บทที่ 830 นางไม่ใช่ป๋ายเสี่ยวฉุน
ชั่วขณะที่ท้องฟ้าเกิดเป็นตราผนึก ราชาผียักษ์ก็ร้องคำรามดังลั่น ตบะทั้งร่างระเบิดสู่จุดสูงสุด พลันร่ายใช้ท่าไม้ตายที่เป็นของเขาเอง…
“ผียักษ์ ดับโลก!” ขณะที่แผดเสียงตะโกน ราชาผียักษ์ก็ยกมือทั้งคู่ขึ้นมา ทันใดนั้นระหว่างมือทั้งสองข้างของเรือนกายมหึมาก็มีพระอาทิตย์สีดำดวงหนึ่งปรากฏขึ้น!
ในพระอาทิตย์ดวงนั้นเหมือนแฝงเร้นไว้ด้วยพลังน่ากลัวที่สามารถดับทำลายฟ้าดิน พลังนี้แข็งแกร่งจนถึงขนาดที่อย่าว่าแต่คนฟ้า ต่อให้เป็นครึ่งเทพก็ยังต้องสำลักลมหายใจ รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
และเวลานี้ ราชาผียักษ์ก็เหมือนจะทุ่มสุดชีวิตโดยไม่สนใจว่าการโจมตีนี้จะสร้างผลกระทบต่อโลกใบนี้ ราวกับว่าในสายตาของเขา หากไม่สังหารศัตรูประหลาดที่อยู่เบื้องหน้านี้ให้ได้ ความน่ากลัวจากผลลัพธ์ที่อีกฝ่ายจะสร้างขึ้นมาย่อมต้องเหนือกว่าการดับโลกจากท่าไม้ตายของตนแน่นอน!
ป๋ายเสี่ยวฉุนปากคอแห้งผาก ในใจมีคลื่นลูกยักษ์ถาโถมไม่หยุด ระดับความน่ากริ่งเกรงของเวทอภินิหารนี้จากราชาผียักษ์มีมากจนเกินบรรยาย ป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงแค่รับสัมผัสกับปราณที่เรือนกายใหญ่มโหฬารนั้นปล่อยออกมาเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่กลางคลื่นพิโรธบ้าคลั่ง นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…ดวงอาทิตย์สีดำที่อยู่ระหว่างมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเลย!
ชั่วขณะที่มองเห็นดวงอาทิตย์สีดำนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนมองเห็นดินดำเกรียมไร้ที่สิ้นสุด มองเห็นความเศร้าอาลัยไร้ขอบเขตและความตายที่เหมือนไม่มีวันจบสิ้น!!
หากดวงอาทิตย์นั่นร่วงลงมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่รู้เลยว่าแผ่นดินผืนนี้จะเป็นเช่นไร แต่ในความรู้สึกของเขา เกรงว่าเกือบครึ่งของแดนทุรกันดารคงกลายมาเป็นซากปรักหักพังแน่นอน!!
“นี่…ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ตะลึงงันไปกับการระเบิดอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของราชาผียักษ์ บัดนี้จิตใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง รีบส่งข้อความเสียงไปเตือนราชาผียักษ์ทันใด
“หวังเหย่ ระวังหากนางระเบิดตัวเองแล้วกลายร่างเป็นเงาเลือดจะกลืนกินชีวิตของทุกคนที่อยู่ที่นี่!!”
ราชาผียักษ์เหมือนไม่ได้ยิน ทว่าจุดลึกในดวงตากลับมีแสงเปล่งวาบหนึ่งที
กงซุนหว่านเอ๋อร์เองก็หอบหายใจดังเฮือก สีหน้าของนางเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า
“ไม่เสียแรงที่เป็นถึงครึ่งเทพ…เพียงแค่เวลาสั้นๆ ก็…หาข้อบกพร่องเดียวของข้าในตอนนี้เจอแล้ว…” ม่านตาของกงซุนหว่านเอ๋อร์หดตัวเข้าหากัน เพียงแต่ว่าประกายความละโมบในดวงตากลับยิ่งเข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้อีกหลายเท่าตัว ก่อนที่นางจะกรีดร้องเสียงแหลม กระโดดผลุงขึ้นกลางอากาศ ทำมุทรา แล้วทันใดนั้นบนมือขวาที่ยกขึ้นของนางก็มีหลุมดำที่หมุนคว้างหลุมหนึ่งปรากฏขึ้น!
