ตอนที่ 1482 : ปลดปล่อยอาจารย์ต้นกำเนิด
หลัวเฟิง มองไกลออกไปในอากาศที่ปั่นป่วน
เขาสงสัยมานานแล้วว่า จันทราม่วง นั้นอยู่ภายในจักรวาลย่อยของตน ไม่งั้นแล้วก็คงออกมาเมื่อโดนต้อนจนมุม แน่นอนว่ามันมีสถานการณ์อื่นอีกอย่างการที่อีกฝ่ายโดนบีบอยู่ในจักรวาลย่อยของตัวเองและไม่อาจจะออกมาได้ ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นหลัวเฟิง ก็จะทำลายจักรวาลย่อยไปพร้อมกับปลดปล่อย อาจารย์ต้นกำเนิด ออกมาด้วย
แต่ในความเป็นไปได้อันน้อยนิดนี้ หลัวเฟิง ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว
หากไม่พูดถึงการที่ โมโลซ่า ได้กลายเป็นราชาอสูรทลายมิติ ที่มีพลังเทียบเท่ากับเทพมิติ และเทพมิติก็สามารถที่จะกวาดล้างทุกอย่างได้ อย่างน้อยๆ จันทราม่วง ก็ไม่อาจจะกันการโจมตีของมันได้
สำหรับ หลัวเฟิง แล้ว เขาสามารถใช้เทคนิคธาตุเวลาซึ่งสูงส่งยิ่งกว่าเทคนิคตาสวรรค์
เทคนิคธาตุเวลานั้นคือเทคนิคจิตสูงสุดที่แม้แต่ราชาเทพก็ยังอยากได้มันไป!
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีจิตที่สูงส่งเทียบเท่ากับแต่มันก็ดูน่าอดสูเมื่อต้องเจอกับเทคนิคนี้ อีกฝ่ายอาจจะหมดสติไปโดยตรงเลยก็ได้
จิตของ หลัวเฟิง อยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ ในอีกความหมายคือสำหรับคนที่มีจิตยังไม่ถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่มันโดนจิตของ หลัวเฟิง โจมตี การโจมตีนี้ก็จะสำเร็จโดยที่ไม่มีคำว่าล้มเหลว!
จักรวาลย่อยของ จักรพรรดิบูรพา และ จันทราม่วง….ย้อนกลับไป โมโลซ่าพยายามจะกินมันมาก่อน ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าจิตของ จักรพรรดิบูรพา นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าจิตของ จันทราม่วง
“ในหมู่เทพแท้จริงมิติ มันมีพวกที่มีจิตเข้าถึงระดับเทพแท้จริงนิรันดร์อยู่น้อย แต่สำหรับพวกที่มีจิตเข้าถึงระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว…มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย!” หลัวเฟิงส่ายหน้า “จันทราม่วง อ่อนแอกว่า จักรพรรดิบูรพา ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จิตเขาจะถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์”
“ทั้งสองต่างก็ทำการเกิดใหม่เหนือกว่าไปแล้ว” หลัวเฟิง บอกกับตัวเอง “ดังนั้นพวกเขาจึงมีชีวิตนิรันดร์ แล้วพวกเขาอยู่ไหนกัน?”
ทะเลจักรวาลนั้นลึกลับเกินไป
เอาโลกแห่งจินเป็นตัวอย่าง มันมีเทพแท้จริงนิรันดร์อยู่อย่างนายพลทั้งสี่ คนเหล่านี้ทำให้ หลัวเฟิง เข้าใจว่าเขาไม่ได้ไร้เทียมทาน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม หลัวเฟิง ถึงต้องซ่อนราชาอสูรทลายมิติ เอาไว้ มันคือไพ่ตายของเขา
ซู่!
