Skip to content

A Will Eternal 736

บทที่ 736 ควบคุมจังหวะ…

เพียงแต่ถึงแม้ความวุ่นวายนี้จะถูกระงับเอาไว้ได้ ทว่าพวกผู้ฝึกวิญญาณเหล่านั้นมีหรือจะยอมจากไปโดยง่าย แต่ละคนจ้องเขม็งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน ทั้งหางตายังคอยเหลือบมองไปยังร้านของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝาน หากไม่เพราะมีป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ด้วย พวกเขาต้องยังบุกเข้าไปเข่นฆ่าอีกแน่นอน

“ทุกคนฟังข้าพูดก่อน ข้าป๋ายฮ่าวขอรับรองว่าเรื่องในวันนี้ต้องมีคำอธิบายให้กับพวกเจ้าแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ด้วยความร้อนตัวจึงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งแล้วพูดเสียงดัง

“สหายนักพรตป๋าย เรื่องในวันนี้ไม่ได้ผิดที่พวกเรา แล้วก็ไม่ได้ผิดที่พวกเจ้าด้วย แต่เป็นความผิดของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝาน!”

“ถูกต้อง พวกเขาสองคนไร้ยางอายเกินไปแล้ว ถึงกับหลอมยาวิญญาณปลอมมาขายพวกเรา ทำให้พวกเราลำบากวุ่นวายอย่างถึงที่สุด แค้นนี้จะอย่างไรก็ต้องชำระ!!”

“สหายนักพรตป๋าย ในเมื่อเจ้าออกหน้า ดี พวกเราจะฟังเจ้า เจ้าช่วยพวกเราแก้ไขปัญหานี้ด้วย!” ผู้ฝึกวิญญาณที่รวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้ต่างพากันเปิดปาก พวกเขาเองก็รู้ดีว่าความวุ่นวายครั้งนี้แม้จะไม่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง ทว่าจะอย่างไรแล้วที่นี่ก็คือนครจักรพรรดิขุย เกรงว่าอีกไม่นานพวกองค์รักพิทักษ์เมืองคงจะมาถึงอีกไม่นานนี้

ดังนั้นต่อให้จะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานแค่ไหน พวกเขาก็ยังข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ เพราะในความเป็นจริงแล้วเมื่อสงบสติอารมณ์ได้พวกเขาก็เริ่มลังเลว่าเหตุใดจนถึงตอนนี้ องค์รักพิทักษ์เมืองของนครจักรพรรดิขุยถึงยังไม่มาเสียที

ต้องรู้ว่าทุกพื้นที่ล้วนมีทหารองค์รักษ์ที่คอยรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในนครจักรพรรดิขุยอยู่เป็นจำนวนมาก ทว่าตอนนี้พวกเขากลับยังไม่มา

“ทุกคนวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าป๋ายฮ่าวและสหายนักพรตทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังจะต้องมีคำอธิบายให้กับพวกเจ้าแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด ตบอกดังป้าบ พวกร้านต่างๆ ที่อยู่รอบกายเขาต่างก็พากันแสดงท่าที

“สหายนักพรตซือหม่า สหายนักพรตซุน ขอเชิญออกมาพบกันด้วย!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าตัวเองปราบปรามฝูงชนเอาไว้ได้ก็คลายใจลง เขากังวลจริงๆ ว่าเรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โต แล้วตัวเองจะเก็บกวาดไม่ได้ ตอนนี้จู่ๆ ตนกลับกลายมาเป็นคนคลี่คลายเรื่องนี้ นี่ก็ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อเหมือนกัน

เมื่อเสียงของเขาดังจบ ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานต่างก็เดินออกมาจากในร้านด้วยสีหน้าไม่น่ามอง

แม้ว่าตบะของพวกเขาจะไม่ธรรมดา ทว่าเมื่อครู่นี้พวกนักพรตที่บ้าระห่ำมีมากเกินไปจนพวกเขามิอาจรับมือได้ แถมตอนนี้ร้านยังถูกคนทุบทำลายเสียจนย่อยยับ ความเดือดดาลในใจของพวกเขาก็ไม่น้อยไปกว่าใคร ยิ่งพอมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน สายตาก็ยิ่งคมกริบ

“ป๋ายฮ่าว ยาวิญญาณที่พวกเขาพูดถึงต้องมีคนแอบเอาไปทำอะไรมาแน่ ขอแค่มอบยาวิญญาณประเภทนั้นให้กับข้า ข้าก็ต้องตรวจสอบจนความจริงกระจ่างแน่นอน!”

“คนร้ายตัวจริงคือใคร อีกเดี๋ยวก็ได้รู้กันทั่วหล้าแล้ว!” ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานต่างก็เอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ

พอนึกถึงว่าเรื่องวันนี้กลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนที่พวกเขารังเกียจออกหน้าแก้ไข นี่ก็ทำให้พวกเขาสองคนไม่สบอารมณ์อย่างมาก พวกเขากังวลว่าเรื่องในวันนี้จะถูกอีกฝ่ายจับมาเป็นจุดอ่อน ขณะเดียวกันเรื่องที่เกิดในวันนี้ ในใจพวกเขาเองก็มีการคาดเดาบ้างแล้วว่าบางทีอาจเป็นฝีมือของป๋ายเสี่ยวฉุน

เพียงแต่พวกเขาก็ยังกังขาว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนทำจริงๆ แล้วเขาเปลี่ยนแปลงยาวิญญาณของพวกตนได้อย่างไร

แต่ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหน การแปรสภาพยาวิญญาณย่อมไม่มีทางสมบูรณ์ไร้ช่องโหว่แน่นอน พวกเขาเชื่อว่าตัวเองต้องสามารถหาพิรุธได้เจอ ยามนี้เมื่อมองหน้ากันจึงมีความเห็นตรงกัน เตรียมจะถ่วงเวลาไปสักระยะเพื่อรอให้โจวหงมาถึง

เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ติดต่อไปหาโจวหงไว้ก่อนแล้ว และที่ตอนนี้ไม่มีพวกทหารมาเยือนก็มีสาเหตุเพราะโจวหง พวกเขาไม่สามารถทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ลุกลามใหญ่โต เพราะหากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ย่อมหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ในใจนับถือความชาญฉลาดรู้จักรับมือปัญหาของลูกศิษย์ตัวเองอย่างมาก วิธีนี้ลูกศิษย์ของเขาเป็นคนคิด เมื่อครู่นี้หลังจากที่อีกฝ่ายอธิบายให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังคร่าวๆ เนื่องด้วยเวลากระชั้นชิด ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเลือกใช้วิธีนี้ทันที ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว แผนการนี้นับว่าสวยงามอย่างยิ่ง

เพราะนี่คือการเปลี่ยนแปลงสถานะของเขาไปอย่างสิ้นเชิง จากก่อนหน้านี้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ตอนนี้กลายมาเป็นฝ่ายกระทำ แถมแค่เอ่ยคำเดียวก็สามารถตัดสินชื่อเสียงของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานได้

คิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฮึกเหิมอยู่ในใจ ทว่าภายนอกกลับวางท่าสุขุมนุ่มลึก

“สหายนักพรตทั้งสองท่าน ข้าเองก็เป็นอาจารย์หลอมวิญญาณเหมือนกัน ข้าเชื่อว่า…ยาวิญญาณที่พวกเจ้าหลอม ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ขนาดนี้ได้ ข้อนี้ข้าเชื่อพวกเจ้า!”

ประโยคนี้ของเขาดังจบทำเอาซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานอึ้งงัน เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะแสดงท่าทีเป็นมิตรชัดเจนขนาดนี้ ในใจคนทั้งสองต่างก็แอบรู้สึกได้ว่าท่าไม่ดี

และพวกผู้ฝึกวิญญาณที่ก่อนหน้านี้ไฟโทสะดับลงไปได้แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มวุ่นวายกันขึ้นมาอีกครั้ง พากันร้องคำรามเสียงดัง

“สหายนักพรตป๋าย เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”

“เจ้าเชื่อพวกเขา งั้นก็แสดงว่าพวกเขาก่อเรื่องอย่างไร้เหตุผลกระนั้นรึ!”

