บทที่ 690 ราชาผียักษ์ เจ้าคนสารเลว
และขณะที่สายตาของทุกคนหันมองไปยังบุปผาหมอกราชาผีที่อยู่เหนือแอ่งกระทะห่างออกไปไกลนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบหันไปมองรอบด้านและหันไปมองบุปผาหมอกราชาผีอย่างรวดเร็ว กำลังจะก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง ทว่าจู่ๆ บนร่างของเขากลับมีแสงสีขาวแผ่ขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
แสงนี้มิอาจอำพรางได้เลย มันแผ่ออกมาจากในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนโดยตรง ลอดทะลุอาภรณ์ ทำให้เขากลายเป็นคนที่สะดุดตาที่สุดภายใต้ฟ้าดินมืดสลัวแห่งนี้
ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งตะลึง ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็เนื่องจากเพิ่งเข้ามาเลยกำลังจะบินไปยังจุดที่บุปผาราชาผีผลิบาน แม้ว่าพวกเขาคิดจะสังหารป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดจะลงมือกับเขาตั้งแต่แรก ผู้กล้าหลายคนที่นิสัยหยิ่งลำพองในตัวเองก็คิดว่าขอแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มาแย่งชิงกับพวกเขา พวกเขาก็จะไม่เล่นงานอีกฝ่าย
ทว่ายังไม่ทันรอให้ทุกคนแยกย้าย แสงสีขาวบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้ทันที พริบตานั้นสายตานับร้อยจากคนรอบด้านจึงจับจ้องมองมา ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนชาหนึบไปทั้งหนังศีรษะ
คนนับร้อยนี้ล้วนเป็นนักพรตก่อกำเนิด คนที่ตบะอ่อนด้อยที่สุดก็ยังเป็นก่อกำเนิดช่วงกลาง สายตาของพวกเขาจึงกลายมาเป็นอำนาจสยบที่ทำให้หนังตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นกระตุกอย่างบ้าคลั่ง จำต้องรีบเปิดปาก
“ทุกคนอย่าเพิ่งวู่วาม…คือว่า…ข้าป๋ายฮ่าวเป็นตัวแทนราชาผียักษ์ขอสละสิทธิ์ในการช่วงชิงผลราชาผีครั้งนี้ พวกเจ้าวางใจได้ ข้าไม่ไปแย่งกับพวกเจ้าแน่นอน”
ป๋ายเสี่ยวฉุนหันไปพูดกับทุกคนโดยพยายามทำสีหน้าของตัวเองให้ดูจริงใจมากที่สุด
ประโยคนี้ทำเอาทุกคนที่ได้ยินนิ่งอึ้ง ก่อนที่สีหน้าแต่ละคนจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ ทว่ายังไม่ทันรอให้พวกเขาได้เอ่ยคำใด ทันใดนั้นแสงบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเจิดจ้า ทั้งยังถึงขั้นกลบร่างของเขาไว้จนมิด ภาพนี้ทำเอาทุกคนต้องเพ่งสายตามองกันอีกครั้ง
“ป๋ายฮ่าว เจ้าคิดจะทำอะไร!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เขาเองก็ร้อนใจเหมือนกันนะ และพอลองตรวจสอบดูเขาก็หน้าเปลี่ยนสีทันควัน เขาพบตัวการที่เปล่งแสงในร่างของตัวเองแล้ว จุดกำเนิดแสงนี้มาจาก…ตราผนึกของราชาผียักษ์ที่อยู่ในร่างของเขา!!
ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหายวาบ วินาทีที่ร้องคร่ำครวญกับตัวเองว่าแย่แล้ว แสงสีขาวในร่างของเขาก็เหลือเพียงเสี้ยวเดียวที่ยังเชื่อมต่อกับร่างของเขาเอาไว้ แต่แสงจำนวนมากกว่านั้นกลับหลุดออกไปจากร่าง ทะยานสูงสู่ฟากฟ้า แล้วกลายมาเป็นลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งที่พุ่งพรวดไปยังแอ่งกระทะ!