หลัวเฟิง พา โมโลซ่า ไปกับตัวและเดินทางกลับไปที่จักรวาลหลัก
****
เขาปล่อย โมโลซ่า ไว้ในจักรวาลย่อยของเขา หลัวเฟิง มุ่งหน้ากลับไปที่จักรวาลหลักในร่างหลักของตัวเองเข้าไปยังมิติดินแดนทางช้างเผือก
“ไปกันเถอะ เราจะไปที่สำนักบรรพบุรุษอสูรเทพ” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้นมา
เขาตื่นเต้นอย่างมาก หลัวเฟิง เพิ่งจะกลับมาจากทะเลจักรวาลและ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ก็เร่ง หลัวเฟิง ให้ไปที่สำนักบรรพบุรุษอสูรเทพเพื่อเตรียมจะขอปล่อย อาจารย์ต้นกำเนิด เขารอวันนี้มาเนิ่นนาน
“อืม” หลัวเฟิง เองก็ยิ้มตอบรับ
อาจารย์กับศิษย์เดินทางไปเคียงข้างกัน ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงสำนักบรรพบุรุษอสูรเทพ เมื่อก้าวเข้าไปในวัง พวกเขาก็พบกับบรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสาม
“พวกเจ้าสามคน” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ชี้ออกไป “ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงรู้ว่าข้ามาที่นี่ทำไม วิกฤต อสูรทลายมิติ ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจิตดั้งเดิมควรจะรักษาคำพูดที่บอกไว้ก่อนหน้านี้และปล่อย อาจารย์ต้นกำเนิด รึไง?”
บรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสามมองมาที่พวกเขา จากนั้นเทพอาวุโสก็ได้พูดขึ้นมา “ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ไม่ต้องกังวล เพราะจิตดั้งเดิมได้พูดเอาไว้แล้ว มันจะทำตามที่รับปากเอาไว้”
“ก่อนหน้านี้จิตดั้งเดิมเองก็บอกกับเรา” เทพหนุ่มพูดต่อ “ครั้งนี้ หลัวเฟิง ได้จัดการวิกฤต อสูรทลายมิติ ดังนั้นจึงสร้างผลงานอย่างมาก แน่นอนว่ามันเพียงพอที่จะปลดปล่อย อาจารย์ต้นกำเนิด…ข้าเชื่อว่าตอนนี้จิตดั้งเดิมคงเริ่มทำการปล่อยอาจารย์ต้นกำเนิด แล้ว รออีกนิด อาจารย์ต้นกำเนิด น่าจะปรากฏตัวในวัง”
“เริ่มปล่อย?” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ตื่นเต้น
หลัวเฟิง เองก็คาดหวัง เขาไม่เคยได้รับการชี้แนะหรือการสั่งสอนจาก อาจารย์ต้นกำเนิด มันเป็นความจริงที่ว่า อาจารย์ต้นกำเนิด นั้นมีอำนาจอย่างมากกับมนุษย์ อาจารย์ต้นกำเนิด คือผู้นำระหว่างการเติบโตของมนุษย์ ขวานยักษ์ และผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล นั่นคือผู้รักษาความสำเร็จนั้นเอาไว้ หลัวเฟิง คือนักสำรวจที่นำความยิ่งใหญ่มาให้มนุษย์ต่อ!
“รออีกนิด” เทพสองหน้าพูดขึ้น
ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล และ หลัวเฟิง ยืนรออยู่เงียบๆ
เวลาผ่านไปช้าๆ อยู่ๆ ก็มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งเอ่อล้นขึ้นมาในห้องโถงและใจกลางห้องนั้นก็มีรูหนอนปรากฏขึ้นมา มีร่างพร่ามัวโผล่มาจากรูหนอนและโผล่มาในห้องโถง เมื่อเห็นฉากนั้นก็ทำให้ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ตัวสั่นไปทั้งตัว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ร่างนั้นโผล่มาในสายตา ชายคนนี้ใส่ผ้าคลุมขาว ในจุดที่เขายืนอยู่นั้นมันราวกับว่ามิติและเวลาถูกเขาสยบเอาไว้ ทุกอย่างสงบและเงียบงัน
“อาจารย์!” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เดินเข้าไปหาด้วยการเทเลพอร์ทปรากฏตัวตรงหน้าชายชุดขาว คุกเข่าลงทันทีพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
มันนานแล้ว เขารอมานานแค่ไหนกัน?
