Skip to content

A Will Eternal 791

บทที่ 791 เจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้บ้าไปแล้ว

บัดนี้ชนชั้นสูงทั้งหมดในนครจักรพรรดิขุยล้วนถูกเขย่าคลอนกันอย่างสมบูรณ์แบบ ต่อให้จะมีพลานุภาพสยบของต้าเทียนซือและเจ้าพระยาสวรรค์ทั้งห้า แต่ก็ยังมีพระยาสวรรค์และเจ้าพระยาสวรรค์บางส่วนบินออกจากในตระกูลตัวเองตรงไปยังวังหลวง หมายเข้าเฝ้าต้าเทียนซือ

โองการประทานคุณแด่ประชานี้ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงเจตนาที่อำมหิตอย่างเด่นชัด อีกทั้งพวกเขายังรับรู้ถึงระดับความน่ากลัวของมันได้ในพริบตา ทั้งยังตระหนักได้ว่าเรื่องนี้จะถ่วงให้ล่าช้าต่อไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากล่าช้าต่อไป…

ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมยากจะจินตนาการได้!

ทว่าขณะที่พระยาสวรรค์และเจ้าพระยาสวรรค์เหล่านี้ร่วมมือกันมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง ทางฝ่ายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้พากองทัพศพหุ่นเชิดบุกไปยังตระกูลจ้าวอย่างเหี้ยมหาญปานประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายที่พุ่งออกจากกรงขัง

ด้วยความบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน ความเร็วนั้นจึงพุ่งไปถึงขีดสูงสุด ไม่นานเท่าไหร่ เขาก็พาศพหุ่นเชิดห้าพันนายที่มาพร้อมกับน้ำวนสีดำแห่งความดุร้ายเยื้องกรายมาถึงตระกูลจ้าว

ตระกูลจ้าวในเวลานี้มองดูเหมือนปกติ แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกหลานอนุภรรยาและคนในตระกูลสายตรงทุกคนที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดต่างก็ใจเต้นกระหน่ำรัวเร็ว หัวใจพวกเขาสั่นสะท้านไปกับโองการของต้าเทียนซือ ขณะเดียวกันความทะเยอทะยานที่ถูกซุกซ่อนไว้ในใจซึ่งเดิมทีมิอาจเปิดเผยออกมาได้ชั่วชีวิตก็พลันเกิดคลื่นยักษ์ถาโถม!

ทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนเสมอภาคกัน!

ทั้งหมดนี้คือตัวแทนแห่งความงดงาม มีหรือที่พวกเขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ทุกคนหอบหายใจถี่รัว มีเพียงคนเดียวที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเคือง นั่นก็คือจ้าวตงซาน ในสายตาของเขา ทรัพย์สมบัติที่เดิมทีควรเป็นเขาที่ได้สืบทอด วันนี้กลับต้องเอามาแบ่งให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเพียงเพราะคำสั่งเดียวของต้าเทียนซือ

นี่ทำให้เขาคลุ้มคลั่ง แต่เขาก็ไม่กล้าต่อต้านต้าเทียนซือ ได้เพียงเอาความหวังทั้งหมดไปไว้ที่ตัวบิดาซึ่งตอนนี้ได้ร่วมมือกับพระยาสวรรค์คนอื่นๆ เดินทางไปยังวังหลวง

“นี่มันไม่ใช่โองการประทานคุณแด่ประชาอะไรทั้งนั้น นี่มันคือคำสั่งยึดทรัพย์ชัดๆ!!” จ้าวตงซานเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สายตาเขาคอยเหลือบมองไปยังบุตรอนุภรรยาและคนในตระกูลสายตรงอยู่หลายครั้ง ดวงตาอบอวลไปด้วยไอสังหาร

และขณะที่คนของตระกูลจ้าวกำลังจิตใจหวั่นไหว พร้อมลงมือทำตามคำสั่งนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึงพอดี เขายืนอยู่กลางอากาศเหนือตระกูลจ้าวด้วยสีหน้ามืดทะมึนเย็นชา นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ ความบ้าคลั่งในใจยิ่งดุเดือดไปตามความร้อนรน น้ำวนแห่งความดุร้ายที่ก่อตัวขึ้นเพราะศพหุ่นเชิดห้าพันนายซึ่งอยู่ข้างกายเขาส่งเสียงดังสะเทือนไปแปดทิศ ทำให้ทุกคนในตระกูลจ้าวที่ได้เห็นพากันหวาดผวาอยู่ในใจ ทว่าเมื่อความหวาดผวานี้จางหายไป ดวงตาคนไม่น้อยกลับเริ่มเป็นประกายระยิบระยับ แอบเผยความรอคอยยามที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน

นี่แตกต่างไปจากการมาเยือนครั้งแรกของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างสิ้นเชิง

ส่วนจ้าวตงซานที่พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวก็หน้าเปลี่ยนสี กำลังจะอ้าปากเอ่ย ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาพูด น้ำเสียงเยือกเย็นของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับดังก้องไปทั่วทั้งตระกูลจ้าวเสียก่อน

“ต้าเทียนซือมีโองการ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ประกาศใช้โองการประทานคุณแด่ประชาทั่วทั้งราชสำนัก ขุนนางทั้งหมดต้องปฏิบัติตาม…และในฐานะที่ข้าผู้แซ่ป๋ายเป็นผู้ตรวจการ จึงได้รับคำสั่งจากต้าเทียนซือให้มาตรวจสอบการปฏิบัติใช้โองการประทานคุณแด่ประชา…ของทุกตระกูล!”

คำพูดของเขาดังจบ ตลอดทั้งตระกูลจ้าวก็มีเสียงสูดลมหายใจจากคนจำนวนนับไม่ถ้วน ท่ามกลางเสียงเหล่านี้แฝงเร้นไว้ด้วยความตื่นเต้นซึ่งดังมาจากบุตรอนุภรรยาและคนในตระกูลสายตรงที่ไม่ใช่ผู้สืบทอด

ชั่วขณะนั้นดวงตาของพวกเขาพลันโชนแสงลุกเรืองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ส่วนจ้าวตงซานกลับหน้าเผือดสีไปในพริบตา เขาพลันเบิกตากว้าง จ้องเขม็งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนจะร้องเสียงหลง

“เป็นเจ้า!!”

“สมควรตายยิ่งนัก เป็นเจ้า แผนอำมหิตนี้เป็นความคิดของเจ้า ดังนั้นเจ้าถึงได้กุมอำนาจมาจากต้าเทียนซืออีกครั้ง!!” จ้าวตงซานเข้าใจทุกอย่างในบัดดล ทั้งหมดนี้ไม่ยากที่จะคาดเดา เพราะจวนตรวจการเพิ่งจะเกิดคลื่นเคลื่อนไหว โองการประทานคุณแด่ประชาก็ถูกประกาศใช้ทันที แค่ใคร่ครวญเล็กน้อย ทุกอย่างก็กระจ่างแก่ใจ

“ป๋ายฮ่าว เจ้า…” จ้าวตงซานบันดาลโทสะทันใด แค้นเก่าแค้นใหม่หลอมรวมเข้าด้วยกันทำให้เขาระเบิดอารมณ์อย่างมิอาจห้ามตัวเองได้

แต่การระเบิดอารมณ์ของเขานั้นไม่ถูกเวลาอย่างยิ่ง

ความคลุ้มคลั่งในใจป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความทารุณโหดร้าย เพียงแค่สัมผัสโดนเล็กน้อยก็พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ!

“หืม?” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนมีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน

เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างพลันหายวับไป พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาโผล่พรวดอยู่ข้างหน้าจ้าวตงซานแล้ว ก่อนที่เขาจะยกมือขวาขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ต่อยโครมออกไปทันที!

หมัดนี้คล้ายเป็นการระบายไฟโทสะที่อยู่ในใจของเขา หลังจากต่อยออกไป ความว่างเปล่าก็พลันสั่นสะเทือน อากาศระเบิดตูมตาม จ้าวตงซานหน้าเปลี่ยนสีรีบสกัดกั้น ทว่าพลังในการต่อสู้ของเขาเทียบป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ติดสักกะผีก ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จ้าวตงซานกระอักเลือดคำโต ร่างถูกต่อยกระเด็นออกไปหลายร้อยจั้ง พอกระแทกลงบนสิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่ง สิ่งปลูกสร้างหลังนั้นก็พังถล่มทันที

คนในตระกูลคนอื่นๆ ที่อยู่รอบด้านหมายจะเข้าไปขัดขวางตามจิตใต้สำนึก

ทว่าไม่นานพอดวงตาของคนเหล่านั้นเปล่งประกายวาบอยู่ชั่วครู่พวกเขาก็หยุดชะงัก ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่แม้แต่จะเหลือบมองคนพวกนั้น เขายกเท้าก้าวเดินออกไปอีกครั้ง เมื่อเท้าเหยียบลงก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงสิ่งปลูกสร้างที่พังทลายหลังนั้น