“ข้าคือวิญญาณที่มิอาจดับสลาย ไม่มีใครสามารถสังหารข้าได้ ทุกวิชาอภินิหาร ทุกสรรพชีวิตล้วนเป็นสารบำรุงที่หล่อเลี้ยงให้ข้าเติบโต…ยิ่งข้าต่อสู้ ข้าก็ยิ่งแข็งแกร่ง และวิธีเดียวที่จะสามารถสังหารข้าได้ก็คือทำให้ข้าระเบิดตัวเองทั้งๆ ที่กำลังดูดดึงพลังชีวิต…ใช้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกันว่าเจ้าจะสามารถใช้ข้อบกพร่องนี้มาปลิดชีพข้า หรือจะเป็นข้า…ที่เป็นฝ่ายอาศัยตัวเจ้ามาทำลายข้อบกพร่องสุดท้ายของตัวข้าเองทิ้งไป!!”
กงซุนหว่านเอ๋อร์ยกยิ้มแปลกแปร่ง ขณะที่ราชาผียักษ์ผลักให้ดวงอาทิตย์สีดำเข้ามาใกล้ นางก็เป็นฝ่ายกระโจนออกไปเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนจับตามองภาพเหตุการณ์นี้ตาไม่กะพริบ เขาจึงเห็นว่าเวลาเพียงชั่วพริบตา ร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ชนโครมเข้ากับพระอาทิตย์สีดำนั้น
เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้า สองฝ่ายหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก ทว่าวินาทีที่ปะทะเข้าด้วยกัน พลังแห่งการทำลายล้างไร้ที่สิ้นสุดซึ่งระเบิดออกมาจากในพระอาทิตย์สีดำกลับไหลตามหลุมดำของกงซุนหว่านเอ๋อร์เข้ามาในร่างของนาง
พอภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของราชาผียักษ์ เขาก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ทว่ากลับแอบหัวเราะเสียงหยัน ก่อนจะยกมือทั้งคู่ขึ้นแล้วโบกอย่างแรง
“ในเมื่อเจ้าชอบดูดนัก ถ้าอย่างนั้นข้าผู้เป็นราชาก็จะให้เจ้าดูดจนพอใจ!!”
เมื่อราชาผียักษ์ตวาดเสียงหนักจบ เขาก็ดันพระอาทิตย์สีดำที่อยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองกดเข้าหากงซุนหว่านเอ๋อร์อีกครั้ง อีกทั้งขณะที่กดลงไปนี้ เรือนกายใหญ่โตของเขายังมีควันดำจำนวนมากลอยกรุ่นขึ้นมาแล้วแผ่เข้าไปผสานรวมอยู่ในพระอาทิตย์สีดำ ส่วนร่างของเขาก็กำลังหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
ราวกับเขารู้สึกว่าแค่พลังของดวงอาทิตย์ยังไม่มากพอ ตอนนี้จึงยอมเผาผลาญพลังของตัวเองโดยไม่คิดเสียดาย จะอย่างไรก็ต้องเพิ่มพลังให้กับดวงอาทิตย์สีดำจนถึงขีดสูงสุดให้ได้ เสียงตูมตามดังสะท้อน ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมพัดก้อนเมฆให้เคลื่อนย้อนกลับ ทุกคนที่อยู่รอบด้านต่างก็หน้าขาวซีด รีบถอยกรูดอย่างรวดเร็ว
ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งถอยหนีเร็วกว่าใคร
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ได้เพียงแต่มองอยู่ไกลๆ เท่านั้น ร่างของราชาผียักษ์หดเล็กลงเรื่อยๆ ส่วนพระอาทิตย์สีดำดวงนั้นกลับยิ่งขยายใหญ่ พริบตาเดียวพระอาทิตย์ดวงนี้ก็ใหญ่หลายพันจั้ง ส่วนร่างของราชาผียักษ์กลับมามีขนาดเป็นปกติ เขายังคงผลักให้ดวงอาทิตย์กดกระแทกเข้าใส่กงซุนหว่านเอ๋อร์
กงซุนหว่านเอ๋อร์กรีดร้องเสียงแหลมโหยหวน ร่างของนางขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ในร่างเต็มไปด้วยพลังแห่งการดับทำลายจำนวนมาก อีกทั้งท่ามกลางการต่อต้านนี้ก็ทำให้นางไม่สามารถรักษารูปร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ปลอมตัวไว้ได้อีกต่อไป
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าบนใบหน้าของนางมีรอยปริแตกเป็นเส้นๆ ก่อนจะแผ่ลามไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียว…ร่างของนางก็เหมือนกระจกที่กำลังจะแตกออก สุดท้ายเสียงเพล้งดังหนึ่งครั้ง ใบหน้าก็นางก็แตกออกเป็นส่วนแรก!
และการแตกสลายนี้ก็ได้ทำให้เรือนกายที่นางปลอมเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดออกทั้งหมด เมื่อการระเบิดเสร็จสิ้น สิ่งที่เผยอยู่ต่อหน้าทุกคนกลับไม่ใช่ชายหนุ่ม แต่กลายมาเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่ง!
หญิงสาวคนนี้ผิวพรรณขาวลออน่าหลงใหล เพียงแต่ว่าในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาดุดัน และหากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าในลูกตาดำสีดำมืดของนางยังมีลูกตาดำเล็กๆ ซ้อนอยู่อีกหนึ่งวง!!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นพากันเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเฮือกๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน
“นางไม่ใช่ป๋ายเสี่ยวฉุน!”
“คนผู้นี้คือใคร!!”
และเวลานี้สตรีธุลีแดงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว พอเห็นภาพนี้ นางก็หน้าเผือดสี นั่นเพราะความพิลึกพิลั่นของกงซุนหว่านเอ๋อร์อยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคนอย่างแท้จริง
มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนที่จ้องกงซุนหว่านเอ๋อร์เขม็งด้วยความตึงเครียด แล้วก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่า…ที่ทุกคนเห็นอยู่ตอนนี้ก็ยังคงไม่ใช่ร่างจริงของอีกฝ่าย!
และเวลานี้เอง เสียงตูมเขย่าคลอนฟ้าดินได้ดังขึ้นอีกครั้ง พระอาทิตย์สีดำที่มีขนาดหลายพันจั้งลูกนั้นกำลังหดเล็กลงอย่างบ้าคลั่ง และพอมันหดเล็กลง ราชาผียักษ์ก็เป็นฝ่ายส่งพลังแห่งการทำลายล้างที่อยู่ข้างในไปให้กับกงซุนหว่านเอ๋อร์ทั้งหมด เพื่อให้นางดูดซับไป และถึงขั้นที่ว่าต่อให้นางจะไม่อยากดูดซับก็มิอาจปฏิเสธได้!
จนกระทั่งดวงอาทิตย์สีดำหดเล็กลงเหลือหนึ่งพันจั้งสามร้อยจั้ง ร่างหญิงสาวของกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่พองขยายเหมือนสูบลมเข้าไปก็เกิดการสั่นสะเทือน และไม่นาน ใบหน้า ลำคอ เรือนกายของนางก็เกิดรอยร้าวขึ้นมาอีกครั้ง รอยร้าวพวกนี้ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นพร้อมกับแผ่ลามอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง
กงซุนหว่านเอ๋อร์ก็หวีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ร่างของนางก็…เกิดการแตกสลายเป็นครั้งที่สอง!!
หลังการแตกทลาย กลางเศษชิ้นส่วนแตกร้าวของเรือนกายนั้นก็เผยให้เห็นเป็น…เด็กหญิงที่สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงซึ่งมีใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด!!
เด็กหญิงคนนี้เพิ่งจะเผยกาย อุณหภูมิของตลอดทั้งฟ้าดินก็พลันลดฮวบ โลกทั้งใบเปลี่ยนมาเป็นหนาวเยือก ยิ่งพื้นที่บริเวณที่นางอยู่ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ พื้นดินเกาะตัวเป็นน้ำแข็ง ผู้คนที่อยู่รอบด้านตัวสั่นระริก ทว่าไอความเย็นนี้กลับยากที่จะระงับความตะลึงพรึงเพริดของพวกเขาในตอนนี้ได้
“ยังมีอีกร่างรึนี่!!”
“นางเป็นใคร!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนโดนเข็มหลายเล่มแทงเข้ามาที่หนังหัวพร้อมๆ กัน ลมหายใจของเขาไม่มั่นคง เงาร่างของเด็กหญิงคนนี้เป็นภาพที่เขามิอาจลบลืมไปได้ชั่วชีวิต ภาพเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในหุบเหวกระบี่อุกกาบาต จนถึงตอนนี้ก็ยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน
และเวลานี้เอง ดวงตาของราชาผียักษ์ก็โชนแสงคมกริบ มือทั้งคู่พลันทำมุทราว่องไว ทันใดนั้นพระอาทิตย์สีดำที่มีขนาดหนึ่งพันสองร้อยจั้งก็มีเสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนระเบิดพลังทั้งหมดเข้าใส่ร่างของเด็กหญิงผู้นั้น
ลมหายใจของเด็กหญิงหอบหนัก ดวงตาของนางฉายความอึมครึมเย็นบาดลึกถึงขั้วกระดูก ปากก็เปล่งเสียงร้องหวีดโหยที่มากพอจะทำให้วิญญาณของทุกคนสั่นสะท้าน และทันใดนั้นร่างของนางก็เกิดรอยปริร้าวเป็นครั้งที่สาม!!
ยิ่งพระอาทิตย์สีดำหดเล็กลง รอยแตกร้าวนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ไม่นานเมื่อดวงอาทิตย์สีดำมีขนาดเหลือแค่ห้าร้อยจั้ง สี่ร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง…จนกระทั่งถึงหนึ่งร้อยจั้ง ห้าสิบจั้ง และวินาทีที่เหลือสิบจั้งสุดท้าย ราชาผียักษ์ก็แผดเสียงคำรามดังลั่น ก่อนจะอัดกระแทกดวงอาทิตย์สีดำที่เหลืออยู่เข้าใส่ร่างของเด็กหญิง!
เด็กหญิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ทั่วกายมีแต่รอยปริแตก แล้วพริบตานั้นก็พลันแตกทลายออกเป็นเสี่ยงๆ!!
เมื่อการแตกสลายครั้งที่สามยุติลงกลับมีเงาร่างสีชาดคล้ายเลือดสดระเบิดตูมออกมาจากในร่างที่แตกสลายของเด็กหญิง เมื่อมันปรากฏตัว ปราณแห่งความชั่วร้ายอำมหิตน่าหวาดกลัวก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วขยายไปรอบด้านอย่างต่อเนื่องเหมือนจะกลายมาเป็นทะเลเลือด!
ราชาผียักษ์เป็นคนแรกที่ถูกลูกหลง ด้วยตบะครึ่งเทพ เขาก็ยังกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ร่างถอยกรูดไปข้างหลัง ปากคำรามเบาๆ
“ถอยออกไปกันให้หมด!!” ทว่าการแผ่ขยายของทะเลเลือดสีชาดนั้นเร็วกว่าเสียงของเขา ต่อให้ก่อนหน้านี้ทุกคนจะถอยไปไกลมากพอแล้ว แต่พริบตาเดียวทะเลเพลิงนี้ก็ยังปกคลุมไปแปดทิศ ครอบคลุมผู้ฝึกวิญญาณไม่น้อยไว้ภายใน จากนั้นก็พลันดูดสวบหนึ่งครั้ง…ทันใดนั้นผู้ฝึกวิญญาณทุกคนที่อยู่ในขอบเขตของทะเลเลือดที่ไม่ว่าจะมีตบะอะไรก็ล้วนร่างสั่นเทิ้ม ก่อนที่ร่างจะเหี่ยวเฉากลายมาเป็นซากแห้ง!
พลังชีวิต ตบะ จิตวิญญาณของพวกเขาล้วนถูกทะเลโลหิตสีแดงดูดเอาไปหมด และทะเลเลือดนี้ก็ยังคงเกิดลูกคลื่นซัดสาดพร้อมแผ่กระจายไปรอบด้าน
ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนค้างอยู่ในลำคอ เดิมทีเขาก็อยู่ห่างมากพอ ทั้งยังระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่ทะเลเลือดปรากฏตัว เขาก็ระเบิดความเร็วถอยหนีไปเต็มกำลังจึงหลบพ้นการปกคลุมของทะเลเลือดผืนนั้นมาได้
ทว่าหัวใจของเขากลับยังคงสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ขนาดครึ่งเทพก็ยังสังหารนางไม่ได้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนที่หวาดผวาร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมผีเด็กหญิงคนนี้ถึงได้หมายหัวตนหลายครั้งหลายครา ตามความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ประหลาดมาก ยิ่งพอวิเคราะห์อย่างละเอียดเขาก็ยังรู้สึกด้วยว่าตนควรจะเป็นผู้มีพระคุณของเด็กหญิงคนนี้สิถึงจะถูก
“คนเนรคุณ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เห็นว่าคนมากมายในทะเลเลือดล้วนกลายมาเป็นซากแห้ง และในนั้นยังมีบุรพาจารย์คนฟ้าตระกูลป๋ายอยู่ด้วย เขาที่ตัวสั่นก็ยิ่งถอยห่างออกไปข้างหลัง คนรอบกายเขาก็ทำแบบเดียวกัน และมีคนไม่น้อยที่ตะลึงพรึงเพริดหวาดกลัวถึงขีดสุดไปแล้ว
และขณะที่คนมากมายถอยหนี กลางทะเลเลือดที่กลิ้งหลุนๆ ผืนนั้นก็มีใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์ลอยขึ้นมา ใบหน้านี้ก็คือเด็กหญิง นางแสยะปากยิ้มไปทางราชาผียักษ์ที่ยืนอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าดำมืด
“เจ้า…แพ้แล้ว!!” เสียงนี้แปร่งหูเหมือนมีคนมากมายพูดขึ้นในเวลาเดียวกัน เป็นเสียงที่รวมเสียงของคนหนุ่มสาวเด็กแก่ไว้นับไม่ถ้วน!
“ใช่รึ?” ราชาผียักษ์พลันยกยิ้ม