สำหรับเขาแล้ว อาจารย์ต้นกำเนิด คืออาจารย์ของเขา ชายคนนี้คือพ่อเขา เพื่อปกป้องสิ่งที่ชายคนนี้ได้สร้างขึ้นมา ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่มีสักช่วงเวลาที่เขาจะเลินเล่อ เขายังคงดูแลเผ่ามนุษย์เป็นอย่างดี หลายปีผ่านมานับไม่ถ้วนนี้เขาสร้างชื่อเสียงของตัวเองขึ้นมาและรู้กันว่าเขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เขายกทุกอย่างให้กับเผ่า แม้แต่ตอนที่เป็นเรื่องรับศิษย์ เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนอื่นๆ ในเผ่าถึงได้เคารพและชื่นชม ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล!
พวกเขาไม่คิดว่าทั้งหมดที่ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ทำก็เพื่อปกป้องสิ่งที่อาจารย์ตนได้ทิ้งเอาไว้ เขาไม่ต้องการเห็นมนุษย์ล่มสลาย
“อย่าทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้” อาจาร์ต้นกำเนิด พูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะก่อนจะประคอง ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ให้ลุกขึ้น
“อืม” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ลุกขึ้นยืน
อาจารย์ต้นกำเนิด มองไปที่ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่ ขวานยักษ์ ไม่อยู่กับเราด้วย”
มันมีความเศร้าในสายตาของ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล “ขวานยักษ์ ถูก อสูรทลายมิติ ฆ่า โชคดีที่สุดท้าย หลัวเฟิง ก็จัดการวิกฤต อสูรทลายมิติ ลงไปได้ เขายังได้สมบัติของ ขวานยักษ์ กลับมา ขวานเทพ เขานำมันกลับมาด้วย”
เมื่อกลับมา หลัวเฟิง ก็ได้เอาขวานเทพมากับตัวด้วย ตอนที่เผ่ามนุษย์รู้ข่าวนี้ พวกนั้นต่างก็พากันตะลึง
“ถ้าข้ามีชีวิตได้เห็นสิ่งนี้ ข้าก็พอใจอย่างมาก” อาจารย์ต้นกำเนิด พูดขึ้น “เด็กนี่มักจะใจร้อนและรักการผจญภัย ข้าเตือนเขามาหลายครั้งแล้ว ถ้าเขาใจเย็นได้ครึ่งหนึ่งของเจ้า งั้นเขาคงไม่…อ่ะ…อย่าพูดถึงมันเลย”
กับการที่เรียก ขวานยักษ์ ว่าเด็กน้อย ไม่มีใครอื่นนอกจาก อาจารย์ต้นกำเนิด ที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา
ขวานยักษ์ เป็นคนแรกๆ ที่ติดตาม อาจารย์ต้นกำเนิด อาจารย์ต้นกำเนิด นั้นได้รับผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เป็นศิษย์ทางการคนแรก ทั้งสามได้ใช้เวลาร่วมกันมานาน ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เป็นเหมือนน้องชาย ขวานยักษ์ นั้นเป็นเหมือนพี่ชาย ส่วน อาจารย์ต้นกำเนิด นั้นเหมือนกับพ่อของทั้งสองคน
“ยินดีด้วย อาจารย์ต้นกำเนิด ในที่สุดเจ้าก็ได้รับอิสระกลับมา” บรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสามเดินเข้ามาหา พวกนั้นต่างก็ยินดีกับ อาจารย์ต้นกำเนิด หนึ่งในตัวตนยิ่งใหญ่แรกๆ ในจักรวาลหลักที่ซึ่งมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น
จากนั้นบรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสามก็ได้มองไปที่ หลัวเฟิง
อาจารย์ต้นกำเนิด และ หลัวเฟิง อยู่ในชุดขาว พวกนั้นเป็นตัวตนที่ไม่อาจมีใครเทียบได้จากเผ่ามนุษย์ คนหนึ่งมาจากช่วงแรกและอีกคนมาจากช่วงกลาง พวกเขาแตกต่างกัน อาจารย์ต้นกำเนิด ใจเย็นและดูเก็บตัว คนอื่นๆ จะรู้สึกเหมือนเขาเป็นสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ กลับกัน หลัวเฟิง นั้นเหมือนกับดาบที่ตัดท้องฟ้า แม้ว่าเขาจะสุภาพกับคนอื่นๆ แต่เขาก็มักจะจริงจังกับเรื่องของตัวเอง การตัดสินใจของเขาเด็ดขาด ดังนั้นตัวของเขาจึงทำให้คนอื่นๆ ต้องกลัว
“ขอบคุณ” อาจารย์ต้นกำเนิด มองไปที่บรรพบุรุษอสูรเทพและยิ้มออกมา
“ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล หลัวเฟิง” อาจารย์ต้นกำเนิด มองไปที่ หลัวเฟิง “ไปกันเถอะ”
หลัวเฟิง พยักหน้า เขารับรู้ได้ว่า อาจารย์ต้นกำเนิด มีเรื่องมากมายจะคุยกับเขา มันก็แค่ว่าพวกเขาอยู่ในวังบรรพบุรุษอสูรเทพซึ่งไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะพูดคุยลึกซึ้งกัน
“ไปกันเถอะ” หลัวเฟิง พยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนก็หายไปทันที
เทพทั้งสามมองดูสามคนจากไปก่อนจะมองหน้ากัน เทพสองหน้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ด้วยการที่ อาจารย์ต้นกำเนิด กลับมา เผ่ามนุษย์ตอนนี้มีอาจารย์ต้นกำเนิด และ หลัวเฟิง พวกเขาจะรุ่งโรจน์มากกว่าเดิม”
“อาจารย์ต้นกำเนิด คุกคามจิตดั้งเดิมจนต้องทำการขังเขา” เทพอาวุโส พูดขึ้น “แต่ หลัวเฟิง แม้แต่จิตดั้งเดิมก็ไม่กล้าคุกคามเขา เขาน่ากลัวยิ่งกว่า ทั้งสองคนกลับไปรวมตัวกันกับเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์…พวกเขาจะน่ากลัวเพียงใดในอนาคต”
“ในด้านความสามารถแล้ว แต่ละคนเข้าถึงขั้นมิติได้ง่ายๆ” เทพหนุ่มพูดขึ้น “ภายในทะเลจักรวาลของเรา ข้าคิดว่าเราคงได้เห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกสองแห่งปรากฏขึ้นมา”
ทุกคนรู้ ตอนที่ หลัวเฟิง จัดการกับวิกฤต อสูรทลายมิติ มันก็ไม่มีภัยจากภายนอกอีก เผ่ามนุษย์ต้องรุ่งเรืองไปอีกนาน สำหรับล้านๆ ยุคที่จะตามมา เผ่ามนุษย์จะบ่มเพาะรุ่นหลังขึ้นมาอย่างดีทำให้เผ่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา การกลับมาของ อาจารย์ต้นกำเนิด นั้นเหมือนกับติดปีกให้เสือ เผ่ามนุษย์จะแข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่าเดิม
ตอนที่มนุษย์แข็งแกร่งขึ้นมา เผ่าอื่นได้แต่มองตาม ไม่มีใครกล้าที่จะเป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์อีก
*****
ภายในอาณาเขตมนุษย์ ไม่มีใครอยู่ในดินแดนทางช้างเผือก อาจารย์ต้นกำเนิด, ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล และ หลัวเฟิง มองไปรอบๆ พร้อมกับเดินออกไป
“ดูที่ประตูมิติเหล่านั้นสิ” อาจาร์ต้นกำเนิด พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ทั้งจักรวาลหลัก มันมีทางเดินมิติของเทพแท้จริงจากทุกเผ่าที่นี่ ฮ่า ฮ่า….ในอดีตข้าไม่เคยคิดว่าจะมีฉากแบบนี้เกิดขึ้นได้”
