Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 393

ตอนที่ 393

วิถีทางแห่งซือหลง

ชายชราสองคนยืนอยู่บนยอดเขา ซึ่งเป็นของเผ่าอูต๋า พวกมันมองลงไปยังภาพที่กำลังแสดงอยู่ด้านล่างในตอนนี้ คนทั้งสองต่างก็มีผมขาวโพลนทั่วศีรษะ แต่ก็กระจายพลังที่ไม่ธรรมดาออกมา ทั้งสองคนมีรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์สี่ภาพที่ส่องแสงแพรวพราวกระจายออกไปทั่วร่าง แม้แต่ใบหน้าของพวกมันก็ยังมีภาพศักดิ์สิทธิ์ปรากฎอยู่

“ฮา ฮา ฮา! ช่างเป็นอัจฉริยะนัก! ทำได้ดี, ทำได้ดี”

“เจ้าเด็กผู้นี้พูดจาได้ดีจริงๆ ช่างเป็นลิ้นที่แหลมคมอะไรเช่นนี้! หลังจากที่มันกลายมาเป็นผู้ติดตาม พวกเราน่าจะมอบตำแหน่งการรับสมัครผู้ติดตามให้กับมัน”

ชายชราทั้งสองส่งยิ้มให้แก่กัน อันที่จริง ความสามารถของเมิ่งฮ่าวได้ประทับเป็นความทรงจำอยู่ในจิตใจพวกมันอย่างลึกล้ำ ทุกปีในช่วงของการรับสมัครผู้ติดตาม กลุ่มคนรุ่นเยาว์ก็จะเข้าร่วมสิ่งที่ถูกเรียกว่า สงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มคนจากชนเผ่าอื่นๆ ก็มักจะมีความสุขกับการได้มามุงดูด้วยความตื่นเต้น

บางครั้ง การได้ยินกลุ่มคนรุ่นเยาว์พูดจาคุยโม้โอ้อวด ก็เป็นความเพลิดเพลินใจอย่างหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปยังด้านล่าง…

“หน้าด้านนัก!!” คนเผ่าอูเหยียนร้องตะโกนออกมา โดยไม่อาจจะควบคุมตัวเองไว้ได้อีกต่อไป คำพูดของมันทำให้พวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมด ซึ่งเป็นคนที่มาจากเผ่าอูต๋าต้องหันไปมองมันในทันที และคนทั้งหมดก็มีท่าทางไม่พอใจ

คนเผ่าอูเหยียนพูดจาต่อไป “เจ้าอ้างว่าต้นไม้แห่งสวรรค์และปฐพีของเผ่าอูต๋า ให้กำเนิดดินแดนตะวันออก, ทะเลทรายตอนเหนือ, ดินแดนด้านใต้ และทะเลทรายตะวันตก

ถ้าเช่นนั้น เผ่าอูเหยียนก็เป็นเปลวไฟแห่งสวรรค์ทั้งเก้า เป็นเปลวไฟที่สามารถเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่าง! สามารถที่จะเปลี่ยนให้ดินแดนทั้งหมดกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง และทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลายเป็นเถ้าธุลี!”

คนเผ่าอูอ้านดูเหมือนจะไม่สนใจว่า กำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มคนเผ่าอูต๋า “เผ่าอูอ้านก็คือจันทราของโลกแห่งนี้! แสงของมันสาดส่องไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เปลวไฟและดวงตะวันทั้งหมดที่มีอยู่ ก็เพียงแค่ช่วยกระจายแสงสว่างให้กับดวงจันทร์ นั่นก็คือเผ่าอูอ้าน!”

เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้แรงบันดาลใจมาจากคำพูดของเมิ่งฮ่าว การโต้เถียงของพวกมันในตอนนี้ แตกต่างเป็นอย่างมากกับก่อนหน้านี้

อูไห่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเริ่มมีโทสะ ในความเห็นของอูไห่ พวกมันช่างไร้ยางอายยิ่งที่มาคุยโวเช่นนี้ มันต้องการจะโต้แย้งกลับไป แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องกล่าวอะไร จึงมองไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวกำลังยิ้มอยู่ และมีสีหน้าสงบนิ่งอย่างใจเย็น

“ไม่สำคัญว่าพวกท่านกำลังพูดถึงทะเลทรายตะวันตก หรือดินแดนตะวันออก” เขากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทั้งหมดต่างก็เป็นเพียงแค่ใบไม้ที่ตกลงมาอย่างโดดเดี่ยวลำพัง ต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋า มีใบไม้นับล้านๆ ใบ ขณะที่เปลวไฟที่ท่านพูดถึง หรือแม้แต่จันทรา ต่างก็เป็นแค่ใบไม้บนต้นไม้นี้เท่านั้น!”

