บทที่ 339 สัมผัสกับพันธนาการขั้นที่สอง!
เสียงอสนีบาตก้องกังวาน สายฟ้าสีทองเส้นที่เก้าปรากฏตัวพร้อมเสียงกัมปนาทสนั่นหวั่นไหว ระดับความหนาของมันมีมากจนอาบย้อมให้นภากาศกลายเป็นสีทอง เมื่อมองไปก็ราวกับว่าไม่ใช่สายฟ้าเส้นเดียว แต่เป็นสายฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่แลบปลาบทั่วแผ่นฟ้า ตรงดิ่งเข้าหายาสีทองมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นขนาดหนึ่งจั้งของป๋ายเสี่ยวฉุน
การบีบอัดครั้งนี้จะเป็นการบีบอัดครั้งสุดท้าย!
ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามแหบพร่า ตบะตลอดทั้งร่างระเบิดออกอย่างสมบูรณ์แบบ วิชามิวางวายเคลื่อนโคจรเร็วถึงขีดสุด ทุกอย่างที่เขามี รวมไปถึงปณิธานของเขา จิตวิญญาณของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนระเบิดออกหมดอย่างไม่มีเหลือ บัดนี้เขาลืมสิ้นทุกสิ่ง ในสมองของเขาขุ่นคลั่กพร่ามัว แต่กลับมีจิตสำนึกหนึ่งที่ดังอึงอลขึ้นไม่หยุด…
“รวมยาอายุวัฒนะ ข้าต้องการเป็นอมตะ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแหงนหน้าคำรามอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ท่ามกลางความดุเดือดนี้ ร่างของเขากระโดดผลุงขึ้นหายาสีทองมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ตูมๆๆๆ!
เมื่อมองไกลๆ คล้ายว่าสายฟ้าและเงาร่างของเขากระแทกชนยาสีทองมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน!
บัดนี้ ฟ้าดินพร่าเลือน นภากาศเขย่าคลอน พื้นดินเกิดคลื่นซัดตลบ!
บัดนี้ แสงสีทองสาดส่องไร้ที่สิ้นสุด กลายมาเป็นสีสันเดียวของโลกใบนี้!
บัดนี้ สายฟ้าก็ดี ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ช่าง ทั้งหมดล้วนพร่าเลือน ต่างก็ผสานรวมเข้ากับ…ยาอายุวัฒนะเม็ดนั้น!
บัดนี้สนามรบตกอยู่ในภาวะชะงักงัน…สายตาของคนนับหมื่นจับจ้องไปยังจุดเดียวกัน!
บนท้องฟ้า สายฟ้าหายไป เรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนหายไป แม้แต่ยาสีทองมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นเม็ดนั้นก็ยังหายไปด้วย หรือบางทีสิ่งเหล่านั้นอาจจะไม่ได้หายไปไหน แต่ถูกกลบทับไว้ด้วยสีทองจัดจ้าไร้ขอบเขต
เมื่อมองออกไป ไม่มีสิ่งใดให้มองเห็น สิ่งเดียวที่อยู่ในเส้นสายตา…มีเพียงแสงสีทองที่ราวกับไร้ที่สิ้นสุดนั่น!
ไม่มีใครรู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนสำเร็จหรือว่าล้มเหลว บันทึกในคัมภีร์บอกไว้แค่ลักษณะคร่าวๆ ไม่ได้บันทึกขั้นตอนที่ละเอียดเอาไว้ พวกเขาจึงไม่สามารถเอามาช่วยวิเคราะห์ตัดสินได้
เวลานี้สิ่งที่ทำได้มีเพียงรอคอย!
และพลานุภาพสยบจากวิถีฟ้า มาบัดนี้ก็ได้ค่อยๆ จางหายไป เมื่อมันสลายไป สีทองบนนภากาศจึงเริ่มแผ่วจางลงไปด้วย…
ทุกคนล้วนสูดลมหายใจอย่างตื่นเต้น ทอดสายตามองภาพเหตุการณ์บนท้องฟ้าด้วยอารมณ์อันเดือดพล่าน…ในใจพวกเขาล้วนตระหนักได้ว่า บางที…นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาที่ได้เห็น…ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้า!
สำนักสยบธารก็ดี สำนักธารฟ้าก็ช่าง ทุกคนล้วนคิดแบบเดียวกัน
ส่วนชายหนุ่มรวมโอสถคนนั้นก็ยิ่งตัวสั่นราวตะแกรงร่อน เมื่ออยู่ภายใต้ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาพบว่าตัวเองบังเกิดความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่มีทางสำเร็จ ไม่มีทางสำเร็จ!!” สีหน้าของเขาบูดเบี้ยว คำรามแหบแห้งอยู่ในใจ
ทว่าวินาทีที่เขาแผดเสียงคำรามอยู่ในใจนั้นเอง ทันใดนั้นเมื่อแสงสีทองบนท้องฟ้าจางหาย ทุกคนล้วนมองเห็น…ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่กลางอากาศได้อย่างชัดเจน!
เขายืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาทั้งคู่หลับลง เส้นผมปลิวสยาย แขนทั้งสองข้างกางออก ตลอดทั้งร่างแผ่แสงสีทองระยิบระยับดุจดั่งเทพเซียน ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนที่มองโยกไหวสั่นคลอน
และเวลานี้เอง…ทันใดนั้น ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเบิกโพลง!
วินาทีที่ดวงตาของเขาลืมขึ้น เสียงอสนีบาตดังกระหึ่มขานรับกันไปแปดทิศ คลื่นตบะน่าหวาดกลัวระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่ครั่นครืนจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนออกไปรอบด้าน
นั่นไม่ใช่สิ่งที่นักพรตสร้างฐานรากสามารถทำได้ นั่นคือ…พลังของยาอายุวัฒนะ!!
“เป็นไปไม่ได้!” ชายหนุ่มรวมโอสถผู้นั้นร้องเสียงหลง เสียงฮือฮาฟังไม่ได้ศัพท์ดังออกมาจากในสำนักธารฟ้า ทั้งยังมีเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่งดังก้องออกมาจากปากของทุกคนในสำนักสยบธาร
“สำเร็จแล้วหรือ!!”
“บุรพาจารย์น้อย!!”
“เสี่ยวฉุน!!”
ท่ามกลางเสียงฮือฮานี้ ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเลื่อนลอยเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงพลังตบะในร่างกายที่พลุ่งพล่าน สัมผัสได้ว่าอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ได้ฟื้นตัวขึ้นมาหมดทุกด้าน ไม่ได้รู้สึกถึงเพียงพลังกล้ามเนื้ออย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกอยากลองอย่างหนึ่งที่ราวกับว่าแค่เขาโบกมือก็สามารถทำลายทุกสรรพสิ่งให้พินาศได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาฉงนสนเท่ห์
“ยาอายุวัฒนะแล้วหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำ เขาสัมผัสได้ว่ามหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นในร่างได้หายไปแล้ว แทนที่มาด้วย…ยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งที่กำลังกลิ้งซัดพลิกตลบไปมา!
ซึ่งนั่นก็คือ…ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้า!
ทุกครั้งที่ยาอายุวัฒนะเม็ดนี้กลิ้งตลบก็จะแผ่พลังตบะที่เหนือล้ำกว่าก่อนหน้านี้มากมายออกมา หรืออาจถึงขั้นที่ว่าพลังก่อนหน้ามิอาจเทียบได้ด้วยซ้ำ พลังตบะนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้ร่างกายของเขาคล้ายประสบพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดินครั้งหนึ่ง
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ได้มีแค่เพียงการเพิ่มขึ้นของอายุขัยเท่านั้น ยังมีลำดับชั้นของชีวิตที่ต่างไปจากเดิมนับแต่นี้ด้วย ถึงกระทั่งที่ว่าบัดนี้โลกทั้งใบในสายตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ราวกับว่ามีสีสันมากขึ้น ราวกับว่าเด่นชัดสดใหม่มากขึ้น และราวกับว่า…ยิ่งสนิทสนมใกล้ชิดมากขึ้น!!
ทั้งยังมีปราณวิถีฟ้าที่เข้มข้นยิ่งกว่าตอนสร้างฐานรากซึ่งระเบิดออกจากบนร่างของเขาแล้วผสานรวมเข้ากับฟ้าดินจนกลายมาเป็นความเชื่อมโยงที่มหัศจรรย์บางอย่าง ความเชื่อมโยงนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความวู่วาม ประหนึ่งว่า…เขาสามารถเรียกขานให้สายฟ้าฟาดผ่าลงมาได้!
อีกทั้งเขายังมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก เสมือนว่าตัวเขาในตอนนี้มีความรู้สึกคล้ายคลึงกับตอนที่อยู่ในโลกของบรรพบุรุษโลหิต ราวกับกลายมาเป็นคนโปรดของฟ้าดิน ทำให้ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองฟ้า ความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดจึงยิ่งเด่นชัดรุนแรง
“ยาอายุวัฒนะ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกำหมัดแน่น แหงนหน้าขึ้นฟ้าแผดเสียงคำรามยาว เสียงคำรามนี้เขย่าคลอนไปแปดทิศ ทำให้ทุกคนของสำนักสยบธารเปล่งเสียงไชโยกู่ร้องที่ดุเดือดมากกว่าเดิม!
“ข้าน่าจะ…ดำเนินการต่อได้อีก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก วิชาอมตะมิวางวายโคจรเร็วจี๋ พริบตานั้น ด้านหลังของเขาพลันปรากฏร่างอสูรขึ้นมาหนึ่งตน แล้วจึงตามมาด้วยตนที่สอง ตนที่สาม ตนที่สี่…
เมื่อร่างของอสูรตนแล้วตนเล่าปรากฏขึ้น ทุกตนที่เผยกาย พลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะระเบิดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งส่วน การระเบิดปะทุเช่นนี้ได้เหนือล้ำเกินกว่ารวมโอสถช่วงต้นทั่วไปแล้ว ทำเอาทุกคนตะลึงมองตาค้าง พวกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจไม่มีใจริษยา มีเพียงจับจ้องด้วยสายตาแห่งความเคารพ!
“เขา…เขายังไปต่อได้อีก?”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!!”
“นี่คือพลังกล้ามเนื้อ หรือว่าเขาคิดจะรวม…ยาอายุวัฒนะแห่งเนื้อหนังมังสา!!” คนจำนวนนับไม่ถ้วนโหวกเหวกกันขึ้นมาเสียงดัง
รวมโอสถบนสนามรบ เดิมทีก็ทำให้ทุกคนรู้สึกคาดไม่ถึงมากพออยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าที่กำราบคนทั้งสนามรบ ทว่าตอนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เพียงแต่รวมยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าได้สำเร็จ ยังระเบิดพลังกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง ทั้งยังทำท่าคล้ายจะดำเนินการต่ออีกด้วย นั่นทำให้นักพรตสำนักสยบธารและสำนักธารฟ้าต่างก็ใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งจนเริ่มกลายมาเป็นความเลื่อนลอย
ขณะที่พวกเขากำลังสับสนมึนงงกันอยู่นั้น ร่างอสูรตนที่ห้า ตนที่หก ตนที่เจ็ด ตนที่แปด…จนถึงตนที่เก้าได้จำแลงร่างออกมา ฟ้าดินส่งเสียงอึกทึกดังกึกก้อง ร่างอสูรใหญ่ยักษ์เก้าตนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทรงอำนาจเกรียงไกร!
สิ่งที่ได้รับการบำรุงจากการฝ่าทะลุครั้งนี้ นอกจากตบะแล้วยังมีร่างอสูรมิวางวายของเขาด้วย!
เวลานี้ร่างอสูรขนาดมหึหาทั้งเก้าตนเยื้องกรายมาเยือน ดุจดั่งกายธรรมเก้ารูปที่โอบล้อมรอบตัวเขา และคำรามแผดยาวไปพร้อมกับป๋ายเสี่ยวฉุน
เสียงคำรามดังเกินอสนีบาต เขย่าคลอนจิตวิญญาณทุกคน แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าในผืนป่าก็ยังส่ายไหวโอนเอน ทำให้นักพรตรวมลมปราณ สร้างฐานราก หรือแม้แต่รวมโอสถล้วนถูกสะเทือนจนตบะไม่มั่นคง
เสียงสูดลมหายใจเฮือกๆ ดังให้ได้ยินไม่หยุด เสียงร้องอุทานด้วยความตะลึงพรึงเพริดดังขึ้นๆ ลงๆ ไม่ขาดสาย!
และบัดนี้ วินาทีที่อสูรใหญ่เก้าตนปรากฏกายขึ้นมา ด้านข้างของมันก็เริ่มเผยให้เห็น…เงามายาของร่างอสูรตนที่สิบ ชั่วขณะที่เงามายานี้ปรากฏขึ้น ตลอดทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันสั่นเทิ้มรุนแรง
เขาสัมผัสได้ถึงพันธนาการชั้นที่หนึ่ง…ซึ่งดำรงอยู่ในร่างกาย!!
“ห้าพันธนาการของร่างกาย…”
ป๋ายเฉี่ยวฉุนประจักษ์แจ้งขึ้นมาโดยพลัน ปีนั้นเขาฝ่าทะลุพันธนาการชั้นที่หนึ่งหลังจากที่ฝึกผิวหนังคงกระพันได้สำเร็จสมบูรณ์แบบ และตอนนี้…พันธนาการชั้นที่สองจึงปรากฏขึ้น!
