Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 332

ตอนที่ 332

นักต้มตุ๋นผู้ยิ่งใหญ่

เมิ่งฮ่าวเร่งความเร็วฝ่าอากาศ นกแก้วเกาะแน่นอยู่บนไหล่เขาด้วยกรงเล็บของมัน กระพือปีกขึ้นลงและดูมีความสุขเป็นอย่างมาก

“ขโมย, ขโมย, ขโมย!” มันแผดเสียง “นั่นเป็นวิถีทางที่ต้องทำ! ขโมยแล้วเจ้ารู้สึกเช่นไร จัดการได้ทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ นั่นเป็นวิถีแห่งชีวิต! เชื่อมั่นในอู่เหยีย, ได้รับชีวิตนิรันดร์! เมื่ออู่เหยียปรากฎกาย, ผู้ใดกล้ามาต่อกร!”

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนกแก้ว รู้สึกว่าหน้าแดงอยู่เล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขโมยสิ่งของอย่างเปิดเผย และรู้สึกแปลกๆ ย้อนกลับไปเมื่อเขายังเป็นนักศึกษา เขาไม่มีทางขโมยแย่งชิงอย่างโจ่งแจ้งเช่นเมื่อครู่นี้อย่างแน่นอน

อันที่จริง ถ้าไม่มีคำเตือนจากนกแก้ว เขาก็ยังคงไม่มีทางกระทำเช่นนั้น แม้จะมีการกระตุ้นทั้งหมดเช่นนั้น เขาก็ยังคงลังเล จริงๆ แล้ว ถ้าทำได้ เขาก็จะพยายามขายเม็ดยาบางส่วนไปก่อน แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

ดังนั้น ไม่ว่าเหตุผลใดๆ เขาก็ได้เชื่อฟังนกแก้ว และทำการแย่งชิงในงานประมูล…

ด้วยการขโมยมาอย่างหน้าด้านๆ เช่นนั้น ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีความตื่นเต้นด้วยเช่นกัน

เขาส่ายศีรษะ หัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่บินไปด้วยความเร็วสูงสุด ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักว่าหลังจากที่นกแก้วตื่นขึ้นมา มันก็มีอิทธิพลต่อเขาเป็นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว

“เจ้านกแก้วบัดซบ” เขาคิดพร้อมกับแอบถอนหายใจ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงแหวกฝ่าอากาศมาอย่างรวดเร็วของผู้ฝึกตนจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงแผดร้องอย่างมีโทสะ

“เจ้าสารเลวน้อย! เจ้าขโมยสิ่งของของข้า! เจ้ากำลังหาที่ตาย?!”

เสียงนั้นดังก้องออกมาคล้ายสายฟ้าฟาด เมิ่งฮ่าวส่งจิตสัมผัสออกไป และมองเห็นผู้ฝึกตนสิบกว่าคนไล่ตามมาในทันที ส่งเสียงแหวกฝ่าอากาศแหลมเล็กตามหลังเขามา เขาไม่แน่ใจถึงวิชาที่พวกมันกำลังใช้ แต่ร่างของพวกมันก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีแดง ดูเหมือนจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันทั้งหมด และทำให้พวกมันมีความเร็วมากขึ้นขณะที่ไล่ล่ามา

“ข้าต้องไม่ทำเช่นนี้อีกต่อไป” เมิ่งฮ่าวคิด “การขโมยจริงๆ แล้วก็ไม่เหมาะกับข้า ใช่แล้ว ครั้งหน้าข้าควรจะปล่อยให้ชายชราซื้อมันไป จากนั้นค่อยตามหามันทีหลัง และเอาของไปจากมัน นั่นเป็นวิธีที่ข้าสามารถหลีกเลี่ยงความสนใจเช่นนี้ได้” เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่เก่งในเรื่องแก้ไขปัญหา ดังนั้นเขาคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ส่งจิตสัมผัสออกไปอีกครั้ง หนึ่งในสามผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณ ชายชราที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฝีดาษ เป็นเพียงคนเดียวที่เมิ่งฮ่าวให้ความสนใจ มันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในขั้นสุดท้ายสร้างแกนลมปราณ คนอื่นๆ เขาไม่สนใจ

