บทที่ 554 ลึกลับสุดจะหยั่ง
เวลานี้จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปอยู่ในห้องหลอมพลังจิตจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก
แม้แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ในการประลองก็ยังมองไม่เห็นกัน
ทว่า…โจวอีซิงที่อยู่ในลูกแสงยังเลือกไม่ได้ว่าตัวเองจะเลือกการประลองไหนดี และขณะที่กำลังเลือกอยู่นั้น เขาพลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ หางตาเขาเหมือนจะเห็นแสงจากจุดใดจุดหนึ่งที่สว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอึ้งงันไปครู่ พอย้ายสายตาไปมองก็เห็นทันทีถึงจุดที่มีแสงสว่างไสว เห็นว่าด้านในลูกแสงนั้นคือป๋ายเสี่ยวฉุนที่หน้ากากหลุดมาอยู่ตรงหน้าอกจนเปิดเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
ลูกแสงของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้สว่างกว่าก่อนหน้านั้นเยอะมาก แถมเมื่อเทียบกับลูกแสงนับพันลูกก็มากพอจะติดห้าร้อยอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ
“เขาคือป๋ายเสี่ยวฉุนจริงๆ ด้วย! แต่นี่ออกจะเร็วเกินไปหน่อยไหม เขาเลือกการประลองอะไร!”
โจวอีซิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในใจรู้สึกไม่ยินยอม หลังจากสูดลมหายใจอยู่หลายครั้งก็ฝืนบังคับไม่ให้ตัวเองหันไปมองอีก แต่ใคร่ครวญต่อไปว่าตัวเองควรจะเลือกการประลองอะไร
เวลาเดียวกันนี้ ในห้องลับสำหรับการหลอมพลังจิต หลังจากหม้อกระดองเต่าดูดซับเอาไฟสิบเอ็ดสีไปหมด ภายใต้การรอคอยของป๋ายเสี่ยวฉุน
ใบไม้ที่อยู่ในหม้อกระดองเต่าก็พลันระเบิดแสงเจิดจ้ารุนแรงออกมา
แสงนี้บาดตายิ่งกว่าสิบครั้งก่อนหน้านี้รวมกันเสียอีก แสงสีเงินพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่สีของมันจะเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องมองตาไม่กะพริบก็เห็นกับตาตัวเองว่าลายเส้นสีเงินสิบเส้นทับซ้อนเข้าด้วยกัน สุดท้ายจึงกลายมาเป็น…เส้นสีทองหนึ่งเส้น!
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายความเข้าใจ ยังนึกไปว่าการหลอมพลังจิตครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว ทว่าเวลานี้เอง การเปลี่ยนแปลงก็พลันเกิดขึ้น วินาทีที่ลายเส้นสีทองปรากฏขึ้นบนใบไม้ ใบไม้นี้ก็สั่นไหวก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น…สีเขียว!
หลังจากที่สีเขียวนี้ปกคลุมไปทั่วทั้งใบไม้ในชั่วพริบตา พลังชีวิตก็แผ่ตามมา และภาพที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็ทำให้ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดตูมหนึ่งครั้งจนเขา ต้องร้องอุทานเสียงหลงทันที
“นี่…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
สายตาของเขาเห็นว่าใบไม้ที่เปลี่ยนมาเป็นสีเขียวนั้น รากของมันขยายออกมาอย่างรวดเร็ว แตกกิ่งก้านสาขาต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีใบไม้ผลิออกมาจากกิ่ง และกิ่งไม้นี้ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน…
ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมหายใจ เขามองเห็นคาตาว่ากิ่งไม้นี้สุดท้ายกลายมาเป็นลำต้น และบนลำต้นของมันก็มีกิ่งก้านแตกออกมาอย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย…กลายมาเป็นต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่งบนหม้อกระดองเต่า!!
