Skip to content

A Will Eternal 234

บทที่ 234 ไม่ระเบิดจริงๆ หรือ?

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนตัดสินใจได้แล้วก็ไม่มัวชักช้า เช้าตรู่วันต่อมาจึงจากเขาจงเฟิง ตรงดิ่งไปยังเขาเส้าเจ๋อเฟิง

ในฐานะที่เขาเส้าเจ๋อเฟิงตั้งอยู่บนนิ้วก้อยของมือยักษ์ มองดูแล้วจึงดูเรียวบางมากที่สุด ทว่าในความเป็นจริง นักพรตที่ถือกำเนิดบนเขาเส้าเจ๋อเฟิงล้วนฝึกหลอมเรือนกายทั้งสิ้น แต่ละคนจึงมีพละกำลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด ทั้งยังมีปราณชั่วร้ายอำมหิตที่มากเกินกว่าคนระดับเดียวกัน

พอป๋ายเสี่ยวฉุนขึ้นเขามาก็มองเห็นนักพรตสร้างฐานรากของเขาเส้าเจ๋อเฟิงทันที แต่ละคนร่างกายใหญ่โตล่ำสัน ทั้งยังมีปราณเลือดเข้มข้น ทำให้ตลอดทั้งเขาเส้าเจ๋อเฟิงตลบอบอวลไปด้วยปราณเลือด

ตลอดทางที่เดินไป ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นตะลึง มองร่างกายองอาจผ่าเผยมากมายรอบด้าน ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ล้วนเป็นเช่นนี้ เขาตื่นเต้นอยู่ในใจ ทั้งยังรู้สึกไม่ยินยอมด้วย

“มีพลังสู้ข้าได้ไหมล่ะ หึ ร่างใหญ่บึกบึนแล้วมีประโยชน์อะไร ข้าน่ะมีพลังผีร้ายสี่ตนเชียวนะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ เดินเร็วๆ ไปบนทางภูเขา นักพรตทุกคนที่พบเห็นระหว่างทางส่วนใหญ่ล้วนมีสีหน้าระแวงภัย ขณะเดียวกันนัยน์ตาก็ฉายประกายเย็นเยียบด้วย

เห็นได้ชัดว่าในเขาเส้าเจ๋อเฟิง นามมารโรคห่าของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็โด่งดังราวฟ้าผ่าเช่นกัน คนอื่นแค่มองปราดเดียวจึงรู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

ไม่นานป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึงพื้นที่นิ้วส่วนบนของเขาเส้าเจ๋อเฟิง เพิ่งจะมาถึง ผู้อาวุโสใหญ่ของเขาเส้าเจ๋อเฟิงหันชุนตงก็เดินออกมาต้อนรับ ทักทายปราศรัยกันอยู่ครู่หนึ่งก็พาป๋ายเสี่ยวฉุนไปยังตำหนักบุตรโลหิตบนยอดเขาพื้นที่นิ้วส่วนบน

ในตำหนักบุตรโลหิต บุตรโลหิตของเขาเส้าเจ๋อเฟิงนั่งอยู่ด้านในนั้น วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเหยียบย่างเข้ามาด้านใน เขาก็หัวเราะเสียงยาวแล้วลุกขึ้นยืน

“ศิษย์น้องเย่!”

บุตรโลหิตของเขาเส้าเจ๋อเฟิงผู้นี้คือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่เช่นกัน ความแข็งแกร่งของพลังอำนาจตลอดร่างเหนือล้ำเกินกว่าหันชุนตงมากมายนัก ยามนี้พอลุกขึ้นยืนจึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนเห็นคนยักษ์ลุกขึ้น แม้แต่ปราณเลือดสี่ทิศแปดด้านก็ยังเคลื่อนไหวเสียงดังเลือนลั่น

พลานุภาพสยบระลอกหนึ่งเยื้องกรายมาเยือน ทำให้ฝีเท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมองบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงที่ก้าวเดินยาวๆ เข้ามาหา เขารู้สึกตื่นตะลึงอยู่ในใจ

วิชาหลอมเรือนกายของเขาเส้าเจ๋อเฟิง ตลอดทางที่เดินมานี้ ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่องของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงทำให้มองออกถึงเส้นสนกลในบางอย่าง เวลานี้พอได้เห็นบุตรโลหิตอีกคนจึงสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ทันที

“เทียบเคียงได้กับขั้นที่สองของบทเนื้อคงกระพัน?” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้านสะเทือนอยู่ในใจ ทว่าสีหน้ากลับเป็นปกติ ยิ้มด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก ประสานมือคารวะ

