บทที่ 891 หมัดไม่ดับสูญห้าเท่า
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” เฉินเห้อเทียนหอบหายใจดังเฮือก
ในสมองก็ยิ่งมีเสียงอึงอลดังกังวาน วิชาอภินิหารของพวกเขาสามคนต่างก็เป็นท่าไม้ตายทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหมัดโลหิตทมิฬของเขา หรือตาข่ายสายฟ้า หรือแม้แต่กระดานหมากรุกฟ้าดิน ไม่ว่าใครก็ตามที่ลงมือ อาจไม่ถึงขั้นทำให้คนฟ้าช่วงต้นตายได้ในเสี้ยววินาที แต่อย่างน้อยก็ต้องทำให้คนฟ้าช่วงต้นบาดเจ็บสาหัส
แถมก่อนหน้านี้พวกเขาก็ประเมินป๋ายเสี่ยวฉุนไว้สูงมากแล้ว ถึงได้ร่วมมือกันอย่างไม่มีลังเล พร้อมใจกันร่ายใช้กระบวนท่าปลิดชีพ
แต่นี่กลับต้องมาเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนสังหารบุรพาจารย์สำนักธารดาราคาตาของตัวเอง อีกทั้งนี่ยังเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนฆ่าบุรพาจารย์สำนักธารดาราได้แล้วกลับยังมีเวทคาถามากมายมาต้านทานวิชาอภินิหารของพวกเขาสามคนอีกต่างหาก!
นี่ทำให้ป๋ายเจิ้นเทียนถึงกับตกตะลึงระคนคลางแคลงใจ เริ่มรู้สึกได้ว่าท่าไม่ดี และในใจก็บังเกิดความกริ่งเกรงอย่างลึกล้ำ หลี่เสี่ยนเต้าที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เขาเข้าใจทันทีเลยว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ เดิมทีนึกว่าตนประเมินอีกฝ่ายสูงมากพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง นั่นคือการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดทั้งสิ้น
“สมควรตายนัก หรือว่าเขาไม่ใช่คนฟ้าชั้นดิน!!”
ความคิดนี้พลันผุดขึ้นมาในใจของคนทั้งสาม พวกเขาไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก ยามนี้ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่บนท้องฟ้าได้พาปณิธานของตัวเองเข้ามาแทนที่ปณิธานแห่งฟากฟ้า ไม่เพียงขับไล่ปณิธานคนฟ้าของเฉินเห้อเทียนสามคนออกไป แต่ยังสยบกดหัวพวกเฉินเห้อเทียนสามคนไว้ด้วย!
นี่จึงทำให้คนทั้งสามใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง รีบถอยกรูดออกห่างอย่างว่องไว และในความเป็นจริงแล้วการที่ปณิธานของตนสามารถขับไล่และกำราบพวกเฉินเห้อเทียนสามคนได้กลับเป็นสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะตระหนักได้ก็ตอนนี้
นั่นเพราะหลังจากที่เขาฝ่าทะลุขั้นมาได้ก็ไม่มีเวลามารับสัมผัสกับความรู้สึกของฟ้าดินผสานรวมเป็นหนึ่งอย่างที่คนฟ้าควรมี ในใจเขาร้อนรน พอเลื่อนขั้นได้ก็คิดแต่จะบุกออกมาขัดขวางศัตรู ทว่าตอนนี้เมื่อพลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนลุกผงาด เมื่อท้องฟ้าถูกแทนที่มาด้วยใบหน้าของเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า…อะไรกันแน่ที่เรียกว่าคนฟ้า!