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทุกคนที่มองอยู่พากันหน้าเปลี่ยนสี ลำแสงสีขาวนั้นใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งตัวไปปรากฏอยู่เหนือแอ่งเว้า เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าดังกึกก้อง ลำแสงสีขาวพลันดิ่งลงด้านล่างแล้วปกคลุมแอ่งกระทะ รวมไปถึงบุปผาหมอกราชาผีดอกนั้นไว้จนมิด!
ขณะเดียวกันในแสงสีขาวนั้นก็มีน้ำวนลูกยักษ์ก่อตัวขึ้นมา น้ำวนนี้แผ่พลังดึงดูดที่ทำให้บุปผาหมอกราชาผีผลิบานเร็วยิ่งขึ้น!
พอจะจินตนาการได้ว่าเมื่อมีม่านแสงนี้ มีพลังดึงดูดเช่นนี้ หากบุปผาราชาผีบานสะพรั่งจนออกผลเมื่อไหร่ มันก็จะต้องถูกน้ำวนดูดกลืนไปทันที…
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ทุกคนที่หน้าเปลี่ยนสียืนอึ้งงัน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งมองเซ่อ ร่างของเขาสั่นเทา ร้องโหยหวนอยู่ในใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนที่ราชาผียักษ์บอกให้ตนมาที่นี่ถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนั้น…
“ราชาผียักษ์ เจ้าคนสารเลว!!! เจ้าไม่เตรียมผู้ช่วยไว้ให้ข้าสักหน่อย เจ้าๆๆ …” สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งขาวซีด ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองถูกราชาผียักษ์ขุดหลุมฝังเข้าให้แล้ว ที่ราชาผียักษ์พูดว่าขอแค่เขามาถึงที่นี่ก็ไม่มีปัญหานั้นเป็นเพราะว่าในร่างของตนมีตราผนึกที่เชื่อมโยงกับราชาผียักษ์อยู่
ตราผนึกนี้ต่างหากถึงจะเป็น…ไม้ตายของราชาผียักษ์ เขาสามารถอาศัยตราผนึกนี้มาช่วงชิงผลราชาผีไปจากที่นี่!
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ และเขายังค้นพบด้วยว่าเมื่อแสงสีขาวกระจายตัวออกไป ตบะของตนก็ถูกระบายออกอย่างรวดเร็วตามไปด้วย เวลาเพียงแค่ครู่เดียวตบะของเขาก็ถดถอยลงมาแล้วเกือบครึ่ง นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งตกใจ ถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็ว ยามนี้หนังหัวของเขาใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว วิกฤตความเป็นความตายรุนแรงนี้ทำให้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคราวนี้ตนเจอปัญหาใหญ่แน่!!
“เจ้าราชาผียักษ์สมควรตาย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดเป็นฟืนเป็นไฟใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขณะที่กำลังจะถอยหนี ทุกคนที่อยู่รอบด้านก็พากันสูดลมเฮือกใหญ่ ก่อนจะระเบิดโทสะออกมาทางดวงตาอย่างพร้อมเพรียงกัน!
ยิ่งพอคนผู้หนึ่งร้องอุทานเสียงหลง โทสะของคนอื่นๆ ที่เหลือก็ยิ่งพวยพุ่งเทียมฟ้า
“นี่คือผนึกวิญญาณอนัตตา…ขอแค่เจ้าของผนึกไม่ตาย ผนึกนี้นอกจากครึ่งเทพแล้ว แม้แต่คนฟ้าก็ยังมิอาจทำลายได้!!”
แม้แต่พวกกงซุนอี้และโจวหงก็ยังมีสีหน้าไม่น่ามอง ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักผนึกนี้ แต่ก็ยังมองออกว่าผนึกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ก่อกำเนิดจะเปิดได้ วิธีเดียวที่จะคลายมันได้ก็คือ…สังหารเจ้าของผนึก และเจ้าของผนึกนี้…เห็นได้ชัดว่าเป็นป๋ายฮ่าว!
เมื่อเห็นว่ายามนี้บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีแสงสีเงินเหลืออยู่เสี้ยวหนึ่งซึ่งคล้ายกำลังขานรับกับตราผนึกนั้น จิตสังหารของทุกคนก็ระเบิดออกอย่างสมบูรณ์แบบ
“ป๋ายฮ่าว เจ้ารนหาที่ตาย!!”