“เย่จั้ง คารวะบุตรโลหิต”

“ศิษย์น้องเย่จั้งไม่ต้องเกรงใจ ตัวข้าทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ้อมค้อม ครั้งนี้ข้าต้องการให้เจ้าหลอมยาเรือนกายโลหิตระดับสี่ให้ข้าหนึ่งเตา!” นัยน์ตาบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงฉายแสงคมกริบ มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน น้ำเสียงทุ้มใหญ่ราวกับน้ำบ่าไหลหลาก

“ยานี้มีประโยชน์แค่อย่างเดียวคือทำให้วิชาลับหลอมเรือนกายของเขาเส้าเจ๋อเฟิงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับภายในระยะเวลาอันสั้น!”

“สงครามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนต่างก็เตรียมตัวพร้อมรบ ยานี้สำหรับข้าแล้ว ยกเว้นว่ามันไต่ไปถึงระดับห้าเท่านั้น มิฉะนั้นระดับสี่เพียงเม็ดเดียวไม่มีประโยชน์ แค่เม็ดเดียวข้าเองก็สามารถออกไปซื้อข้างนอกได้ ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการจึงไม่ใช่แค่เม็ดเดียว…แต่เป็นยาเรือนกายโลหิตระดับสี่อย่างน้อยร้อยเม็ดขึ้นไป!”

“เย่จั้ง เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะหลอมยาเรือนกายโลหิตระดับสี่ร้อยเม็ดให้ตัวข้าได้!” ดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับของบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน น้ำเสียงของเขาทำเอาตลอดทั้งตำหนักบุตรโลหิตสั่นสะเทือน

“หากมีพืชหญ้าที่มากพอ มีเตาหลอมยาที่มากพอ ร้อยเม็ดนั้นไม่ยาก” ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังจนปวดร้าวไปทั้งใบหู รู้สึกว่าบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงผู้นี้ช่างมีกล่องเสียงใหญ่โตยิ่งนัก ดังนั้นจึงตะโกนตอบกลับไปด้วยความไม่ยินยอม

เขาตะโกนแบบนี้ทำให้บุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย เวลาที่เขาพูดคุยกับคนอื่นเสียงก็ใช้เสียงดังแบบนี้อยู่แล้ว ทว่ากลับมีน้อยคนนักที่จะตอบเขากลับด้วยท่าทีแบบเดียวกัน ยามนี้จึงมองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่หลายทีแล้วหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง

“พืชหญ้ามากพอ ส่วนเตาหลอม…ก็ยิ่งมีเยอะ มาๆๆ ศิษย์น้องเย่จั้ง ข้าจะพาเจ้าไปดูสิ่งที่ครั้งนี้ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะอย่าง…สุดยอดเตาหลอม!” เสียงหัวเราะของบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงดังออกมา สะเทือนไปตลอดทั้งยอดเขา เขาสะบัดปลายแขนเสื้อเป็นวงกว้างหนึ่งครั้ง พาป๋ายเสี่ยวฉุนและผู้อาวุโสใหญ่ซึ่งยืนเงียบอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพนอบน้อมมาตั้งแต่ต้น ตรงดิ่งไปยังพื้นที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่งของพื้นที่นิ้วส่วนบน

รอบด้านของที่นี่มีค่ายกลขวางกั้น ค่ายกลนี้น่าตกใจ ไม่เพียงแต่สามารถตัดขาดคลื่นเคลื่อนไหว ทั้งยังสามารถตัดขาดปราณทุกอย่างได้ อย่างไอหมอกบนเขาซือเฟิงที่สามารถก่อให้เกิดประสาทหลอนได้นั้น เมื่ออยู่ในค่ายกลนี้ย่อมไม่มีทางแพร่ออกไปได้เด็ดขาด

เห็นได้ชัดว่าเขาเส้าเจ๋อเฟิงแห่งนี้ได้เตรียมป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นไว้โดยเฉพาะ พอป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นก็กระแอมแห้งๆ หนึ่งครั้ง ไม่ได้พูดอะไร ตามบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงไป ไม่นานก็มาถึงในถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์แห่งหนึ่ง

แม้แต่ถ้ำแห่งนี้ก็ยังสร้างขึ้นมาใหม่ ใหม่เอี่ยมทั้งหมด ในจุดลึกของถ้ำมีห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในห้องโถงนี้วางวัตถุไว้เพียงอย่างเดียว!

หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นวัตถุชิ้นนี้ก็ต้องสำลักลมหายใจทันใด ดวงตาทั้งคู่พลันเปล่งประกายสดใส บินพรวดเข้าไปใกล้ หลังจากวนครบหนึ่งรอบ ก็สูดหายใจเฮือกๆ ติดต่อกัน

วัตถุนี้…ก็คือเตาหลอมเตาหนึ่ง เตาหลอมที่…ใหญ่โตมโหฬารเกินทัดเทียม ใหญ่พอสามสิบจั้ง ตลอดทั้งเตาเป็นสีเขียว ด้านบนมีอักขระนูนๆ เว้าๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีเจตนารมณ์มากมายมหาศาลแผ่ออกมาจากเตาหลอมยาใบนี้ ทำให้คนมองรู้สึกถึงความแข็งแกร่งทนทานสะเทือนเลือนลั่นปฐพี

“เตาหลอมยานี้…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือขวาขึ้นมาลูบคลำเบาๆ แล้วก็สัมผัสได้ถึงความหนาหนักของมันทันที เขาคึกคักฮึกเหิม ก่อนหน้านี้เขายังปวดหัวเรื่องเตาหลอมยาระเบิด ด้วยความจนใจจึงทำได้เพียงลดสรรพคุณของยาลง มิอาจแสดงความรู้วิถียาออกมาได้อย่างเต็มที่

ทว่าตอนนี้ วินาทีที่มองเห็นเตาหลอมยานี่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด

“ศิษย์น้องเย่จั้ง เตาหลอมนี้คือสมบัติล้ำค่าที่ปีนั้นบุตรโลหิตรุ่นก่อนๆ ของเขาเส้าเจ๋อเฟิงเราแย่งมาจากสำนักธาราโอสถ แม้จะไม่ใช่ของแท้ แล้วก็ไม่ใช่เตาหลอมฟ้าดิน ทว่าเป็นของปลอมเลียนแบบเตากระถางฟ้าดินที่หาได้ยากยิ่ง!”

“นี่ก็คือเตาหลอมที่ตัวข้าเตรียมไว้ให้เจ้า เจ้าสามารถหลอมยาได้อย่างเต็มที่ วางใจได้เลย เตาหลอมที่เป็นสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไม่มีวันระเบิดอย่างแน่นอน!” บุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เอ่ยปากด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่าเขาจะเป็นนักพรตหลอมเรือนกาย แต่กลับมีความระมัดระวังรอบคอบเป็นอย่างมาก เชิญป๋ายเสี่ยวฉุนมาหลอมยา สำหรับฉายามารโรคห่า แน่นอนว่าย่อมมีการเตรียมพร้อมรับมือไว้อยู่แล้ว ตอนนี้เตาหลอมไม่มีทางระเบิด รอบด้านก็ยังมีค่ายกลอานุภาพแข็งแกร่ง ปิดผนึกพื้นที่แห่งนี้อย่างแน่นหนา ไม่ว่าปราณใดๆ ก็ล้วนออกไปไม่ได้ เขาคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอน

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก เดินอ้อมเตาหลอมสังเกตดูอยู่หลายรอบ เห็นสิ่งที่ชอบก็คันไม้คันมืออยากทดลองทำ รู้สึกว่าตัวเองสามารถแสดงความถนัดโดยการนำสรรพคุณยาทั้งหมดที่ก่อนหน้านี้ทดลองทำไม่ได้ มาทดลองได้อย่างเต็มที่แล้ว

ทว่ายังคงรู้สึกไม่ค่อยวางใจจึงผินหน้าไปทางบุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิง

“เจ้าแน่ใจนะว่าเตาหลอมยานี้ไม่มีวันระเบิด?”

“ก็ต้องแน่ใจอยู่แล้วล่ะสิ!” บุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม สีหน้ามีความภาคภูมิใจ

“ดี ในเมื่อเจ้ามั่นใจขนาดนี้ ยานี่ ข้าเย่จั้งหลอมให้เลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตบเตาหลอม หัวเราะดังลั่น บุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงก็หัวเราะเช่นกัน มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาลึกล้ำ โบกมือขวาหนึ่งที ถุงเก็บของใบหนึ่งก็ลอยออกมา

แล้วจึงหมุนกายจากไป ผู้อาวุโสใหญ่เขาเส้าเจ๋อเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็ประสานมือคารวะป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วหมุนกายเดินจากไปเช่นกัน

ไม่นานในถ้ำก็เหลือแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียว เขามองเตาหลอมใหญ่ยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า ยิ่งฮึกเหิมเป็นกำลัง หยิบเอาถุงเก็บของขึ้นมาดู ด้านในมีพืชหญ้าปริมาณมาก ทั้งยังมีหินเพลิงโลหิต และแผ่นหยกอีกหนึ่งแผ่น

บันทึกในแผ่นหยกนอกจากตำรับยาเรือนกายโลหิตแล้ว ยังมี…วิชาลับหลอมเรือนกายของเขาเส้าเจ๋อเฟิง!

“วิชาเรือนกายปีศาจเลือด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนอ่านอย่างละเอียด จนกระทั่งรัตติกาลมาเยือน ในที่สุดเขาก็อ่านจบ หลังจากนั่งขัดสมาธิแล้วหลับตาลงก็เริ่มครุ่นคิดอย่างหนัก

ครู่ใหญ่เขาเปิดดวงตาทั้งคู่ขึ้น นัยน์ตาเผยแววประจักษ์แจ้ง

วิชาเรือนกายปีศาจเลือดนี้ ในความเป็นจริงแล้วก็คือสร้างขึ้นมาเพื่อลอกเลียนแบบบทมิวางวายจากมือยักษ์โดยมีนักพรตเขาเส้าเจ๋อเฟิงแต่ละรุ่นช่วยกันศึกษา

ซึ่งใช้รูปสัญลักษณ์เป็นหลัก แบ่งออกเป็นช้างดึกดำบรรพ์ ผีร้าย ภูตฟ้า ปีศาจเลือด!

ใช้ปราณเลือดของที่นี่มาหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อในกาย ใช้วิชาลับกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการและระเบิดพลังกำลังกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง

มองดูเหมือนเป็นการฝึกฝน แต่ในความเป็นจริงคือการเปลี่ยนแปลง…มีความคล้ายคลึงกับบทมิวางวายที่ป๋ายเสี่ยวฉุนฝึกฝน ทว่าการกระทำและเป้าหมายสวนทางกัน บทมิวางวายไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกาย แต่ปลดปล่อยพลังไร้ที่สิ้นสุดจากในกายออกมาภายนอก มีทั้งการโจมตีและการป้องกัน!

“แต่วิชาเรือนกายปีศาจเลือดนี้ก็มีจุดที่สามารถเอามาใช้ได้ เมื่อเอามารวมกันแล้วบางทีอาจทำให้ขั้นที่สองของเนื้อคงกระพันข้าฝ่าทะลุขั้นได้ในเร็ววัน!” หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนวิเคราะห์อย่างละเอียด จิตใจของเขาก็ห้าวเหิม เริ่มทดลองฝึก ท่ามกลางเสียงดังครั่นครืน ปราณเลือดรอบด้านไหลทะลักมาอย่างรวดเร็ว ตรงเข้ามาในร่างกายของเขา กระตุ้นเลือดเนื้อตามวิชาลับเรือนกายปีศาจเลือดอย่างต่อเนื่อง ควบคุมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนโครงสร้าง แต่กระตุ้นการโคจรของบทเนื้อคงกระพัน

หนึ่งคืนผ่านไป เช้าตรู่วันที่สอง เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาทั้งคู่ขึ้น ดวงตาของเขาเผยความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง

การฝึกตลอดคืนที่ผ่านมานี้ เทียบเคียงได้กับการฝึกในวันปกติของเขาสามวัน!

“ได้ผลจริงด้วย ฮ่าๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจ ยิ่งรู้สึกว่าสำนักธาราโลหิตแห่งนี้ก็คือสถานที่วิเศษของตน ขณะที่กำลังทอดถอนใจก็มองไปยังเตาหลอมใหญ่ยักษ์ด้านข้าง นัยน์ตาเขาเปล่งประกายแปลกประหลาด รีบยกมือขวาขึ้นตบไปด้านหน้า เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ฝาเตาหลอมยาพลันเปิดออก เขาบินพรวดขึ้นไปยืนอยู่บนเตาหลอม พอก้มหน้าลงมองก็ยิ่งใจสั่น

“ในเมื่อไม่มีวันระเบิด ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะสามารถทดลองใช้สรรพคุณยาทั้งหมดได้แล้ว!” ขณะที่กำลังจะลงมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหยุดชะงักไปแปบหนึ่ง

“ไม่ระเบิดจริงๆ หรือ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนลังเลเล็กน้อย

“ไม่สนแล้ว บุตรโลหิตเขาเส้าเจ๋อเฟิงผู้นั้นรับรองว่าไม่ระเบิดก็น่าจะไม่ระเบิดแหละน่า” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป นัยน์ตาฉายแววกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่ง เตรียมหลอมยาเตาใหญ่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!