ชายชราหน้าฝีดาษไม่ได้พูดอะไรตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่มันได้สังเกตทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสายตาที่เย็นชา ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อย

แม้เขาจะสวมใส่หน้ากากเซียนโลหิต ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะมัน

เขามองไป และชำเลืองไปยังนกแก้ว “หายนะทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจ้า!”

“เจ้าจะกลัวอะไร?” นกแก้วกล่าว มองมาที่เขาด้วยท่าทางหยิ่งยโส

“จัดการพวกมันให้ตายไปเลย!” ทันใดนั้น มันยกกรงเล็บขึ้นมาที่ใบหน้าของมัน ทำให้มีแถบผ้าสีดำพันไปรอบๆ ศีรษะ ปิดคลุมดวงตาไปหนึ่งข้าง หลังจากนั้น มันก็บินออกไปจากไหล่เมิ่งฮ่าว

 

มันส่งเสียงแผดร้องออกมา ทันใดนั้น เปลวไฟสีดำก็ปรากฎขึ้นรอบๆ ตัว และเริ่มขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา มันก็มีความสูงถึงสิบจ้าง ก้มหน้าลง ดูคล้ายกับเป็นสมาชิกของทีมสังหารชั้นยอด ด้วยเสียงร้องนั้น มันก็พุ่งโจมตีไป

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้าง เขามองเห็นนกแก้วตรงไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ กระแทกเข้าไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนสิบกว่าคนที่ไล่ล่าตามมาในทันที เสียงระเบิดดังออกมา และแสงเจิดจ้าสีแดงซึ่งปกคลุมไปรอบๆ ผู้ฝึกตนเหล่านั้นแตกกระจายไปในทันที บางคนกระอักโลหิตออกมา ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณทั้งสามแตกกระจายกันออกไป

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย โดยไม่ลังเล เขาพุ่งตรงไป ทันใดนั้น เขาก็อยู่ที่เบื้องหน้าผู้ฝึกตนขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ ยกหมัดขึ้นต่อยออกไป

ปากของบุรุษผู้นั้นบิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มอันดุร้าย มันสร้างเวทอาคมด้วยสองมือ และกระแสน้ำวนที่มีสายฟ้าปะทุอยู่ด้านในก็หมุนพุ่งออกมาในทันที ยิ่งไปกว่านั้น เสียงร้องแหลมเล็กอย่างน่ากลัวก็ได้ยินออกมา ตามด้วยใบหน้าวิญญาณมากมาย พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะกลืนกินเขาลงไป

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา โดยไม่ลังเล เขาต่อยหมัดออกไป เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ใบหน้าเหล่านั้นบิดเบี้ยวและกรีดร้องออกมา จากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ สายฟ้ากระจายหายไป และกระแสน้ำวนก็แหลกสลาย วิชาเวทนี้ไม่อาจต่อต้านหมัดของเมิ่งฮ่าวได้แม้แต่น้อย ก่อนที่ผู้ฝึกตนวัยกลางคนจะทันมีปฏิกิริยาใดๆ หมัดของเขาก็พุ่งผ่านพวกมันทั้งหมด กระแทกเข้าไปที่หน้าอกของมัน

ตูม!

