ตอนที่ 1458 : ทางเดินแห่งการเกิดใหม่
ท่ามกลางคลื่นสีทองที่ปะทุออกมานั้นมีรังไหมสีดำลอยอยู่ บางครั้งมันก็จะบวมที่ข้างหนึ่ง มันบวมราวกับมีสัตว์ประหลาดด้านในพยายามจะแหกออกมา พลังตรงกันข้ามกันกำลังห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง
แบ๊ดดี้ ภายใต้การสยบจากคลื่นของแค่คิดก็สร้างมิตินั้นไม่ได้พบกับปัญหาอะไรมากมาย มันมองไปที่รังไหมแล้วยิ้มออกมาแปลกๆ ราวกับประกาศความหยิ่งทะนงของมันเอง
“ทางช้างเผือก เจ้าจบสิ้นแล้วและพลังอมตะของเจ้าไม่ใช่แค่ใช้ไว้สู้กับพลังของอสูรทลายมิติ แต่ยังโดนข้ากลืนกินไปด้วย เทียบกับเจ้าแล้ว การใช้พลังของข้านั้นน้อยกว่ามาก ในด้านความแข็งแกร่งแล้ว เจ้าก็แค่มนุษย์ทั่วไป เจ้าจะมารับมือกับข้าที่เป็น อสูรทลายมิติ ระดับ 5 ได้ยังไง?” แบ๊ดดี้ มั่นใจอย่างมาก
“ทลาย ทลาย ทลาย!”
รังไหมบวมเป่งอย่างต่อเนื่องและมีรูปร่างดาบแสดงออกมา ปรากฏว่า หลัวเฟิง ได้ใช้ดาบของเขาโจมตีที่รังไหม แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ตามเขาก็ไม่อาจจะสลัดออกมาได้
“ฮ่า ฮ่า…” แบ๊ดดี้ ยิ่งหยิ่งทะนงมากขึ้นเมื่อเห็น หลัวเฟิง ดิ้นรนอย่างหมดหนทาง
****
ภายในรังไหม หลัวเฟิง อาจจะดูเหมือนโจมตีซ้ำๆ และเผาพลังอมตะเพื่อสู้กับพลังของอสูรทลายมิติ แต่ลึกๆ ในใจเขาไม่ได้ลนลานเลยแม้แต่น้อย เขายังใจเย็นและรู้ว่ารังไหมนี้ร้ายกาจ ถ้าเขาสลัดออกมาด้วยกำลัง มันก็เป็นไปได้ถ้าทั้งสองฝ่ายนั้นมีพลังแตกต่างกัน!
เขาสามารถทลายรังไหมของ โมโลซ่า ออกมาได้แต่เขาไม่อาจจะทำแบบเดิมได้เมื่อเจอกับรังไหมของ อสูรทลายมิติ ระดับ 5
“การใช้พลังอมตะของข้าอยู่ในอัตราที่แน่นอนไม่ได้เต็มกำลัง” หลัวเฟิง บอกกับตัวเอง “ถ้าไม่งั้นแล้วร่างอมตะของข้าก็จะขยายตัวเป็น 1 ปีแสง ด้วยพลังอมตะของข้าแล้ว ข้าอาจจะกำจัดรังไหมนี้ได้ทันที”
มันเป็นการใช้พลังงานทั้งสองฝ่าย ดาบเงาเลือดได้ฟันเข้าไปที่รังไหมแต่ หลัวเฟิง ก็ยังคงยั้งมือไว้ในระดับหนึ่งเพื่อจะได้ไม่แสดงพลังทั้งหมดที่มี เขาไม่อยากให้ แบ๊ดดี้ รู้ตัวแต่มันก็ยังหมายความว่าเขาไม่อาจจะหลุดออกจากรังไหมนี้ได้
“หากข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ง่ายดายแบบนี้ มันจำเป็นด้วยรึที่ต้องมาพยายามสู้กับเจ้า?” แบ๊ดดี้ พูดขึ้น
แบ๊ดดี้ นั้นค่อนข้างสบายใจ ลึกๆ ในใจมันนั้นคู่ต่อสู้ตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น ทางช้างเผือก!
ตราบใดที่มันฆ่า หลัวเฟิง ได้ คนอื่นๆ ในทะเลจักรวาลไม่จำเป็นที่จะต้องมาพูดถึง…มันจะกลายเป็นราชาของ อสูรทลายมิติ ได้อย่างง่ายดาย
“ทลายทั้งหมด!”
หลัวเฟิง กลัวขึ้นมา ลำแสงดาบของเขาเปล่งแสงสีขาวราวกับหิมะ เขาฟันเข้าที่รังไหมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เราต่างก็ใช้พลังงานของตัวเอง หลัวเฟิง คิด ข้าเสียพลังไปครึ่งหนึ่ง มันก็เสียครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนนี้มันกินพลังอมตะของข้าและกินไปเกือบ 30% แล้วด้วย สัดส่วนเทียบกับแล้วคงเห็นได้ชัด…ตอนที่ข้าใช้พลังไป 80% มันจะใช้พลังไปเพียง 50% เท่านั้น หลัวเฟิง คำนวณ
แม้ว่า แบ๊ดดี้ จะกินพลังอมตะของเขาอย่างต่อเนื่องแต่มันก็ต้องใช้เวลาเพื่อเปลี่ยนพลังที่มันกินไปเหมือนกับที่ โมโลซ่า ต้องใช้เวลานานกว่าจะเปลี่ยนพลังจากจุดกำเนิดมาเป็นพลังของตัวเอง
สำหรับ อสูรทลายมิติ ที่กินพวกกันเองแล้ว ทั้งสองมีพลังแบบเดียวกัน สิ่งที่มันกินเป็นธรรมดาที่จะเปลี่ยนเป็นพลังตัวเองได้อย่างรวดเร็วแต่การกินพลังอีกแบบขั้นตอนการเปลี่ยนนั้นยุ่งยากกว่าเดิมมาก…
8 ต่อ 5!
ตอนที่ หลัวเฟิง ใช้พลังอมตะไป 8 ส่วน อสูรทลายมิติ จะใช้พลังไปเพียง 5 ส่วน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป…
*****
ในพริบตาพลังของ แบ๊ดดี้ ก็ลดลง 1 ใน 10 มันช็อกอย่างมาก
“ทำไมเขายังไม่ตายอีก?” แบ๊ดดี้ พูดขึ้นมาและมองไปที่รังไหม รอยบวมจากด้านข้างยังคงมีต่อไป ชัดแล้วว่า หลัวเฟิง กำลังดิ้นรนเพื่อจะหนีอออกมา “ร่างอมตะของเขา แม้ว่าเขาจะสูง 10 ล้านกิโลเมตรแต่จากการใช้พลังตอนนี้แล้วคงไม่มีทาง มันมีบางอย่างผิดปกติ เขาเป็นแค่มนุษย์ ร่างอมตะของเขาจะใหญ่แบบนั้นได้ยังไง?”
แบ๊ดดี้ ไม่เข้าใจ มันอาจจะเคยพูดคุยกับ เจินเจี๋ย กับ มังกรหิน เรื่องนี้มาก่อน ทั้งสองคนโดนขับไล่ออกมานานแล้ว พวกนั้นไม่ได้ไปที่โลกแห่งจิน ชัดแล้วว่าข้อมูลที่มีเกี่ยวกับเส้นทางพลังอมตะขั้น 3 จึงน้อยนิด ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่รู้ว่าตอนที่ร่างอมตะเข้าถึงขั้น 3 แล้ว มันจะกลายเป็นร่างอมตะไร้ขีดจำกัด
แบ๊ดดี้ เองก็อาจจะไม่รู้เช่นกันแต่มันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ดังนั้นมันจึงไม่กล้าที่จะลงมือต่อ
“เก็บ!”
ตาทั้งสองข้างของมันเต็มไปด้วยความลนลาน รังไหมได้ทลายออกแล้วดึงพลังของมันกลับเข้าสู่ตัว
หลัวเฟิง ในเกราะเงินและปีกห้าคู่ที่หลังยืนจับดาบเงาเลือดอยู่ เขามองไปที่ แบ๊ดดี้ “ทำไมไม่ต่อล่ะ?”
“เจ้าสมกับเป็นอันดับหนึ่งของทะเลจักรวาล” แบ๊ดดี้ พูดขึ้น ตอนนี้มันไม่กล้าที่จะมองข้าม หลัวเฟิง แล้ว “พลังอมตะที่เจ้ามีเกินกว่าที่ข้าคาดไว้ ดูเหมือนว่าการใช้ท่าธรรมดาคงเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเจ้า”
หลัวเฟิง ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “ข้าเองก็ทำลายพลังของเจ้าไปกว่าครึ่งด้วยวิธีนี้ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยอมแพ้เร็วแบบนี้”
“อย่างที่ข้าเดาไว้ มันเป็นแค่อุบาย” แบ๊ดดี้ คำรามออกมาเบาๆ “ข้าไม่อาจจะยื้อต่อไปได้ ข้าจะบดขยี้เจ้าให้ได้ทันที”
มันคำรามออกมา “กรร!”
รอยสลักสีเลือดทั่วตัว แบ๊ดดี้ เปล่งแสงออกมา จากนั้นรัศมีสีแดงหม่นก็โผล่มาทั่วตัว ออร่าของมันเพิ่มขึ้นและมันก็พุ่งเข้าใส่ หลัวเฟิง ทันที มันรวดเร็วอย่างมาก เร็วกว่าที่ หลัวเฟิง คาดเอาไว้
หลัวเฟิง จับดาบเงาเลือดและนึกถึงสิ่งที่ โมโลซ่า เคยบอกเอาไว้… ‘นายท่าน อสูรทลายมิติ ระดับ 5 จะได้รับพลังส่วนหนึ่งของการทำลาย ในอีกความหมายคือมันมีเทคนิคที่ทรงพลังที่สุดอย่างการทำลาย แม้ว่ามันจะเลือกไม่ใช้ท่านี้แต่การโจมตีของมันก็ยังมีพลังส่วนหนึ่งของการทำลาย ดังนั้นพลังของมันก็จะยกระดับขึ้นมาอย่างมาก’
“งั้นข้าจะลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง”
หลัวเฟิง เผาพลังอมตะจนถึงขีดจำกัด ทันใดนั้นเทพวูฉีก็ได้หลอมรวมกับพลังอมตะของเขา
เขาเปลี่ยนเป็นเทพวูฉี ออร่าของเขาระเบิดออกมา เขาได้ใช้ขั้นสองของเทพวูฉี ในเวลาอันสั้นนี้พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ตลอดเวลานี้เขายังใช้ดาบเงาเลือดดังเดิม
“มนุษย์!”
มือซ้ายขวาของ แบ๊ดดี้ ยื่นออกมาราวกับจับจักรวาลที่ไม่รู้จบเอาไว้ จากนั้นนิ้วที่มือขวาก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิ้วๆ ทันใดนั้นก็มีน้ำวนปรากฏขึ้นมาท่ามกลางคลื่นสีทอง ไม่นานหลังจากนั้นนิ้วที่มือซ้ายก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน มันมีน้ำวนอีกแห่งปรากฏขึ้นมา
กำแพงของน้ำวนทั้งสองนั้นเหมือนกับกระจกที่สะท้อนทุกอย่างจากโลกภายนอก ทั้งสองแห่งหมุนสวนทางกันกลายเป็นกระจกให้กันเอง ด้วยกระจกทั้งสองที่สะท้อนหากันแล้ว มันมีโลกที่ไม่รู้จบสะท้อนออกมา น้ำวนทั้งสองหมุนตัวเข้าหากกันแต่มันกลับเหมือนมีโลกที่ไม่สิ้นสุดปรากฏขึ้นมาแทน
“ทางเดินแห่งการเกิดใหม่!” แบ๊ดดี้ บีบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน
ฮัวะ!
น้ำวนทั้งสองได้ก่อโลกที่ไม่รู้จบซึ่งได้ระเบิดออร่าออกมา โลกนี้ได้เข้าห่อหุ้มตัวหลัวเฟิง
“หือ? จุดกำเนิดแห่งการทำลายมันลึกลับแบบนี้เลยรึ?” หลัวเฟิง พูดขึ้น
เขารู้สึกทันทีว่าท่านี้มีความแปลกประหลาด น้ำวนที่ไหลเข้าหากันนี้เหมือนกับสร้างมิติเป็นล้านล้านขึ้นมา
“กำจัดมิติ”
ดาบเงาเลือดที่ หลัวเฟิง ถือยังคงอยู่ในกำมือและได้เปลี่ยนเป็นท่อนไม้ ท่อนไม้เหล่านี้ดีดดิ้นไปตามท่วงทำนองพร้อมกับแผ่คลื่นมิติออกมา คลื่นมิตินี้ได้รวมตัวกันและอัดแน่นแต่สุดท้ายแล้วพวกมันก็ทำให้เกิดการกำจัดที่ไม่สิ้นสุด
ฮ่ง!
