Skip to content

A Will Eternal 827

บทที่ 827 ถึงกับทำหมีน้อยของข้าแตก

หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนคงจะคิดได้ว่าความสะท้านสะเทือนจากการหลอมพลังจิตให้ทารกก่อกำเนิดของตนสามารถนำมาใช้ส่งข่าวบอกให้รู้ว่าตนและสตรีธุลีแดงตกอยู่ในอันตรายได้ทางอ้อม

เพียงแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ในเวลานี้ตกอยู่ท่ามกลางวิกฤตความเป็นความตาย ในสมองของเขามีแต่ความคิดที่ว่าควรจะหนีไปอย่างไร ไม่ทันตระหนักได้ถึงวิธีการทางอ้อมนี้ และตอนนี้เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในหม้อกระดองเต่าก็พลันลืมตาโพลง

ชั่วขณะที่ดวงตาทั้งคู่เปิดขึ้นนั้น ประกายแสงคมกล้าก็พลันระเบิดจ้าออกมาจากในดวงตาของเขา!

อยู่ในห้องลับแห่งนี้ ประกายแสงจากดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ร้อนแรง และคล้ายจะกลายมาเป็นเส้นสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยงลงมาทำให้ห้องลับสั่นสะเทือน

คลื่นพลังแกร่งกร้าวหลายขุมระเบิดออกมาจากในร่างทารกก่อกำเนิดอย่างต่อเนื่อง นั่นคือพลังของก่อกำเนิดช่วงท้าย!

เมื่อหลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดได้สิบห้าครั้ง จะทำให้ตบะของคนคนนั้นฝ่าทะลุขึ้นสู่ก่อกำเนิดช่วงกลาง หากหลอมสิบแปดครั้งก็จะกลายมาเป็นก่อกำเนิดช่วงท้าย ทว่าเมื่อถึงสิบเก้าครั้งจะขยับเข้าไปใกล้แบบเฉียดนิดเดียวก็ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ!

ส่วนหลอมพลังจิตยี่สิบครั้งนั้นจะฝ่าทะลุจากก่อกำเนิดช่วงท้าย ก้าวย่างเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ส่วนขั้นหลังจากนั้นขึ้นไป…ในตำนานว่ากันว่า ยี่สิบเอ็ดครั้งสามารถทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นคนฟ้าได้โดยตรง!

เพียงแต่ว่านั่นเป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนานเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ ตลอดทั้งราชสำนักขุยยังไม่เคยมีใครใช้วิธีการเช่นนี้เลื่อนขั้นเป็นคนฟ้ามาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าการใช้วิธีเช่นนี้จะมีอุปสรรคใดๆ หรือไม่

และอย่างป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดได้ถึงสิบเก้าครั้ง หากไล่กันดูจากประวัติศาสตร์ของราชสำนักขุย อาจไม่ถึงขั้นไม่มีเลย แต่ก็เรียกได้ว่าน้อยยิ่งกว่าขนหงส์เขากิเลน!

และเมื่อหลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดได้ในระดับเขานี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็แอบรู้สึกได้รำไรว่าทารกก่อกำเนิดของตนเหมือนจะผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ซี่งความรู้สึกนี้นับเป็นลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง

“บางทียี่สิบเอ็ดครั้ง…อาจจะไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นคนฟ้าได้โดยตรงอย่างที่ในตำนานเล่าไว้ ทว่าอัตราความสำเร็จในการเป็นคนฟ้าย่อมต้องมากกว่าคนอื่นแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกระโดดผลุงขึ้น ก่อนจะกดเก็บความคิดพวกนี้ที่ลอยขึ้นมาในสมองกลับไป เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะเอามาคิดถึงเรื่องพวกนี้ ดังนั้นทารกก่อกำเนิดของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงพุ่งกลับเข้ามาผสานรวมอยู่ในร่างทันที

และเวลาแค่สามชั่วลมหายใจ ร่างกายของเขาที่ก่อนหน้านี้อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิก็พลันขยับไหวน้อยๆ เมื่อลืมตาขึ้น คลื่นตบะที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่าก็ระเบิดพวยพุ่งออกมาจากในร่างของเขา!

ตูมๆๆ!!

