะ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนอ่านต่อ ไม่นานก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก หน้าแรกของตำราหินแนะนำไว้เพียงเค้าโครงทั่วไป ทว่าต่อให้เป็นเพียงแค่เค้าโครงก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพรั่นพรึงได้

คาถาลมปราณม่วงทงเทียนนี้รับเอาน้ำจากแม่น้ำทงเทียนมาหล่อเลี้ยงอยู่ภายในร่างกาย ทำให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แบ่งออกเป็นสี่ชั้น ซึ่งทั้งสี่ชั้นสอดคล้องกับสร้างฐานรากขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นท้าย รวมไปถึงขอบเขตของขั้นรวมโอสถ!

และการฝึกคาถาลมปราณม่วงทงเทียนนี้ยังสามารถรวบรวมออกมาเป็นวิชาอภินิหารอย่างหนึ่ง อันมีชื่อว่าเนตรทงเทียน!

เป็นพลังควบคุมเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากขอบเขตของรวมลมปราณโดยสิ้นเชิง รวมลมปราณใช้ปราณมาควบคุม สร้างฐานรากใช้ดวงตา ที่ใดที่ดวงตากวาดผ่าน สรรพสิ่งล้วนถูกควบคุม!

ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบอ่านอย่างละเอียดทันที ไม่นานตำราหินเล่มนี้ก็เริ่มพร่าเลือน มีอักขระสี่ตัวปรากฏออกมา ในอักขระแต่ละตัวล้วนแฝงเร้นไว้ด้วยข้อมูลไร้ที่สิ้นสุด ป๋ายเสี่ยวฉุนอ่านไปทีละตัว สีหน้ายิ่งตะลึงพรึงเพริดมากขึ้นเรื่อยๆ

“ใช้แม่น้ำทงเทียนมาฝึก เมื่อฝึกขั้นที่หนึ่งจะกลั่นหลอมออกมาเป็นหนึ่งหยด ขั้นที่สองคือหนึ่งจอก ขั้นที่สามคือหินหนึ่งก้อน ขั้นที่สี่จะกลายเป็น…กระถางหนึ่งใบ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนปากคอแห้งผาก เจิ้งหย่วนตงเคยเล่าให้เขาฟังมาก่อนแล้วว่าโลกใบนี้ล้วนโอบล้อมด้วยแม่น้ำและมหาสมุทรทงเทียน ซึ่งนั่นก็คือจุดกำเนิดของพลังวิญญาณ

และคาถาลมปราณม่วงทงเทียนนี้กลับร้ายกาจยิ่งนัก ถึงขั้นดูดรับเอาแม่น้ำทงเทียนมาโดยตรง…

ยังดีที่เป็นแค่วิชาของสร้างฐานรากเท่านั้น หากยังมีต่อออกไปอีก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าสุดท้ายแล้วนักพรตที่ฝึกฝนวิชานี้จะแข็งแกร่งได้ถึงระดับไหน

ในสมองของเขามีภาพหนึ่งลอยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ภาพที่ตัวเองโบกมือ แล้วหนึ่งในแม่น้ำตอนกลางสายใหญ่สี่สาย ถูกตัวเองดูดเอามาทีเดียวจนแห้งเหือด…

ภาพนี้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นว่าตนเองลอยอยู่กลางอากาศเหนือมหาสมุทรทงเทียน สูดเพียงครั้งเดียว ตลอดทั้งมหาสมุทรทงเทียน…ก็กลายมาเป็นมหาสมุทรวิญญาณของตนเอง

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น หอบหายใจหนัก โดยเฉพาะเนตรทงเทียนซึ่งเป็นเวทอภินิหารที่เกิดจากวิชานี้ สายตากวาดผ่าน ทุกอย่างถูกควบคุม ก็ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าเสาะแสวงหา…อย่างมหาเวทควบคุมคนหรอกหรือ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเล็กน้อย นัยน์ตาโชนแสงดุเดือด ต่อให้วิชานี้จะไม่มีให้ฝึกต่อเมื่อพ้นจากสร้างฐานรากไป แต่เขาก็ตัดสินใจได้ทันทีเลยว่า ตนจะฝึกคาถา…ลมปราณม่วงทงเทียนนี่แหละ!