บุรุษผู้นั้นลอยละลิ่วไปด้านหลัง พ่นโลหิตออกมาจากปาก ร่างของมันสั่นสะท้านขณะที่หลุมขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นที่หน้าอกของมัน มันมีเวลาแค่มองลงไป ก่อนที่ตลอดทั้งร่างจะระเบิดออก

เมิ่งฮ่าวไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย มือขวาเริ่มขยับร่ายเวทในทันที

ที่เบื้องหน้าเขาเป็นผู้ฝึกตนชราขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ ซึ่งเต็มไปด้วยรังสีสังหาร มันโบกสะบัดแขนเสื้อ และเจดีย์เก้าหลังก็ปรากฎขึ้นรอบๆ ตัวมัน บนพื้นผิวของเจดีย์แต่ละหลัง ถูกแกะสลักเป็นภาพของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด ทันใดนั้น ภูติผีจำนวนมากมายก็พุ่งเข้าไปวนอยู่รอบๆ เจดีย์ เต็มอยู่ในท้องฟ้า จากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที

แต่ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวร้องออกมา “เวทผนึกอสูรรุ่นแปด!”

เขาลดนิ้วลงและทันใดนั้น ภาพภูติผีก็พุ่งกระจายไปทุกๆ ที่ ครอบคลุมไปทุกๆ สิ่ง ราวกับว่ามีโลกแห่งภูติผีกลุ่มที่สองได้มาปรากฎอยู่ที่ด้านบนของภูติผีกลุ่มแรก พวกมันห่อหุ้มผู้ฝึกตนชราขั้นสร้างแกนลมปราณไว้ภายใน ทำให้สีหน้ามันเปลี่ยนไป พื้นฐานฝึกตนของมันถูกผนึกไว้ในทันที ราวกับว่ามันถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากโลกแห่งนี้ ผลักดันชีวิตของมันให้ออกไปจากสวรรค์และปฐพีนี้

“นี่เป็นวิชาเวทอะไร…” จิตใจมันหมุนเคว้งคว้าง ขณะที่ใบหน้าที่เย็นชาของเมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้ หมัดของเขาพุ่งลงมา จากนั้นก็หมัดที่สอง, หมัดที่สาม!

เมื่อเวลาที่หมัดที่สามกระแทกลงมา เจดีย์ทั้งเก้าก็แตกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพียงชั่วพริบตา หมัดเมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงมายังหน้าผากของมัน

ทันใดนั้น ความรู้สึกถึงอันตรายก็เต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว โดยไม่ลังเลใดๆ เขาเปลี่ยนหมัดให้กลายเป็นกรงเล็บ และคว้าจับชายชราขั้นกลางสร้างแกนลมปราณไว้ เหวี่ยงมันให้มาอยู่ด้านหน้าเขา และผลักออกไป ใช้แรงผลักนั้นทำให้เขาถอยไปด้านหลัง

ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นแสงสีส้มสาดประกายออกมาจากใบหน้าของผู้ฝึกตนชราหน้าฝีดาษ มันลอยผ่านอากาศมายังจุดที่เขาเพิ่งจะอยู่ที่นั่น ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นสร้างแกนลมปราณไปแล้ว ทันใดนั้น แสงเจิดจ้านั้นก็หยุดลง

แสงสีส้มนั้นเพิ่งจะทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรง

เขาหัวเราะเสียงเย็นชาขณะที่ถอยไปด้านหลัง นกแก้วบินมาราวสายฟ้า และทั้งสองก็บินออกไปยังที่ห่างไกล

“ข้าคือปรมาจารย์แห่งสำนักฮั่นสุ่ย!”

ชายชราหน้าฝีดาษกล่าวด้วยสีหน้าน่ากลัว “มาดูกันว่าเจ้าจะหลบหนีข้าไปได้อย่างไร!” พื้นฐานพลังของผู้ฝึกตนขั้นกลางสร้างแกนลมปราณได้ฟื้นกลับคืนมาแล้วในตอนนี้ แต่ใบหน้ามันก็ซีดขาว และมองไปยังเมิ่งฮ่าวและรังสีสังหารที่เข้มข้นของเขาด้วยความหวาดกลัว