คนฟ้าก็คือการที่ตลอดทั้งฟ้าดินรวมกันเป็นหนึ่ง ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวล้วนสามารถดึงเอาพลังฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่ไพศาลมาใช้ได้ เพียงแค่หายใจก็สามารถดูดดึงพลังวิญญาณจากแปดทิศมาได้หมดสิ้น สามารถพูดได้ว่าใครก็ตามที่อยู่ในขอบเขตคนฟ้านี้ก็แทบจะไม่มีใครที่พลังวิญญาณแห้งเหือดได้อีกแล้ว
นี่จึงทำให้เมื่อท่าไม้ตายบางอย่างที่จำเป็นต้องเผาผลาญพลังวิญญาณจำนวนมากมาอยู่ในมือคนฟ้าก็จะสามารถร่ายใช้ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นเขตแดนธาราของป๋ายเสี่ยวฉุน ซึ่งยามนี้เขาก็ค้นพบแล้วว่าเขตแดนธาราที่ในอดีตหากร่ายใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง ก็ยากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะร่ายใช้ได้อีกเป็นครั้งที่สองในชั่วเวลาสั้นๆ ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างไปจากเดิมแล้ว
และนี่ยังเป็นแค่เรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากที่ปณิธานแห่งคนฟ้าผสานรวมเข้ากับฟ้าดินแล้วก็เหมือนว่าตัวเขาได้จำแลงกายมาเป็นปณิธานแห่งฟ้าเสียเอง ความคิดของเขาก็คือความคิดของนภากาศ เจตนารมณ์ของเขาก็คือเจตนารมณ์แห่งผืนฟ้า ยามที่เขาเล่นงานศัตรูก็คือการลงทัณฑ์จากสวรรค์!
จนกระทั่งฝึกได้ถึงคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบ นั่นก็เรียกได้ว่า…ฟ้าเป็นดั่งใจปรารถนา!
ท่ามกลางเสียงอึกทึก เมื่อใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พลังอำนาจของเขาไม่เพียงแต่สะท้านสะเทือนฟ้าดิน อีกทั้งในรัศมีแปดทิศ ก้อนเมฆยังซัดไล่หลังกันพร้อมสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ขณะเดียวกันแผ่นดินก็เริ่มมีการสั่นไหว
เฉินเห้อเทียนสามคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างหนัก วิกฤตอันตรายที่รุนแรงสุดขีดทำให้พวกเขาสามคนถอยหนีกันไปอีกครั้ง แต่จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนฟ้าช่วงกลาง อยู่ในขอบเขตคนฟ้ามานานหลายปี ประสบการณ์จึงโชกโชน ต่อให้ตอนนี้จะถอยหนี ต่อให้ในใจจะหวาดผวา แต่ระหว่างที่ถอยก็ยังพากันทำมุทรา เสียงครืนครั่นจึงดังขึ้นพร้อมกับอาวุธและอาคมซึ่งทยอยกันแผ่กระจายออกมาจากร่างของคนทั้งสาม
เมื่อมือทำมุทรา ปราณเลือดก็พวยพุ่งท่วมร่างของเฉินเห้อเทียน ก่อนที่เงาโลหิตเงาหนึ่งจะเผยกายอยู่เบื้องหน้าเขาคล้ายลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ในมือของเงาโลหิตถือทวนยาวสีเลือดไว้เล่มหนึ่ง ซึ่งพอปรากฏกายก็พุ่งกระโจนเข้าหาใบหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่บนท้องฟ้าทันที
ป๋ายเจิ้นเทียนก็ทำเช่นเดียวกัน เมื่อลงมือบนท้องฟ้าก็มีเจดีย์เมฆเก้าชั้นก่อตัวกันขึ้นมาแล้วพุ่งกระแทกใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายจะต้องการกำราบให้อยู่หมัด
ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือหลี่เสี่ยนเต้า ตอนที่มือขวาของเขายกขึ้นกลับมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือ ดวงตาของเขาเลื่อนลอยคล้ายไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ ทว่าความเร็วของเขากลับระเบิดตูมออกมา ร่างทั้งร่างกลายเป็นรุ้งกระบี่เส้นหนึ่งที่พุ่งสวบเข้าแทงป๋ายเสี่ยวฉุนในชั่วพริบตา
คนทั้งสามลงมือด้วยพลังอำนาจเกรียงไกรครึกโครมไปแปดทิศ ทำเอาทุกคนในสำนักสยบธารใจสั่นระรัว ใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสีย ทั้งยังมากด้วยความตึงเครียดไม่เป็นสุข ลึกๆ ในใจก็คอยภาวนาขอพรให้กับตัวเอง
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วสายฟ้าแลบ เร็วจนคนอื่นมองไม่ทัน ความคิดก็ยิ่งไม่ทันได้แล่นตาม ทว่าดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับโชนแสงวาบ เมื่อพลังอำนาจทะยานสู่จุดสูงสุด เขาก็ก้าวพรวดมาข้างหน้าหนึ่งก้าว วินาทีที่ก้าวเท้าออกมา มือขวาของเขาก็ถูกยกขึ้นแล้วกำเป็นหมัดแน่น!