“ต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋า เป็นเซียนอมตะที่ไม่มีวันตาย อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เป็นผู้ควบคุมดูแลสวรรค์และปฐพี รวมถึงต้นไม้นับล้านที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้ทั้งหมด!”

“เป็นแสงสว่าง เมื่อพวกเราอยู่ในความมืดมิด”

“เป็นความแข็งแกร่ง เมื่อพวกเรารู้สึกอ่อนแอ”

“ช่วยปลอบประโลม เมื่อพวกเรารู้สึกเสียใจ”

“เป็นความรอบรู้ เมื่อพวกเราสับสนงุนงง”

“เป็นความหวัง เมื่อพวกเรารู้สึกสิ้นหวัง”

“เป็นเกราะป้องกัน เมื่อพวกเราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย!”

“ช่วยให้ปลอดภัย เมื่อพวกเราต้องทำสงคราม!”

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ ขณะที่พวกมุงดูทั้งหมดจ้องมองมาด้วยความงุนงง

อูไห่, กลุ่มคนของเผ่าอูต๋า, รวมถึงตัวแทนทั้งสี่จากชนเผ่าอื่นๆ ต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน

อันที่จริง แม้แต่ชายชราสองคนที่อยู่บนยอดเขา ต่างก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน

ทุกคนมีสีหน้าแปลกๆ สี่ผู้ฝึกตนจากเผ่าคู่แข่ง รู้สึกว่าจิตใจพวกมันหมุนคว้างไปมา และไม่อาจจะคิดคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว

กล่าวโดยทั่วไป พวกมันถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ พวกมันก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบว่าคำคุยโวโอ้อวดของคนผู้นี้…ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกมันจะคาดคิดได้มากนัก ทำให้พวกมันไร้คำพูดโดยสิ้นเชิง

“ดังนั้น” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไป “ข้าจึงเลือกที่จะเข้าสังกัดเผ่าอูต๋า ข้าจะก้มศีรษะให้กับเซียนอมตะ ซึ่งควบคุมดูแลใบไม้นับล้านๆ ใบ ข้าจะอาบอยู่ในแสงของต้นไม้นี้ และจากนั้นก็กระจายแสงนี้ไปทั่วทุกมุมของทะเลทรายตะวันตก”

“ให้ทุกคนในโลกแห่งนี้เรียกต้นไม้นี้ว่า เซียนอมตะ! ให้ต้นไม้อันยิ่งใหญ่นี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว! เจตจำนงของมันจะกระจายไปทั่วทั้งพื้นปฐพีราวกับว่ามันอยู่ในสรวงสวรรค์!”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่คำพูดของเขาดังก้องไปมา ท่ามกลางความเงียบกริบของชนเผ่าต่างๆ ทุกคนที่อยู่รอบๆ มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ อูไห่กำลังสั่นสะท้าน ดูเหมือนมันได้ค้นพบเส้นทางที่มันปรารถนาจะเดินต่อไปในอนาคตแล้ว

มันจะจดจำคำพูดที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อครู่ นับจากนี้เป็นต้นไป เมื่อไหร่ที่มันเข้าร่วมในสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ มันก็จะแข็งแกร่ง! ไม่มีใครจะมาเทียบกับมันได้! มันสามารถแม้แต่จะดูถูกสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์นี้!

สีหน้ามันเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ อูไห่พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

“ให้ทุกคนในโลกแห่งนี้เรียกต้นไม้นี้ว่า เซียนอมตะ! ให้ต้นไม้อันยิ่งใหญ่นี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว! เจตจำนงของมันจะกระจายไปทั่วทั้งพื้นปฐพีราวกับว่ามันอยู่ในสรวงสวรรค์!”