ตบะนี้แข็งแกร่งจนสามารถสั่นคลอนฟ้าดิน ขณะเดียวกันพลังในการต่อสู้ของเขา บัดนี้ก็ได้ไต่ทะยานขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในขั้นก่อกำเนิดช่วงกลางสามารถต่อสู้กับคนฟ้าช่วงต้นได้ แม้จะไม่อาจเอาชนะ แต่หากคิดจะหนีไปก็ยังพอทำได้ ถ้าเช่นนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ที่…ตบะฝ่าทะลุขั้น อีกทั้งยังห่างจากขั้นสมบูรณ์แบบแค่ครึ่งก้าว เขาก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถ…บดขยี้คนฟ้าช่วงต้นได้อย่างง่ายดาย!!

นี่ก็คือความแข็งแกร่งของก่อกำเนิดวิถีฟ้า ขณะเดียวกันนี่ก็เป็นข้อดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ซึ่งบทมิวางวายนำมาให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุน ถึงได้ทำให้เขาที่อยู่แค่ก่อกำเนิดช่วงท้ายก็สามารถกำราบคนฟ้าช่วงต้นได้แล้ว!

“เหลยซาน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เก็บหม้อกระดองเต่าเรียบร้อยก็พุ่งถลาออกไปข้างนอก เสียงดังตูมตามมาพร้อมกับการพังถล่มของห้องลับทั้งห้อง ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนปานประหนึ่งสายฟ้าเส้นหนึ่งที่พุ่งวาบออกมา

แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งตัวออกมาจากในห้องลับ ร่างของเหลยซานที่อยู่ข้างนอกก็มีแสงสีดำเปล่งวูบวาบไปทั้งตัว ก่อนที่เขาจะออกหมัดต่อยโครมเข้าใส่สตรีธุลีแดงที่พยายามระงับอาการบาดเจ็บ ฝืนร่ายใช้ตบะคนฟ้าจนกระเด็นไปไกล

สตรีธุลีแดงกระอักเลือด อาการบาดเจ็บระเบิดออกทุกด้านอย่างมิอาจยับยั้งไว้ได้อีกต่อไป เบื้องหน้าพร่าเลือน นางร้องอึกอักอยู่ในลำคอด้วยความเจ็บปวด ขณะที่กำลังจะฝืนข่มกลั้นอาการบาดเจ็บโดยไม่สนใจอะไรอีกครั้ง ทว่าเวลานี้เอง ห้องลับในเรือสวรรค์ด้านหลังนางก็พลันพังถล่ม เงาร่างที่ปานประหนึ่งสายฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งพรวดออกมาโอบรับร่างของสตรีธุลีแดงเอา ส่วนมือขวาก็ยกขึ้นสะบัดปลายแขนเสื้อเข้าใส่เหลยซานที่เข้ามาใกล้อย่างแรง

“ไสหัวไปซะ!!” การสะบัดปลายแขนเสื้อที่มองดูเหมือนจะธรรมดานี้กลับทำให้เดือนดาวดับแสง ลมพัดโหมเมฆซัดตลบ พายุบ้าคลั่งลูกหนึ่งที่คล้ายเชื่อมโยงเข้ากับนภากาศปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าแล้วพัดครืนครั่นเข้ากระแทกชนร่างของเหลยซาน

แสงสีดำในดวงตาของเหลยซานเต้นถี่รัวอยู่หลายที เขาเองก็ถอยกรูดออกห่าง ทว่ากลับยังช้าไปก้าวหนึ่ง พายุหมุนลูกนั้นจึงปะทะตูมเข้ากับร่างของเขาในเสี้ยววินาที

เสียงกัมปนาทกึกก้องไปทั้งฟ้าดิน เหลยซานกระอักเลือดสีดำออกมาคำใหญ่ ในร่างก็ยิ่งมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นพร้อมๆ กับรอยปริแตกที่แผ่ร้าวไปทั่วทั้งร่าง ร่างถูกม้วนตลบปลิวไปไกลหลายร้อยจั้ง ก่อนจะกระแทกโครมลงบนพื้น

