Skip to content

A Will Eternal 647

บทที่ 647 พวกเราไปปล้นเขากันเถอะ

“ไม่ทำ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตอบกลับอย่างไร้ซึ่งความลังเล เขายังถึงขนาดกลอกตามองค้อนอยู่ในใจด้วย สำหรับเขาแล้วการซื้อขายก้อนใหญ่แค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตน้อยๆ ของเขา

แถมตอนนี้ด้านนอกยังโกลาหลวุ่นวาย สามตระกูลใหญ่ต่างก็กำลังตามหาร่างจริงของราชาผียักษ์ สำหรับสามตระกูลใหญ่แล้ว ยามนี้คือช่วงเวลาที่พวกเขาคลุ้มคลั่งกันมากที่สุด และแน่นอนว่าย่อมเป็นช่วงเวลาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอันตรายมากที่สุด

ประมุขตระกูลป๋ายต้องฉวยโอกาสความวุ่นวายครั้งนี้ลงมือปลิดชีพตนแน่นอน…

เวลาอย่างนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีกะจิตกะใจจะทำการซื้อขายอะไรทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่คือคำพูดที่หลุดออกจากปากเจ้าเต่าน้อย แล้วยิ่งรวมเข้ากับปัญหาที่เจ้าเต่าน้อยก่อขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงยิ่งไม่อยากสนใจ เขาดึงมือของหัวหน้ากองเพราะกลัวว่าจะเดินช้า รีบดิ่งไปยังประตูใหญ่ของคุก

ตอนนี้คนในคุกต่างก็กระวนกระวายหวาดผวา ผู้คุมเป็นเช่นนี้ พวกนักโทษก็เป็นเช่นเดียวกัน ผู้คุมทั้งกลุ่มพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดจนเกือบจะถึงประตูใหญ่อยู่แล้ว

“เฮ้ย เจ้าอย่าทำแบบนี้สิ การซื้อขายครั้งใหญ่จริงๆ นะ พันปีก็ยากจะพบพาน ข้าวางแผนมานานมากแล้ว ขาดแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ไอ้หนูป๋ายเจ้าอย่าเพิ่งไปสิ!”

เจ้าเต่าน้อยเริ่มร้อนใจเสียแล้ว มันถึงกับบินออกจากถุงเก็บของมาอยู่บนไหล่ของป๋ายเสี่ยวฉุน ถลึงตาพูดด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่แม้แต่จะชายตามองเจ้าเต่าน้อย ห้อทะยานจากไปไกล ครั้งนี้เจ้าเต่าน้อยร้อนรนจริงๆ แล้ว มันหันกลับไปมองด้านหลัง ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้วพูดเร็วปรื๋อส่งข้อความเสียงไปให้ป๋ายเสี่ยวฉุน

“ไอ้หนูป๋าย ข้ารู้ว่าตัวจริงของราชาผียักษ์อยู่ที่ไหน!!” เจ้าเต่าน้อยเองก็ทุ่มสุดตัวแล้วเหมือนกัน เดิมทีมันคิดจะใช้ข่าวนี้มาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับป๋ายเสี่ยวฉุน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะดื้อรั้นฟังไม่เข้าหู ไม่แยแสมันแม้แต่น้อย ดังนั้นมันจึงรีบพูดความจริงออกมา ในสายตาของมัน ประโยคนี้ต้องทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตกตะลึงจนรีบซักถามตนแน่นอน

และความเป็นจริงปฏิกิริยาตอบสนองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ต่างไปจากที่เจ้าเต่าน้อยคิดไว้เท่าใดนัก…หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง หันขวับมามองเจ้าเต่าน้อยทันที

“ว่าไงนะ!!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้นน้อยๆ ข่าวนี้ได้มากะทันหันเกินไป สามตระกูลใหญ่ที่อยู่ด้านนอกกำลังควานหาตัวจริงของราชาผียักษ์กันอย่างบ้าคลั่ง แต่เจ้าเต่าน้อยกลับรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

ทว่าตกใจก็เป็นเรื่องของตกใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ฝีเท้าไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย ยังคงตรงดิ่งไปยังประตูใหญ่ของคุก

“เจ้ารู้ก็รู้ไปสิ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าขอบอกไว้เลยนะเจ้าเต่าน้อย ตอนนี้ชีวิตน้อยๆ ของนายท่านสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนกรานเด็ดเดี่ยว เขาไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องระหว่างราชาผียักษ์และสามตระกูลใหญ่หรอกนะ มันอันตรายเกินไปสำหรับเขา

