Skip to content

A Will Eternal 1281

บทที่ 1281 เรื่องราวในอดีต

คำพูดของซ่งจวินหว่านทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน

อันที่จริงเขาก็เข้าใจดีว่าซ่งจวินหว่านพูดถูกแล้ว หากดินแดนเซียนนิรันดร์กาลถูกทำลาย ถ้าเช่นนั้นด้วยพลานุภาพของผู้บงการนี่ฝาน คิดจะตามหาพัดวิเศษในห้วงจักรวาลก็ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

อีกอย่างเขาเองก็จำเป็นต้องตามหาพัดวิเศษให้เจอด้วย เพราะนี่ก็คือเต๋าของเขา เต๋าที่ต้องดับทำลายทุกสิ่งอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงยากที่ทุกคนที่อยู่บนพัดวิเศษจะหนีรอดไปได้

และหากไม่เป็นเพราะว่าผู้บงการนี่ฝานถูกผนึกไว้นอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาล พัดวิเศษก็คงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ แม้แต่โลกนาฬิกาทรายเองก็คงกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว

“สิ่งที่พวกเราพอจะทำได้ก่อนหน้าที่ความหวังสุดท้ายจะมาถึงก็คือพยายามใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้ได้มากที่สุด…พวกเราอยากพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่ง…” โจวจื่อโม่เอ่ยเบาๆ นางมองป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เผยรอยยิ้ม โหวเสี่ยวเม่ยเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

มองภรรยาเหล่านี้ของตน ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งอบอุ่น เขาเห็นค่าและอยากถนอมช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพราะเขารู้ว่าเวลาของตัวเองเหลืออีกไม่มากแล้วจริงๆ อย่างมากที่สุดเขาคงได้แค่ใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวได้อีกไม่กี่วันเท่านั้นก็จำเป็นต้องไปปิดด่านเพื่อให้ตัวเองพร้อมสำหรับการฝ่าทะลุขอบเขตที่สำคัญยิ่ง!

“ที่ไหนหรือ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยิ้มเหมือนกัน

ซ่งจวินหว่าน โจวจื่อโม่ โหวเสี่ยวเม่ยและกงซุนหว่านเอ๋อร์ต้องการพาป๋ายเสี่ยวฉุนไปยังสถานที่ที่พวกเขาเตรียมไว้ให้กับคนของโลกทงเทียนโดยเฉพาะ

ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงพยายามข่มความอยากรู้เอาไว้ ไม่แผ่อำนาจจิตออกไป เขามองพวกราชาผียักษ์ ต้าเทียนซือ หลี่ชิงโหวและบุรพาจารย์ธาราเทพ รวมไปถึงจางต้าพั่ง สวีเป่าไฉ เสินซ่วนจื่อ แน่นอนว่ารวมถึงเถี่ยตั้นด้วย

มองใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ซึ่งส่งยิ้มมาให้แก่เขา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งอยากรู้มากกว่าเดิม จนกระทั่งติดตามทุกคนออกจากนครจักรพรรดิขุยไปยังชายแดนแถบหนึ่งของราชวงศ์จักรพรรดิขุย ในที่สุดป๋ายเสี่ยวฉุนก็อดใจไม่ไหวจนต้องแผ่อำนาจจิตออกไป

เมื่ออำนาจจิตแผ่ออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันตัวสั่นสะท้าน เบิกตากว้างมากกว่าเดิม หัวใจเต้นระรัว ลมหายใจก็หอบหนัก ชี้นิ้วไปเบื้องหน้าพลางหันมามองพวกซ่งจวินหว่าน

“พวกเจ้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะทุกอย่างที่อำนาจจิตของเขากวาดไปเห็นอยู่เหนือจากสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ในอำนาจจิตของเขา เขาเห็นว่าจุดที่ห่างออกไปไกลมีเขตการปกครองอยู่แห่งหนึ่ง พื้นที่ของเขตการปกครองแห่งนี้ใหญ่พอๆ กับโลกทงเทียน เดิมทีในเขตการปกครองแห่งนี้ไม่มีแม่น้ำ แต่กลับเห็นได้ชัดว่าถูกคนสร้างขึ้นมาเป็นแม่น้ำใหญ่สี่สาย!