กลุ่มผู้ฝึกตนเริ่มไล่ล่าเมิ่งฮ่าวไปอีกครั้ง ครั้งนี้มีชายชราหน้าฝีดาษเป็นผู้นำ

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเยือกเย็น เขายังคงมีเครื่องรางนำโชคอยู่ในมือ มันเต็มไปด้วยรอยร้าว และเขาก็ไม่แน่ใจสามารถใช้มันได้อีกกี่ครั้ง ก่อนที่มันจะแตกสลายไป โชคร้ายที่เขาพบเห็นเมื่อนานมาแล้วว่า ไม่สามารถคัดลอกเครื่องรางนำโชคนี้ได้ แต่เขาก็จะใช้มันโดยไม่ลังเลถ้าจำเป็น

“อดทนไว้” นกแก้วกล่าว “อย่าได้ใช้ของสิ่งนั้น ข้ารู้ว่ามันคืออะไร ทำไมต้องปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้สูญเปล่า?”

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเร่งความเร็วบินไป เขามองไปยังนกแก้ว ซึ่งกำลังเกาะอย่างแน่นหนาอยู่บนไหล่ของเขา

“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”

ดวงตานกแก้วแข็งกร้าวขณะที่พูด “เจ้าไม่ใช่ต้องการจะเป็นเศรษฐี? เจ้าไม่ใช่อยากได้ของวิเศษมากมาย? เจ้าไม่ใช่ต้องการเป็นคนที่ร่ำรวยมากที่สุดภายใต้สวรรค์แห่งนี้?”

เมิ่งฮ่าวกระพริบตาสองสามครั้ง ตั้งแต่เขายังเยาว์ เขาเคยใฝ่ฝันจะกลายเป็นผู้ร่ำรวย การที่นกแก้วมาพูดเรื่องเช่นนั้นในตอนนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย

เขาส่งจิตสัมผัสออกไปเพื่อดูผู้คนที่ไล่ติดตามมา ด้วยความเร็วในตอนนี้ของเขา ก็คาดเดาว่าคงอีกไม่นานก่อนที่ผู้ฝึกตนสำนักฮั่นสุ่ยจะตามจับเขาทัน

“อู่เหยียไม่สนใจเกี่ยวกับความร่ำรวย อู่เหยียสนใจแต่เรื่องขน ตกลง เช่นนี้เป็นอย่างไร…เจ้าเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าในอนาคต เจ้าต้องค้นหาสิ่งมีชีวิตที่มีขนสวยงามให้อู่เหยีย ถ้าได้ตัวที่เหมือนกับนกยูงแดงก็ดีไม่น้อย” โดยไม่รอคำตอบจากเมิ่งฮ่าว มันยกกรงเล็บขึ้น และเขย่าไปมา

“สุดยอดความรำคาญ, ไสหัวออกมาได้แล้ว!”

ใบหน้าปรากฎขึ้นบนระฆังเล็กๆ ซึ่งติดกับกรงเล็บนกแก้ว ดูท่าทางมีโทสะ

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมทำ ข้าก็มีหลักการของข้า ข้าจะไม่ทำมัน ไม่ทำ! ไม่มีทาง!”

นกแก้วอ้าปากค้างและกล่าวว่า “ยังจำเจ้าอ้วนที่โจมตีเจ้าเมื่อปีนั้นได้หรือไม่? ข้าจะบอกเจ้าว่ามันอยู่ที่ไหน” สีหน้ามันมีท่าทางดูถูกเหยียดหยาม ราวกับมันสรุปได้เรียบร้อยแล้วว่าผีโต้งต้องยินยอมอย่างแน่นอน