เห็นว่าทุกคนเริ่มเดือดดาล ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โบกมือหนึ่งครั้งแล้วเอ่ยด้วยเสียงอันดัง

“ขณะเดียวกัน ข้าก็เชื่อว่าทุกท่านไม่มีทางมาหาเรื่องอย่างไร้สาเหตุ แต่ตอนนี้หากให้พูดกันตามตรง แม้ข้าจะรู้ผลลัพธ์ของเรื่องราว แต่กลับยังไม่รู้รายละเอียด พวกเจ้าบอกว่าดูดซับยาวิญญาณของสองปรมาจารย์ใหญ่เข้าไปจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ตอนนี้ยังมีใครที่มียาวิญญาณแบบนั้นเหลืออีกบ้าง ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่” จบคำของป๋ายเสี่ยวฉุน ทุกคนถึงได้ข่มกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ ก่อนที่นักพรตวัยกลางคนผู้หนึ่งจะแค่นเสียงเย็นแล้วโยนยาวิญญาณระดับสูงเม็ดหนึ่งออกมา

หลังจากที่รับมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แสร้งพลิกไปมาอยู่ในมือพักใหญ่ ไม่นานสีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มาถึงท้ายที่สุดก็ยิ่งเปลี่ยนมาเป็นไม่น่ามอง พอเงยหน้าขึ้น เขาก็หันไปมองทางซือหม่าเทาและซุนอี้ฝาน

“ทั้งสองท่าน ในด้านการหลอมวิญญาณ ข้าผู้แซ่ป๋ายนับเป็นคนรุ่นหลัง ความรู้จึงตื้นเขิน ประสบการณ์ก็มีไม่มากพอ ข้ามองไม่ออกว่ายาวิญญาณเม็ดนี้ผ่านฝีมือใครมาก่อน” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดพลางส่งยาเม็ดนี้ให้กับซือหม่าเทา

ซือหม่าเทาแค่นเสียงเย็นอยู่ในใจพร้อมรับยาเม็ดนั้นมา เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ก่อนหน้านี้เขาแค่ได้ยินสาเหตุของเรื่องราว แต่กลับไม่ทันให้ใครเอายาไปตรวจสอบ จนกระทั่งตอนนี้ถึงได้เห็นเองกับตา

เมื่อรับยาวิญญาณเม็ดนั้นมา ดวงตาของซือหม่าเทาก็เป็นประกาย เขาเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด

แต่ไม่นานเขาก็เบิกตากว้าง ใจหายวาบ ทั้งยังถึงขั้นทำมุทราโคจรตบะไปตรวจสอบทั้งในและนอก มองอยู่นานมากก็ยังมองไม่ออกว่ายานี้มีปัญหาอะไร นี่จึงทำให้เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากของเขา

และเขาก็มั่นใจมากว่ายาวิญญาณเม็ดนี้ตนเป็นคนหลอมเอง แต่ไม่ว่าเขาจะตรวจสอบอย่างไรก็ยังหาร่องรอยของการแปรสภาพไม่เจอ นี่ทำให้ลมหายใจของเขาหอบหนัก อารมณ์มิอาจสงบลงได้ ยิ่งคิดถึงผลลัพธ์ของเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้ในใจเขาร้องตะโกนว่าแย่แล้ว

ซุนอี้ฝานที่อยู่ข้างกันมีท่าทางร้อนใจ เมื่อเห็นสีหน้าราวขี้เถ้ามอดของซือหม่าเทา เขาก็รีบปรี่ขึ้นมาแย่งยาวิญญาณเม็ดนั้นไปดูแล้วใช้วิธีการของตัวเองตรวจสอบ แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ซีดขาวไม่ต่างกัน แถมยังแสดงความเหลือเชื่อออกมาให้เห็นอย่างเห็นชัดเจน

“เป็นไปไม่ได้ ยาวิญญาณเม็ดนี้ซือหม่าเทาเป็นคนหลอมขึ้นมาจริง แต่มันไม่มีปัญหานี่นา…ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณเปี่ยมล้น ทั้งยังมั่นคงอย่างถึงที่สุด…หรือว่า นี่คือยาวิญญาณเม็ดจริง? พวกเขาจงใจเอาออกมาหลอกล่อพวกเรา?” ซุนอี้ฝานคิดมาถึงตรงนี้ก็กำลังจะอ้าปากพูด ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน

“สหายนักพรตทุกท่าน ยาวิญญาณเม็ดนี้ข้ามองไม่ออกถึงปัญหา หาจุดที่บอกว่ามันเป็นของปลอมไม่เจอ แต่ข้าสงสัยว่าเดิมทีมันก็เป็นยาเม็ดจริงอยู่แล้ว เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์ถึงจะได้!”

พอจบคำของเขา ซุนอี้ฝานก็รีบเปิดปากทันที

“ถูกต้อง ยาวิญญาณเม็ดนี้น่าจะเป็นของจริง!”