แม่น้ำใหญ่ทั้งสี่สายนี้ทอดยาวออกไป ส่วนพื้นที่ตรงกลางคือมหาสมุทรผืนหนึ่ง หรือจะพูดให้ถูกต้อง นั่นน่าจะเป็นทะเลสาบผืนหนึ่ง ทว่ากลับมีขนาดแทบจะเท่ากับมหาสมุทรทงเทียนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!

และแม่น้ำสี่สายนั่นก็แผ่ลามออกไปจากมหาสมุทรแห่งนี้ ขณะเดียวกันสองฟากฝั่งของแม่น้ำทั้งสี่สายก็มีสำนักมากมายตั้งตระหง่าน ซ้ำห่างออกไปไกลอีก

ป๋ายเสี่ยวฉุนยังมองเห็นกำแพงเมือง มองเห็นนครผียักษ์นอกกำแพงเมือง…รวมไปถึงนครจักรพรรดิขุยในอดีต!!

ทั้งหมดนี้ ก็คือ…โลกทงเทียน!!

เห็นได้ชัดว่าเขตการปกครองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยการรวบรวมทรัพยากรและกำลังคนมหาศาล ซึ่งทำให้ทุกอย่างในโลกทงเทียนกลับคืนสู่สภาพเดิม การกระทำที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนไม่หยุด

อันที่จริงอำนาจจิตของเขาสามารถปกคลุมไปได้ทั่วดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ทว่าใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แน่นอนว่าย่อมไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขตการปกครองแห่งนี้ ที่สำคัญที่สุดคือหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมาก็ได้ผ่านเรื่องราวฉุกเฉินมากมาย เป็นเหตุให้มาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นได้ถึงระดับนี้แล้ว

พอเห็นท่าทางตกใจและตะลึงงันของป๋ายเสี่ยวฉุน ต้าเทียนซือก็หัวเราะร่า

“ฝ่าบาท ในช่วงเวลาหลายปีที่ท่านปิดด่านฝึกตน เนื่องด้วยฮองเฮาทั้งหลายคิดถึงบ้านเกิด ข้าผู้อาวุโสและคนอื่นๆ ก็คิดถึงบ้านเกิดกันมาก ดังนั้นข้าผู้อาวุโสจึงเป็นคนตัวตั้งตัวตีให้คนของโลกทงเทียนแทบทั้งหมดช่วยกันระดมความคิด สุดท้ายถึงได้สร้างสถานที่แห่งนี้ให้กลับคืนสภาพเดิมโดยอิงตามความทรงจำของทุกคน”

“ข้าคิดว่าที่นี่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่นักพรตของโลกทงเทียนได้ พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกแปลกหน้ากับที่แห่งนี้ สามารถรวบรวมกำลังให้เป็นหนึ่งเดียว ขณะเดียวกันก็สามารถหวนกลับสู่มาตุภูมิของตนในอดีตและย้อนทวนความทรงจำที่เคยเป็นมาได้”

“เสียดายก็แต่ หลังจากที่ก่อสร้างเสร็จแล้วกลับมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นติดต่อกัน จึงไม่ทันได้รายงานต่อฝ่าบาท แล้วก็เพราะที่นี่ถูกละทิ้งไป จึงไม่ทันได้ป่าวประกาศให้คนอื่นๆ รับรู้” ต้าเทียนซือหันมาคำนับป๋ายเสี่ยวฉุนพลางเอ่ยอย่างปลงอนิจจัง

ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้น เมื่อมองเห็นทุกสิ่งผ่านทางอำนาจจิต ดวงตาของเขาก็เผยแววของการย้อนทวนความทรงจำ ราวกับว่าประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกกว้างแล้วปลดปล่อยความทรงจำในอดีตให้ออกมาโลดแล่นอยู่ต่อหน้า

“ดี ดี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะดังลั่น ครั้นจึงขยับกายเหยียบเข้าไปในเขตการปกครองแห่งนี้เป็นคนแรก คนอื่นๆ ติดตามไปด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความปลงอนิจจังและการย้อนทวนความทรงจำ แล้วก็ก้าวเข้าไปในโลกทงเทียนใบใหม่นี้เช่นกัน

เมื่อเข้ามาเดินอยู่ในโลกทงเทียนใบนี้ จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันสั่นไหว เขามองแม่น้ำและภูเขาของที่แห่งนี้ สถานที่แรกที่เขาไปเยือนในแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกก็คือ เขาเม่าเอ๋อร์!

เขาเม่าเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าแทบจะไม่ต่างไปจากในความทรงจำของเขา แม้แต่กระท่อมในหมู่บ้านตีนเขาก็เหมือนกับที่เขาจำได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

ยืนอยู่บนยอดเขาเม่าเอ๋อร์ ป๋ายเสี่ยวฉุนหลับตาลง ผู้คนที่ติดตามมาด้านหลังเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่จมจ่อมอยู่กับการย้อนทวนความทรงจำของป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นกัน

เนิ่นนานต่อมา เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาทั้งคู่ขึ้น ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มบริสุทธิ์เดียงสาอย่างที่เคยเป็นในอดีต

“ไม่รู้ว่าพวกเจ้ารู้หรือไม่…จะว่าไปแล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่ทำให้ข้าได้เข้าไปอยู่ในสำนักธาราเทพ…พ่อข้าทิ้งธูปไว้ให้หนึ่งดอกแล้วบอกกับข้าว่า ขอแค่ข้าจุดธูปก็จะมีเซียนมาพาตัวข้าไป”

“ดังนั้นข้าจึงขึ้นมาจุดธูปที่นี่ เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่จุดติดจะต้องมีฟ้าร้องฟ้าผ่าเกิดขึ้น ทำเอาข้าตกใจจนถอดใจไปก่อนเสียทุกครั้ง จนกระทั่งถึงครั้งที่สิบสาม ข้าถึงได้กัดฟันอดทนต่อเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าจุดธูปดอกนั้น ดังนั้น…จึงได้เจอกับท่านอาหลี่” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเบาๆ ตอนที่หันไปมองหลี่ชิงโหว สายตาของเขาก็เหมือนสายตาที่ใช้มองบิดาของตน

หลี่ชิงโหวแก่แล้ว เส้นผมก็เริ่มขาวโพลน และพอหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนใบหน้าของเขาก็เผยยิ้มเมตตา ในใจเต็มไปด้วยความปลงอนิจจัง

“ก็เพราะเด็กบ้าอย่างเจ้าที่ตลอดเวลาหลายปีนั้นจุดธูปอยู่หลายสิบที จนข้าต้องออกมาอยู่หลายครั้ง ทว่าพอมาถึงครึ่งทาง เจ้ากลับดับธูปเสียก่อนทุกครั้ง ตอนนั้นข้ายังคิดอยู่เลยว่ารอให้ข้าเจอเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะจัดการกับเจ้าเสียให้เข็ด” หลี่ชิงโหวด่าด้วยรอยยิ้ม

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยจึงกระแอมเบาๆ หนึ่งที

“ท่านอาหลี่ เรื่องพวกนี้อย่าไปพูดถึงเลย…”

พอได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง พวกซ่งจวินหว่านและโหวเสี่ยวเม่ยก็ยกยิ้มเช่นกัน และในความเป็นจริงแล้วภูเขาลูกนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาตามความทรงจำของหลี่ชิงโหว