ต้นไม้เล็กนี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตประหนึ่งดำรงอยู่จริง แสงสีทองที่อยู่ด้านบนนั้นเปล่งแสงแวววาว อีกทั้งเมื่อสมบัติชิ้นนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ตราประทับของป๋ายเสี่ยวฉุนที่นาบเอาไว้ก็คล้ายมีกำลังที่มองไม่เห็นลบเลือนร่องรอยทั้งหมด ทำให้ต้นไม้เล็กไม่ได้มีตราประทับของป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ด้านในอีก
“ใบไม้ใบหนึ่ง หลังจากผ่านการหลอมพลังจิตสิบเอ็ดครั้งกลับกลายมาเป็นต้นไม้ได้เลย!”
“ตราประทับก่อนหน้านี้ก็ถูกลบเลือนไปหลังผ่านการหลอมพลังจิตสิบเอ็ดครั้ง…”
“ลายเส้นสีเงินก็กลายมาเป็นลายเส้นสีทองดังที่คิดไว้จริงๆ!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนมาเป็นถี่รัวน้อยๆ เมื่อมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างละเอียดจึงค่อยๆ พบว่าต้นไม้นี่ไม่ได้คงลักษณะตายตัวอยู่ตลอดเวลา ทว่ากลับพร่าเลือนอยู่เป็นระยะ ราวกับว่ามีการแทนที่กันระหว่างใบไม้และต้นไม้เล็กๆ
ความพิเศษเชนนี้เหมือนกับลูกธนูวิญญาณไฟดอกนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
ยามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นสะท้าน การหลอมพลังจิตครั้งนี้ถือว่าล้ำค่าสำหรับเขาอย่างยิ่ง มันทำให้เขามีความเข้าใจและมีประสบการณ์ในการหลอมพลังจิตที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม ตอนนี้เขาจึงยกมือขวาขึ้นมาทำมุทราแล้วชี้ไปเพื่อทดลองดูว่าหากตนนาบตราประทับลงไปบนต้นไม้เล็กอีกครั้ง มันจะรับเขาเป็นนายหรือไม่
เมื่อตราประทับค่อยๆ นาบผนึกลงบนต้นไม้เล็ก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เข้าใจทันทีว่าหลังจากผ่านการหลอมพลังจิตสิบเอ็ดครั้งแล้ว ต่อให้ลักษณะจะแปรเปลี่ยนไป แต่ก็ยังถูกแสดงความเป็นเจ้าของได้อยู่ดี
“ถ้าเป็นเช่นนี้ วัตถุที่หลอมพลังจิตสิบครั้งก็เหมือนได้เกิดใหม่ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นของใครมาก่อนก็ล้วนถูกลบตราประทับออกไปหมดเพื่อรอโอกาสในการถูกแสดงความเป็นเจ้าของอีกครั้ง…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนขบริมฝีปาก ตอนนี้เขาลืมเป้าหมายแรกในการเลือกประลองหลอมพลังจิตไปแล้ว
ความสนใจของเขาล้วนมาอยู่ที่ตัวของการหลอมพลังจิตทั้งหมด
“สิบครั้งแรกคือลายเส้นสีเงิน สิบครั้งหลังก็อาจจะเป็นสีทอง แล้วหลังจากสีทองจะปรากฏเป็นลายเส้นแบบใด?” นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงลุกเรือง เขาหันไปมองที่แท่นหิน หลังจากมองเห็นว่าตรงนั้นมีไฟอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบไปหยิบอย่างไม่ลังเลแล้ว เริ่มหลอมพลังจิตต่อไปด้วยความคึกคัก
สิบสองครั้ง สิบสามครั้ง สิบสี่ครั้ง!
