บทที่ 1045 ใบหน้าผีผู้รันทด
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าแดงน้อยๆ หัวใจเต้นรัวเร็ว พอคิดว่าวันนี้ตนใจกล้าถึงขนาดคิดจะจับตัวเทียนจุนผู้หนึ่งเป็นตัวประกัน…เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะแตกต่างไปจากในอดีตอยู่มาก
ต้องรู้ว่า นั่นคือเทียนจุนเชียวนะ…
ไม่ใช่ว่าที่เทียนจุนอย่างนักพรตทงเทียน คือผู้แข็งแกร่งขอบเขตมหายานที่แท้จริง อีกทั้งมารดาผียังมีสมบัติล้ำค่าอย่างเรือกระดูกอยู่ด้วย
“ท่านย่ามันเถอะ มีอะไรให้ต้องเกรงกลัวกัน ข้าเป็นถึงบรรพบุรุษขุย แถมข้ายังเป็นว่าที่เทียนจุน ข้ายังมีกระบี่ใหญ่แม่น้ำสายเหนือ อีกอย่างปีนั้นตอนที่ข้าเป็นแค่รวมโอสถก็ยังกล้าจับตัวครึ่งเทพ เป็นคนฟ้าก็กล้าตบหัวโจรเฒ่านักพรตทงเทียน กะอีแค่มารดาผี…ข้าจะจับตัวนางแล้วใครจะทำไม!”
เรื่องนี้ขนาดมองแค่ภายนอกยังบ้าดีเดือด เป็นเหตุให้หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นรัวเร็ว ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้น ความรู้สึกบ้าบิ่นที่กระตุ้นอารมณ์ขุมหนึ่งผุดปุดๆ ขึ้นในใจอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่น้อยไปกว่าตอนที่เขากับเจ้าเต่าน้อยเคยจับตัวราชาผียักษ์เมื่อครั้งอยู่ในแดนทุรกันดารเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ ยามนี้เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที สีเลือดในดวงตายิ่งเข้มข้น หันขวับไปมองราชาผียักษ์
“พี่ผียักษ์ ท่านไม่ต้องกลัว เรื่องจับตัวคนแบบนี้ ข้ามีประสบการณ์”
ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันพูด
“ข้าผู้อาวุโสหรือจะกลัวนังหญิงเฒ่าอย่างมารดาผีนั่น?”
ราชาผียักษ์เองก็ตาแดงก่ำ พอได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกระคายหูอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสามคำที่บอกว่ามีประสบการณ์…ที่ยิ่งทำให้ราชาผียักษ์สีหน้าน่าเกลียด หันไปถลึงตาคำรามใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนทันควัน
ไม่ได้สนใจเสียงคำรามจากราชาผียักษ์ ป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงลูบคลำปลายคาง ประกายแสงในดวงตาเปล่งวิบวับ ความคิดมากมายในสมองแล่นตลบหมุนวน หวนนึกถึงตัวอย่างความสำเร็จที่ตนจับตัวราชาผียักษ์ในครานั้น…
“เรื่องจับตัวคนเช่นนี้ ดูจากประสบการณ์ของข้า ทางที่ดีที่สุดคือต้องทำให้สำเร็จในคราวเดียว ก็เหมือนอย่างปีนั้นที่ข้าจับตัวท่านซึ่งลงมือรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ แผล็บเดียวก็หิ้วตัวท่านหนีไปได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำโดยที่ไม่ได้มองราชาผียักษ์ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้เดือดดาลเต็มทีแล้ว
“รวบรวมพลังทั้งหมดโจมตีไปที่เรือรบแล้วจับตัวมารดาผีมารวดเดียว หากทำไม่ได้…ก็ต้องทำให้มารดาผีออกห่างจากเรือกระดูก…ก็เหมือนคราวนั้นที่ข้าหิ้วท่านออกไปจากค่ายกลเต่าหิน” ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญ ราชาผียักษ์ที่อยู่ข้างๆ ทำเสียงขึ้นจมูก เรื่องที่ถูกจับเป็นตัวประกันในปีนั้น หวนคิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็มักเกิดความวู่วามอยากจะตบป๋ายเสี่ยวฉุนให้ตายขึ้นมาเมื่อนั้น ตอนนี้ความรู้สึกที่ว่ายิ่งรุนแรงมากกว่าที่เคย ทว่าพอนึกถึงตบะของตนและอีกฝ่าย ราชาผียักษ์ก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ขอแค่นางออกมาจากเรือกระดูก