เสียงตูมดังสะเทือนเลือนลั่นฟ้าดิน เบื้องหน้าหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนมีน้ำวนลูกหนึ่งโผล่ขึ้นมาแล้วหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันต้องการดูดเอาพลังกล้ามเนื้อทั้งหมด ไฟแห่งชีวิตทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปข้างใน
ชั่วพริบตานั้นแม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีสีหน้าเป็นปกติ ทว่าเขากลับทำให้คนมองรู้สึกเหมือนตาฝาด ราวกับว่าทุกอย่างที่เป็นพลังชีวิตของเขาได้หายวับไป แม้แต่ใบหน้าบนท้องฟ้าก็ยังพร่าเลือนมองเห็นไม่ชัดอีกต่อไป
หลงเหลืออยู่เพียง…หมัดที่อยู่เบื้องหลังน้ำวนหมัดนั้น!
หมัดนี้เพิ่งจะปรากฏก็ทำให้พวกเฉินเห้อเทียนหน้าซีดเผือด บัดนี้พวกเขาสัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายที่รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแผ่ลามไปทั่วทุกห้องหัวใจ
“นี่คือวิชาอภินิหารอะไร!!”
“ช่างเป็นพลานุภาพสยบที่น่ากลัวยิ่งนัก!!”
คนทั้งสามตื่นตะลึง แต่ไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก ประสบการณ์จากการต่อสู้ที่โชกโชนบอกกับพวกเขาว่ายิ่งเผชิญหน้ากับอาคมที่น่าครั่นคร้ามเช่นนี้ก็ยิ่งไม่ควรเผ่นหนี เพราะหากหนีเมื่อไหร่จะต้องถูกโจมตีจนย่อยยับอย่างมิอาจฟื้นคืน!
วิธีการเดียวที่มีก็คือรบแบบประจัญบาน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พลังอำนาจถึงจะไม่แหลกสลาย และเมื่อพลังไม่แหลกสลาย ปณิธานก็จะยิ่งเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว และถึงจะทำให้ปณิธานฟ้าของตนไม่จางหายไป
“ฆ่า!” เฉินเห้อเทียนคำรามกร้าว ก่อนจะผสานร่างรวมเป็นหนึ่งกับยักษ์โลหิตตนนั้น พกพาทวนยาวสีเลือดที่ถืออยู่ในมือพุ่งเข้าทิ่มแทงป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเหี้ยมเกรียม
ยังมีเจดีย์เมฆเก้าชั้นที่ยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น ทว่าที่เร็วที่สุดกลับเป็นหลี่เสี่ยนเต้า ยามนี้เมื่อเขาสะบัดตัวหนึ่งครั้ง ทั้งๆ ที่เห็นว่าเขาหนีไปได้ไกลมากแล้ว แต่พริบตาเดียวกลับมาโผล่พรวดอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน กระบี่แหลมคมในมือที่คล้ายทะลวงทุกความว่างเปล่าก็แทงสวบเข้ามาที่หว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแรง!
ทว่าขณะที่คนทั้งสามย้อนกลับมาโจมตี ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเงยหน้าขึ้นทันควัน ปากของเขาแผดเสียงร้องคำรามกระหึ่ม เสียงคำรามนี้กลายมาเป็นพลังโจมตีที่แผ่ครืนครั่นออกไปสี่ทิศในทันใด ก่อนที่เบื้องหลังของเขาจะมีเงามายาใหญ่ยักษ์เงาหนึ่งจำแลงออกมา!
สวมชุดจักรพรรดิ สวมมงกุฎจักรพรรดิ สีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าใบหน้ากลับเหมือนป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!
ทั้งยังมีปราณแห่งความเผด็จการไร้ผู้ใดทัดเทียมเดือดปะทุขึ้นมาจากเงาร่างนั้น นี่ก็คือ…หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญ!
วินาทีที่เงาจักรพรรดิจอมบงการเผยกาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลัน…เหวี่ยงหมัดต่อยออกไป!!
หมัดนี้ร่วงลงพร้อมฟ้าดินที่สั่นสะเทือน อีกทั้งปณิธานของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ผสานรวมอยู่ในนั้นก็ได้กลายมาเป็นปณิธานแห่งฟ้า ทำให้หมัดนี้เป็นดั่งทัณฑ์สวรรค์ที่มีอานุภาพดับทำลายล้างโลกทั้งใบ!!