ต่อให้สติของสตรีธุลีแดงใกล้จะหลุดลอยแค่ไหน ทว่าสีหน้าของนางก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง นางมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่โอบกอดตัวเองเอาไว้ด้วยความอึ้งงัน คิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับกระอักเลือดออกมาอีกคำแล้วหมดสติไปทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนลดตัวลงบนพื้นแล้ววางร่างของสตรีธุลีแดงลงเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาก็ดำมืดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในร่างของเขาคล้ายมีปราณดุร้ายสะท้านฟ้าระเบิดตูมออกมา ทำให้นภากาศในเวลานี้บิดเบือนบูดเบี้ยว และยังถึงขั้นมีเมฆทะมึนมารวมตัวกัน แผ่นดินรอบด้านสั่นสะเทือนจนปรากฏรอยปริร้าว

ปราณพลุ่งพล่านระลอกหนึ่งที่ใกล้เคียงกับความบ้าคลั่งน่าหวาดกลัวผุดผงาดขึ้นมาต่อเนื่องตามย่างก้าวที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินเข้าไปหาเหลยซาน

แสงสีดำในดวงตาของเหลยซานเปล่งแสงถี่ยิ่งขึ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้แตกต่างกับเมื่อหนึ่งก้านธูปก่อนหน้านี้มากนัก นี่ทำให้เขาที่ต่อให้จะตายไปแล้วก็ยังเกิดความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณอย่างที่หาได้ยากยิ่ง

“ร่างไม่ดับสลายงั้นรึ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเนิบช้า เสียงยังคงดังกังวาน ทว่าเท้าของเขากลับกระทืบลงไปบนพื้น ร่างดีดผลุงไปข้างหน้า ความเร็วนั้นมากจนมองไม่เห็นแม้แต่ภาพติดตา แทบไม่ต่างจากการหายตัว พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเหลยซาน ก่อนจะยกมือขวาขึ้นแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป!

เหลยซานยกมือทั้งคู่ขึ้น อ้าปากเปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ประหนึ่งสัตว์ที่ติดกับออกมาเป็นครั้งแรก พยายามต้านทานอย่างสุดความสามารถ

เสียงตูมตามดังสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน

ชั่วพริบตาที่ปะทะเข้ากับหมัดขวาของป๋ายเสี่ยวฉุน แขนทั้งสองข้างของเหลยซานก็ถูกกระแทกด้วยพลังมหาศาลขุมหนึ่งที่เขามิอาจต้านทานได้และถึงขั้นมิอาจฟื้นคืนพลังกลับมาได้ทันเข้าอย่างจัง จึงแตกกระจายทันที!!

การแตกสลายปริร้าวไปทีละชั้น เวลาเวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว แขนทั้งสองข้างของเหลยซานก็ระเบิดแตกไปทีละชุ่น ร่างก็ยิ่งไถลครูดไปด้านหลัง แต่ยังไม่ทันรอให้เขาตั้งตัวได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกมาอีกหนึ่งก้าว ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง!

“ร่างไม่ดับสลายงั้นรึ?” ยังคงเป็นประโยคเดิม

วินาทีที่คำพูดนี้ดังก้อง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหวี่ยงเท้าขวาเตะลงไปบนขาซ้ายของเหลยซานอย่างแรง เท้านี้ร่วงลงก็เหมือนท้องฟ้ากดอัดลงมา ขาซ้ายของเหลยซานระเบิดแตกกระจาย เลือดเนื้อสาดกระเซ็นในพริบตา ยังไม่สิ้นสุด ป๋ายเสี่ยวฉุนยังใช้หัวโหม่งไปทีลำตัวของอีกฝ่ายอย่างแรงซ้ำอีกครั้ง

ตูมๆๆ!

เลือดสดสีดำพุ่งทะลักออกมาจากทั่วร่างของเหลยซาน ร่างของเขาครึ่งหนึ่งระเบิดแหลกลาญไปแล้ว แสงสีดำในดวงตาก็หม่นมัวจนแทบไร้แสง ทั้งยังเปล่งแสงได้อย่างเชื่องช้า

“ข้าไม่เชื่อหรอกเจ้าจะมีร่างไม่ดับสลายจริงๆ!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนราวกับเสียงของลมที่พัดโชยในวันหนาวเหน็บ ชั่วขณะที่เสียงนั้นดังออกมา มือขวาของเขาก็กำเป็นหมัด และจู่ๆ ก็มาโผล่พรวดอยู่เบื้องหน้าเหลยซานที่สภาพอเนจอนาถอีกครั้งราวกับวิญญาณร้ายแล้วปล่อยหมัดขวาออกไปอย่างเหี้ยมโหด!