ใบหน้าของสี่ผู้ฝึกตนจากเผ่าคู่แข่งดูน่าเกลียดจนถึงที่สุด พวกมันสบตากันอย่างเคร่งเครียด จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับมองไปยังเมิ่งฮ่าวและอูไห่อย่างเกลียดชังเป็นครั้งสุดท้าย พวกมันหันหลัง กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งจนหายลับตาไป

เมื่อพวกมันจากไป กลุ่มคนของเผ่าอูต๋าที่อยู่รอบๆ มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าแปลกๆ หลังจากนั้นสักพัก พวกมันก็เริ่มกระจัดกระจายจากไป อูไห่จับแขนเมิ่งฮ่าวไว้ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของมันที่มีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“น้องชาย, ช่างอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเกิดมาเพื่อเป็นคนของเผ่าอูต๋า ฟังนะ, นับจากนี้ไป ให้ลืมเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงสัตว์ปีศาจ เจ้าต้องไปกับข้ายังเผ่าอื่นๆ พวกเราจะไปเริ่มทำสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องสามารถกระจายเจตจำนงของต้นไม้อันยิ่งใหญ่ไปทั่วทุกสิ่งมีชีวิตทั้งมวล!” ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เต็มไปด้วยความศรัทธา และความดื้อรั้นอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้

อันที่จริง แทบจะเป็นความคลั่งไคล้

เมื่อได้เห็นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง “มันคงไม่ได้เชื่อถือเป็นจริงเป็นจังนะ, ใช่หรือไม่…?” เขาคิดกับตัวเอง

 

หลังจากที่อธิบายอย่างยืดยาว ตามมาด้วยการใช้คำพูดอย่างเคร่งขรึม ที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้อันยิ่งใหญ่ที่กลายมาเป็นเซียนอมตะ เมิ่งฮ่าวจึงสามารถหลุดออกมาจากอูไห่ เขาเดินจากไปพร้อมกับคนในเผ่าบางคน เพื่อไปดำเนินการตามรูปแบบของผู้ติดตามที่ถูกรับเข้ามาใหม่ ในที่สุด เขาก็ได้รับป้ายศิลา และถูกนำไปยังอาณาเขตที่อยู่ด้านหลังภูเขา

อาณาเขตแถบนี้จริงๆ แล้วก็กว้างใหญ่ และถูกแบ่งออกเป็นหลายเขต ทั้งหมดถูกแยกจากกันโดยรั้วที่ก่อตัวขึ้นมาจากพุ่มไม้ ถ้าไม่มีเหรียญแสดงตัวตนที่เหมาะสม ก็ยากที่จะผ่านเข้าไปในแต่ละเขตได้

เขตที่เลี้ยงสัตว์ปีศาจระดับต่ำ จริงๆ แล้ว ก็ค่อนข้างจะอยู่ห่างไกลออกไป เมื่อเปรียบเทียบกับเขตพื้นที่อื่นๆ ทันทีที่มาถึง เมิ่งฮ่าวก็ได้กลิ่นแปลกๆ

เป็นกลิ่นที่ฉุนเฉียว ซึ่งดูเหมือนจะผสมรวมกันระหว่างกลิ่นอุจจาระและกลิ่นเหงื่อ คนเผ่าอูต๋าที่อยู่ด้านข้างเขาขมวดคิ้ว และเอามือบีบจมูก ขณะที่เดินนำเมิ่งฮ่าว

ตรงไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันรู้สึกยอมรับในตัวเมิ่งฮ่าว ในสิ่งที่เขาได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ มันก็ไม่มีทางจะนำเขามายังสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง

มันสามารถเรียกให้ใครบางคนนำเมิ่งฮ่าวมา แทนที่จะกระทำด้วยตนเอง ซึ่งเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง

ขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงเห่าหอนและแผดร้องอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ปีศาจจำนวนมากมาย

ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงสถานที่ซึ่งเป็นลานบ้าน และอยู่ห่างไกลออกไปมากๆ พวกเขาหยุดลง และคนที่นำมาก็ส่งเสียงร้องเรียก ต่อมาไม่นาน ประตูของลานบ้านก็เปิดออก ชายชราโผล่ออกมา มันสวมใส่ชุดยาวที่ทำมาจากผ้ากระสอบ และค่อนข้างสกปรก ขณะที่มันมองมา คนของเผ่าอูต๋าก็แนะนำเมิ่งฮ่าว ชายชราพยักหน้าและมองดูเมิ่งฮ่าว สังเกตเห็นว่าเขาได้รับการนำมาเป็นการส่วนตัว

สุดท้าย ก็ดูเหมือนว่าคนจากเผ่าอูต๋าผู้นั้นไม่อาจจะทนกลิ่นเหล่านี้ได้อีกต่อไป มันหันหลังและเดินจากไป