ลายเส้นสีทองบนต้นไม้เล็กเพิ่มมากขึ้น จากเส้นเดียวกลายมาเป็นสี่เส้น เวลาเดียวกันนั้นต้นไม้เล็กนี้ก็ยิ่งเติบโตแข็งแรง เริ่มค่อยๆ หนาใหญ่ กิ่งไม้ยิ่งเยอะ ใบไม้ยิ่งหนาแน่น และบนต้นไม้ใหญ่นี้ก็ถึงกับแผ่พลานุภาพสยบระลอกหนึ่งออกมา
พลานุภาพสยบนี้มากมหาศาล ต่อให้เป็นป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังรับสัมผัสได้อย่างรุนแรง เขาฮึกเหิมสุดขีด ถูกการหลอมพลังจิตดึงดูดไปอย่างสมบูรณ์แบบ! หลังจากมองต้นไม้ใหญ่ตาไม่กะพริบ
ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันหยิบเอาไฟสิบห้าสีออกมาหลอมพลังจิตอีกครั้ง
คราวนี้วินาทีที่หลอมพลังจิตสำเร็จ หม้อกระดองเต่าก็สั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
การสั่นสะเทือนแบบนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียว และแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากหม้อกระดองเต่าก็คล้ายจะสาดสะท้อนไปทั้งฟ้าดิน เจิดจ้าจับตาอย่างหาอะไรมาเปรียบมิได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจทันทีว่าครั้งที่สิบห้านี้…น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษเกิดขึ้นอีกครั้ง
“จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไหนกันแน่นะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเลียริมฝีปาก มองไปด้วยความตื่นเต้น ไม่นานแสงสีทองบนหม้อกระดองเต่าก็หายไป ต้นไม้ใหญ่ยิ่งหนาใหญ่โต และบนต้นของมันก็ถึงกับปรากฏ…พลังของคนฟ้าหนึ่งเสี้ยว!!
“คนฟ้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องอุทานด้วยความตกใจ สีหน้าเขาเผยความเหลือเชื่อ แม้ว่าเขาจะได้สัมผัสกับคนฟ้าไม่บ่อยนัก แต่อย่างน้อยในความรู้สึกของเขาตอนนี้ ต้นไม้ต้นนี้กลับมอบความรู้สึกของคนฟ้าให้แก่เขา
ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปลี่ยนมาเป็นถี่รัว เขาเดินรุดหน้าไปมองอย่างละเอียด ทั้งยังยกมือขึ้นสัมผัส วินาทีที่มือแตะเข้ากับต้นไม้ใหญ่นี้
ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเกิดความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับนภากาศอันกว้างใหญ่ไพศาลผ่านต้นไม้ต้นนี้
“การหลอมพลังจิตลึกลับสุดจะหยั่งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังออกไปหลายก้าว ดวงตาของเขาเผยความลุ่มหลง
ก่อนจะคว้าเอาไฟกลุ่มใหม่นนแท่นหินมาแล้วหลอมพลังจิตอีกครั้ง
ตูม!
สิบหกครั้ง สิบเจ็ดครั้ง สิบแปดครั้ง สิบเก้าครั้ง ยี่สิบครั้ง…
หลังจากหลอมพลังจิตติดๆ กันอีกห้าครั้ง ต้นไม้ก็ยิ่งมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะยึดครองพื้นที่ของทั้งห้องลับ มันยืนต้นสูงตระหง่านคล้ายจะแทงทะลุหลังคาห้องลับออกไปด้านนอก ความใหญ่ของต้นไม้นี้ขนาดป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองก็ยังไม่เห็นยอดของมัน ยังดีที่หม้อกระดองเต่าด้านล่างยังเหลือพื้นที่ให้เขาใช้หลอมพลังจิตได้ต่อ
บนต้นไม้ที่ใหญ่โตมโหฬาร เส้นสีทองสิบเส้นพร่างพราวจับตา ขณะเดียวกันในต้นไม้นี้ก็แผ่พลังของคนฟ้าออกมาทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น สีหน้าตะลึงพรึงเพริด
ระดับความแข็งแกร่งของพลังคนฟ้านี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนว่าที่ตั้งอยู่ด้านหน้าตนไม่ใช่ต้นไม้ แต่เป็นคนฟ้าคนหนึ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเฉินเห้อเทียนและหงเฉินหนวี่เสียอีก
ราวกับนี่คือพลังสูงสุดของคนฟ้า!
เหมือนลมพายุบ้าคลั่งที่หากสัมผัสโดนป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงเล็กน้อย ไม่ว่ากล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ร่างกายก็สามารถแหลกลาญได้ในชั่วพริบตา อีกทั้งในความรู้สึกของป๋ายเสี่ยวฉุน ต่อให้เฉินเห้อเทียนและหงเฉินหนวี่มายืนอยู่ตรงนี้ แม้ร่างกายจะไม่ดับจิตจะไม่สลายแต่ก็ต้องถูกบดขยี้จนมิอาจต้านทานได้อย่างแน่นอน!