แม้ว่าจะไม่ได้ฝ่าทะลุ ทว่าเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเอง…สัมผัสได้ถึงพันธนาการชั้นที่สองของร่างกายแล้ว!
ความรู้สึกเช่นนั้นคล้ายมีภูเขาใหญ่สี่ลูกกดทับลงมาบนร่าง ก่อนหน้านี้สัมผัสไม่ถึง ทว่าเมื่อความเฉียบคมของร่างกายเพิ่มขึ้น เมื่อสังเกตอย่างละเอียด ทุกอย่างจึงเด่นชัดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทำให้เขารู้สึกวู่วาม อยากจะกระแทกโจมตีภูเขาใหญ่เหล่านี้ให้แตกทลาย อยากให้ตัวเองได้ปลดแอกอย่างแท้จริง ลุกขึ้นยืนได้อย่างแท้จริง!
“ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถรวมร่างวัชระมิวางวาย และหากเลื่อนขั้นเป็นร่างวัชระมิวางวายเมื่อไหร่ ข้าก็จะสามารถผสานรวม…ยาวัชระมิวางวายออกมาได้หนึ่งเม็ด!”
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความรอคอย ในใจเขาฮึกเหิม หลังจากที่ย้อนนึกถึงรายละเอียดบทที่สองของบทมิวางวายเสร็จ เขาก็กวาดสายตามองไปยังพื้นเบื้องล่าง จึงมองเห็นชายหนุ่มรวมโอสถผู้นั้น ซึ่งเวลานี้ร่างของชายหนุ่มรวมโอสถยังคงสั่นสะท้านไม่หยุด นัยน์ตาเผยความหวาดกลัวลนลาน
แทบจะวินาทีเดียวกับที่สายตาของคนทั้งสองประสานกัน ในที่สุดปราณวิถีฟ้าก็สลายไป แรงกดดันสลายไป!
ชายหนุ่มรวมโอสถขนตั้งชันไปทั้งร่าง ถอยกรูดออกไปทันที ไม่คิดจะสู้อีก เขาจำเป็นต้องถอย ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตอันตรายที่ร้ายแรงถึงขีดสุด
โดยเฉพาะเพียงแค่ประสานสายตากัน จิตวิญญาณของเขาก็เต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง คล้ายว่าสายตาของอีกฝ่ายได้กลายมาเป็นกระบี่แหลมคมสองเล่มที่เสียบแทงทะลุเข้ามาในดวงตาทั้งคู่ของตน ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือน หรือแม้แต่ยาดินที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ยั่งสั่นไหวขึ้นมา
แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่ชายหนุ่มรวมโอสถเตรียมจะหนี ในสำนักธารฟ้าก็มีจิตสัมผัสและเรือนกายหลายร่างคำรามอู้เข้ามาหมายช่วยเป็นกองหนุน แม้ความเร็วพวกเขาจะเร็วมาก ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ใกล้กว่า ความเร็วของเขา…ตอนที่สร้างฐานรากก็น่าตะลึงอยู่แล้ว บัดนี้ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้า ความเร็วจึงยิ่งเพิ่มมากกว่าเดิม!
“เจ้าหนีไม่รอดหรอก!” น้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นเยียบ คู่ต่อสู้ที่บีบให้ตนมีทางเลือกเพียงรวมโอสถ ทั้งยังทำให้ตนต้องเผชิญหน้ากับความตายครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ได้กระตุ้นจิตสังหารของเขาให้เดือดพล่านน่าหวั่นเกรง
ก้าวเดินออกมาหนึ่งก้าว ปีกด้านหลังปรากฏ กระพือพรึ่บหนึ่งครั้ง ชนาเขย่าภูเขาก็ยิ่งระเบิดออก ร่างของเขาพร่าเลือน มองดูเหมือนยังอยู่ที่เดิม มีเพียงเสียงอากาศที่ระเบิดรัวเป็นทอดๆ ดังสนั่นหวั่นไหวเท่านั้นถึงพอจะทำให้จับร่องรอยของเขาได้บ้าง พริบตาเดียวเขาก็แซงหน้าทุกคนมาปรากฏอยู่ข้างกายชายหนุ่มรวมโอสถผู้นั้น!
“เมื่อครู่นี้เจ้าตบข้าหนึ่งฝ่ามือ ข้าก็จะคืนเจ้ากลับไปหนึ่งฝ่ามือเช่นกัน!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นยะเยือกราวกับลมที่พัดในวันอากาศหนาวที่สุด เมื่อเสียงนั้นดังสะท้อนออกไปแปดทิศ มือขวาของเขาก็ยกขึ้นตบลงไปยังชายหนุ่มรวมโอสถ