“ที่นี่เคยเป็นลานบ้านที่ข้าใช้เลี้ยงสุนัขป่าปีศาจ”

ชายชรากล่าวเสียงแผ่วเบา “จากนี้ไป สถานที่แห่งนี้เป็นของเจ้า มีสุนัขป่าอยู่ด้านในห้าตัวที่เจ้าต้องดูแล ภายในครึ่งปี ผลการทดลองงานของเจ้าจะถูกตัดสินจาก การที่เจ้าดูแลพวกมันดีหรือไม่เพียงใด เมื่อนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นผู้ติดตามอย่างเต็มตัว” ด้วยเช่นนั้น มันก็โยนเหรียญคำสั่งให้กับเมิ่งฮ่าว และเริ่มเดินเนิบนาบจากไป แต่ในขณะที่มันผ่านเมิ่งฮ่าวไป ก็หยุดลง ทันใดนั้น มันก็นึกได้ว่า เมิ่งฮ่าวถูกนำมายังสถานที่แห่งนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ซึ่งก็หมายความว่า เมิ่งฮ่าวต้องมีความสัมพันธ์ที่พิเศษบางอย่าง

ด้วยท่าทีที่ทรนงตัว มันกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยเลี้ยงสัตว์ปีศาจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าถ้าสุนัขป่าปีศาจตายไป เจ้าต้องจ่ายค่าชดใช้ อีกอย่าง สุนัขป่าปีศาจทั้งห้าตัวเพิ่งจะคลอดออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ พวกมันกินได้แต่เนื้อสดเท่านั้น ซึ่งเจ้าสามารถจะไปเอามาจากสัตว์ป่าที่อยู่รอบๆ ภูเขาแห่งนี้ สำหรับน้ำที่พวกมันต้องดื่ม ต้องใช้น้ำหิมะที่ละลายมาจากยอดเขาของภูเขาหิมะที่ด้านนอก”

“นอกจากนี้ เจ้าต้องนำหญ้ามู่ซื่อผสมรวมเข้าไปในอาหารของพวกมัน เจ้าสามารถหาหญ้าชนิดนี้ได้จากบนภูเขาด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าต้องนวดตัวแบบทุยหนาให้กับสุนัขป่าปีศาจทั้งห้าตัวทุกวัน เพื่อช่วยให้พวกมันเจริญเติบโต สุดท้าย เจ้าต้องรักษาความดุร้ายของพวกมันไว้ ไม่ให้กลายเป็นสุนัขบ้านไป”

ด้วยเช่นนั้น มันไม่กล่าวอะไรให้เมิ่งฮ่าวระวังเพิ่มอีก และจากไป

เมิ่งฮ่าวมองไปยังลานบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่มีกลิ่นแปลกๆ โชยมา แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะจัดการได้ ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่อันห่างไกลก็หมายความว่า มีผู้คนอยู่รอบๆ บริเวณนี้ไม่มากนัก ซึ่งเหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ผ่านเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงร้องข่มขู่คุกคามขึ้นมาในทันที เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นบ้านไม้เล็กๆ สำหรับสุนัขอยู่เรียงกันเป็นแถว ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าบ้านไม้เหล่านั้น เป็นสุนัขป่าชิงมู่ (ต้นไม้เขียว) ตัวเล็กๆ ห้าตัว แต่ละตัวมีขนาดประมาณฝ่ามือของเขา พวกมันยืนอยู่ที่นั่นจ้องมองมาอย่างดุร้าย

ทันทีที่เขาเห็นสุนัขป่าตัวน้อย เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น เนื่องจากทันทีที่เขาเห็นเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ ก็ทำให้เขาคิดไปถึงอ๋าวเฉี่ยนโลหิตตอนที่มันยังเล็กอยู่ในทันที

ขนยาวๆ ของพวกมัน ทำให้ยิ่งดูน่ารักขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ

ทันทีที่เขายิ้มให้ พวกมันก็กลายเป็นลำแสงเลือนลางสีเขียว ขณะที่พุ่งเข้ามา เมิ่งฮ่าวหัวเราะ โบกสะบัดมือ เงาเลือนลางสีเขียวทันใดนั้นก็จางหายไปกลายเป็นภาพของสุนัขป่าตัวเล็กๆ ซึ่งตอนนี้ถูกจับไว้ที่ต้นคอ เมื่อถูกถือไว้ในท่านี้ พวกมันก็พยายามที่จะกัดเขา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกมันส่งเสียงร้องขู่กรรโชกออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเสียงร้องครางหงิงๆ

เมิ่งฮ่าวโยนสุนัขป่าตัวน้อยกลับเข้าไปในบ้านไม้ของพวกมัน จากนั้นก็ตรวจสอบไปรอบๆ เสียงแผดร้องของสัตว์ปีศาจมากมายได้ยินอยู่ในอากาศ นอกจากนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อนข้างจะสงบสุข

ภายในลานบ้าน นอกจากบ้านไม้ของสุนัขแล้ว ก็ยังมีกระท่อมไม้ที่เรียบง่าย เขาเปิดประตูเข้าไป ก็มองเห็นเป็นสถานที่ค่อนข้างเป็นระเบียบ เขาโบกสะบัดมือ สายลมก็พัดขึ้นมาทำความสะอาดทุกสิ่งทุกอย่างในทันที สิ่งของทั้งหมดหายไป มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเตียงไม้

“คำว่า ‘สัตว์ปีศาจ’ เป็นคำเรียกทั่วไปที่รวมถึงสัตว์ต่างๆ ทั้งหมดในทะเลทรายตะวันตก” เขาคิดขณะที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง “แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกมันก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก”

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน และดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงเจิดจ้า แต่สถานที่แห่งนี้ก็ตั้งอยู่ในส่วนลึกของภูเขา และล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ซึ่งทำให้แสงตะวันส่องมาไม่ถึง และทำให้พื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมดร่มรื่น

เมิ่งฮ่าวชอบทัศนียภาพเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง มองไปยังแผ่นหยกที่ประกอบไปด้วยคำแนะนำของเหยียนซงที่เกี่ยวกับทะเลทรายตะวันตก เน้นความสนใจไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีศาจ และเริ่มศึกษามัน รวมกับความเข้าใจที่เขาได้เรียนรู้มาจากดินแดนสีดำ ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นหยก ตอนนี้เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับสัตว์ปีศาจแล้ว

“สัตว์ปีศาจเป็นส่วนที่สำคัญมากของชนเผ่าต่างๆ ในทะเลทรายตะวันตก จำนวนสัตว์ปีศาจจะเป็นตัวตัดสินว่าเผ่านั้นจะรุ่งเรืองมากแค่ไหน สำหรับผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก สัตว์ปีศาจไม่เพียงแต่จะเป็นสหายร่วมรบเท่านั้น พวกมันยังถูกใช้ในการขนส่งอาหารอีกด้วย” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความเข้าใจ

ถ้าจำเป็น สัตว์ปีศาจระดับต่ำยังสามารถใช้เป็นอาหารได้อีกด้วย ทำให้เมิ่งฮ่าวเข้าใจในทันที

“ผู้ฝึกตนภาพศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไป สามารถใช้ภาพศักดิ์สิทธิ์ในการควบคุมพลังของสัตว์ปีศาจ แต่เมื่อต้องควบคุมสัตว์ปีศาจจริงๆ ก็ต้องถูกกระทำโดย…ซือหลงเท่านั้น! มีเพียงซือหลงที่สามารถควบคุมสัตว์ปีศาจได้จำนวนมากมาย จริงๆ แล้ว พื้นฐานฝึกตนระดับต่ำก็สามารถสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการเช่นนั้น แน่นอนว่า ซือหลงไม่เพียงแต่ต่อสู้พร้อมกับสัตว์ปีศาจ ยังต้องเลี้ยงพวกมันด้วย พวกมันยังได้ใช้วิชาต่างๆ เพื่อฝึกสอนสัตว์ปีศาจ หรือแม้แต่สังหารพวกมันไป”

“ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกถึงได้เข้าใจผิดว่า ข้าก็คือซือหลง เมื่อพวกมันเห็นพิษของข้าทำงานที่ด้านนอกของเมืองเซิ่งเสวี่ย ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังเข้าใจผิดคิดว่าภาพลวงตาของมังกรปีกวารี เป็นสัตว์ปีศาจสวรรค์อีกด้วย!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความรู้แจ้งอย่างต่อเนื่อง

 

——————–

 

推拿 (ทุยหนา) คือ การนวดแบบจีนโดยใช้มือกด, คลึง, นวด, บีบไปตามลำตัวและข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้ลมปราณไหลเวียนได้สะดวกตามหลักพื้นฐานของเต๋า

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!