“สมควรตายนัก เมื่อครู่นี้เจ้ายังบอกว่าจะสละสิทธิ์ ไม่ทันไรก็ทำแบบนี้ซะแล้ว ตายซะเถอะ!!”
“สังหารเขา มีเพียงสังหารเขาเท่านั้นผนึกนี้ถึงจะคลายออก หาไม่แล้วครั้งนี้พวกเราก็ต้องล้มเหลวกันหมด!!”
ท่ามกลางเสียงคำรามคลั่งแค้นที่ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ป๋ายเสี่ยวฉุนกลายมาเป็นเป้าหมายที่ทุกคนจ้องเล่นงาน พวกเขาต่างระเบิดตบะของตัวเองและกระโจนเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
“ข้าถูกใส่ร้าย พวกเจ้าฟังข้าอธิบายก่อน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนหน้าไร้สีเลือด ในใจเจ็บแค้น ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เบื้องหน้าของเขาก็มีเงาสี่เส้นเข้ามาใกล้พร้อมเสียงคำรามเกรี้ยวกราด หนึ่งในสี่คนนี้ก็คือชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ จ้าวตงซาน
“สหายนักพรตฟังข้าอธิบายก่อน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบร้องตะโกนเสียงแหลม ทว่าจ้าวตงซานผู้นั้นกลับแผดเสียงตะโกนใส่หน้าป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าดุร้าย
“ฆ่า!”
ชั่วขณะที่เสียงนี้ดังออกมา จ้าวตงซานและคนอีกสามคนด้านหลังเขาก็พุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมลงมือฉับไว คลื่นเวทคาถาแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
“ราชาผียักษ์ เจ้ามันคนต่ำช้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนอย่างเจ็บใจ ขณะที่กำลังจะก้าวถอยหลัง ด้านหลังเขาก็มีเงาร่างอีกเจ็ดแปดเงาถลาเข้ามาพร้อมกับไอสังหารไม่ต่างกัน ภาพนี้ทำให้หัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจชะงักค้าง เขารู้ดีว่าตัวเองจะหยุดไม่ได้ หากหยุดชะงักเมื่อไหร่เกรงว่าคงถูกคนมากกว่านี้ล้อมโจมตี ยามนี้จึงเลือกกระตุ้นชนาเขย่าภูเขาแล้วพุ่งชนไปข้างหน้าทันที
ความเร็วนั้นมีมากจนใกล้จะปะทะกับจ้าวตงซานเข้าไปทุกขณะ จ้าวตงซานแสยะยิ้ม ควงกระบองเขี้ยวหมาป่าในมือ พริบตาเดียวก็ชนโครมใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
เสียงกึกก้องดังสะท้านฟ้าดิน เขย่าคลอนไปสี่ทิศ ทำเอาเหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของแดนทุรกันดารที่ห้อมล้อมอยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนพากันหน้าเปลี่ยนสี โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ก็ยิ่งม่านตาหดตัว ดวงตาเผยความเหลือเชื่อ
เพราะเห็นเพียงว่าชั่วขณะที่เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหวนั้น เรือนกายใหญ่โตของจ้าวตงซานผู้มีสายเลือดชนพื้นเมืองกลับพ่นเลือดเป็นสายออกจากปาก ร่างถอยลิ่วไปข้างหลังราวว่าวที่สายป่านขาด ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดิมทีควรถูกเขาสกัดไว้ได้กลับยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าระห่ำโดยไม่หยุดชะงักแม้เพียงเสี้ยวนาที เขายังคงตะลุยแหวกทางเบื้องหน้าไปด้วยความเร็วที่ไม่ลดน้อยลง
“จะเป็นไปได้อย่างไร!!”
“พลังกล้ามเนื้อของจ้าวตงซานถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาพวกเรา เขาเป็นรองแค่ซวี่ซานเท่านั้น แต่นี่เขากลับถูกชนเสียกระเด็น!!”
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้…ไม่นึกเลยว่าพละกำลังกล้ามเนื้อของเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้!”
ทุกคนที่พอหายตกตะลึงแล้วจึงรีบไล่ตามออกไปทันที เงาร่างมากมายห้อทะยานไล่กวดตามหลังป๋ายเสี่ยวฉุนไป ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็กำลังอกสั่นขวัญหาย ตกใจจนน้ำตาคลอหน่วย
“ราชาผียักษ์เจ้าทำเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ตบหัวเจ้าไม่กี่ครั้งเอง ข้าก็แค่เอาเจ้ามาเป็นโล่มนุษย์เอง แต่ข้าก็ช่วยเจ้านะ ทว่าเจ้ากลับเล่นงานข้า! หากข้าตายไป เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าเท่าไหร่นัก!!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกได้รับความอยุติธรรมอย่างแสนสาหัส ยิ่งเขาพบว่าผนึกในร่างยังไม่จางหายไปไหน เขาก็ยิ่งเข้าใจเลยว่าต่อให้ราชาผียักษ์จะมีการเตรียมการมาไว้ล่วงหน้า ทว่าด้วยอานุภาพของตราผนึกนี้ หากตนตายไป แม้จะไม่ทำให้ราชาผียักษ์ถึงกับตายตามไปด้วย แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
นี่เห็นได้ชัดว่าราชาผียักษ์กำลังบีบบังคับตน ขณะเดียวกันก็กำลังเดิมพันด้วยเช่นกัน…เดิมพันว่าตนจะยืนหยัดได้ ยืนหยัดได้จนกระทั่งบุปผาราชาผีผลิดอกออกผล และพอนึกถึงยาและทวนยาวที่ราชาผียักษ์มอบให้ตน เขาก็กระจ่างแจ้งในบัดดล
“ยานั่นราชาผียักษ์ให้ข้าไว้เก้าเม็ด เกรงว่าชีวิตหนึ่งคงกินได้แค่เก้าเม็ดจริงๆ …ทวนยาวเล่มนั้น เกรงว่าคงเป็นอาวุธร้ายกาจเพียงหนึ่งเดียวของเขาที่เหมาะสมกับข้ามากที่สุด…”
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังเผชิญกับวิกฤต กลางตำหนักราชาในนครผียักษ์ ราชาผียักษ์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าคาดเดาพื้นอารมณ์ไม่ออก เขาทอดสายตามองไปยังทิศที่ตั้งของกาหลอมวิญญาณด้วยใจที่ตึงเครียดไม่ต่างกัน
ผลราชาผีสำคัญกับเขามากเกินไป และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคาดเดาเอาไว้ ยาระดับสูงเช่นนั้นในชีวิตหนึ่งจะกินได้แค่เก้าเม็ดเท่านั้น ส่วนทวนยาวหลอมพลังจิตสิบหกครั้งก็เป็นอาวุธที่ดีที่สุดซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถนำมาใช้ได้ ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในแผนการของเขา นับตั้งแต่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิด นับตั้งแต่ที่ตบะของเขาฟื้นคืนมา เขาก็เริ่มวางแผนเหล่านี้ไว้แล้ว
เขาต้องลองเดิมพันดูสักตั้ง
เดิมพันความสามารถในการหนีเอาชีวิตรอดของป๋ายเสี่ยวฉุน…ข้อนี้ราชาผียักษ์ค่อนข้างจะมั่นใจ ยิ่งนึกถึงภาพที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพาตนหนีมาจากเงื้อมมือของสามคนฟ้าและก่อกำเนิดจำนวนมาก เขาก็ยิ่งวางใจได้
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้หนีเอาชีวิตรอดได้เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา…หวังว่าเขาจะยืนหยัดได้ถึงท้ายที่สุด…ป๋ายฮ่าว ขอแค่เจ้าช่วยข้าผู้เป็นราชาช่วงชิงผลราชาผีมาได้อย่างราบรื่น ถ้าเช่นนั้นนับแต่นี้ไปข้าผู้เป็นราชาก็จะปฏิบัติต่อเจ้าดั่งลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง จะไม่มีทางยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมอีกแม้แต่นิดเดียว!” ราชาผียักษ์พึมพำกับตัวเอง