Skip to content

A Will Eternal 515

บทที่ 515 เด็กดี ถือยาเอาไว้

ตอนที่คำว่านายทหารดังเข้าหูผู้ฝึกวิญญาณเฒ่า ผู้เฒ่าคนนี้ก็อึ้งไปก่อนครู่หนึ่ง รู้สึกตั้งรับไม่ทันเล็กน้อย ทว่าเขาก็ต้องหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ทึ่มทื่อไปทันที ในสมองก็ยิ่งมีเสียงดังอึงอล แม้แต่ลมหายใจก็ยังหยุดชะงัก ก่อนหน้านี้เดิมทีเขาก็สงสัยที่มาที่ไปของป๋ายเสี่ยวฉุนรวมไปถึงนักพรตนับพันอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงมีความหวังว่าตัวเองอาจจะเจอเข้ากับผู้ฝึกวิญญาณจากขั้วอิทธิพลอื่น

หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จะต้องหวาดเกรงอำนาจของราชาผียักษ์ที่หนุนหลังตน เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเขาคิดอยากจะมีชีวิตรอดก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรซะ…ราชาผียักษ์นั้นก็คือหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ คือหนึ่งในห้าครึ่งเทพของแดนทุรกันดาร น้อยคนนักที่กล้ามีเรื่องด้วย

ทว่า…พอได้ยินว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมาจากแผ่นดินทงเทียน นัยน์ตาของผู้เฒ่าก็เผยความสิ้นหวัง ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉายความเหี้ยมเกรียม ความเหี้ยมเกรียมนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตบพลั๊วะลงมาที่ศีรษะเขาหนึ่งที

“มัวยืนเซ่ออยู่ทำไม สายตานี้ของเจ้าหมายความว่าไงฮะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองผู้ฝึกวิญญาณเฒ่า ไม่พอใจกับสายตาของคนผู้นี้อย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวเองปราณีอีกฝ่ายมากแล้ว หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่นก็อาจสังหารผู้เฒ่าคนนี้ไปแล้วก็เป็นได้

แต่ตนกลับมีเมตตาจึงไม่ฆ่าอีกฝ่าย แค่กะว่าจะจับตัวอีกฝ่ายกลับไปยังกำแพงเมืองเพื่อแลกคุณความชอบมาก็เท่านั้น เพราะอย่างไรซะเชลยศึกก็แลกเอาคุณความชอบในการรบมาได้มากกว่า แต่เขากลับใช้สายตาดุร้ายมองตน นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สบอารมณ์

ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่ากัดฟัน แอบเคียดแค้นอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เขาก็เข้าใจดีว่าตนไม่มีทางเลือกอื่น หากไม่อยากตายอยู่ตรงนี้ก็ได้แต่อดทนข่มกลั้น เมื่อคิดถึงภูมิหลังของตัวเองที่อยู่ในนครผียักษ์ บางที…ทางฝ่ายกำแพงเมืองก็อาจจะไม่ฆ่าตน

ถอนหายใจอย่างขมขื่นอยู่ในใจหนึ่งครั้ง ก่อนที่ผู้เฒ่าจะกัดฟันก้มหน้า

“แบบนี้สิถึงจะถูก ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย” ป๋ายเสี่ยวฉุนตบหัวของผู้เฒ่าอีกหนึ่งครั้ง ตวาดด้วยความลำพองใจ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองมีบารมีมากแล้ว ดังนั้นจึงไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง ขณะที่กำลังจะสะบัดปลายแขนเสื้อพาทุกคนกลับกำแพงเมือง แต่เวลานี้เอง ทันใดนั้นกลางหลุมลึกข้างกายเขาที่ตลบอบอวลไปด้วยหมอกควันก็พลันมีเสียงคำรามหวีดหวิวดังออกมาเป็นระลอก

เสียงคำรามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนคุ้นเคยดี นั่นคือเสียงหวีดร้องของวิญญาณ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนสะดุ้งโหยง เขารีบถอยหลังออกห่าง มองไปยังหลุมลึกที่เต็มไปด้วยหมอกควันอย่างระมัดระวัง

หลุมลึกนี้มองดูแล้วใหญ่พอหมื่นจั้ง ลึกเท่าไหร่นั้นไม่รู้แน่ชัด หมอกควันที่อยู่ด้านในหนาแน่นเกินไป มองด้วยตาเปล่ามองไม่เห็นรายละเอียดที่แน่ชัด ต่อให้กวาดพลังจิตไปมองก็ยังเห็นแต่ความพร่าเลือน

ทว่าเสียงวิญญาณร้องโหยหวนเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดจากวิญญาณพยาบาทปริมานน้อยๆ วิเคราะห์จากเสียงเมื่อครู่ เกรงว่าคงเป็นเสียงคำรามของวิญญาณพยาบาทอย่างน้อยนับหมื่นตัว

“ไต้เท้า สถานที่แห่งนี้ผิดปกติ คล้ายมีผนึกทางธรรมชาติดำรงอยู่ พวกเรารีบถอนกำลังออกไปโดยเร็วเถอะขอรับ” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังระแวดระวัง นักพรตนับพันรอบด้านก็พากันทำหน้าเคร่งขรึม ก่อนที่จ้าวหลงจะเดินรุดหน้ามาหยุดอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเอ่ยเบาๆ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รู้สึกว่าที่นี่ผิดปกติ ไม่พูดถึงการถล่มสองครั้งติดต่อกัน ทั้งยังมีวิญญาณสัตว์ฟ้าปรากฏตัว และทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แต่…ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกำแพงเมืองหรือชนพื้นเมืองกลับไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบเลยแม้แต่คนเดียว

ราวกับว่าพวกเขาสัมผัสไม่ได้ถึงความแปลกประหลาดของที่แห่งนี้แม้แต่น้อย

ป๋ายเสี่ยวฉุนมีสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังหลุมลึกที่อบอวลไปด้วยหมอกควันอีกครั้ง แต่พอนึกว่าที่นี่ต้องมีวิญญาณพยาบาทจำนวนมากแน่นอน หากตนจากไปทั้งอย่างนี้ก็ออกจะน่าเสียดายเกินไปหน่อย

“นั่นมันคุณความชอบในการรบหลายคะแนนเชียวนะ…” ขณะที่กำลังครุ่นคิด ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปิดออก โคจรตบะในร่างผสานรวมเข้าไปในเนตรทงเทียน ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงเส้นหนึ่งแผ่ออกมาจากดวงตาที่สามของเขา เมื่อใช้เนตรทงเทียนมองเข้าไปในหลุมลึกที่คละคลุ้งด้วยหมอกควันอีกครั้ง หมอกหนาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

พอเห็นว่าได้ผลป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรีบเพิ่มตบะให้กรอกเทเข้าไปในเนตรทงเทียนมากขึ้น ทำให้แสงสีม่วงยิ่งเข้มข้น การสลายหายไปของหมอกควันก็เร็วขึ้นอีกเยอะมาก

ภาพนี้ไม่เพียงแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่มองเห็น ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าเองก็เห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่นักพรตนับพันที่อยู่รอบด้านก็ยังมองเห็นว่าหมอกควันสลายหายไป

เมื่อหมอกควันจางหายจึงเผยให้เห็นหลุมลึกใหญ่หมื่นจั้ง แม้ว่าจะมองไม่ออกว่าลึกมากเท่าไหร่ แต่กลับมองเห็นว่าในหลุมลึกมีวิญญาณเหลือคณานับล่องลอยไปมา!

ความมากของวิญญาณเหล่านี้ลำพังเพียงแค่ปากหลุมก็มากเป็นแสนตัว อีกทั้งในจำนวนนั้นยังมีไม่น้อยที่เป็นวิญญาณก่อกำเนิด…แค่ปากหลุมยังเป็นขนาดนี้ก็ยิ่งจินตนาการไม่ออกเลยว่าข้างในจะมีวิญญาณมากน้อยแค่ไหนกันแน่!

เกรงว่า…คงมากจนประมานการไม่ไหว!

ภาพนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเยือกไปทั้งร่าง นักพรตนับพันรอบด้านก็ยิ่งมีสีหน้าจริงจัง ม่านตาหดตัว

วิญญาณของที่นี่มีมากเกินไป ต่อให้บนร่างของทุกคนมียารวมวิญญาณติดตัว ทว่าหากวิญญาณในหลุมลึกระเบิดออกมาหมด พวกเขาย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย อีกทั้งยิ่งเห็นได้ชัดว่าปราณความอาฆาตของวิญญาณเหล่านั้นมีมากเกินกว่าวิญญาณอื่นๆ ที่พวกเขาเคยพบเห็นมา เมื่อเป็นเช่นนี้ หากทำให้วิญญาณพวกนี้พลุ่งพล่าน นั่นย่อมนำมาสู่ความอันตรายอย่างใหญ่หลวง

ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าเบิกตากว้าง ตอนที่มองอึ้งไปยังหลุมวิญญาณก็สะท้านสะเทือนไปกับทุกสิ่งที่เห็นเช่นกัน ไม่กล้ากระดุกกระดิกแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าเมื่อวิญญาณพยาบาทรวมตัวกันอยู่ด้วยจำนวนมากขนาดนี้ พลังความน่ากลัวที่แฝงเร้นของพวกมัน หากดึงความสนใจมาจากวิญญาณพยาบาทเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้นักพรตฆ่าเขาอีกแล้ว แค่วิญญาณของที่นี่ฉีกทึ้งร่างเขา เขาก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย อีกทั้งสภาพการตายก็ต้องอเนจอนาถอย่างถึงขีดสุด เพราะนั่นคือความน่าสยดสยองหลังจากถูกวิญญาณเขมือบกลืนเลือดเนื้อ

ติดตามคนมากมายกลับไปยังกำแพงเมือง ถึงแม้จะกลายมาเป็นเชลยศึก ทว่าบางทีอาจจะยังมีโอกาสได้รอดชีวิต แต่หากพยายามดึงดูดความสนใจของพวกวิญญาณอยู่ที่นี่ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่มีความหวังที่จะรอดชีวิตอีกแล้ว

ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกวิญญาณของแดนทุรกันดาร เขาจึงรู้จักวิญญาณเป็นอย่างดี

ยังดีที่ในสายตาของเขา วิญญาณเหล่านี้คล้ายจะอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่ออกมาจากปากหลุม ราวกับว่าขอแค่ไม่ไปรบกวน พวกมันก็จะไม่พุ่งเข้ามาโจมตี

คนอื่นๆ ก็พากันตะลึงพรึงเพริด ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถึงแม้จะชาไปทั้งหนังหัว แต่ตอนที่เขามองไปยังวิญญาณพยาบาทเหล่านั้น ความคิดในใจกลับแตกต่างออกไป ที่เขามองเห็นก็คือคุณความชอบในการรบจำนวนนับไม่ถ้วน!

“หากจับวิญญาณพวกนี้ไปได้หมดจะแลกเอาคุณความชอบในการรบมาได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ…แถมข้างในยังมีวิญญาณมากกว่านี้อีก สวรรค์ หากข้าสามารถจับพวกมันไปได้หมด ตำแหน่งผู้บังคับกองหมื่น…ก็จะไม่ได้เป็นแค่ความฝันอีกต่อไป!” ป๋ายเสี่ยวฉุนขบเม้มริมฝีปากตัวเองอย่างแรง จิตใจสั่นไหว แต่เขากลับลังเล เพราะอย่างไรซะวิญญาณของที่นี่ก็มีมากเกินไป ต่อให้เขามียารวมวิญญาณก็ยังอันตรายอยู่มาก

“ทางที่ดีที่สุดคือล่อพวกมันออกมาบางส่วน…หรือไม่ก็ให้วิญญาณพวกนี้กระจายตัวกันออกไป…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญ ถึงแม้ว่าตนจะมีหน้ากากปกป้อง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่มั่นคงมากพอ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด…เพียงแต่จะให้เขาถอดใจก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเกินไป ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดไปคิดมาก็ค่อยๆ ถอยห่าง บอกเป็นนัยให้นักพรตรอบด้านถอยออกมาระยะหนึ่ง ไม่ไปกระตุ้นวิญญาณพยาบาทเหล่านี้

จนกระทั่งนักพรตนับพันถอยออกมาได้หลายร้อยจั้งจนมาถึงระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปล่งวาบ ก่อนจะหันไปมองผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าที่ถูกจับตัวเอาไว้

เวลานี้ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าเพิ่งจะผ่อนลมหายใจออกมา แต่พอพบว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหันมามองตัวเอง เขาก็อึ้งงันไปครู่ และตอนที่หันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนเขาก็สังเกตเห็นประกายวาววับในดวงตาของอีกฝ่าย

ผู้เฒ่าใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม เขาไม่รู้ว่าผู้แข็งแกร่งรวมโอสถที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้คิดจะทำอะไรกับตน แต่เขามีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาเปิดปากพร้อมอาการตัวสั่น ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับหัวเราะดังหึ ใบหน้าแย้มยิ้ม ก่อนจะเดินรุดหน้าขึ้นมาตบไหล่เขา

“สหายนักพรต เมื่อครู่นี้เรื่องที่เจ้าแย่งวิญญาณสัตวฟ้าของข้า ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าช่วยทำอะไรให้ข้าอย่างหนึ่งดีไหม?”

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ ง่ายมาก ข้าจะให้ยาเจ้าหนึ่งเม็ด เจ้าเดินถือเข้าไปในหลุมนั้นแล้วบีบให้ละเอียด จำไว้ด้วยนะว่าต้องเดินเข้าไปก่อนแล้วค่อยบีบให้แตก เห็นไหม ง่ายจะตายไป” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าด้วยสายตากระตือรือร้น หยิบเอายารวมวิญญาณเม็ดหนึ่งออกมารอด้วยสีหน้าคาดหวัง

ผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นในสมองก็เกิดเสียงดังตูม ร่างสั่นเทิ้ม เบิกตากว้างมองป๋ายเสี่ยวฉุน ใกล้จะร้องไห้เต็มแก่

“ไต้เท้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้า…ข้ายินดีเป็นเชลย ข้ารู้ข้อมูลของนครผียักษ์มากมาย ข้า…ข้ามีคุณค่า!!”

“ข้ารู้ๆ มาๆๆ เด็กดี ถือยาเอาไว้นะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง ฝืนแงะมือของผู้เฒ่าให้แบออกแล้วยัดยารวมวิญญาณเม็ดหนึ่งไว้กลางฝ่ามือของเขา

“ไปเถอะ”

ผู้เฒ่าดิ้นรน ทั้งยังคำรามต่ำๆ

“ไม่ไป ไปก็เท่ากับไปตาย ข้าไม่มีทางไปเด็ดขาด!”

พอป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าผู้เฒ่ามีท่าทางเช่นนี้สีหน้าก็ไม่สบอารมณ์ทันที เขาโกรธมากจึงคำรามอย่างเดือดดาล

“เจ้ากล้าไม่ไปรึ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้คนพวกนี้ซ้อมเจ้าอีกรอบ จากนั้นค่อยโยนเจ้าเข้าไป วันนี้เจ้าอยากไปก็ต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป!” คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมา จิตสังหารของนักพรตนับพันที่อยู่รอบด้านก็พลันซัดตลบ ทุกคนจ้องเขม็งมาที่ผู้เฒ่า

ผู้เฒ่าตัวสั่นไม่หยุด ความคับแค้นอาดูรอัดแน่นเต็มอก เขาเข้าใจดี วันนี้ตนไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หากไม่ไป ยังไงเจ้าตัวหายนะเบื้องหน้านี้ก็ต้องโยนตนเข้าไปอยู่ดี

ด้วยความจนใจ ผู้เฒ่าจึงกัดฟันกรอด ดวงตาแดงฉาน ถือยาถลาออกไปข้างหน้าด้วยท่าทางพร้อมสู้ตาย หลังจากเดินออกมาได้หลายก้าวก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นระแวดระวัง ขยับเข้าไปใกล้หลุมลึกช้าๆ

แทบจะวินาทีเดียวกับที่เขาบินออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับถอยกรูดทันที นักพรตนับพันที่อยู่รอบด้านก็พากันถอยห่างออกไปหลายพันจั้งอย่างรวดเร็ว ตั้งท่าพร้อมร่ายความเร็วสุดกำลังเพื่อเผ่นหนีทุกเมื่อ

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ หลังจากถอยห่างมาได้พันจั้ง เขาก็หันกลับไปจ้องผู้เฒ่าที่พุ่งเข้าไปในหลุมลึกตาไม่กะพริบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!