ซือหม่าเทาเองก็ดวงตาแน่วนิ่ง เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครลงมือปรับเปลี่ยนยาวิญญาณแล้วตนตรวจสอบไม่เจอปัญหา หากมีคนทำแบบนี้ได้จริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นดิน

แต่หากมีอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นดินคิดจะเล่นงานตน…แล้วจะต้องทำให้ยุ่งยากแบบนี้ทำไม แค่เขาเอ่ยปากก็ทำให้ตนไสหัวออกไปจากนครจักรพรรดิขุยได้แล้ว

คิดมาถึงตรงนี้เขาก็มองไปยังยาวิญญาณเม็ดนั้นอีกครั้ง ก่อนจะชี้ไปยังลูกจ้างในร้านของตัวเอง ลูกจ้างคนนี้เขาพามาจากนครเก้านรกภูมิจึงเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างมาก

“เจ้ามาดูดซับมันสิ!”

ลูกจ้างร้านลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรับยาวิญญาณมาต่อหน้าทุกคน พอสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งก็หลับตาทำสมาธิแล้วเริ่มดูดซับพลังวิญญาณในยาวิญญาณ

ทุกคนต่างก็จับจ้องมองมา เขาจึงไม่สามารถแกล้งทำเป็นดูดซับตัวยาได้ ขณะที่ทุกคนกำลังจ้องเขม็งเพื่อรอผลลัพธ์ ไม่นานนัก ลูกจ้างร้านคนนี้ก็ลืมตา ยาวิญญาณในมือค่อยๆ สลายหายไป เขาลุกขึ้นยืนด้วยสภาพที่เป็นปกติดี ซือหม่าเทาก็คลายใจลงได้ ขณะที่กำลังจะเปิดปากพูด ทว่าทันใดนั้นลูกจ้างผู้นั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ในร่างมีเสียงปุ้งๆๆ ดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนที่ควันขุ่นมัวจะกระจายออกมาอย่างรวดเร็ว

ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาพวกผู้ฝึกวิญญาณรอบด้านที่มีประสบการณ์มาอย่างลึกล้ำข่มกลั้นเสียงคำรามไม่ไหวอีกต่อไป

“ปัญหามาจากยาวิญญาณจริงๆ ด้วย ซือหม่าเทา เจ้ายังคิดจะพูดอะไรอีก!”

“ซุนอี้ฝาน พวกเจ้าสองคนรังแกกันมากเกินไปแล้ว!!”

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลย ข้าตรวจสอบมาก่อนแล้ว มันต้องไม่มีปัญหาสิ…” ซือหม่าเทาหน้าซีดเซียว เซถอยไปหลายก้าว ในใจยิ่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แต่ต่อให้มีร้อยปากก็ยังมิอาจโต้แย้งได้

ซุนอี้ฝานเองก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัวไม่ต่างกัน เขารู้ว่าจบเห่แน่แล้ว

คราวนี้ตนและซือหม่าเทาถูกเล่นงานเข้าอย่างจังแล้ว ยาวิญญาณพวกนั้นมีปัญหาจริงๆ!!

เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนมีท่าทีเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ส่ายหัว เงียบงันคล้ายคนอับจนคำพูด คนในร้านต่างๆ ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็พากันถอนหายใจ

“ในเมื่อพิสูจน์แล้ว วันนี้ซือหม่าเทา ซุนอี้ฝาน พวกเจ้าต้องมีคำอธิบายให้กับพวกข้า!”

“มอบคำอธิบายมา หาไม่แล้ว ต่อให้เรื่องไปถึงจักรพรรดิขุย พวกเราก็ไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ แน่!!”

“ทุกคนจงแพร่เรื่องนี้ออกไป ให้คนในแดนทุรกันดารรู้กันถ้วนทั่วว่ายาวิญญาณของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานทำร้ายผู้คนได้มากมายแค่ไหน!” เสียงคำรามจากคนรอบด้านดังไม่ขาดสาย ความวุ่นวายก็ยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรง

หน้าผากของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานมีเหงื่อแตกพลั่กลงมาเป็นสาย ขณะที่กำลังร้อนใจ ห่างออกไปไกลก็มีเสียงอึมครึมดังขึ้นกะทันหันแล้วก้องกังวานไปแปดทิศ

“ข้าผู้แซ่โจวจะให้คำอธิบายกับทุกคนเอง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!