บทที่ 1163 ข้ากินไปแล้ว
“คนเราจะโอ้อวดตนเกินไปนักไม่ได้ พวกกู่เทียนจวินทำเกินไปแล้ว ทำไมจะต้องเอามาประกอบกันด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กินปูนร้อนท้องได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ
เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เขาก็รู้สึกประดักประเดิดไม่น้อย ยิ่งไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิแส จักรรรพิเซิ่งหรือเหล่าเทียนจุนทั้งหลายต่างก็มองมาอย่างพร้อมเพรียง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อดไอแห้งๆ ขึ้นมาไม่ได้
“นั่นสิ ดูเหมือนว่าจะขาดหางไปนะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดจบก็พลันตบหน้าผากตัวเอง แสร้งทำท่าเหมือนคนเพิ่งนึกขึ้นได้
“โอ้ ข้านึกออกแล้ว ดูความจำข้าสิ ลืมไปเสียได้ ที่ข้ายังเหลือหางอยู่นี่นา”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดพลางรีบหยิบเอาหางของกิ้งก่าใหญ่ออกมาวาง
“พวกเจ้าอย่ามองข้าแบบนี้ ข้าลืมไปจริงๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา
กู่เทียนจวินถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งที ก่อนจะถอนสายตากลับคืนมา
ส่วนซือหม่าอวิ๋นหัวนั้นเป็นเพราะติดค้างน้ำใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้ ยามนี้จึงได้แต่ส่ายหัวยิ้มเจื่อน เฉินซูและวิเศษกาลนานก็พูดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่
เทียนจุนของทางฝ่ายราชวงศ์จักรพรรดิแสส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ เพราะในใจพวกเขาเคียดแค้นป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ากระดูกดำมาตั้งนานแล้ว มีเพียงกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่แม้สีหน้าจะเย็นชา ทว่าในใจกลับกำลังหัวเราะ
เมื่อเห็นว่าการเดิมพันและการช่วงชิงครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลง ทว่าเวลานี้เอง พอสายตาของจักรพรรดิเซิ่งกวาดไปบนร่างของกิ้งก่าใหญ่ครบหนึ่งรอบ เขาก็หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง
“ราชาทงเทียน เจ้าไม่รู้สึกว่าหางของกิ้งก่าใหญ่ตัวนี้…ออกจะสั้นไปหน่อยหรือ?”
จบคำของจักรพรรดิเซิ่ง เทียนจุนทุกคนที่อยู่รอบด้านก็หันขวับมองตามไปทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่พอตอนนี้ลองสังเกตอย่างละเอียดกลับพบว่าหางของกิ้งก่าใหญ่เหมือนจะไม่ค่อยสมส่วนกับเรือนกายของมันสักเท่าไหร่นัก ราวกับว่า ขาดไป…ท่อนหนึ่ง
“สายตาของจักรพรรดิเซิ่งนี่ดุดันเกินไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำอยู่ในใจ ทว่าภายนอกกลับทำสีหน้างุนงงอีกครั้ง หลังจากเพ่งมองอย่างละเอียด เขาก็พลันตบถุงเก็บของหนึ่งที
“อั๊ยย่ะ ความทรงจำของข้านี่มันย่ำแย่ซะจริงๆ ใช่ๆๆ ขาดไปท่อนหนึ่ง”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดจบก็หยิบเอาหางอีกท่อนจากในถุงเก็บของออกมาวางไว้ข้างๆ
“ไม่มีแล้ว คราวนี้ไม่มีแล้วจริงๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นสายตารู้ทันของจักรพรรดิเซิ่งก็รีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ
พฤติการณ์แบบเดิมสองครั้งติดของเขาทำให้เทียนจุนทุกคนที่อยู่รอบด้านเหมือนได้รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นครั้งแรก จิตใจของแต่ละคนสั่นไหวเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะการลักลอบซ่อนของของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
โดยเฉพาะ…ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเอาหางอีกท่อนหนึ่งออกมาวางแล้ว ก็ยังมองออกว่าหางของกิ้งก่าใหญ่ตัวนี้หายไปอีกท่อนหนึ่ง พวกเทียนจุนที่มองกิ้งก่าใหญ่แล้วจึงหันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมกันอีกครั้ง
คราวนี้จักรพรรดิเซิ่งไม่ได้เอ่ยอะไร สีหน้าของเขายังครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งอยู่เหมือนเดิม ทว่าดวงตาไม่เป็นมิตรของเขากลับจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง
“ไม่มีแล้วจริงๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนละล่ำละลักปฏิเสธ คราวนี้เขาไม่ได้โกหก ในถุงเก็บของของเขาไม่มีเนื้อผู้บงการอยู่แล้วจริงๆ
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยขึ้น ทางฝ่ายของจักรพรรดิแสที่มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็ยกยิ้มดูหมิ่น พลันยกมือขวาขึ้นทำมุทราชี้ไป ทันใดนั้นแสงสีดำเส้นหนึ่งก็บินจากมือเขาตรงเข้าหาเศษเนื้อแต่ละก้อนของกิ้งก่าใหญ่
ดูเหมือนว่าแสงสีดำนี้จะมีพลังประหลาดที่มหัศจรรย์บางอย่างซึ่งพอผสานรวมเข้าไปในร่างของกิ้งก่าใหญ่ เศษเนื้อทั้งหมดของกิ้งก่าใหญ่ก็พลันขยับไหว พริบตาเดียวก็มาผสานรวมเข้าด้วยกัน กลายมาเป็นกิ้งก่าใหญ่ตัวหนึ่งที่ราวกับว่าเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ!