“อย่าสิ ไอ้หนูป๋ายเจ้าฟังข้าพูดก่อน สมควรตายนัก เจ้าวิ่งช้าๆ หน่อยซี้ ก็ได้ๆ …ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ้าฟังข้าให้ดี ตาแก่ที่มีปานแดงบนใบหน้าซึ่งอยู่ห้องขังติดกับเจ้า เขาก็คือร่างจริงของราชาผียักษ์!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินมาถึงตรงนี้หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในสมองราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่า สูดลมหายใจเฮือกติดต่อกับไม่หยุด ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าทั้งเหลือเชื่อและคาดไม่ถึง

“เขา…เขาคือราชาผียักษ์?!!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งตัว คำพูดของเจ้าเต่าน้อยทำให้จิตวิญญาณของเขาถูกเขย่าคลอนอย่างรุนแรง ในสมองมีภาพของผู้เฒ่าที่มีปานแดงบนใบหน้าลอยขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“นายท่านเต่าอย่างข้ายังมองออกด้วยว่าตอนนี้ราชาผียักษ์อยู่ในช่วงระยะเวลาแห่งการเสื่อมถอย สามารถพูดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุดในชีวิต นี่ย่อมเป็นโอกาสอันดีที่หมื่นปีจะเจอสักครั้งซึ่งพวกเราจะได้ปล้นผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพ!”

“ไอ้หนูป๋าย เจ้าลองคิดดูสิ นั่นคือผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพเชียวนา แถมยังเป็นราชาผียักษ์ด้วยนา หวังเหย่ครึ่งเทพแบบนี้เขาจะต้องซ่อนสมบัติไว้มากขนาดไหนกัน หากพวกเราไปปล้นเขา พวกเราก็รวยเละ! โอกาสแบบนี้ โอ้ สวรรค์ ทั้งชีวิตของข้าได้เจอแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่เจ้าๆๆ …เจ้ากลับจะทิ้งมันไปซะนี่!!” เจ้าเต่าน้อยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แผดเสียงตะโกนใส่หูป๋ายเสี่ยวฉุน มันร้อนใจอย่างถึงขีดสุดแล้ว ยามนี้ไม่มัวมาคิดจะปิดบังอะไรอีกจึงคำรามออกมาหมด

“เขาก็คือราชาผียักษ์ ไอ้หนูป๋าย พวกเราไปปล้นเขากันเถอะ! ปล้นเขา!! ปล้นเขา!!!” เจ้าเต่าน้อยเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมีท่าทางสนใจจึงดีใจอย่างบ้าคลั่งเลยรีบปลุกปั่นล่อลวง

“จะเป็นไปได้อย่างไร…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหยุดกึก หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างห้ามไม่ได้ คำพูดของเจ้าเต่าน้อยทำให้เขาสะท้านสะเทือนยิ่งนัก

พวกหัวหน้ากองพากันหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความอึ้งงัน แล้วก็เห็นทันทีว่าป๋ายเสี่ยวฉุนในตอนนี้มีสีหน้าตะลึงพรึงเพริดก่อน แล้วจึงตามมาด้วยสีหน้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวเสีย

“ป๋ายฮ่าว ทำไมไม่เดินแล้วล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ!” หัวหน้ากองเอ่ยเสียงร้อนใจ

“รอข้าเดี๋ยว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มคิดไม่ตก รีบส่งเสียงไปให้เจ้าเต่าน้อยทันที

“เจ้าแน่ใจรึ?”

“ข้าก็ต้องแน่ใจน่ะสิ ตั้งแต่ที่นายท่านเต่าอย่างข้าเห็นไอ้หมอนั่นออกมาคราวก่อน ข้าก็เล็งเขาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าวันนั้นข้าจะตื่นขึ้นมาทำไม พอข้าเห็นราชาผียักษ์ในวันนั้นก็มองพิรุธของเขาออกทันที แล้วก็รอให้ระยะเวลาเสื่อมถอยของเขามาถึงไงเล่า!”