ดาบเงาเลือดได้เปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ ไม่ว่ามันจะไปสัมผัสกับที่ใดคลื่นสีทองก็เปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าด้วย
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ตอนที่น้ำวนทั้งสองปะทะกับแรงตรงกันข้ามของความว่างเปล่าก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมา น้ำวนทั้งสองพยายามจะเดินหน้าเข้ามา โลกเป็นล้านล้านที่มันสะท้อนนั้นได้ระเบิดพลังอันมหาศาลออกมาต่อต้านความว่างเปล่าของ หลัวเฟิง ได้ขับพลังตรงกันข้ามออกมา!
ไม่ว่าจะเป็นโลกกี่ใบที่ได้รับการสะท้อนออกมาแต่มันก็ยังถูกกำจัด!
ฮ่ง!
สุดท้ายน้ำวนทั้งสองก็ล่มสลายไป แรงตรงกันข้ามที่คลอบคลุมพื้นที่ไม่นานก็สลายไปด้วย
“อะไรกัน?” แบ๊ดดี้ อึ้ง “ข้ากลับเสียเปรียบงั้นรึ?”
แบ๊ดดี้ ไม่มัวลังเล “ไป!”
แบ๊ดดี้ หันกลับและหนีด้วยความเร็วสูง 100 เท่าของความเร็วแสง 1,000 เท่า…
*****
แบ๊ดดี้ ยังคงรักษาขอบเขตส่วนแสงเอาไว้ตอนที่ใช้เทคนิคเผาเลือด จากนั้นมันก็ได้ใช้ทางเดินแห่งการเกิดใหม่ซึ่งได้มาตอนที่ขึ้นมาที่ระดับ 5 เพราะมันเข้าใจส่วนหนึ่งของท่าการทำลายได้ ท่านี้คือท่าที่ทรงพลังที่สุดของมันที่สามารถใช้โดยไม่กระทบต่อพลังของมันได้
อันที่จริงมันมีความสามารถในการที่ใช้เทคนิคที่รุนแรงกว่านี้ เทคนิคที่ทรงพลังที่สุดที่เรียกว่าการทำลาย มันไม่รู้ว่าทำไมแต่มันมีความสามารถใช้ออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อใช้ออกมาแล้ว แม้แต่จักรวาลย่อยก็ถูกกำจัดได้ง่ายๆ แต่ราคาที่ต้องจ่ายไปก็สูงเช่นกัน มันจะมีการใช้พลังงานจำนวนมากเมื่อใช้ท่านี้ออกไป ยังไงซะมันก็เพิ่งเข้าสู่ระดับ 5 และยังไม่ขึ้นถึงขั้นสูงสุด!
มันไม่เต็มใจที่จะใช้ท่านี้
“หนี!” แบ๊ดดี้ พูดขึ้น “ข้าต้องหนี ตอนที่พลังของข้าขึ้นถึงขั้นสูงสุดของระดับ 5 หรือแม้แต่ระดับ 6 ข้าจะฆ่าเขา มันคงไม่นานเท่าไหร่ เขาได้กลายเป็นเทพแท้จริงแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะทะลวงผ่านไปได้ต่อแต่ข้ามีช่องว่างมากพอที่จะพัฒนาตัวเองได้”
แบ๊ดดี้ คิดแบบนี้แต่ในใจมันนั้นกลับมีความกลัว มันเป็นครั้งแรกที่ถูกบังคับให้หนี!
ไม่มีใครบังคับให้มันหนีได้แต่ หลัวเฟิง กลับทำให้มันหนีได้ในสภาพน่าอนาถ
*****
“หยุด”
หลัวเฟิง ใช้ทะเลทองคำและแค่คิดก็สร้างมิติ ในเวลาเดียวกันเขาก็ชี้ออกไป หอคอยเก้าชั้นลอยออกไปเปล่งแสงระยิบระยับออกมา ที่ฐานของมันมีความมืดไม่รู้จบซึ่งได้ห่อหุ้มตัว แบ๊ดดี้ เอาไว้
ฮ่ง! ล่ง!