ทันทีที่ผีโต้งได้ยินคำพูดของนกแก้ว ใบหน้ามันก็บิดเบี้ยวด้วยท่าทางลังเลใจ

“เจ้าอ้วนตัวบัดซบนั่น ข้าเกลียดมัน! ข้าใช้เวลานับหมื่นปีเปลี่ยนแปลงมันด้วยความปรารถนาดี แต่มันก็ตอบแทนความเมตตานั้นด้วยการมาเป็นศัตรูกับข้า, ข้า…ข้า…ดี! ข้าต้องเปลี่ยนมันให้ได้…” ขณะที่ผีโต้งพูดเรื่อยเปื่อยไปนั้น สีหน้าหมดความอดทนก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้านกแก้ว มันสะบัดกรงเล็บอีกครั้ง และผีโต้งก็บินออกมา

“สารเลว! เจ้าจะหุบปากได้แล้วยัง!? เอาละ, เปลี่ยนเป็นหินลมปราณให้อู่เหยีย ข้าต้องการหนึ่งล้านก้อน, ตกลงมั๊ย?” เมื่อนกแก้วพูดจบ ผีโต้งก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา จากนั้นด้วยความตกตะลึงของเมิ่งฮ่าว มันก็ระเบิดออกมาในทันที

เสียงระเบิดนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกตนสำนักฮั่นสุ่ยเกิดความสนใจขึ้นมาในทันใด แม้แต่ชายชราหน้าฝีดาษก็หยุดการเคลื่อนที่ในทันที

แต่สักพักหลังจากนั้น หินลมปราณที่ส่งแสงระยิบระยับจำนวนมากมายก็ปรากฎขึ้น พวกมันราวกับสายฝนขณะที่ตกลงมาจากท้องฟ้าปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น

พวกมันเปล่งประกายสดใสตระการตาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ และพลังลมปราณอันเข้มข้นก็กระจายออกมาจากพวกมัน ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ภาพอันน่ามหัศจรรย์ใจนี้ทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มหอบหายใจขึ้นมา

หนึ่งล้านหินลมปราณ และแต่ละก้อนก็มีความเข้มข้นมากกว่าหินลมปราณปกติโดยทั่วไป นี่ไม่ใช่หินลมปราณระดับต่ำ! เมื่อเห็นพวกมันค่อยๆ ลอยลงมาในกลางอากาศ ก็ทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนสีดำพุ่งตรงไปด้วยความไม่ยั้งคิดในทันที

แม้แต่ดวงตาของชายชราหน้าฝีดาษก็ยังเบิกกว้าง สำหรับมัน หนึ่งล้านหินลมปราณเป็นจำนวนที่มากมายเป็นอย่างยิ่ง ด้านหลังมันเป็นสมาชิกของอีกสองสำนักใหญ่ และด้านหลังพวกมันก็มีผู้ฝึกตนอื่นๆ อีกเกือบร้อยคน พวกมันทั้งหมด พุ่งตรงไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และเขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วในทันที ราวกับเป็นดาวตก ทิ้งให้คนทั้งหลายซึ่งต้องการร่ำรวยด้วยหินมลมปราณจำนวนมากมายนั้นไว้ยังเบื้องหลัง

ราวกับว่าพวกมันสูญเสียจิตใจไปแล้ว และไม่ได้หยุดคิดว่าทำไมจู่ๆ เมิ่งฮ่าวถึงได้มีหินลมปราณมากมายเช่นนี้ ถ้าเขามี ทำไมถึงต้องทำการแย่งชิงที่งานประมูล? อันที่จริง เมิ่งฮ่าวกำลังรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาไม่เคยคิดจะให้ผีโต้งเปลี่ยนเป็นหินลมปราณมาก่อน

“ฮิ ฮิ” นกแก้วหัวเราะด้วยความหยิ่งผยอง ยิ้มอย่างน่ากลัวออกมา

“หนีไปเลย ยิ่งเจ้าขโมยมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีมากขึ้น หลายปีมาแล้วที่ข้าบังคับให้สุดยอดความรำคาญใช้วิธีการนี้ กับแปดปรมาจารย์เต๋าแห่งสันติภาพเพื่อแย่งชิงสิ่งของมาจากพวกมัน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!