จ้าวตงซานเพิ่งจะตะเกียกตะกายปีนขึ้นมา สีหน้ายังตกใจระคนหวาดกลัวไม่คลาย พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนไล่ตามมาอีกครั้ง เขาก็กำลังจะก้าวถอยหลัง

ทว่าความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับระเบิดออกในเสี้ยววินาทีจนกลายมาเป็นเสียงอากาศระเบิด พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่เบื้องหน้าจ้าวตงซานแล้ว ทั้งยังยกมือขวาขึ้นคว้าลำคอของจ้าวตงซานเอาไว้แล้วยกอีกฝ่ายขึ้นสูง ก่อนจะกระแทกตบะเข้าไปปิดผนึกทั่วร่างของจ้าวตงซาน

“ใช่ฝีมือเจ้าหรือเปล่า!” ความเย็นชาในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนปานประหนึ่งหิมะในวันที่อากาศหนาวที่สุด เขาจ้องจ้าวตงซานเขม็ง ดวงตาที่เย็นชาซึ่งคลอเคล้าไปด้วยความบ้าคลั่งคล้ายต้องการมองทะลุทุกความลับที่จ้าวตงซานซ่อนเอาไว้ จ้าวตงซานใจสั่น ลมหายใจหอบหนักแทบไม่เป็นคำ

“พูดอะไรของเจ้า เจ้าอย่าวู่วามนะ…” จ้าวตงซานรีบเอ่ยทันที ดิ้นรนขัดขืนตามจิตใต้สำนึก แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็มิอาจหลุดพ้น อีกทั้งพอป๋ายเสี่ยวฉุนออกแรงที่มือขวา นัยน์ตาของเขาก็ถึงกับเผยความหวาดกลัวออกมา จะพูดก็พูดไม่ออก ได้ต้องร้องเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ เขารู้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ เย็นเยียบไปทั้งจิตวิญญาณ เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายรุนแรงกว่าที่เคยเป็นหลายเท่านัก

“เขาบ้าไปแล้ว สมควรตายนัก เจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้มันบ้าไปแล้ว!!” จ้าวตงซานสั่นสะท้านไปทั้งใจ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ใกล้กับความตายเข้าไปทุกขณะ

ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องจ้าวตงซานอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในดวงตาของจ้าวตงซาน เขามองเห็นแค่ความหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ไม่เห็นสิ่งอื่นใดมากไปกว่านั้น อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้ดีว่าจ้าวตงซานผู้นี้นิสัยมุทะลุใจร้อน หากเขาเป็นคนทำจริงๆ หรือว่ารู้ข่าวอะไรมาบ้าง สายตาของอีกฝ่ายย่อมไม่ใช่อย่างที่เห็นนี้แน่นอน

“ไม่ใช่เขางั้นหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจ แต่ไม่ได้ปล่อยมือ เพียงเบือนหน้าไปมองพวกคนในตระกูลจ้าว ซึ่งเน้นจ้องมองไปยังพวกคนที่ยังดูหนุ่มสาวซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นพี่น้องของจ้าวตงซานเป็นพิเศษ

“โองการประทานคุณแด่ประชานี้ต้องผลักดันต่อไป ข้าผู้แซ่ป๋ายคือผู้ตรวจสอบเรื่องนี้ ที่ทำไปก็เพื่อ…ให้พวกเจ้าทุกคนได้รับทรัพย์สมบัติในส่วนที่ควรเป็นของพวกเจ้าอย่างยุติธรรม!”

“ผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากโองการนี้ก็คือลูกหลานสายตรงและบุตรอนุภรรยาที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการสืบทอดอย่างพวกเจ้า ดังนั้น หากพวกเจ้าไม่สนับสนุน ผู้ที่ได้รับความเสียหายก็มีแต่ตัวพวกเจ้าเอง!

และหากคิดจะได้รับทรัพย์สมบัติที่มากพอ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องรู้ว่าในตระกูลของพวกเจ้า หรือแม้แต่บิดาของพวกเจ้า ผู้อาวุโสของพวกเจ้า พระยาสวรรค์ของพวกเจ้าเอง…พวกเขามีสมบัติมากเท่าไหร่ มีทรัพยากรมากน้อยแค่ไหน!”

“ยิ่งพวกเจ้าบอกข้ามากเท่าไหร่ การบันทึกข้อมูลของข้าก็ยิ่งมีมากเท่านั้น และมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะรับรองได้ว่าเมื่อผ่านการจัดสรรอย่างเท่าเทียมแล้ว สิ่งที่พวกเจ้าได้รับไปจะเป็นสมบัติที่ผ่านการเฉลี่ยโดยยุติธรรมอย่างแท้จริง!”

“ท่ามกลางการผลักดันโองการประทานคุณแด่ประชานี้ ข้าผู้แซ่ป๋ายมีสิทธิ์ในการมอบรางวัล ดังนั้น…ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลกับข้าเร็วที่สุดและมากที่สุด ก็จะได้รับการสนับสนุนจากข้ามากที่สุด!”

“สิ่งเหล่านี้ล้วนดีต่อตัวพวกเจ้าเอง พวกเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้น…สิ่งที่ข้าต้องการรู้คือเรื่องราวทั้งหมดของตระกูลจ้าว พวกเจ้าควรเข้าใจไว้แต่แรกว่าบางครั้งสมบัติของตระกูลก็ไม่ใช่สิ่งของที่จับต้องได้จริงเสมอไป การรายงานข่าว ข้อมูลบางอย่าง ความลับ หรือมีใครเพิ่มเข้ามาในตระกูล ทุกอย่างนี้ล้วนมีมูลค่า ล้วนนับเป็นสมบัติของตระกูลทั้งสิ้น!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน น้ำเสียงของเขาดังกังวานไปรอบด้าน ทุกคนในตระกูลจ้าวที่ได้ยินประโยคนี้ต่างก็หอบหายใจหนักหน่วงด้วยความฮึกเหิม ดวงตาเริ่มเผยแสงแห่งความละโมบ

ในใจของพวกเขามีคลื่นลูกยักษ์โถมตลบครั้งแล้วครั้งเล่า ความทะเยอทะยานในใจก็ยิ่งปะทุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีคนบางส่วนที่ตื่นเต้นจนเริ่มจะบ้าคลั่ง พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างยิ่ง โองการประทานคุณแด่ประชานี้ผู้ที่ได้ผลประโยชน์คือพวกเขาอย่างแท้จริง!

ขณะเดียวกันเมื่อคิดจะแบ่งทรัพย์สินของตระกูลก็ย่อมต้องรู้ให้แน่ชัดว่าทรัพย์สมบัติมีมากเท่าไหร่…และจำนวนที่แน่ชัดนั้น…สิ่งที่คนนอกรู้ย่อมไม่มากเท่าคนในตระกูลจ้าวอย่างพวกเขา

เสียงลมหายใจหอบหนักดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จ้าวตงซานตัวสั่น ในใจก็ยิ่งหวาดกลัวจนเริ่มลนลาน ด้านหนึ่งเพราะเขากลัวตาย อีกด้านหนึ่งคือเริ่มรู้สึกหนักอึ้งในใจเพราะสมบัติที่ต้องถูกแบ่งนั้นล้วนเป็นส่วนที่ควรเป็นของเขาทั้งสิ้น

ความรู้สึกนี้ทำให้จ้าวตงซานใกล้บ้าเต็มที ทว่าตบะถูกผนึก ความเป็นความตายจึงอยู่ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาจึงได้แต่ข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ ด้วยความซับซ้อนในใจ ร่างกายจึงสั่นเทิ้มรุนแรงถึงขีดสุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดตามองทุกคน เขามองออกว่าคนเหล่านั้นหวั่นไหว สุดท้ายจึงหันมามองจ้าวตงซาน ก่อนจะโยนอีกฝ่ายไปกระแทกสิ่งปลูกสร้างอีกหลังหนึ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทำทุกอย่างนี้เสร็จเขาก็หมุนกายพาศพหุ่นเชิดห้าพันนายเดินทางไปยังบ้านของพระยาสวรรค์ตระกูลต่อไป…ภายใต้สายตามองส่งอย่างเร่าร้อนและกระตือรือร้นจากคนนับไม่ถ้วน!

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปไกล จ้าวตงซานที่หอบหายใจฮักๆ ถึงได้เดินโผเผออกมาจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งพังทลายไปอีกหลัง ก่อนจะชะงักฝีเท้า กวาดตามองไปบนใบหน้าของเหล่าพี่น้องที่คุ้นเคยดีซึ่งเวลานี้แต่ละคนล้วนเผยสายตาราวหมาป่ากระหายเนื้อ…

จ้าวตงซานใจหายวาบ รู้สึกเพียงท้องฟ้ามืดดำ

“จบกัน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!