“ฮ่าๆ ในที่สุดตอนนี้เวลาที่นายท่านเต่ารอคอยก็มาถึงแล้ว ตอนนี้อย่างมากที่สุดเขาก็แค่รวมโอสถ เจ้าไม่ต้องกลัว แต่ว่าไอ้หมอนี่มันเจ้าเล่ห์นักล่ะ เอาตัวจริงมาซ่อนไว้ที่นี่ ต่อให้พวกคนข้างนอกคิดจนหัวแตกก็คงคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเป็นนักโทษ น่าเสียดายที่เขาดวงซวยมาเจอกับนายท่านเต่าอย่างข้า!” เจ้าเต่าน้อยระริกระรี้ ส่งข้อความเสียงให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความลำพองใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำท่าราวกับว่าตัวข้านี้ร้ายกาจยิ่งนัก

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน เขาประหวัดนึกไปถึงประโยคที่เจ้าเต่าน้อยพูดวันที่มันตื่นขึ้นมา เหมือนมันจะพูดว่า…มันได้กลิ่นของสมบัติ…

“เจ้าเต่าน้อยนี่…” หัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเต้นโลดแรง ดวงตาทั้งคู่เริ่มฉายประกาย พอคิดถึงเรื่องที่ตนหาตัวจริงของราชาผียักษ์เจอ แถมตอนนี้ยังเป็นช่วงที่ราชาผียักษ์อ่อนแอที่สุดด้วย ถ้าที่เจ้าเต่าน้อยพูดมาเป็นความจริง ตนฉวยโอกาสนี้ไปปล้นราชาผียักษ์…ถ้าเช่นนั้นผลประโยชน์ที่ได้คงมากมหาศาลจนไร้คำบรรยายเลยทีเดียว

อีกทั้งเมื่อมีไพ่ตายนี้อยู่ในมือ เขายังถึงขั้นสามารถคิดหาวิธีบางอย่างให้สามตระกูลใหญ่โรมรันกันสักพัก…เพียงแต่ว่าหากปล้นธรรมดาๆ นั้นง่าย แต่หากคิดจะอาศัยตัวตนของราชาผียักษ์มากระทำการอะไรบางอย่าง ความเสี่ยงจะมีสูงมาก

“ราชาผียักษ์คือครึ่งเทพเชียวนะ ตาแก่แบบนี้ต่อให้เขามาหลบอยู่ที่นี่ก็ต้องมีท่าไม้ตาย ต้องเตรียมการไว้อย่างครอบคลุมแน่นอน” ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นก็จริง ทว่ากลับไม่ได้สูญเสียสติปัญญาอย่างที่ควรจะมี เขาจึงพูดขึ้นอย่างลังเล

“วางใจเถอะ ไม้ตายของเขาก็คือค่ายกลไร้รูปลักษณ์ในเต่าหินอันเป็นที่ตั้งของคุกมารแห่งนี้ ค่ายกลนี้คนนอกมองไม่ออก ทว่าหากเปิดใช้เมื่อไหร่อานุภาพจะร้ายแรงมาก แม้จะเทียบครึ่งเทพไม่ได้ ทว่าระดับความแข็งแกร่งในการป้องกันของมันต่อให้คนฟ้าคิดจะฝ่าทลายเข้ามาก็ยังมิอาจทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ!

แต่ว่าเจ้าราชาผียักษ์ดวงซวยที่ดันมาเจอข้านายท่านเต่า ฮ่าๆ ค่ายกลอื่นข้าไม่กล้าพูด แต่แม้ว่าค่ายกลเต่านี้จะแข็งแกร่งจนนายท่านเต่าอย่างข้ามิอาจควบคุมได้ ทว่าก็ยังพอจะทำให้มันเสียประสิทธิภาพไปได้ชั่วครู่ เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งไปปิดค่ายกลมา รอแค่เจ้าหมอนั่นเสื่อมกำลัง เร็วเข้าๆ พวกเราไปปล้นเขาตอนนี้เลย ต้องสำเร็จแน่!”

“เขาคือครึ่งเทพ บนร่างต้องมีสมบัติเยอะมากแน่ๆ” เจ้าเต่าน้อยโหวกเหวกด้วยความคึกคะนอง ดวงตาทั้งคู่ทอประกายแสงเจิดจ้าคล้ายตื่นเต้นสุดขีด แม้แต่ร่างก็ยังสั่นสะท้านเบาๆ

“มีวิญญาณคนฟ้าไหม?” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มแดงก่ำแล้ว หวังเหย่ครึ่งเทพแค่เอื้อมมือคว้าก็ได้มาครอง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ด้วยนิสัยของเขาก็ยังเริ่มใกล้จะคลั่งเข้าไปทุกที

“ต้องมีอยู่แล้ว ในสายตาของเจ้าวิญญาณคนฟ้าล้ำค่า ทว่าสำหรับครึ่งเทพกลับหามาได้อย่างง่ายดาย เร็วหน่อย พวกเราไปจับตัวครึ่งเทพกันตอนนี้เลย จากนั้นค่อยพาเขาออกไปจากเต่าหิน ค่ายกลนี่ข้าระงับไว้ได้ไม่นาน หากมันยุติเมื่อไหร่แล้วครึ่งเทพยังอยู่ในเต่าหิน ปล่อยให้เขาควบคุม พวกเราจะเสี่ยงเอาได้!” เจ้าเต่าน้อยกรีดร้องเสียงแหลมอยู่ข้างหูป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าช้าๆ พวกหัวหน้ากองที่อยู่ข้างกายเขาต่างก็พากันหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยท่าทางร้อนรนกระวนกระวาย ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันกรอดแล้วเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้ากอง

“ท่านหัวหน้ากอง พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ ขอกุญแจห้องขังให้ข้า ช่วงที่ผ่านมานี้มีคนผู้หนึ่งที่ข้าเกลียดขี้หน้ามาก ก่อนจะจากไปข้าต้องจัดการเขาสักหน่อย”

ป๋ายเสี่ยวฉุนประสานมือโค้งตัวต่ำ

หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น เรื่องแบบนี้ไม่มีทางทำได้แน่นอน แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนวุ่นวายใจไม่เป็นสุข หัวหน้ากองลังเลอยู่ชั่วครู่ก็มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาลึกล้ำ

“น้องป๋ายฮ่าว เจ้าจัดการตัวเองให้ดี พวกเราไปก่อนล่ะ…” หัวหน้ากองถอนหายใจเบาๆ เขาย่อมมองออกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมีความลับ แต่เขาไม่อยากสนอีกแล้ว ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเล่นงานนักโทษคนนั้นจนตาย เวลาอย่างนี้ก็ไม่มีใครคิดจะซักไซ้เอาความ ดังนั้นพอโยนป้ายคำสั่งให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็ไม่คิดจะหยุดอยู่ต่อ ห้อตะบึงไปยังประตูใหญ่ของคุกด้วยความรวดเร็วพร้อมกับผู้คุมรอบกาย

ป๋ายเสี่ยวฉุนรับเอาป้ายคำสั่งในการเปิดห้องขังมา ก่อนจะปรับลมหายใจรวบรวมสมาธิ ในใจทั้งตื่นเต้นทั้งตื่นตระหนก ครั้งนี้หากเกิดรูโหว่เพียงแค่เสี้ยวเดียว เขาก็จะเจอปัญหาใหญ่ทันที

พอตัดสินใจได้แล้วเขาจึงกัดฟันพุ่งตัวไปยังห้องขังของผู้เฒ่าที่มีปานแดงบนใบหน้า เขาแอบส่งข้อความเสียงให้กับเจ้าเต่าน้อย หลังจากแน่ใจจริงๆ แล้วว่าผู้เฒ่าเป็นแค่รวมโอสถ เขาถึงได้เพิ่มความเร็วตะบึงไปข้างหน้าอย่างทุ่มสุดตัว

ทว่าขณะที่กำลังจะไปถึง ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงไม่วางใจ ฉวยโอกาสที่เจ้าเต่าน้อยไม่ทันสังเกต ป๋ายเสี่ยวฉุนกลอกตาหนึ่งรอบแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ไม่ได้ เรื่องนี้อันตรายเกินไป นั่นคือครึ่งเทพเชียวนะ หากเจ้าวิเคราะห์ผิดขึ้นมา เจ้าไม่เป็นอะไร สามารถหนีไปได้ตลอดเวลา แต่ชีวิตน้อยๆ ของข้าต้องจบเห่แน่ เจ้าเต่าน้อย เจ้ามาอยู่ในมือข้านี่ ข้าจะจับเจ้าไว้ อันตรายแบบนี้พวกเราสองคนต้องร่วมกันแบกรับ! คิดจะปล้นครึ่งเทพ เจ้าก็ต้องแสดงให้ข้าเห็นถึงความจริงใจ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!