เวลาผ่านไป ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมกินลืมนอน ศึกษาคาถาลมปราณม่วงทงเทียนอยู่ในห้องหินแห่งนี้ต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ถึงแม้เขาจะฝึกไม่สำเร็จ ทว่ากลับจดจำวิชานี้ไว้ในสมองอย่างแม่นยำ จากนั้นถึงได้จากไปอย่างอาลัยอาวรณ์

“คิดจะฝึกวิชานี้ ก่อนอื่นต้องใช้แม่น้ำทงเทียนก่อน…หนึ่งหยด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน บีบแผ่นหยกซึ่งเป็นวัตถุยืนยันออกไปจากห้องหิน มาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่เบื้องหน้าปากถ้ำนับร้อย สะบัดร่างหนึ่งครั้งก็ออกไปจากที่แห่งนี้

เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าหลังจากที่เขาจากไปแล้ว มีพลังจิตหลายเส้นกวาดมองมา แฝงไปด้วยความตื่นตะลึงและคาดหวัง

หลายวันต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนใช้เวลาทั้งหมดนั่งทำสมาธิอยู่ริมฝั่งแม่น้ำทงเทียน มองแม่น้ำสีทองด้านหน้าที่ไหลเชี่ยวกราก ส่งเสียงดังครั่นครืนผ่านไป เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณมากมหาศาลในแม่น้ำแห่งนี้ สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมาเป็นระลอก มือขวาทั้งคู่ของเขาทำมุทรา ทดลองดูดเอาแม่น้ำหนึ่งหยดมาอย่างต่อเนื่อง

ทว่ากลับล้มเหลวทุกครั้ง แม่น้ำนี้ผสมกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว หากไม่มีวิธีการพิเศษก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันได้ อีกทั้งเห็นได้ชัดว่ามันมีพลังน่าตกตะลึง หากสัมผัสโดนร่างกาย เนื้อหนังก็จะหลอมละลายทันที

จนกระทั่งผ่านไปอีกหลายวัน หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงทำไม่สำเร็จ เขาลังเลอยู่ครู่ใหญ่จึงไปหาศิษย์พี่เจ้าสำนัก ตอนที่กลับมาในมือมีขวดหยกพิเศษหนึ่งขวด ในขวดหยกนี้มีแม่น้ำทงเทียนอยู่หนึ่งหยด เป็นของรางวัลที่บุรพาจารย์ในสำนักหลายคนจะดูดซับออกมาทุกๆ ระยะหนึ่ง เพื่อมอบให้กับนักพรตสร้างฐานรากใช้ฝึกตน

และป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้รู้มาจากศิษย์พี่เจ้าสำนักอีกว่าการใช้แม่น้ำทงเทียนมาฝึกบำเพ็ญตบะคือกุญแจสำคัญดอกแรกของสร้างฐานราก ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ในความเป็นจริงแล้ว ทุกวิชาสืบทอดเมื่ออยู่ขั้นสร้างฐานรากก็ล้วนเกี่ยวข้องกับการใช้น้ำจากแม่น้ำทงเทียนทั้งสิ้น

วิชาสืบทอดอื่นๆ ของสำนักธาราเทพค่อนข้างผสมผสาน ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับทั้งสัตว์ กระบี่ หลอมพลังจิต สำนักธาราโลหิต สำนักธาราทมิฬ และสำนักธาราโอสถต่างก็เป็นเช่นนี้ อย่างสำนักธาราโลหิตก็จะใช้แม่น้ำทงเทียนมาเปลี่ยนเป็นเลือดวิเศษ ส่วนสำนักธาราทมิฬนำมาใช้หลอมพลังจิตครั้งที่สอง รวมไปถึงหลอมอาวุธ และสำนักธาราโอสถจะใช้หลอมยาเป็นหลัก

ทว่า…วิชาสืบทอดทั้งหมด หากวิเคราะห์อย่างละเอียด พวกมันล้วนเป็นการยืมมาใช้ แต่ทางด้านป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อลองเปรียบเทียบกันแล้วเขาค้นพบว่า สิ่งที่ทำให้คาถาลมปราณม่วงทงเทียนที่เขาฝึกมีอำนาจบาตรใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ เป็นเพราะ มันไม่ได้ยืมใช้ แต่เป็น…ปล้นชิงมาโดยตรง!

ระหว่างสองสิ่งนี้ดุจฟ้ากับดิน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

————

**หมายเหตุ ปรับคำใหม่

สำนักอันตมรรคานภดารากร แก้เป็น สำนักอันตมรรคาฟ้าดารา

ดาราสินธุ์สถาน แก้เป็น สำนักธารดารา

นภสินธุ์สถาน แก้เป็น สำนักธารฟ้า

มรรคาสินธุ์สถาน แก้เป็น สำนักธารมรรคา

อันตสินธุ์สถาน แก้เป็น สำนักธารอันต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!