คราวนี้ถึงกับมีเสียงฟ้าผ่าดังครืนครั่น นภากาศที่อบอวลไปด้วยเมฆดำก็เหมือนถูกกระตุ้น ชั้นเมฆจึงกระเพื่อมสั่น ก่อนที่เม็ดฝนจะเทกระหน่ำลงมาจากชั้นฟ้าสาดซัดลงบนพื้นดิน

ขณะเดียวกันเหลยซานที่อยู่เบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว แสงสีดำในดวงตาค่อยๆ หม่นแสงจนหายไปในท้ายที่สุด เขาเหม่อมองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างตื่นตระหนก ริมฝีปากทั้งคู่สั่นระริก

“นายท่านจะต้องมาหาเจ้า…” ประโยคนี้ยังไม่ทันเอ่ยจบ เสียงตูมก็ดังออกมาจากในร่างของเขา และพริบตาเดียวร่างของเขาก็แตกสลายออกจากกัน ไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงเป็นซีก แต่กลายมาเป็นเศษเนื้อและท่อนกระดูกเล็กละเอียดจำนวนไม่ถ้วน ที่พอเจอกับแรงโจมตีก็สาดกระจายไปรอบด้าน

ส่วนเลือดสดสีดำนั้นกลับถูกน้ำฝนชะล้าง เมื่อมีสายฟ้าแลบปลาบอยู่กลางหมู่เมฆ ฝนก็ยิ่ง…ตกหนักยิ่งกว่าเดิม

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น ปรับลมหายใจให้นิ่งสงบ สายตามองไปยังทิศไกลอันเป็นตำแหน่งที่กงซุนหว่านเอ๋อร์ถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยความเงียบงัน ก่อนจะหมุนกายกลับมาอุ้มสตรีธุลีแดงที่หมดสติทะยานตัวบินขึ้นไปบนเรือสวรรค์ที่ลอยอยู่ ไม่นานเรือสวรรค์ที่ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็กลายร่างเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่ลอดทะลวงม่านฝนพุ่งทะยานไปไกล

และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพาตัวสตรีธุลีแดงที่หมดสติขึ้นไปบนเรือสวรรค์และใช้ตบะก่อกำเนิดช่วงท้ายของตนควบคุมให้เรือแล่นไปข้างหน้านั้น จุดที่ห่างที่แห่งนี้ไปไกลหลายหมื่นลี้ สถานที่ที่กงซุนหว่านเอ๋อร์ถูกสตรีธุลีแดงใช้วิชาธุลีแดงจื่อโม่ปิดผนึกเอาไว้ก็พลันมีเสียงกัมปนาทดังออกมา

เสียงกัมปนาทนี้ทำให้รอบด้านเกิดเป็นลูกคลื่นที่แผ่ซัดเป็นวงกว้าง ทุกที่ที่ผ่าน พื้นดินก็ยุบยวบลงไปเหมือนถูกขุด และเวลานี้นครที่มีขนาดเท่าฝ่ามือก็ได้แตกกระจายออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ!

เมื่อนครปริแตก ควันสีดำกลุ่มหนึ่งก็ลอยกรุ่นจากในนครขึ้นมาบนอากาศ หลังจากที่ควันดำนี้เกาะตัวเข้าด้วยกันก็ค่อยๆ กลายมาเป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง ไม่นานเด็กหญิงก็หายไป แทนที่มาด้วยกงซุนหว่านเอ๋อร์ ก่อนที่นาทีถัดมาจะกลายมาเป็นรูปร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน

“พี่ชายน้อย ครั้งนี้ เจ้าหนีไปได้ยังไง ขอแค่เจ้าปรากฏตัว แผนการของข้าก็นับว่าสำเร็จแล้วนะ”

กงซุนหว่านเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะคิก ครั้นจึงขยับร่างผสานรวมเข้าไปในความว่างเปล่า ไม่นานนักเมื่อนางปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงจุดที่เหลยซานตายแล้ว!

นางยืนอยู่ตรงนั้น ก้มหน้ามองพื้นที่รอบด้านแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ

“ถึงกับทำหมีน้อยของข้าแตกเลยหรือนี่…ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็มาเป็นหมีน้อยตัวใหม่ให้ข้าก็แล้วกัน”

กงซุนหว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาดำมืดที่แฝงเร้นไว้ด้วยไอสังหารน่าขนลุกมองไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!