นั่นคือหมัดที่ต่อยออกมาหลังกระดูกคงกระพันฝึกได้เสร็จสมบูรณ์แบบ นั่นคือหมัดที่เหี้ยมหาญที่สุดซึ่งเกิดจากพลังกล้ามเนื้อในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดของป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้!
ทั้งยังเป็น…หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญที่ต่อยออกไปด้วยพลังห้าเท่า!!
ปราณแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงสุดขีดพลันแผ่กระจายไปสี่ทิศจนความว่างเปล่ากระเพื่อมเป็นลูกคลื่นเหมือนเกล็ดปลา และวินาทีนั้นเงาจักรพรรดิสูงใหญ่ด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันผสานรวมเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับหมัดของเขา ทำให้หมัดที่เหมือนขยายใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุดนี้พุ่งกระแทกเข้าใส่พวกเฉินเห้อเทียนสามคน!
“ต้านทานไม่ได้!!” เฉินเห้อเทียนแผดเสียงโหยหวน
นี่คือความรู้สึกโดยตรงของเขา และแทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่เสียงของเขาดังออกมา หมัดไม่ดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้กระแทกลงบนร่างของหลี่เสี่ยนเต้าอย่างจังแล้ว
ท้องฟ้าทั้งผืนเหมือนโยกไหวอยู่พักใหญ่ ร่างของหลี่เสี่ยนเต้าสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง เลือดคำใหญ่ทะลักพรวดออกมาจากปาก กระบี่แหลมคมที่อยู่ในมือปริแตกในชั่วพริบตา ร่างของเขาก็ยิ่งเหมือนถูกภูเขาจากสวรรค์ถล่มใส่จึงกระเด็นลิ่วปลิดปลิวเหมือนว่าวที่สายป่านขาด อีกทั้งตอนที่กระเด็นถอยออกมานั้น เขาก็ยังกระอักเลือดไม่ขาดสาย หัวใจเขาหวาดกลัวถึงขีดสุด ร่างที่เป็นเนื้อหนังมังสาเหมือนจะพังทลายย่อยยับ ตบะก็ยิ่งไม่มั่นคง เส้นชีพจรในร่างฉีกขาดถึงสามส่วน!!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” น้ำเสียงของหลี่เสี่ยนเต้าแหบโหย ขณะที่ร่างปลิวละลิ่วมาข้างหลัง พลังอำนาจของหมัดไม่ดับสูญก็ราวกับมีดผ่าลำไม้ไผ่ที่พุ่งตะลุยตรงดิ่งเข้าหาเฉินเห้อเทียนอย่างไม่หยุดชะงัก
ยักษ์โลหิตที่เฉินเห้อเทียนจำแลงออกมาจึงถูกหมัดไม่ดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุนกระแทกเข้าอย่างจังไล่หลังหลี่เสี่ยนเต้ามาติดๆ!
ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างหนัก ทวนโลหิตพังพินาศ ร่างยักษ์โลหิตของเขาเองก็ระเบิดกระจุยกระจาย ร่างจริงที่อยู่ข้างในมีเลือดพุ่งจากปากอย่างบ้าคลั่ง ถอยกรูดไปข้างหลังอย่างมิอาจควบคุมเช่นกัน ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดและมึนงงที่ตัดสลับกันทำให้สีหน้าของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดผวาและเหลือเชื่อ
คนที่โดนท้ายสุดคือป๋ายเจิ้นเทียน เมื่อเจดีย์เมฆเก้าชั้นของเขาปะทะเข้ากับหมัดไม่ดับสูญที่พุ่งแสกหน้าเข้ามาก็แตกทลายลงทีละชั้นพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ด้วยพลังโจมตีที่แว้งกลับมา ร่างทั้งร่างของป๋ายเจิ้นเทียนจึงสั่นสะท้าน กระอักเลือดคำโตอย่างไม่มีข้อยกเว้น สีหน้าที่ขาวเผือดของเขาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง นัยน์ตาก็ยิ่งปกปิดความหวาดกลัวลนลานเอาไว้ไม่มิด เวลานี้ลมหายใจของเขาถี่รัวไม่เป็นจังหวะ เซถลาถอยร่นด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง