Skip to content

A Will Eternal 837

บทที่ 837 เทียนจุนเผยกาย

แม้ว่าศีรษะผีจะมีขนาดใหญ่ ทว่ามือใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของสายฟ้าสีชาดนี้กลับใหญ่ยิ่งกว่า!

เมื่อมันปะทะเข้าด้วยกัน ความรู้สึกที่มอบให้คนมองก็ราวกับว่าเป็นมือใหญ่ของคนโตกับศีรษะของเด็กทารก เมื่อมือใหญ่นี้คว้ามา ฟ้าดินก็สั่นสะเทือน พลังสายฟ้าเขย่าคลอนไปแปดทิศ!

ราวกับว่ามือใหญ่นี้ไม่สนใจการเขมือบกลืนฟ้าดินของเด็กหญิงแม้แต่น้อย เมื่อคว้ามา ปากที่แปลงมาจากศีรษะผีของเด็กหญิงก็กรีดเสียงร้องโหยหวน หยุดการกลืนกิน หมายจะหลบเลี่ยง ทว่าพลังอำนาจของมือสายฟ้านั้นมากไพศาลเกินไป ราวกับว่าได้รวบรวมพลังของทั้งโลกตรงเข้ามาบดขยี้ เสียงครืนครั่นดังก้องกังวานไปสี่ทิศ มือสายฟ้านี้ก็คว้าศีรษะผีไอน้ำของเด็กหญิงเอาไว้ได้!

ครั้นจึงบีบลงไปอย่างแรง เสียงกร๊อบดังลั่น ศีรษะผีไอน้ำไร้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรงให้ต้านทาน แตกทลายลงทันที เมื่อมันระเบิดกระจายออก เงาวิญญาณของเด็กหญิงก็เกิดบิดเบือน ถอยหลังเร็วรี่ สามารถมองเห็นได้ถึงความหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของนางเป็นครั้งแรก เห็นได้ชัดว่านางบังเกิดความกริ่งเกรงอย่างลึกล้ำต่อมือใหญ่สายฟ้าที่รวบรวมพลังของทั้งโลกมาปกคลุมนภากาศไว้ในตอนนี้

เพียงแต่ไม่ว่านางจะถอยหนีอย่างไรก็หนีออกไปจากโลกใบนี้ไม่ได้ และยิ่งเมื่ออยู่ใต้มือใหญ่ยักษ์นั่น นางก็ยิ่งไร้ที่ใดให้หลบเลี่ยง!!

เมื่อมือใหญ่เยื้องกรายมาถึง รอบด้านก็เหมือนถูกปิดผนึก ความตกใจและหวาดผวาของเด็กหญิงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มือทั้งคู่ของนางทำมุทราอย่างต่อเนื่อง เงาวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ออกมาจากในกายของนาง ทว่าเมื่ออยู่ใต้สายฟ้าสีแดงฉานไร้ที่สิ้นสุดแห่งนั้น เงาผีพวกนี้เพิ่งจะปรากฏตัวก็พากันแตกฮือราวกับก้อนเมฆที่กระจัดกระจาย

ภาพนี้ทำให้ทุกคนสะท้านสะเทือนกันไปอีกครั้ง เพราะศึกเหนือเกินกว่าขอบเขตของครึ่งเทพนี้ช่างตระการตาน่าตื่นตะลึงมากเกินไป ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ใจเต้นกระหน่ำถี่รัว เมื่อมือใหญ่ขยับเข้ามาคว้า เงาวิญญาณของเด็กหญิงก็กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด และมือใหญ่สายฟ้านั้นก็เข้ามาใกล้อย่างถึงที่สุด อีกทั้งกำลังจะบีบร่างของนางอย่างแรง

ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีรอยปริแตกขนาดใหญ่ยักษ์รอยหนึ่งปรากฏขึ้น รอยแตกนี้ใหญ่พอพันจั้ง พอมันปรากฏตัวก็พลันขยายกว้างแล้วจำแลงมาเป็นดวงตาข้างหนึ่ง!!

ดวงตานั้นเผยประกายแสงแห่งความเย็นชาไร้ปราณีที่หันขวับมองมายังร่างของคนเฝ้าสุสาน ขณะเดียวกันรอยแตกเส้นที่สอง เส้นที่สาม เส้นที่สี่ก็ตามมา…

พริบตาเดียวทั้งท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยรอยปริร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน ชั่วขณะที่รอยเหล่านี้ปรากฏขึ้นก็พลันขยายใหญ่และกลายมาเป็น…ดวงตาข้างแล้วข้างเล่า!

เย็นชาเหมือนกัน ไร้ปราณีเหมือนกัน มองมายังคนเฝ้าสุสานทั้งหมดเหมือนกัน!

ภาพนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทำเอาทุกคนตะลึงค้าง มีเพียงต้าเทียนซือเท่านั้นที่หน้าเปลี่ยนสี ร้องอุทานเสียงหลง

“เทียนจุน!!”

แทบจะขณะเดียวกันกับที่เสียงของเขาดังออกมา ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าก็กะพริบลงพร้อมกัน แล้วทันใดนั้นก็มีแสงกระบี่หลายเส้นแล่นฉิวออกมาจากในดวงตา ก่อนกลายมาเป็นรุ้งยาวจำนวนมากที่ใช้ความเร็วยากเกินบรรยาย พุ่งเข้าทิ่มแทงคนเฝ้าสุสานจนมองเห็นเป็นภาพติดตา!

แสงกระบี่นั้นมีมากจนมิอาจนับได้หมด เห็นเพียงว่าวินาทีนี้ท้องฟ้าทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยแสงกระบี่ที่พุ่งฉิวตัดสลับกันเสียงดังหวีดหวิว

แล้วก่อตัวกลายมาเป็นตาข่ายกระบี่ที่ตรงเข้าทะลุทะลวงมือใหญ่สายฟ้า จนมือใหญ่นั้นแตกกระจายออกเป็นเศษเสี้ยว!

มือใหญ่นี้รวบรวมขึ้นมาด้วยพลังแห่งโลก และสิ่งเดียวที่ดับทำลายมันได้ก็มีเพียงพลังแห่งโลกเท่านั้น ซึ่งในโลกใบนี้ นอกจากคนเฝ้าสุสานแล้ว ก็มีเพียงคนเดียว…ที่มีความสามารถนี้

เขาก็คือ…

นายแห่งเกาะทงเทียน เทียนจุน!

เสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งแดนทุรกันดาร พื้นดินแดนทุรกันดารสั่นสะเทือน นภากาศโยกไหว ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องคำรามบาดแก้วหู หลังจากฟาดฟันมือใหญ่ให้แหลกสลายและช่วยเด็กหญิงเอาไว้ได้แล้วก็ตัดสลับกันอีกครั้ง พร้อมตรงดิ่งเข้าหาคนเฝ้าสุสานอย่างไม่มีลังเล!

ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนช้า แต่ในความเป็นจริง นับตั้งแต่ที่แสงกระบี่ปรากฏ ตัดทำลายมือใหญ่ จนกระทั่งพุ่งเข้าโจมตีคนเฝ้าสุสาน เวลาทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกันก็เพียงแค่หนึ่งชั่วลมหายใจเท่านั้น

ตอนนี้แสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังห้อตะบึงไป ไม่ว่าแสงกระบี่เส้นไหนก็ล้วนเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง จำนวนของมันมากมาย อานุภาพของมันแข็งแกร่ง ปราณกระบี่อบอวลเต็มท้องฟ้า!

หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถม ศึกนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เขาสามารถพูดได้ว่าตั้งแต่ตนจนถึงบัดนี้ เขาแอบมีความรู้สึกว่าความลับของโลกใบนี้เหมือนจะถูกนำมาเปิดโปงต่อหน้าตนผ่านศึกนี้แล้ว!

ทว่าเวลาคับขันกระชั้นชิด เขาไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก เห็นเพียงว่าคนเฝ้าสุสานพลันหันขวับกลับมา ประกายล้ำลึกในดวงตาเปล่งวาบ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีท่าทีแปลกใจใดๆ คล้ายรอให้เทียนจุนปรากฏตัวอยู่นานแล้ว

ขณะที่แสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนเยื้องกรายมาถึง เขาจึงยกมือขวาขึ้นชี้ไปพร้อมเปล่งเสียงทุ้มหนักแก่ชราออกจากปาก

“อสนีบาต!” ยังคงเป็นคำคำเดียว ทว่าชั่วขณะที่ดังออกมา เสียงนี้กลับดังอึกทึกอย่างไร้ที่สิ้นสุด ประหนึ่งมีคนเหลือคณานับร้องคำรามพร้อมกัน ราวกับว่าบัดนี้สรรพชีวิตต่างแผดเสียงคำราม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่หรือวิญญาณที่ตายไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะยินดีหรือไม่ยินดี ต่อให้เป็นป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังร้องคำรามคำนี้ออกมาในใจอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้!

แม้แต่พวกต้าเทียนซือ ราชาผียักษ์ เฉินฮ่าวซง ฯลฯ ทุกคนล้วนเป็นเหมือนกันหมด!

เวลาแค่แผล็บเดียว เสียงนี้ก็เหมือนจะไต่ไปถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ ฟ้าดินสั่นคลอน ครืนครั่นไปแปดทิศ คลื่นเสียงกลายมาเป็นลูกคลื่นที่มองไม่เห็นซึ่งระเบิดซัดกวาดทุกสิ่งอย่างให้กระเด็นออกไป พอแสงกระบี่ที่ตรงเข้ามาใกล้ปะทะเข้ากับคลื่นเสียงนี้ก็ระเบิดกระจัดกระจาย มองไปจึงเห็นว่าบนท้องฟ้าไม่เหลือแสงกระบี่ที่สมบูรณ์แบบอีกต่อแล้ว สิ่งที่เห็นมีเพียงสะเก็ดแสงเจิดจ้าที่กลาดเกลื่อนไปทั่วฟ้าเหมือนดวงดาวดารดาษเท่านั้น!

แสงกระบี่มากมายแตกสลายลงไปในเวลาเดียวกัน ทว่าคลื่นเสียงกลับยังไม่จางหายไป ทุกที่ที่ผ่าน ฟ้าถล่มดินทลาย เด็กหญิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ยกมือขึ้นอุดหู พอเจอแรงโจมตีนี้ร่างของนางก็พร่าเลือนไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่ออยู่ภายใต้คลื่นเสียงนี้ มุมหนึ่งบนท้องฟ้าที่บิดเบือนก็เหมือนผ้าคลุมบางๆ ชั้นหนึ่งซึ่งผสานรวมกับโลกใบนี้ถูกเลิกออก เผยให้เห็นเป็น…เงาร่างหนึ่ง…ที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว!!

เงาร่างนั้นคือชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีทองอร่าม คิ้วกระบี่ดวงตาดั่งดวงดาว รูปงามหล่อเหลา ขณะเดียวกันก็มีบารมีน่าเกรงขามโดยที่ไม่ต้องแสดงความโกรธ ยิ่งสายตาของเขาก็ยิ่งเจิดจ้าจนสามารถทำให้ดาวเดือนดับแสงได้!

เขาสวมมงกุฎจักรพรรดิ เส้นผมสีนิลพลิ้วไสว มีเพียงตรงหน้าผากเท่านั้นที่มีเส้นผมสีเลือดเส้นหนึ่งตกระลงมา และเห็นได้ชัดว่าเมื่อเงาร่างของเขาถูกเปิดเผยเพราะมุมหนึ่งของผ้าคลุมโลกถูกเลิกขึ้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายวาบ แล้วถือโอกาสเดินออกมา พลางยกมือขวาขึ้นกดไปบนท้องฟ้า!

ท้องฟ้าพลันมีเสียงแควกดังลั่นเหมือนถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นฉีกกระชากออก ก่อนที่ทวนยาวสีฟ้าดั่งน้ำจะพุ่งพรวดออกมาจากในรอยแยกนั้น ไม่ได้บินเข้าไปหาชายวัยกลางคน แต่ตรงดิ่งไปที่พื้นดิน ความเร็วนั้นมากจนเหมือนสายฟ้าสีครามเส้นหนึ่งที่แทงสวบลงไปบนพื้นดินพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

แผ่นดินของแดนทุรกันดารสั่นสะเทือน รอยปริแตกหลายเส้นแผ่ลามออกไปแปดทิศ ขณะเดียวกันก็มีเสียงกัมปนาทดังออกมา ซึ่งตรงเข้าปะทะกับเสียงฟ้าร้องโดยที่ไม่มีใครมองเห็น การปะทะเช่นนี้ทำให้เกิดคลื่นโจมตีที่ซัดตูมตามไปสี่ทิศ

แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะอยู่ไกลมาก แต่ก็ยังถูกคลื่นโจมตีนี้ปะทะมาโดน เขาถึงกับกระอักเลือด ถอยกรูดไปข้างหลัง ขณะเดียวกันพวกเฉินฮ่าวซงก็มีเลือดไหลซึมออกมาตรงมุมปาก เซถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ต่อให้เป็นพวกต้าเทียนซือก็ยังหน้าขาวเผือด จำต้องถอยร่นอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้

ส่วนพวกผู้ฝึกวิญญาณของนครผียักษ์ที่ตบะไม่ถึงคนฟ้า ยามนี้ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของพวกเขาก็ถูกแรงโจมตีนี้ซัดเข้าใส่จนแหลกสลาย กลายเป็นเถ้าธุลี…

เดิมทีสตรีธุลีแดงเองก็ต้องตายแน่ๆ ทว่าราชาผียักษ์อยู่ข้างกายนาง และได้พยายามปกป้องนางอย่างเต็มกำลัง นางจึงรอดมาได้

“เทียนจุน!!” ราชาผียักษ์เงยหน้าขึ้นจ้องมองชายวัยกลางคนที่อยู่บนท้องฟ้าเขม็ง จุดลึกในดวงตาของเขาซุกซ่อนความกริ่งเกรงที่ลึกล้ำรุนแรงเอาไว้

ราชาชิงชัย ราชาเทพจุติ ราชาเก้านรกภูมิ และยังมีต้าเทียนซือรวมไปถึงเจ้าพระยาสวรรค์ทั้งหมด เวลานี้ต่างก็มีคลื่นลูกใหญ่ซัดกระหน่ำอยู่ในใจ สายตาจ้องไปยังชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่กะพริบ!

“เทียนจุน?” ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจต่อเนื่อง ในสมองมีเสียงดังอึงอล หลังจากได้ยินคำพูดของพวกราชาผียักษ์ เขาก็มองไปเช่นกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในอารมณ์แบบไหน พอเขาเงยหน้าขึ้นไป สิ่งที่เขาเห็นก็คือเงาร่างน่าครั่นคร้ามที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าและกำลังทอดสายตาเหยียดต่ำลงมาด้านล่าง!

นั่นก็คือนายแห่งพื้นที่เขตทงเทียน เทียนจุนแห่ง…เกาะทงเทียน!!

นี่เป็นครั้งแรกที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้เห็นเทียนจุน เพียงแค่มองปราดเดียวเขาก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรราวกับจะผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกทั้งใบจากอีกฝ่าย อีกทั้งพอมองไปเช่นนี้ เขายังรู้สึกปวดแสบปวดร้อนดวงตาราวกับถูกเข็มทิ่มแทง

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไป เงาร่างของเด็กหญิงก็ขยับกายไปยืนอยู่ข้างเทียนจุนโดยเว้นระยะห่างที่เหมาะสม ปากก็กรีดร้องเสียงแหลม

“คนแห่งทงเทียน เจ้ามาสาย!”

เทียนจุนยิ้มน้อยๆ ไม่ได้มองเด็กหญิง แล้วก็ไม่มองใครที่อยู่รอบด้านทั้งสิ้น สายตาของเขาจ้องนิ่งอยู่ที่คนเฝ้าสุสานตลอดเวลา ครั้นจึงเอ่ยเนิบช้า

“ตาแก่ แผนการนี้ของตัวข้า เกรงว่าเจ้าคงมองออกตั้งแต่แรกแล้ว”

“แน่นอนว่าย่อมมองออกอย่างชัดเจน” คนเฝ้าสุสานสีหน้าเป็นปกติ ดวงตายิ่งฉายแววลึกล้ำ เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ บทสนทนาระหว่างพวกเขาที่ดังเข้าหูคนรอบด้าน ทำให้ในใจของพวกเขามีความคิดมากมายผุดขึ้นมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เข้าใจทันทีว่าเด็กหญิงกับเทียนจุนผู้นี้ต้องติดต่อกันมานานแล้ว อีกทั้งยังกลายมาเป็นพันธมิตรกัน ศึกในวันนี้ เด็กหญิงไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ร่วมมือกับเทียนจุนมาห้ำหั่นกับคนเฝ้าสุสาน!

ส่วนเป้าหมาย ก็เป็นอย่างที่เด็กหญิงบอกไปก่อนหน้านี้…นั่นคือต้องการเปิดประตูของโลกอะไรบางอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยได้ยินมาก่อน!

“ในนี้ซ่อนความลับใหญ่เอาไว้…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจถี่รัว เขารู้สึกว่าสภาพการณ์ของตัวเองในตอนนี้ค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วน เขาอยากจะตะโกนดังๆ บอกกับเทียนจุนว่าเขาเป็นคนกันเอง…ทว่าความคิดนี้กลับถูกเขากำจัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องที่เด็กหญิงติดตามตน เพื่อล่อตัวให้คนเฝ้าสุสานเผยกาย เทียนจุนย่อมรู้ด้วยอย่างแน่นอน

“นี่มันหลอกใช้ข้าชัดๆ …” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลุ้มใจขึ้นมาทันที หัวใจก็ยิ่งสั่นระรัว ได้แต่เงยหน้ามองคนทั้งสามที่อยู่บนท้องฟ้าพลางถอนหายใจเฮือกๆ ไม่หยุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!