“หลัวเฟิง” อาจารย์ต้นกำเนิด มองไปที่ หลัวเฟิง “ข้าโดนสยบมานาน เมื่อเจ้าปรากฏตัว ข้าก็จับตาดูเจ้ามานาน…ตอนแรกมันดูเหมือนกับข้าที่เป็นเทพแท้จริงใหม่ที่เกิดมาให้กับเผ่ามนุษย์ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาได้ไกลแบบนี้จนปลดปล่อยข้าจากการถูกขังได้ ความเมตตาที่เจ้าให้กับข้านี้ ไม่มีทางที่ข้าจะชดใช้คืนได้ โปรดรับการเคารพจากข้าด้วย”
หลัวเฟิง ยื่นมือออกไปห้ามทันที
“ไม่ต้องหรอก” เขาพูดขึ้นเสียงแข็ง อาจารย์ต้นกำเนิด คืออาจารย์ของอาจารย์เขา
“เจ้าได้แสดงความเมตตาต่อข้าอย่างมากและนั่นคือความจริง” อาจารย์ต้นกำเนิดพูดขึ้นโดยที่ไม่อาจจะโค้งให้ได้ “เจ้าไม่คิดสร้างบุญคุณให้กับใคร”
“อาจารย์ นี่คือคนแบบที่เขาเป็น” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ถอนหายใจ
เมื่อเห็นแบบนั้น หลัวเฟิง ก็เปลี่ยนเรื่องทันที “ใช่สิ อาจารย์ต้นกำเนิด…ข้าอยากจะถามมาตลอด อะไรที่ทำให้จิตดั้งเดิมต้องขังท่านไว้? ตอนแรกตอนที่ข้าขอให้ปล่อยท่าน จิตดั้งเดิมได้ส่งข้อความมาบอกว่ามันถูกจำกัดโดยกฎสูงสุด ดังนั้นจึงไม่มีทางที่มันจะปล่อยท่านออกมาได้ เพียงวิกฤต อสูรทลายมิติ ผ่านพ้นไป มันถึงได้ปล่อยท่านออกมา”
“ใช่ อาจารย์” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดต่อ “อาจารย์ ตอนที่ท่านมีเรื่องครั้งที่แล้ว ท่านแค่อธิบายสั้นๆ มันเรื่องอะไรกัน?”
ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล รู้แค่ว่า อาจารย์ต้นกำเนิด และจิตดั้งเดิมเป็นศัตรูกันและกำลังจะต่อสู้กันในไม่ช้า สำหรับเหตุผลแล้วเขาไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องรีบ” อาจารย์ต้นกำเนิด ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “หลัวเฟิง ข้าได้ยินว่าเจ้าทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงงั้นรึ”
“ใช่” หลัวเฟิง พยักหน้า ข่าวนี้เปิดเผยออกมาแล้ว อาจารย์ต้นกำเนิด ที่ซึ่งควบคุมทุกอย่างในจักรวาลเสมือนแน่นอนว่าต้องรู้เรื่องนี้
“งั้นข้าอยากจะถามเจ้า…หลังจากที่ทำลายที่นั่นไป แล้ว บรรพบุรุษจันทราม่วง ล่ะ?” สายตาของ อาจารย์ต้นกำเนิด มีความคาดหวังแฝงอยู่ “เขาอยู่ไหน? เขาเกิดใหม่เหนือกว่ามาและมีชีวิตนิรันดร์ ตอนที่จักรวาลย่อยเขาถูกทำลาย ทั้งเผ่า, เจ้าแห่งจักรวาล และเทพแท้จริงด้านในต่างก็ตายไปกับมันด้วยแต่ จันทราม่วง ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้เห็นเขารึเปล่า?”
หลัวเฟิง ส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่พบเขา”
“ไม่รึ?” อาจารย์ต้นกำเนิด ผงะ “รึว่า? รึว่ามันเป็นเพียงร่างพลังอมตะ?”
อาจารย์ต้นกำเนิด สับสน “รึว่า? รึว่ามัน…ถ้าข้ารู้แต่แรก…ถ้าข้ารู้แต่แรก ข้าคงไม่คิดที่จะเดินในเส้นทางนี้”
หลัวเฟิง และ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล มองหน้ากัน
มีอะไรกัน?