น้ำวนได้เข้าดูดกลืน แบ๊ดดี้
“ไร้ประโยชน์” แบ๊ดดี้ ได้ใช้เทคนิคเผาเลือด รอยสลักทั่วตัวมันเปล่งแสงออกมาซึ่งทำให้มันต้านการดูดของหอคอยดวงดาวได้อย่างง่ายดาย
“ดูเหมือนว่าจะไม่พอ” หลัวเฟิง ส่ายหน้าและดึงเอาหอคอยดวงดาวกลับมา “ไป!”
หลัวเฟิง โบกมืออีกครั้ง มีสมบัติต้นไม้ลอยออกมา มันมีกิ่งก้านและรากกว่าล้านล้านแผ่ออกมาขวางทางทุกทางเอาไว้ เกือบจะทันทีนั้น แบ๊ดดี้ ที่ซึ่งพยายามจะหนีก็โดนสมบัตินี้เข้าปกคลุมไว้
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะหนีได้” หลัวเฟิง พูดขึ้น ตาทั้งสองข้างของเขาแสดงความอาฆาตออกมา “เถาวัลย์พันสายได้ใช้ทะเลทองคำและแค่คิดก็สร้างมิติ หากเจ้ายังหนีได้งั้นมันคงผิดปกติอย่างมาก”
ด้วยแค่คิดก็สร้างมิติ หลัวเฟิง สามารถที่จะควบคุมมิติและเวลาได้ ทะเลทองคำถูกใช้ออกมาด้วยสมบัติขอบเขตและเถาวัลย์พันสายนี้ก็คืออาวุธวิญญาณและยังเป็นอาวุธที่มีพลังในการยับยั้ง ทั้งสามเป็นสมบัติเครื่องจักร!
ในบรรดาพวกนี้ เถาวัลย์พันสายกับไข่มุกทะเลทองคำถูกใช้โดยเทพแท้จริงมิติ สองอย่างนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก ในอีกด้านแล้วแค่คิดก็สร้างมิตินั้นอ่อนแอที่สุดในสามอย่างนี้ ตอนที่ถูกใช้ออกมาร่วมกันนั้น…แบ๊ดดี้ ก็ถูกขังเอาไว้
“เปิด! ทางเดินแห่งการเกิดใหม่!”
แบ๊ดดี้ ที่โดนขังไว้รู้สึกว่าโดนห้อมล้อมด้วยทะเลที่โดนสยบทั้งเวลาและมิติ ไกลออกไปมีกิ่งก้านและใบรัดรอบตัวมันกักมันไว้ในโลกที่โดนผนึกนี้ ตอนนี้มันอยู่ในโลกที่โดนผนึกไว้ ทั้งตัวมันยังเปล่งรัศมีสีแดงเลือดออกมา มันพยายามที่จะใช้การโจมตี การโจมตีนับไม่ถ้วนอัดเข้าไปตามกิ่งก้านและใบแต่กิ่งพวกนั้นกลับแข็งและทนทาน มันไม่มีทางที่จะสลัดให้หลุดได้
“กรร!” แบ๊ดดี้ เงยหน้าขึ้นมาแล้วคำรามออกมาด้วยความโกรธ เส้นเลือดรอบคอของมันบวมเป่ง ตาทั้งสองข้างของมันแสดงความบ้าคลั่งออกมา
หนีไม่ได้เลย ความสามารถของ หลัวเฟิง ไม่นานก็จะทำให้มันต้องตาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันต้องรีบหนี มันไม่มีตัวเลือกอื่น มันมีท่าเดียวที่ทรงพลังที่มันเหลืออยู่
“เจ้าอยากตายงั้นรึ?” แบ๊ดดี้ ตะโกนออกมา “งั้นข้าจะมอบความตายให้กับเจ้า!”
แบ๊ดดี้ คำราม ทันใดนั้นมันก็ได้ใช้ท่าที่ทรงพลังที่สุดที่มันมี การทำลาย…