เพียงแต่ว่าเมื่อผสานรวมร่างเสร็จ ตำแหน่งหางของมันกลับกุดไปท่อนหนึ่ง ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ซะอีก
พริบตานั้น…เทียนจุนทั้งหมดและบุพกาลสองคนก็ล้วนพากันหันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนขนลุกชัน ร้องโอดครวญอยู่ในใจ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเนื้อท่อนที่หายไปนั้นได้มอบให้วิญญาณวัตถุไปแล้ว พอถูกคนมากมายรุมจ้อง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนวัวสันหลังหวะ แต่พอเขาคิดว่าตนเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเพื่อช่วยจักรพรรดิเซิ่งเอาเนื้อผู้บงการเหล่านี้มา ต่อให้หายไปก้อนหนึ่ง อีกฝ่ายก็ไม่น่าจะตำหนิอะไรได้มากนัก
“แทนที่จะปิดบัง ก็ไม่สู้บอกไปตามตรงเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“กินไปแล้ว เนื้อก้อนที่หายไป ข้ากินเข้าไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดหน้าตาเฉย เสียงดังกังวานไปสี่ทิศ
“จะอย่างไรเสียเนื้อของผู้บงการก็เป็นของดี พอข้าแย่งมาครองได้จึงคิดจะศึกษามัน ทว่ากลับทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงกินไปก้อนหนึ่ง อยากดูว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบใด ทว่าเจ้าของเล่นนี้รสชาติย่ำแย่ยิ่งนัก ซ้ำยังไม่ได้ผลใดๆ ด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนแบมือยักไหล่ ในใจก็พึมพำว่าบุพกาลนี่ขี้เหนียวจริงๆ แค่ขาดเนื้อไปก้อนเดียวจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว
จบคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ได้ยินว่าเขายอมรับอย่างตรงไปตรงตา สายตาของเทียนจุนที่อยู่รอบด้านก็เปล่งวาบ นั่นเป็นเพราะคำพูดประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนสมบูรณ์แบบดีมาก
อย่างไรซะพวกเขาที่เป็นเทียนจุนจะกินเนื้อผู้บงการที่ช่วงชิงมาให้บุพกาลสักก้อนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากป๋ายเสี่ยวฉุนปิดบังต่อไป บางทีพวกเขาอาจคิดว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอื่น ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนตอบอย่างซื่อสัตย์ขนาดนี้ ต่อให้เป็นจักรพรรดิเซิ่งเองก็ยังไม่อาจซักไซ้เอาความต่อได้ แต่กระนั้นก็ยังถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนดุๆ หนึ่งที
“ทำไมไอ้หมอนี่ถึงไม่กินแล้วตายไปเลย ขนาดเนื้อผู้บงการก็ยังกล้ากินเข้าไป!” จักรพรรดิเซิ่งพึมพำอยู่ในใจตัวเอง ไม่ได้สนใจป๋ายเสี่ยวฉุนต่อ เพียงมองจักรพรรดิแสแล้วส่งข้อความติดต่อกัน
ครั้งนี้จักรพรรดิเซิ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบ ส่วนจักรพรรดิแสก็จำต้องยอมเสียเปรียบ แต่ว่าคนทั้งสองมีข้อตกลงร่วมกันมาก่อน ต่อให้ตอนนี้จักรพรรดิแสจะแพ้ แต่ก็ยังได้เลือดเนื้อไปถึงสองส่วนกว่า ก่อนจะจากไป เขาหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชาหนึ่งครั้ง ครั้นจึงสะบัดปลายแขนเสื้อจากไปก่อนผู้ใด
พวกเทียนจุกจักษุไพศาลก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาเกลียดป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ากระดูกมานานแล้ว แต่ละคนจึงจากไปพร้อมกับปราณสังหาร มีเพียงกงซุนหว่านเอ๋อร์คนเดียวเท่านั้นที่ตอนมองป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตามีริ้วคลื่นสดใสที่เบาบางจนแทบสังเกตไม่เห็น
เรื่องของร่างแยกผู้บงการจึงถือว่ายุติลงแล้ว เทียนจุนทุกคนที่รวมป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยต่างก็ถือว่าทำความชอบครั้งใหญ่ และได้รับของรางวัลเป็นโอสถเทียนจุนจากจักรพรรดิเซิ่ง!
เมื่อทุกคนพากันจากไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉวยโอกาสที่ตอนนี้หลายเขตการปกครองของทิศเหนือว่างเปล่าปล่อยตัวประชาชนที่อยู่ในกระบี่ใหญ่ออกมา ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูเขตการปกครองอวิ๋นไห่ ยังอาศัยโอกาสที่พันปีก็ยากจะพานพบครั้งนี้มาขยายอาณาบริเวณให้กว้างขวางขึ้น และเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน เขาก็ยึดเอาเขตการปกครองทั้งห้าของทิศเหนือมาไว้ได้ในรวดเดียว!
ความเร็วนี้มากจนแม้แต่ฝ่ายของราชวงศ์จักรพรรดิแสก็ไม่ทันได้ห้ามปราม เพราะอย่างไรซะสำหรับราชวงศ์จักรพรรดิแสแล้ว การที่เทียนจุนคนหนึ่งตายไป แม้จะไม่ถึงกับเสียหายไปยันพลังต้นกำเนิด แต่ก็สั่นคลอนรากฐานได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะตอนนี้เป็นช่วงมือขึ้นของป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขาจึงทำได้แค่ส่งจักษุไพศาลมาเฝ้าบัญชาการณ์ เพราะหากปล่อยให้คนอื่นมา เกรงว่าก็คงทำอะไรป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดก็คือทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองในเวลานี้แทบจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปทั้งหมด ทุกคนตายกันเกือบสิ้นซาก สำหรับราชวงศ์จักรพรรดิแสแล้ว เขตพื้นที่อย่างนี้จึงไม่มีความหมายเหลืออยู่เลย
ความหงุดหงิดแบบเดียวกันนี้ก็ปรากฏขึ้นในใจของจักรพรรดิเซิ่งเช่นกัน แต่ยังดีที่เนื้อผู้บงการช่วยสลายความขุ่นมัวในใจของจักรพรรดิเซิ่ง ตอนนี้เขาจึงจมจ่อมอยู่กับการศึกษาเนื้อผู้บงการ ไม่มีเวลามาสนใจป๋ายเสี่ยวฉุนมากนัก
และในดินแดนเซียนแห่งที่สองนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับเทียนจุนวิเศษกาลนานก็คลี่คลายลงมากเพราะเรื่องก่อนหน้านั้น ซึ่งเทียนจุนวิเศษกาลนานก็ให้การยอมรับการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนไปโดยปริยาย จึงไม่ยื่นมือเข้ามาก้าวก่าย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ป๋ายเสี่ยวฉุนอาจไม่ถึงกับรวบรวมทั้งทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองไว้เป็นหนึ่งเดียว แต่ก็แทบไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แม้ว่าที่นี่จะมีแต่ฝุ่นผง ทว่าประชาชนของเขตการปกครองอวิ๋นไห่ยังอยู่ การซ่อมแซมและการสร้างใหม่จึงมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันชื่อเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ค่อยๆ แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างเพราะศึกครั้งนี้ โดยเฉพาะยามที่คนนับไม่ถ้วนวิเคราะห์ศักยภาพของเขา ทัศนคติก็ได้แตกต่างไปจากเดิมนับแต่บัดนั้น
“ได้ยินหรือยัง ราชาทงเทียนผู้นั้น ก่อนหน้านี้ที่ดินแดนเซียนแห่งที่สอง เขาฮุบเอาสมบัติล้ำค่ามาจากมือเทียนจุนหลายคนไว้เพียงลำพัง!”
“แย่งชิงสมบัติล้ำค่ามาก็ยังพอทำเนา แต่ทว่าเมื่อถูกเทียนจุนสิบกว่าท่านตามไล่ฆ่า เขากลับหลบหนีไปได้ถึงสิบกว่าวัน โดยที่ไม่มีใครพบเห็นร่องรอยของเขา!”
“พอกลับมาก็คลี่คลายความเดือดดาลของเทียนจุนราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งทุกคนได้ราวกับเป็นปราชญ์แห่งการวางแผน ทุกคนจึงพร้อมใจกันฝ่ามาที่ทางออก และได้รับรางวัลเป็นโอสถเทียนจุน!!”
“ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” คำพูดทำนองเดียวกันนี้ค่อยๆ แพร่สะพัดไปในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ไม่ว่าคนของโลกทงเทียนคนใดที่ได้ยิน ในใจก็ให้ฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด
ขณะเดียวกันซ่งจวินหว่านที่ได้รับการปกป้องจากเถี่ยตั้นก็เริ่มติดต่อกับพวกบุรพาจารย์ธาราเทพและหลี่ชิงโหวได้แล้ว ในช่วงเวลาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนช่วงชิงเลือดเนื้อผู้บงการอยู่ในใยแมงมุม ในที่สุดพวกเขาก็ได้มารวมตัวกัน!
ในขณะที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างพัฒนากำลังไปในทางที่ดี จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในเขตการปกครองอวิ๋นไห่ก็พลัน…ได้รับพระราชโองการจากจักพรรดิเซิ่งที่ส่งตรงมาจากในนครจักรพรรดิเซิ่ง!!