“ข้าถูกท่านอาหลี่พาไปที่สำนักธาราเทพจากที่นี่…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองไปยังทิศไกล แล้วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทุกคนที่อยู่ข้างกายเขาต่างก็มีตบะไม่ธรรมดา จึงพากันเดินข้ามผ่านอากาศตามมาด้วย จนกระทั่งมาปรากฏตัวอยู่ที่สำนักธาราเทพ

สำนักธาราเทพเหมือนกับในความทรงจำของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แม้แต่บันไดไม้บางส่วนก็ยังเหมือนเดิม พอมาถึงที่นี่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาปรากฏตัวที่ลานกว้างของฝ่ายครัวไฟทันที

“ที่นี่ก็คือที่ที่ข้าได้พบกับศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนั้นที่นี่มีเจ้าอ้วนอยู่ตั้งแปดคน พอข้ามาถึงก็เห็นเจ้าอ้วนแปดคนนั้นวิ่งตะบึงเข้ามาหา ทำเอาข้าตกใจแทบแย่…โดยเฉพาะศิษย์พี่ใหญ่ที่ตอนนั้นเหมือนภูเขาเนื้อลูกย่อมอย่างไรอย่างนั้น” ป๋ายเสี่ยวฉุนชี้ไปที่จางต้าพั่งแล้วหัวเราะร่า

จางต้าพั่งลูบคลำจมูกอย่างเขินอายแล้วก็หัวเราะหึหึ

“ตอนนั้นข้ายังคิดอยู่เลยว่าทำไมเจ้าเด็กใหม่ถึงได้ผอมขนาดนี้ คงต้องบำรุงเขาให้ดีๆ ซะแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมองพลาดไป เพราะนับตั้งแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาอยู่ด้วย ฝ่ายครัวไฟเราก็เหมือนได้เปิดประตูใหญ่บานใหม่ด้านการขโมยกิน”

เรื่องนี้หลายคนไม่รู้ พอมาได้ยินก็รู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก

โดยเฉพาะกงซุนหว่านเอ๋อร์กับโจวจื่อโม่ที่ยิ่งสงสัยใคร่รู้ จางต้าพั่งที่เห็นว่าคนมากมายต่างก็หันมามองตนจึงเริ่มเล่าเรื่องน่าอายที่เคยทำกับป๋ายเสี่ยวฉุนในอดีต เมื่อพูดถึงเรื่องโจรคลั่งขโมยไก่ โหวเสี่ยวเม่ยก็ถึงกับร้องอุทานเสียงหลง

“โจรคลั่งขโมยไก่ในปีนั้นคือเจ้าจริงๆ ด้วย!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งพิพักพิพ่วนเข้าไปใหญ่ จึงรีบชี้ไปที่กระท่อมหลังหนึ่งของฝ่ายครัวไฟแล้วพูดว่า

“ยังมีที่นี่ ปีนั้นสวีเป่าไฉอิจฉาสถานะของข้าในฝ่ายครัวไฟเลยถือจดหมายเลือดมาโยนตรงหน้าข้า หวังจะท้าสู้กับข้า…”

สวีเป่าไฉกะพริบปริบๆ หัวเราะหึหึ ไม่ได้เอ่ยอะไร ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สังเกตเห็นว่าคนอื่นๆ ยังคงฟังจางต้าพั่งเล่าเรื่องที่ตนเป็นโจรคลั่งขโมยไก่โดยไม่ได้หันมาสนใจตน เขาก็พลันปวดหัวแปล๊บ รีบดึงทุกคนออกไปจากฝ่ายครัวไฟ

พอเห็นแท่นบันไดการประลองที่ทอดยาวขึ้นไปบนภูเขา และเมื่อมองไปยังสุดปลายทางของบันได ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันคลี่ยิ้ม

“ที่นี่ก็คือที่ที่ข้าได้พบกับเสี่ยวเม่ยเป็นครั้งแรก”

โหวเสี่ยวเม่ยมองเห็นบันไดเส้นนั้นก็ยกยิ้มหวานล้ำ ราวกับได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!