บทที่ 1044 ทำเรื่องใหญ่
ห่างออกไปหมื่นลี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาสัมผัสได้ถึงการแตกสลายของน้ำวน ดูจากเวลาเขาจึงวิเคราะห์ได้ทันทีว่าระดับความน่ากลัวของเรือรบเหนือกว่าที่เขาคาดเดาไปอีก
“รังแกกันมากเกินไปแล้ว!!” ราชาผียักษ์หน้าขาวซีดเล็กน้อย สภาพของเขาดูกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้บุปผาจันทราช่วยไว้ เมื่ออยู่ภายใต้วงล้อมของครึ่งเทพเจ็ดคน เขาต้องพ่ายแพ้หมดสารรูปยิ่งกว่านี้เป็นแน่
“หากมีต้าเทียนซือแล้วก็พวกตาแก่ราชาชิงชัยพวกนั้นอยู่ด้วย พวกเราห้าคนรวมกำลังกัน มีหรือจะกลัวพวกมัน!”
ราชาผียักษ์รู้สึกขายหน้าไม่น้อย ตอนนี้จึงเดือดดาลอย่างหนัก
“ท่านน่าจะดีใจที่พวกเราลงมือไว เปลี่ยนจากฝ่ายถูกกระทำมาเป็นฝ่ายกระทำมากกว่านะ หาไม่แล้วหากปล่อยให้มารดาผีล้อมโจมตีอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนั้นได้ เกรงว่าเราคงกลายเป็นสัตว์ที่ถูกกักขังเข้าจริงๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้ว อารมณ์หงุดหงิดไม่น้อย เขามองออกถึงใจที่ทะเยอทะยานของมารดาผี แล้วก็มองออกว่าอีกฝ่ายต้องไล่ล่าตนจนถึงที่สุดเช่นกัน
หากอยู่ในโลกทงเทียนยังดีหน่อย เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนมีสถานที่มากมายให้หลบเลี่ยงวิกฤตครั้งนี้ ทว่าตอนนี้เมื่อมาอยู่บนแผ่นดินหย่งเหิง ทั้งยังอยู่ในชายแดนของราชวงศ์จักรพรรดิแส หากล่าช้ากว่านี้อีกสักนิด ระดับความอันตรายคงไต่ทะยานขึ้นสูงไปอีก
“หากมารดาผีลงมาจากเรือรบรบก็คงดี” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจ ความรอบคอบของมารดาผีทำให้นางไม่มีช่องโหว่ให้เขาฉวยโอกาส ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังคิดหาวิธีไม่ออก กวาดอำนาจจิตไปทั่วมหาสมุทรหย่งเหิงก็เห็นเป็นเพียงแค่ห้วงมหานทีกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่เจอที่ให้หลบซ่อนตัวแม้แต่น้อย
และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกับราชาผียักษ์กำลังปวดหัวกันอยู่นั้น ด้านหลังของพวกเขาก็พลันมีเสียงอากาศระเบิดคล้ายคลื่นลูกยักษ์ที่ซัดโจมตีก้อนหินอย่างแรง ครั้นจึงเห็นว่าเรือนกายมหึมาของกิ้งก่ากระดูกขาวได้โผล่เข้ามาในรัศมีการมองเห็นแล้ว
ควันดำที่แผ่อบอวลจำแลงมาเป็นผีพยาบาทหน้าตาดุร้ายที่หวีดเสียงร้องแหบโหย พอเสียงนั้นดังเข้าหูป๋ายเสี่ยวฉุนและราชาผียักษ์ก็ทำให้ม่านตาของคนทั้งสองหดตัว
อึดใจก่อนหน้านี้กิ้งก่ากระดูกขาวยังอยู่ห่างไปไกลมาก ทว่าจู่ๆ พอมันแผ่หมอกเลือดลมออกมาจากร่าง พลังอำนาจของมันก็พลันระเบิดเพิ่มพูน ใช้ความเร็วสุดขีดที่แม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังสำลักลมหายใจทะยานแบบบุกผ่าลำไม้ไผ่จากทิศไกลมาถึงในชั่วพริบตา
เร็วเกินไป ป๋ายเสี่ยวฉุนทำได้เพียงรีบสะบัดชายแขนเสื้อผลักราชาผียักษ์ออก คนทั้งสองจึงถอยกรูดไปไกล ก่อนที่เสียงตูมจะดังหนึ่งครั้ง แล้วจึงเห็นว่ากิ้งก่ากระดูกขาวพุ่งเข้าชนพื้นที่ที่คนทั้งสองยืนอยู่เมื่อครู่นี้
เสียงเปรี๊ยะดังก้องกังวาน อากาศตรงพื้นที่นั้นถูกชนจนเกิดรอยปริแตกโดยพลัน ยังดีที่แผ่นดินหย่งเหิงแห่งนี้ไม่ธรรมดา รอยแตกพวกนั้นจึงประสานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
ทว่าแรงโจมตีที่เกิดจากการกระแทกชนนี้กลับเป็นเหมือนพายุระห่ำที่กวาดตะลุยสี่ทิศ อีกทั้งตอนที่เรือกระดูกเผยตัวยังมีทะเลเพลิงผืนแล้วผืนเล่าถูกพ่นออกมาจากปากของกิ้งก่ากระดูกขาว เมื่อคลื่นความร้อนพัดวูบมาปะทะใบหน้า ทะเลเพลิงก็แผ่ขยายลุกลามว่องไวคล้ายจะโอบล้อมป๋ายเสี่ยวฉุนและราชาผียักษ์เอาไว้
ทั้งยังมีลำแสงสีดำอีกหลายลำที่สาดยิงออกมาไม่หยุด
แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนสองคนจะเบี่ยงหลบไปได้ ทว่าพลังการทำลายล้างของลำแสงสีดำก็ยังคงทำให้ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแววร้อนรน
นอกจากนี้ก็ยังมีใบหน้าผีอีกสองใบหน้า ซึ่งพวกมันต่างก็ร้องคำราม พุ่งมาถึงนำหน้าเรือรบก่อนหนึ่งก้าว หมายจะกักตัวป๋ายเสี่ยวฉุนกับราชาผียักษ์เอาไว้
เมื่อเห็นว่าระยะห่างที่ก่อนหน้านี้ถ่วงเวลาช่วงชิงมาได้ถูกลบเลือนไปไวเพียงนี้ ความร้อนรนในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเด่นชัด วิกฤตคับขัน เขาไม่มีเวลามามัวคิดมาก พลันยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่กิ้งก่ากระดูกขาว
“เขตแดน!”
รัศมีไร้ที่สิ้นสุดรอบด้านพลันมีไอน้ำกรุ่นอวลขึ้นมา อีกทั้งโลกในจุดที่สายตามองเห็นก็ยังเปลี่ยนมาเป็นพร่าเลือน ภาพนี้ทำให้ดวงตาของมารดาผีที่อยู่บนเรือรบแน่วนิ่ง เมื่อจับจ้องมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน นางก็เห็นว่าพอป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อ ปากก็คำรามคำที่สองออกมา
“ธารา!!”
โฮก!
โลกทั้งใบสั่นสะเทือน ฟ้าดินโยกคลอน เสียงสัตว์ร้องคำรามเสียงหนึ่งที่ราวกับมาจากบรรพกาลอันห่างไกลดังอื้ออึงไปแปดทิศ อีกทั้งวินาทีที่เสียงนี้แผดดังอย่างบ้าระห่ำ แผ่นดินผืนหนึ่งที่เป็นสีดำสนิทก็ผุดครืนๆ ออกมาจากในบึงน้ำรอบด้าน!
เกล็ดสีดำ ดวงตาสีเลือด และยังมีกลิ่นคาวที่อบอวลไปสี่ทิศ แผ่นดินผืนนั้นที่ลอยขึ้นมาก็คือ…ขากรรไกรบนของจระเข้!