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกตื่นเต้น เล็กน้อย เมื่อมองต้นไม้ใหญ่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเนื่องด้วยตราประทับของตนที่อยู่บนนั้น เพียงแค่ความคิดเดียวของตนก็สามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่นี้เชื่อฟังคำสั่งและกลายมาเป็นอาวุธวิเศษของตนได้ และเมื่อมีอาวุธวิเศษชิ้นนี้อยู่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าทั้งเฉินเห้อเทียนและหงเฉินหนวี่ก็หมดความหมายใดๆ!
“ข้า…ข้ามีหม้อกระดองเต่าอยู่กับตัวถึงสามารถหลอมสมบัติเช่นนี้ออกมาได้ ไม่รู้ว่าบนโลกนี้จะมีอาวุธล้ำค่าที่ผ่านการหลอมพลังจิตยี่สิบครั้งแบบนี้หรือไม่!!”
“หาก…หากข้าเอามันออกไปได้ ข้าก็รวยเละแล้ว ข้า…ข้าจะกลับสำนักสยบธารทันทีเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม ทว่าความฮึกเหิมนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นการคำนึงถึงผลได้ผลเสียอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าวัตถุชิ้นนี้ทรงพลังเกินไป เกรงว่าตนคงเอาออกไปไม่ได้…แต่ก็ยังคงมีความหวังว่าจะโชคดี มือที่สั่นเทาจึงเอื้อมไปหยิบไฟกลุ่มใหม่บนแท่นหินแล้วกดลงไปบนหม้อกระดองเต่า
“ยี่สิ่บเอ็ดครั้ง!”
ขณะเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังหลอมพลังจิต โจวอีซิงที่อยู่ข้างนอกก็ขนลุกขนพองไปทั้งร่าง เดิมทีเขาเลือกการประลองได้แล้ว และกำลังเตรียมจะเข้าไป แต่ทันใดนั้นกลับพบว่าแสงของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยิ่งสว่างไสวมากกว่าเดิม
และก็เพราะแสงของป๋ายเสี่ยวฉุนสว่างเจิดจ้าเร็วเกินไป พอโจวอีซิงหันไปเห็นว่า มันสว่างกว่าก่อนหน้านี้อีกหลายเท่า เขาก็มองตาค้างอ้าปากกว้าง เห็นกับตาตัวเองว่า เมื่อแสงสว่างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกแสงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็จ้าบาดตาจนเกือบจะแซงหน้าลูกแสงทุกลูกที่อยู่รอบด้านไปแล้ว!!
ต่อให้เป็นลูกแสงของพวกคนที่เข้ามาก่อนป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อเปรียบเทียบกับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าลูกแสงของพวกเขาเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย ตลอดทั้งความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ เดิมทีลูกแสงของหงเฉินหนวี่เป็นคนเดียวที่นำหน้าทุกคนไป ทว่าตอนนี้…กลับมีป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มขึ้นมาอีกคน!
ถึงแม้ว่าลูกแสงของป๋ายเสี่ยวฉุนจะยังไม่สว่างเท่าของหงเฉินหนวี่ ทว่าเมื่ออยู่ในความว่างเปล่านี้กลับพร่างพราวไร้ที่สิ้นสุด แถมดูท่าแล้วหากคิดจะไล่ตามให้ทันหงเฉินหนวี่…ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ภาพเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งแหล่ทำให้ลูกตาของโจวอีซิงแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ในสมองของเขามึนงง รู้สึกว่าตัวเองน่าจะตาฝาด ทว่าหลังจากขยี้ตาตัวเองอย่างแรงกลับค้นพบด้วยความตะลึงลานว่าตน…ไม่ได้มองผิดไป
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร!! บัดซบ หรือว่าเขา…หรือว่าเขาอาจจะได้ที่หนึ่งไปครอง?” โจวอีซิงกัดฟัน คำรามเกรี้ยวกราด อิจฉาป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขีดสุด