Skip to content

A Will Eternal 644

บทที่ 644 ความลับใหญ่เชียวนะ

“เจ้า!!” สวีซื่อโหย่วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใจอยากปฏิเสธ ทว่าความทรมานของเขาตอนนี้ไม่ได้น้อยไปกว่านักโทษคนอื่นๆ ที่กินยาเข้าไปเลย หรืออาจจะถึงขั้นมากกว่าด้วยซ้ำ…

เพราะอย่างไรซะคนอื่นๆ นั้นมิอาจระเบิดอารมณ์ออกมาได้ ทว่าตัวเขาเนื่องจากความพิเศษของร่างกาย ดังนั้นจึงทนข่มกลั้นได้ยากลำบากมากกว่า

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เขายังรู้สึกด้วยว่าตนทำเช่นนี้ออกจะไร้ยางอายไปสักหน่อย…นี่คือการฉวยโอกาสยามที่ผู้อื่นเดือดร้อน คือการขู่บังคับในยามที่สวีซื่อโหย่วตกอยู่ในช่วงเวลาคับขันมากที่สุด

“เจ้าก็พูดมาสิ หากพูดแล้วข้าจะให้เจ้าเม็ดหนึ่ง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง

สายตาของสวีซื่อโหย่วฉายประกายเร่าร้อน ความร้อนระอุที่แผ่ไปทั่วร่างของเขาในยามนี้เหมือนมีเปลวเพลิงไหลรินไปทั่วเส้นชีพจรของเขา ทำให้เขายืนหยัดได้แค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจก็ต้องเปิดปากพูดคำตอบที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องการรู้ออกมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ได้ผิดคำพูด พอได้ยินคำตอบนี้จึงโยนยากระสันซ่านในมือไปให้สวีซื่อโหย่วทันที พอเห็นว่าสวีซื่อโหย่วกินเข้าไปแล้วร่างก็แดงแปร๊ดไปทั้งตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ได้แต่ทอดถอนใจพร้อมสีหน้าปั้นยาก

“เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เจอเรื่องแบบนี้ ดูท่ายากระสันซ่านของข้าคงต้องมีการปรับแก้กันสักหน่อยแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้องอย่างมาก สังเกตดูสวีซื่อโหย่วอยู่พักหนึ่งถึงได้ลุกขึ้นยืนหมายจากไป

ทว่าชั่วขณะที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องขัง ด้านหลังของเขาก็มีเสียงคำรามต่ำๆ อย่างร้อนรนและบ้าคลั่งของสวีซื่อโหย่วดังลอยมา

“สหายนักพรตป๋ายโปรดหยุดก่อน เจ้า…เจ้ายังมียาแบบนั้นอีกหรือไม่ ขอให้ข้าเพิ่มอีกหน่อย!!”

“ข้า…ข้าขาดอีกแค่นิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น เจ้าให้ข้าเพิ่มอีกนิดได้หรือไม่…” สวีซื่อโหย่วตาแดงก่ำ สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาเผยความกระหายใคร่รุนแรง

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตกตะลึงอีกครั้ง

“เจ้ากินไปตั้งสามเม็ดแล้วนะ!! เจ้าอยากตายหรือไง ยานี่กินมากไปไม่ใช่เรื่องดี!”

“เจ้าให้ข้าอีกสามเม็ด…สหายนักพรตป๋าย ขอร้องล่ะ ให้ข้าอีกสามเม็ดเถอะ!!”

สวีซื่อโหย่วพูดจนเกือบจะเป็นวิงวอน

เขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ายาของป๋ายเสี่ยวฉุนจะสร้างอิทธิพลให้กับตนได้มากขนาดนี้ พลังร้อนลวกในร่างกายที่แทบจะแผ่ออกมาตามสัญชาตญาณเช่นนี้กลับทำให้ตบะของเขาที่ถูกทำลายไปเกิดลางว่าจะฟื้นคืนกลับมา เดิมทีหลังจากถูกทำลายตบะเขาก็หมดหวังไปแล้ว ทว่าตอนนี้เมื่อความหวังลุกโชนขึ้นมาใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญกับเขาอย่างยิ่ง

“ไม่ได้ เจ้ากินเยอะเกินไปก็เปลือง” มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยินยอม ในแดนทุรกันดารแห่งนี้เขาไม่สามารถหลอมยาได้ ที่เหลืออยู่ในถุงเก็บของพอเอามาใช้เม็ดหนึ่งก็เหลือน้อยเม็ดหนึ่ง พอคิดว่าหากไม่มียานี้ ชื่อเสียงแส้ทมิฬของตัวเองเกรงว่าคงมิอาจรักษาเอาไว้ได้ ดังนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด หมุนกายได้ก็เดินจากไปทันที

“สหายนักพรตป๋าย ข้า…ข้ามีความลับหนึ่ง ข้ายินดีแลกความลับนี้กับยาสามเม็ดของเจ้า!”

“ไม่สนใจ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหลียวหลัง ขณะที่เท้ากำลังจะก้าวออกไปจากประตูห้องขัง กำลังจะเดินออกไปจากขอบเขตของหมอกดำ สวีซื่อโหย่วก็ให้ร้อนรนยิ่งนัก ดวงตาทั้งคู่ของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดจำนวนมาก แล้วอยู่ๆ ก็คำรามกร้าวออกมา

“ความลับนี้เกี่ยวข้องกับนครผียักษ์ ใครที่ได้รู้ อาจไม่ถึงกับสามารถควบคุมนครผียักษ์ได้ แต่ขอครึ่งเทพไม่ปรากฏตัวก็ถือว่าเป็นการรักษาชีวิตอย่างหนึ่ง!”

สวีซื่อโหย่วละล่ำละลั่กเปิดปาก

ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินประโยคนี้ ฝีเท้าจึงหยุดชะงัก หันกลับมามองสวีซื่อโหย่วอย่างคลางแคลงใจ

พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหันกลับมา สวีซื่อโหย่วก็พลันปิติยินดี รีบพูดความลับนี้ออกมาอย่างรวดเร็วด้วยเสียงแผ่วเบา ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังไปฟังมาลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้น ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า

“เจ้าว่าอะไรนะ ในนครผียักษ์มีค่ายกลนำส่งหลายร้อยหลัง? สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วในนคร? ในบรรดานั้นมีค่ายกลนำส่งอยู่หลายหลังที่สามารถส่งคนออกไปนอกรัศมีแสนลี้?”

“และยังมีกลไกอีกหลายจุด? หนึ่งในนั้นมีสัตว์กลไกอยู่ตัวหนึ่ง แม้ว่าจะกระตุ้นใช้ได้แค่ครั้งเดียวโดยที่เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ทว่ากลับมีพลังเทียบเคียงกับคนฟ้า??”

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน หัวใจเขาเต้นรัวแรงดังตุบๆๆ เลือดทั้งร่างไหลบ่ามายังสมอง ตามคำบอกว่าสวีซื่อโหย่ว บรรพบุรุษของเขาคือปรมาจารย์ด้านค่ายกลคนหนึ่งที่มีฝีมือหายากในแดนทุรกันดาร เคยเข้าร่วมการสร้างนครผียักษ์ รับผิดชอบสร้างและจัดวางค่ายกลทั่วทั้งนครผียักษ์

และปีนั้นบรรพบุรุษของสวีซื่อโหย่วถูกราชาผียักษ์รุ่นแรกบีบบังคับจึงได้แต่ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดสร้างค่ายกลใหญ่ให้กับนครผียักษ์ แต่เขากลับรู้ดีว่าการทำเรื่องแบบนี้อาจมีความเป็นไปได้ถึงแปดเก้าส่วนที่เขาจะถูกฆ่าปิดปาก  ปีนั้นบรรพบุรุษของสวีซื่อโหย่วจึงได้สร้างทางหนีทีไล่ให้กับตัวเองอย่างลับๆ

ในบรรดาสิ่งปลูกสร้างของนครผียักษ์ เขาทิ้งจุดซุ่มโจมตีที่เหมือนค่ายกลในค่ายกลไว้จำนวนไม่น้อย ทั้งยังผสานรวมทางหนีทีไล่ของตัวเองเข้ากับค่ายกลใหญ่ของนครผียักษ์ แถมยังปิดบังราชาผียักษ์ได้ด้วย

น่าเสียดายก็แต่ถึงแม้เขาจะหลอกราชาผียักษ์รุ่นที่หนึ่งได้ ทว่าสุดท้ายยังไม่ทันหนีได้สำเร็จก็ถูกราชาผียักษ์รุ่นที่หนึ่งสังหารไปเสียก่อน และก่อนที่จะตาย เขาก็ได้บอกความลับทั้งหมดนี้ให้กับคนรุ่นหลังของตัวเอง

ก็ไม่รู้ว่าความลับนี้ถ่ายทอดกันมาและเก็บรักษากันมาอย่างไรถึงได้ไม่เล็ดรอดไปถึงหูของราชาผียักษ์รุ่นที่หนึ่ง ตอนนี้กาลเวลาผันผ่านไปยาวนานหลายปี ราชาผียักษ์ได้สืบทอดกันมาจนถึงรุ่นที่เก้า และราชาผียักษ์รุ่นที่เก้าของทุกวันนี้ก็อาจจะยังไม่รู้เลยว่าในนครผียักษ์มีความลับเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่

ทว่าสวีซื่อโหย่วกลับจำได้ขึ้นใจ ที่เขาไปปล้นเอาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นมาก็เพราะหมายจะเปิดใช้ค่ายกลในนครผียักษ์ อีกทั้งตามคำบอกของเขา หลายปีมานี้เขาเองก็เคยแอบไปยังที่ตั้งของค่ายกลเหล่านั้น ต่อให้เวลายาวนานจะทำให้ค่ายกลหลายแห่งผุพัง แต่กระนั้นก็ยังมีส่วนหนึ่งที่สามารถใช้งานได้

เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องใช้ยาวิญญาณจำนวนมากถึงจะเปิดใช้ได้ และทรัพย์สินที่เขาสะสมไว้ก็ยังไม่มากพอ…ดังนั้นคราวนี้เมื่อโดนพระยาท่านนั้นเล่นงาน สวีซื่อโหย่วก็ได้แต่กล้ำกลืนความเคียดแค้น ไร้ความสามารถจะอาศัยค่ายกลนำส่งหนีไปหรือเอาคืนได้

อีกอย่างเขาเองก็เข้าใจดีว่าหากใช้ค่ายกลนำส่งเหล่านั้นเมื่อไหร่ คนแรกที่จะไม่ปล่อยเขาไปก็คือราชาผียักษ์

ทั้งหมดนี้ทำให้ในหัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดคลื่นลูกใหญ่ถาโถม เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่สวีซื่อโหย่วพูดเป็นจริงหรือเท็จ หากเป็นเท็จก็ยังพอทำเนา

ทว่าหากเป็นจริงขึ้นมา…ถ้าเช่นนั้นระดับความสำคัญของมันที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนก็เรียกได้ว่าไร้คำบรรยายเลยทีเดียว

“นี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นโอกาสรอดชีวิตของข้าเลยนะ หากค่ายกลเหล่านี้มีอยู่จริง ตอนที่ตระกูลป๋ายตามมาสังหารข้า ขอแค่ข้าหนีออกไปจากคุกมารได้ก็สามารถเผ่นหนีไปได้ไกลแสนไกล หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว!!” ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน เขาพยายามปรับลมหายใจของตัวเองให้นิ่งสงบ หลังจากถามรายละเอียดที่ตั้งของค่ายกลนำส่งจนได้คำตอบว่าในนครผียักษ์แห่งนี้มีค่ายกลทั้งหมดสามร้อยเจ็ดสิบเอ็ดหลังแล้ว เห็นว่าสวีซื่อโหย่วร้อนรน ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงโยนยากระสันซ่านสามเม็ดไปให้