ตามมาติดๆ ด้วยขากรรไกรล่างที่โผล่พรวดออกมาจากในหนองน้ำ ปากของจระเข้ที่ใหญ่มโหฬารมากพอจะทำให้ครึ่งเทพของที่แห่งนี้มองตาค้างก็ได้ปรากฏอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้
เดิมทีกิ้งก่ากระดูกขาวก็ใหญ่มากพออยู่แล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจระเข้ตัวนี้กลับดูเล็กกระจ้อยร่อยจนแทบไม่มีค่าพอให้พูดถึง!
“นี่มันอะไร!!” พวกครึ่งเทพพากันตะลึงลาน ถอยกรูดออกห่างว่องไว ปากใหญ่ของจระเข้นี้อ้ากว้างอย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนจะหุบฉับเข้ากลืนกิน…กิ้งก่ากระดูกขาว
ภาพนี้อยู่ในสายตาของราชาผียักษ์ ต่อให้เขาจะรู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนดีมากแล้ว ทว่าบัดนี้ก็ยังอดสะท้านสะเทือนรุนแรงไม่ได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา หลังจากอึ้งค้างไปพักหนึ่งก็สูดลมหายใจดังเฮือก
“นี่คือวิชาอภินิหาร?”
นอกเหนือจากความตกใจ ราชาผียักษ์รู้ดีว่านี่คือช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน จึงรีบถอยร่นออกห่าง ระเบิดความเร็วทะยานหนีไปไกลอย่างไม่สนใจสิ่งใด ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เลือกที่จะทำแบบเดียวกับเขา เพียงก้าวจากไปไกลโดยไม่แม้แต่จะรอดูผลลัพธ์ หลังจากมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายราชาผียักษ์แล้ว คนทั้งสองก็ร่ายความเร็วสุดกำลัง ท่ามกลางเสียงสวบๆ ที่ดังถี่ยิบ พวกเขาก็ทิ้งระยะห่างไปอีกครั้ง
กิ้งก่ากระดูกขาวอยากจะไล่ตามไป ทว่าตอนนี้ปากใหญ่ของจระเข้ได้เขมือบกลืนมันไว้ภายในแล้ว มองไกลๆ ปากของจระเข้นี้ราวกับโผล่ออกมาจากในมหาสมุทรหย่งเหิงแล้วเข้ามาแทนที่โลกทั้งใบของกิ้งก่ากระดูกขาวอย่างไรอย่างนั้น!
ราวกับว่าไม่ว่าเรือรบลำนี้จะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ผล ต่อให้แผ่หมอกเลือดลมออกมาจากร่าง ต่อให้มีความเร็วน่าครั่นคร้ามก็ยังยากจะหนีออกไปจากปากยักษ์ของจระเข้ตัวนี้ได้
ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริด แม้แต่ครึ่งเทพหลายคนก็ยังค้นพบว่าตัวเองมิอาจหนีออกไปจากพื้นที่นี้ได้ เมื่อขากรรไกรบนและล่างปิดประสาน เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดินก็ดังก้องกังวาน จากนั้นหัวจระเข้ก็จมดิ่งลงไปยังหนองน้ำเบื้องล่าง มองไกลๆ หากไม่เป็นเพราะมหาสมุทรหย่งเหิงยังคงมีลูกคลื่นซัดสาด เกรงว่าภาพนี้คงทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าผู้คนที่อยู่ในปากจระเข้จมดิ่งลงไปในมหาสมุทรหย่งเหิงแล้ว
จนกระทั่งหัวจระเข้หายไปอย่างสมบูรณ์แบบ แม้แต่หนองน้ำรอบด้านก็ยังค่อยๆ พร่าเลือนหายไป ประมาณสิบกว่าลมหายใจก็มีเสียงอื้ออึงราวเสียงฟ้าร้องระเบิดออกมาจากความว่างเปล่า
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าความว่างเปล่าแถบหนึ่งแตกกระจุยกระจาย เสียงคำรามที่มาจากกิ้งก่ากระดูกขาวดังออกมาจากพื้นที่ที่แตกย่อยยับนั้น ก่อนที่ร่างกายใหญ่มหึมาของมันจะแหวกกระชากความว่างเปล่าพุ่งถลาออกมา
สามารถมองเห็นได้ว่าบนร่างมันมีจุดที่แตกยับอยู่ไม่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่าเมื่ออยู่ภายใต้เขตแดนธารา ต่อให้เป็นมันก็ยังได้รับบาดเจ็บ! ดูเหมือนว่าเมื่อมาอยู่ในแผ่นดินหย่งเหิง อานุภาพของเขตแดนธาราจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับแล้ว
เพียงแต่ว่ามารดาผีที่ยืนอยู่ในเรือเหนือศีรษะของมันซึ่งแม้ใบหน้าจะขึงตึง ทว่าดวงตาของนางกลับมีประกายของความฮึกเหิมวาบผ่าน
“ในที่สุดข้าก็บีบให้เจ้าเผยท่าไม้ตายออกมาได้อีกท่าหนึ่งแล้ว! และไม่ว่าวิชาอภินิหารใดก็ตามที่เจ้าเคยใช้ไป ก็อย่าหวังว่าเมื่อใช้กับข้าเป็นครั้งที่สองแล้วจะยังได้ผลมหัศจรรย์ดังเดิม!” มารดาผีหัวเราะร่า ในเสียงหัวเราะนั้นยิ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความละโมบและความกระหายใคร่
ยิ่งป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสนใจในตัวเขามากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเค้นท่าไม้ตายออกมาใช้จนหมด ก็ถึงเวลาที่นางจะลงมือเป็นลำดับสุดท้ายบ้างแล้ว!
ยามนี้เมื่อเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มของมารดาผีจึงยิ่งสดใส ควบคุมเรือรบให้ไล่ตามทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเผ่นหนีไปอีกครั้ง!
ต่อให้ครึ่งเทพที่อยู่บนเรือรบตอนนี้จะเหลืออยู่แค่สามคน ทว่ามารดาผีไม่แยแส ขอแค่ครั้งนี้จับป๋ายเสี่ยวฉุนมาได้ สำหรับนางแล้วทุกอย่างก็ล้วนคุ้มค่า!
“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าเป็นของข้า! ทุกอย่างของเจ้า ล้วนเป็นของข้า!” มารดาผีเลียปาก หากไม่ใช่คนที่รู้เส้นสนกลในแล้วมาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะมารดาผียังเป็นโฉมสะคราญคนหนึ่ง ในใจคงคิดจินตนาการไปไกลอย่างเลี่ยงไม่ได้…
นอกรัศมีหลายหมื่นลี้ เหนือมหาสมุทรหย่งเหิง บัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนและราชาผียักษ์เพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าคนทั้งสองมืดทะมึน ไม่ได้พูดอะไรกัน ราชาผียักษ์อัดอั้นในหัวใจ ยิ่งมากด้วยความกระวนกระวาย เพราะความน่ากลัวของมารดาผีทำให้ราชาผียักษ์ตระหนักได้ว่าครั้งนี้ความหวังที่จะได้ไปเยือนราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งเหลือริบหรี่เต็มที
“จะทำอย่างไรดี ต้องคิดหาวิธีให้ได้!” ราชาผียักษ์ถอนหายใจอยู่ในใจ สมองก็แล่นเร็วจี๋ไปได้วย ไม่ทันหันไปสังเกตเห็นประกายดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนที่เริ่มเปลี่ยนมาเป็นแปลกประหลาดมากเรื่อยๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกยอมไม่ได้ หากไม่มีเรือกระดูกลำนั้น ต่อให้มารดาผีเป็นเทียนจุน แต่หากคิดจะไล่สังหารป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ว่าการดำรงอยู่ของเรือกระดูกลำนั้นกลับทำให้มารดาผีอยู่ในสถานะที่ไม่มีทางแพ้
“ไม่รู้ว่าโหวเสี่ยวเม่ยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…” สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นกังวลมากที่สุดก็คือมารดาผีจะเอาโหวเสี่ยวเม่ยและจางต้าพั่งมาเป็นตัวประกันต่อรอง แต่จากการที่ได้สัมผัสกับอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ อีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะพูดถึงคนทั้งสอง นี่จึงทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรุ่ม และหากอยากรู้ข่าวของโหวเสี่ยวเม่ยก็ต้องทำให้มารดาผียอมเปิดปากอย่างไม่มีปิดบังเท่านั้น
“ยังมีอีกอย่างก็คือ…จำนวนหัวครึ่งเทพที่จะใช้มาเป็นใบเบิกทางยังน้อยเกินไป ยังไม่มากพอ…ไม่สามารถสร้างความครึกโครมได้มากพอ!” สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนแปรเปลี่ยนต่อเนื่อง ยิ่งความคิดบ้าคลั่งในหัวเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ เส้นเลือดฝอยในดวงตาก็ยิ่งแดงฉาน ประกายดวงตาก็ยิ่งแปลกประหลาดมากเท่านั้น
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ตาแดงก่ำก็หยุดกึกแล้วเอื้อมมือไปรั้งราชาผียักษ์
“พี่ใหญ่ ท่านว่า…หากพวกเราจับตัวมารดาผีไปส่งให้ราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง จักรพรรดิเซิ่งจะให้ของรางวัลอะไรแก่พวกเรา?”
ราชาผียักษ์กำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด พอถูกป๋ายเสี่ยวฉุนรั้งตัวไว้ก็อึ้งงัน แล้วยิ่งหันไปเห็นเส้นเลือดฝอยในดวงตากับได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ลูกตาเขาก็พลันเบิกกว้าง สูดลมหายใจดังเฮือก
“จับตัวมารดาผี?” ราชาผียักษ์บังเกิดความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างขึ้นมาทันที แต่กลับไม่ทันคิดอย่างละเอียด ตอนนี้ด้วยความอึ้ง ในสมองจึงมีเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ต้องรู้ว่าเทียนจุนตลอดทั้งราชวงศ์จักรพรรดิแสมีทั้งหมดแค่หกคน ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นบุคคลอันน่ากริ่งเกรงทั้งสิ้น หากจับตัวพวกเขา เรื่องนี้ต้องสร้างความครึกโครมไปทั้งแผ่นดินหย่งเหิงแน่นอน และชั่วชีวิตนี้ของจักรพรรดิเซิ่งก็คงไม่มีทางได้พบเจอกับใครที่ยอมลงทุนทำเพื่อการสวามิภักดิ์ถึงระดับนี้!
“เสี่ยวฉุนเจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม…” ราชาผียักษ์ที่อ้าปากหอบหายใจรีบพูดเกลี้ยกล่อม นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่าข้อเสนอนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนบ้าระห่ำเกินไปสำหรับพวกเขาสองคนที่กำลังถูกคนไล่ฆ่า
“ท่านกล้าหรือไม่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตา หากราชาผียักษ์ตอบตกลงทันที บางทีเขาอาจจะลังเลอยู่บาง เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าวิธีนี้ออกจะบ้าบิ่นเกินไปหน่อย
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของราชาผียักษ์ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่พอใจทันใด
“พี่ผียักษ์ ไหนท่านบอกว่าพวกเราต้องทำเรื่องใหญ่ไงล่ะ แล้วยังมีเรื่องไหนที่ใหญ่ไปกว่าจับตัวเทียนจุนอีก เรื่องนี้ต้องครึกโครมไปทั่วแผ่นดินหย่งเหิงแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันพูด เส้นเอ็นสีเขียวปูดโปนไปทั่วหน้าผาก
หัวใจราชาผียักษ์เต้นโลดแรง กล่าวประชดว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่จับตัวบุพกาลไปเลยล่ะ แบบนั้นล่ะระเบิดกันทั้งแผ่นดินแน่…” เห็นท่าทางตอนนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็พลันนึกขึ้นได้ว่าความรู้สึกคุ้นเคยก่อนหน้านี้มาจากที่ใด…
“ท่านย่ามันเถอะ…ตอนนั้นที่ไอ้สารเลวนี่จับตัวข้าก็มีท่าทางแบบนี้เหมือนกัน เขามันจับคนอื่นเป็นตัวประกันจนชินแล้วรึไง!” ราชาผียักษ์หัวเราะไม่ออก ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เอาก็เอาว่ะ! บอกมาเลยว่าจะจับยังไง!”