ข้าก็มีวิธีที่ทำให้นางมิอาจหวนกลับไปได้ในเวลาสั้นๆ ขณะเดียวกัน พี่ผียักษ์ท่านก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย ครั้งนี้พวกเราไม่เพียงแต่ต้องจับมารดาผีมาเป็นตัวประกันเท่านั้น ยังต้องชิงเรือกระดูกของนางมาด้วย! รวมไปถึงสมบัติทั้งหมดที่อยู่บนร่างของนาง เรื่องการจับตัวคนเป็นตัวประกันแบบนี้ จะทำทั้งทีก็ต้องเล่นใหญ่ไปเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยขึ้นเบาๆ เล่าแผนการและความคิดของตนให้ราชาผียักษ์ฟังทั้งหมด
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญบางจุดที่ยิ่งอธิบายละเอียดยิบ
ไม่นานราชาผียักษ์ที่เบิกตากว้างก็สูดลมหายใจดังเฮือก ฟังแผนการของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็รู้สึกเลยว่ามารดาผีผู้นี้มาเจอกับป๋ายเสี่ยวฉุนช่างดวงซวยยิ่งนัก
ทว่าพอฟังแผนการของอีกฝ่าย ใจของราชาผียักษ์ที่เดิมทีกระวนกระวายไม่เป็นสุขก็เหมือนจะบรรเทาลงไปได้ แม้ในสายตาของเขา แผนการนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ ทว่านี่ก็คือวิธีที่มีความเป็นไปได้ที่สุดในการจับตัวอีกฝ่าย
ขณะที่คนทั้งสองปรึกษากันได้ไม่นาน ท้องฟ้าด้านหลังพวกเขาก็มีหมอกดำทะมึนซัดตลบอบอวลเข้ามาอีกครั้ง เรือนกายของกิ้งก่ากระดูกขาวที่ใช้ความเร็วอันน่าตะลึงทะยานครืนครั่นมาจากทิศไกล
ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันกรอด เขาเข้าใจดีว่าหากคิดจะจับตัวมารดาผี ด้านพลังการต่อสู้ตนอาจจะขาดอยู่บ้าง ดังนั้นวินาทีที่กิ้งก่ากระดูกขาวขยับเข้ามาใกล้ เขาก็พลันยกมือขวาขึ้นตบถุงเก็บของ สร้างแรงสะเทือนไปยังกระบี่ใหญ่ของสายเหนือ หลังจากส่งเจตจำนงของตัวเองเข้าไปแล้ว เขาก็ทดลองติดต่อไปหาบุรพาจารย์หันเหมินอีกครั้ง
พริบตาเดียวดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉายความปิติยินดี แม้ว่าบุรพาจารย์หันเหมินจะยังคงไม่ตอบรับตน ทว่าใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ที่อยู่ในนั้นกลับตัวสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นกระบี่ใหญ่สายเหนือในถุงเก็บของของเขาก็ส่องแสงสีฟ้าวาบ ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ที่ถูกผนึกไว้ในโลกสมบัติอาคมถูกปล่อยตัวออกมาทันใด
ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้นี้ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนทิ้งไว้ในโลกสมบัติอาคม แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่ได้ทรมานมันต่อ ทว่าหลังจากที่บุรพาจารย์หันเหมินกลายร่างเป็นวิญญาณวัตถุสำเร็จมีหรือที่จะปล่อยเจ้าผีเฒ่าซึ่งตอนแรกเคยหวังช่วงชิงตำแหน่งวิญญาณวัตถุของตัวเองไปง่ายๆ แม้จะไม่ได้ทรมานให้มันเจ็บปวดทุกข์ทน แต่ก็กำราบมันเป็นทาสได้อย่างอยู่หมัด
ยามนี้เมื่อถูกปล่อยออกมา ใบหน้าผีที่เดิมทีควรจะมองดูเหมือนหัวเราะก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิงกลับไม่เหลือรอยยิ้มอีกต่อไป เหลือแต่ความเศร้าสร้อยจะร้องมิร้องแหล่ ทว่าจู่ๆ ร่างของมันก็สั่นสะท้าน พอสัมผัสได้ถึงปราณของแผ่นดินหย่งเหิง ความอ่อนแอในร่างกายมันก็พลันฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
“นี่…นี่…” ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ที่กำลังตื่นเต้นหันขวับไปเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน
วินาทีที่มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน ผีเฒ่าก็ตัวสั่นเยือก ตอนนั้นมันถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจัดการเสียสิ้นสภาพ ทิ้งเงามืดไว้ในใจมันตลอดเวลา แค่เห็นอีกฝ่ายร่างก็สั่นเทา ก่อนที่มันจะเหลือบไปเห็นทิศไกลซึ่งกิ้งก่ากระดูกขาวกำลังพุ่งมาด้วยพลังอำนาจดุดัน
“สวรรค์ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด…”
ลูกตาของใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้แทบจะถลนออกมานอกเบ้า เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็คิดไม่ถึงว่าตนเพิ่งจะถูกปล่อยออกมา กลับต้องมาเจอคนคุ้นเคยทั้งหมด จิตสำนึกบอกให้มันเผ่นหนีไป ทว่ากลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาเข้าใส่
“ตอนนั้นเจ้าบอกว่าตัวเองคือว่าที่บุพกาลไม่ใช่หรือ ที่นี่เจ้าตบะสูงสุด ยังจะกลัวอะไรอีก” ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงในลำคอ ใบหน้าผีตัวสั่นไม่เลิก ตราผนึกที่กระบี่ใหญ่สายเหนือทิ้งเอาไว้ในร่างมันถูกป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมผ่านกระบี่ใหญ่ทางอ้อม ยังไม่ทันรอให้ใบหน้าผีได้ตั้งตัว ร่างของมันก็ทะยานดิ่งเข้าหากิ้งก่ากระดูกขาวโดยที่มันมิอาจควบคุมได้
“ไม่!! ข้ายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ตอนนั้นข้าแค่โม้ไปอย่างนั้นเอง…ก่อนหน้าที่ข้าจะถูกจักรพรรดิแสจับตัว หากพลังเปี่ยมล้นก็คือว่าที่บุพกาล แต่ตอนหลังก็ถูกจักรพรรดิแสจับไปหลอมเป็นวิญญาณ ทั้งยังถูกมารดาผีกำราบเอาไว้ ซ้ำร้ายหลังจากนั้นยังถูกนักพรตทงเทียนฉีกวิญญาณออกอีก ข้าไม่ใช่ว่าที่บุพกาลมาตั้งนานแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ไม่นะ…”
เสียงร้องโหยหวนของใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ดังสนั่น มันคิดจะต่อต้าน แต่กลับไร้ผล ในใจคลุ้มคลั่งเต็มที กระนั้นก็ยังถูกควบคุมให้พุ่งเข้าโจมตีกิ้งก่ากระดูกขาว
ขณะเดียวกันราชาผียักษ์ก็ร้องคำราม ครั้นจึงแปลงกายเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่ตรงดิ่งเข้าหากิ้งก่ากระดูกขาว และยังมีบุปผาจันทราที่แปลงร่างออกมา แผ่คลื่นครึ่งเทพขั้นสมบูรณ์แบบ พกพาเอาความดุดันกระโจนออกไปเช่นกัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็กัดฟันกรอด ขยับร่างตามหลังทุกคนไป พลังกล้ามเนื้อและตบะระเบิดครบทุกด้าน อานุภาพที่เหนือเกินกว่าว่าที่เทียนจุนปะทุพวยพุ่งอย่างไม่มีกั๊กไว้ ก่อให้เกิดเสียงครืนครั่นดังเกริกก้อง!
ภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนรวมพลังกันหมายจะฝืนบุกโจมตีทำเอาดวงตานางหงส์ของมารดาผีที่อยู่บนเรือรบเหนือกิ้งก่ากระดูกขาวพลันแน่วนิ่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้นางก็สังเกตเห็นราชาผียักษ์และบุปผาจันทราแล้ว ตอนนี้นางจึงไม่แปลกใจอะไร ทว่าใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ที่อยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนกลับทำให้นางใจหายวาบ
“ไม่นึกเลยว่าผีเฒ่าผู้นี้จะถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจับตัวไป!” มารดาผีหรี่ตาทั้งคู่ลง มือทั้งสองทำมุทรา ทันใดนั้นควันดำบนเรือรบกระดูกขาวก็ซัดหลุนๆ กิ้งก่ากระดูกขาวพ่นทะเลเพลิง ความเร็วไม่ลดน้อยลง ยังคงกระแทกเข้ามาชนอย่างน่าครั่นคร้าม
พริบตานั้นทะเลเพลิงปกคลุมไปสี่ทิศ ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ที่พุ่งมาเป็นหนังหน้าไฟคนแรกใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ แต่กระนั้นมันก็จำต้องสู้สุดชีวิต ท่ามกลางเสียงคำรามบ้าคลั่งมันจึงพลันอ้าปากกว้างแล้วเป่าลมพรูด ทันใดนั้นลมเย็นอึมครึมขุมหนึ่งก็ซัดตะลุยไปเบื้องหน้า แยกทะเลเพลิงให้แหวกจากกันเป็นสองส่วน
จะอย่างไรเสียผีเฒ่าตนนี้ก็เคยเป็นธงหลักบนเรือรบกิ้งก่ากระดูกขาว จึงเข้าใจเรือรบลำนี้เป็นอย่างนี้ พอเป่าลมออกไปหนึ่งเฮือกก็ผ่าทะเลเพลิงให้แตกแยก
พอเผชิญหน้ากับลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งมาด้านหลังทะเลเพลิง ใบหน้าผีก็คำรามกร้าวพร้อมกระโจนเข้าเขมือบกลืนลำแสงพวกนั้น ขนาดใบหน้าผีอีกสองหน้าที่อยู่บนเรือรบยังไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่ว่ามารดาผีจะทำมุทราควบคุมเช่นไร พวกมันก็ยังต่อต้านเอาแต่ถอยหนี
ไม่มีใบหน้าผีทั้งสองสกัดกั้น อีกทั้งผีเฒ่ายังช่วยเปิดทางให้ ป๋ายเสี่ยวฉุนสองคนจึงบุกราบเป็นหน้ากลองไปตลอดทาง เมื่อปรากฏตัวก็มาอยู่กลางอากาศเหนือเรือกระดูกแล้ว ใบหน้าผีนั่นมิอาจควบคุมตัวเองได้ดังใจ จึงได้แต่ร้องคำรามแล้วโหม่งหัวพุ่งชนเรือกระดูก
“ผีเฒ่าคือท่าไม้ตายอีกอย่างหนึ่งของเจ้าสินะ!” มารดาผีหัวเราะหยัน แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นความดีใจ มือขวาที่ยกขึ้นโบกวูบหนึ่งครั้ง หมอกเลือดสีชาดที่อยู่บนเรือกระดูกก็เปลี่ยนมาเป็นชั้นป้องกันที่สกัดกั้นวิชาอภินิหารของพวกป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้เต็มกำลัง
ท่ามกลางเสียงอึกทึก ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ชนโครมลงบนหมอกเลือดสีแดงฉานเป็นคนแรก เจอแรงดีดกลับของไอหมอก ผีเฒ่าหวีดร้องโหยหวนทันควัน แม้แต่ร่างกายก็ยังบิดเบือน จากนั้นก็ตามมาด้วยบุปผาจันทรา มันระเบิดพลังสูงสุดเข้าชนกับหมอกเลือดสีแดงเป็นคนที่สอง!
เสียงกัมปนาทเสียงที่สองเพิ่งจะก้องกังวาน ขณะที่แรงดีดกลับทำให้ลำต้นของบุปผาจันทราถึงกับรอยปริแตก ราชาผียักษ์ที่ทุ่มสุดตัวก็แผดเสียงตะโกน ร่างจำแลงผียักษ์ชนโครมเข้าใส่หมอกเลือดสีชาดอย่างรุนแรง
การโจมตีติดต่อกันสามครั้งนี้ทำให้หมอกเลือดสีชาดบางลงไปหลายส่วน และเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันขยับเข้ามาใกล้พร้อมเหวี่ยงหมัดจักพรรดิไม่ดับสูญออกไปด้วยพลังเต็มพิกัด
เสียงกัมปนาทราวเสียงอสนีบาตกึกก้องกังวาน ต่อให้หมอกเลือดสีชาดยังมีแรงสะท้อนกลับ ทว่าระดับความเข้มข้นกลับถูกวิชาอภินิหารสองสามวิชาลดทอนให้น้อยลงจนเหลือเพียงบางเบา
และเวลานี้แม้มุมปากของป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีคราบเลือดไหลริน ทว่ากลับฟื้นตัวคืนมาอย่างน่าตะลึง ดวงตาของเขาฉายแสงคมกริบ มือขวายกขึ้นโดยพลัน กระบี่ใหญ่ของสายเหนือปรากฏในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินหย่งเหิง!
กระบี่ใหญ่สีฟ้าระเบิดปราณของสมบัติแห่งโลกอันแข็งแกร่ง ครั้นจึงตวัดฟันเข้าใส่หมอกเลือดสีขาด ฟาดฟันเข้าใส่เรือกระดูกด้านหลังหมอกเลือด…อย่างเหี้ยมหาญ!
มารดาผีหายใจถี่กระชั้น ประกายประหลาดในดวงตาลุกเรือง
นางรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้กระบี่ใหญ่สายเหนือเล่มนี้มานานมากแล้ว เพราะในบรรดาเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับอีกฝ่ายที่นางทำความเข้าใจตลอดเวลาเกินครึ่งปีที่ผ่านมามีคำบรรยายเกี่ยวกับกระบี่ใหญ่สายเหนือเล่มนี้อยู่ด้วย ก่อนหน้านั้นนางถึงได้ระวังตัวมากเป็นพิเศษ
“ในที่สุดเจ้าก็เอากระบี่เล่มนี้ออกมาเสียที!” มารดาผีหัวเราะคิกคัก มือทั้งคู่ทำมุทราแล้วกดทับลงไปบนเรือกระดูกอย่างแรง!