ยากระสันซ่านสามเม็ดนี้ถูกสวีซื่อโหย่วกลืนเข้าปากทันทีทันใด ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแดงก่ำ ความร้อนที่แผ่ซ่านคล้ายไประเบิดเส้นชีพจรทั้งหมดในร่างที่ถูกอุดตัน ร่างทั้งร่างจึงสั่นเทิ้มรุนแรง นัยน์ตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความลังเล เขากำลังคิดว่าควรจะฆ่าคนปิดปากดีหรือไม่

เห็นได้ชัดว่าการฆ่าปิดปากเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุด หากเรื่องค่ายกลนำส่งเป็นความจริง ถ้าเช่นนั้นหากคนผู้นี้นำไปบอกกับคนอื่นอีกก็จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“คนผู้นี้ใจดำอำมหิต ไม่ใช่คนดีอะไร และเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ยาของข้าต้องมีประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก ที่เขายอมพูดสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่คิดถึงผลร้ายที่อาจตามมา…” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งวาบ

“เรื่องนี้คือแผนลวง! หึ เจ้าคนชั่ว ข้าก็ไม่โง่นะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนครุ่นคิดอยู่ในใจ ความรู้สึกที่ว่าตนมีข้อได้เปรียบทางสติปัญญาทำให้เขาหลุบตามองต่ำไปยังสวีซื่อโหย่ว ไม่นานนัก สวีซื่อโหย่วก็แผดเสียงคำราม ตัวสั่นสะท้านอยู่พักหนึ่งเขาก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด เหงื่อกาฬแตกโซมไปทั้งร่างเหมือนคนตากฝน เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็มองป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วพลันคลี่ยิ้ม

“ข้านึกไม่ถึงว่าตัวเองจะยังสามารถลืมตาทั้งที่มีชีวิตอยู่ได้ เดิมนึกว่าเมื่อเจ้าฟังความลับเมื่อครู่นี้ไปแล้วจะลงมือกับข้าทันที” เขาเองก็อับจนหนทางเหมือนกัน พอรู้ว่ายานี้มีประโยชน์กับตน เขาก็ได้แต่ลองเดิมพันดูสักตั้ง หากป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ยังมีไพ่ตาย สามารถทำให้อีกฝ่ายเสียใจเมื่อไปถึงค่ายกลเหล่านั้น

“เจ้าไม่ได้ลงมือกับข้าทันทีก็เท่ากับให้โอกาสข้าได้พูดต่อ ป๋ายฮ่าว ในบรรดาค่ายกลสามร้อยกว่าหลังนี้ยังมีค่ายกลลับอีกยี่สิบเจ็ดแห่งที่จำเป็นต้องใช้ตราฝ่ามือพิเศษถึงจะเข้าไปได้ หาไม่แล้วจะถูกขับออก หากแม้แต่เข้าไปในค่ายกลก็ยังทำไม่ได้ก็ยิ่งไม่ต้องหวังว่าจะให้ค่ายกลนำส่งได้เลย อีกอย่างค่ายกลเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนจะนำส่งไปหากันเอง มีเพียงแห่งเดียว…ที่ถึงจะสามารถส่งออกไปนอกรัศมีแสนลี้ได้!”

“ป๋ายฮ่าว ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนทรยศต่อตระกูลป๋าย ทั้งยังถูกราชาผียักษ์สั่งขัง คิดว่าเจ้าเองก็คงพยายามหาทางหนีไปจากที่นี่ตลอดเวลา หากตอนเจ้าหนีก็จงพาข้าไปด้วย ข้าจะช่วยเจ้าเปิดค่ายกลลับทั้งยี่สิบเจ็ดแห่งเอง ขณะเดียวกันก็จะพาเจ้าไปยังค่ายกลนำส่งที่สามารถส่งออกไปไกลแสนลี้ด้วย!

มิฉะนั้นเจ้าเองก็หนีไม่รอด ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลย ค่ายกลนำส่งแสนลี้ก็คือค่ายกลลับ เจ้าเข้าไปไม่ได้!” ดวงตาทั้งคู่ของสวีซื่อโหย่วเผยความเจ้าเล่ห์เด่นชัด เขาเอ่ยปากเนิบช้า ในใจมาดมั่นว่าไม่ว่าอย่างไรป๋ายเสี่ยวฉุนก็ต้องตอบรับเงื่อนไขของตน เมื่อเป็นเช่นนี้หากหนีไปได้ ระหว่างที่นำส่งตนก็มีวิธีที่จะสังหารป๋ายฮ่าวผู้นี้ก่อนแล้วค่อยหนีไปเพียงลำพัง

“ช่วยไม่ได้ ยานั่นมีประสิทธิภาพมหัศจรรย์ต่อข้า ในถุงเก็บของของป๋ายฮ่าวผู้นี้ต้องยังมีอีกไม่น้อยแน่นอน” สวีซื่อโหย่วสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจบังเกิดความละโมบอย่างเข้มข้น

“ค่ายกลลับ หากไม่มีตราฝ่ามือที่พิเศษ คนนอกก็เข้าไปไม่ได้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ถูกต้อง!” สวีซื่อโหย่วหัวเราะเบาๆ อย่างลำพองใจ

“เจ้าหมายความว่าคนนอกแค่ถูกขวางอยู่ภายนอก เข้าไปไม่ได้เท่านั้น ทว่าหากลองสัมผัสดูกลับไม่มีอันตรายใดๆ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนถามอีกหนึ่งประโยคด้วยสีหน้าประหลาด

สวีซื่อโหย่วตะลึง ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ถ้างั้น…ขอแค่เข้าไปในค่ายกลได้ก็สามารถเปิดใช้ค่ายกลได้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ถามเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

“เจ้าคิดจะถามอะไรกันแน่ พูดเหลวไหลอยู่ได้ ขอแค่มีตราประทับฝ่ามือที่พิเศษก็เหมือนการเปิดประตูนั่นแหละ พอเข้าไปในค่ายกลนำส่งได้ก็ย่อมเปิดใช้ได้”

สวีซื่อโหย่วหงุดหงิดนิดๆ เขามั่นใจว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในกำมือของตัวเองแล้ว เป้าหมายของคนทั้งสองเหมือนกัน ร่วมมือกับตนอีกฝ่ายมีแต่ได้ ทว่าหากไม่ร่วมมือกับตน นอกเสียจากจะฆ่าตน หาไม่แล้วหากตนคิดจะทำลายหนทางการมีชีวิตอยู่ของอีกฝ่ายก็แค่พูดเรื่องค่ายกลนี้ให้คนอื่นรับรู้ก็สิ้นเรื่องแล้ว

“เจ้า…แน่ใจหรือ?” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งประกาย แต่เพื่อความมั่นคงเขาจึงต้องถามย้ำอีกหนึ่งประโยค

“ข้าแน่ใจ!” สวีซื่อโหย่วขมวดคิ้วมุ่น เขาเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ แล้ว แต่คิดไม่ออกว่าปัญหาอยู่ตรงไหน

ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินมาถึงตรงนี้ก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ คลี่รอยยิ้มออกมาบนใบหน้า ทว่าเมื่อรอยยิ้มนี้อยู่ในสายตาของสวีซื่อโหย่วกลับทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันใด

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกมือขวาขึ้นแล้วชี้นิ้วออกมา ทันใดนั้นลมวูบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะปะทะมายังหว่างคิ้วของสวีซื่อโหย่วแล้วทะลุทะลวงผ่านไป

“เจ้า…” สวีซื่อโหย่วเบิกตากว้าง นัยน์ตาเผยความเหลือเชื่อ เขาพูดอย่างละเอียดชัดเจนดีแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าฆ่าตนจริงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!