บทที่ 530 สมบัติดินแดนเผ่ามนุษย์ ดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณ!
ศักราชเสวียนจั้น ปีสองเก้าสามสอง ปลายเดือนสิบ
ลูกหลานรุ่นที่สามพันเก้าร้อยสิบห้าของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว บุตรลำดับเจ็ดของจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งทรงอำนาจเกรียงไกร ผู้ปกครองใต้หล้าและจักรวาล กู่เยวี่ยจางอั้น รับราชโองการไปช่วยเขตปกครองผนึกสมุทร เปิดพระราชนิเวศน์วังที่เก้าของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวในเขตปกครองผนึกสมุทร
องค์ชายเจ็ดอัญเชิญฟ้าทมิฬชื่อหมู่ในลงมาเยือนในพระราชนิเวศน์วังที่เก้า กลืนกินเทพปีศาจที่สถิตย์อยู่ในราชนิเวศน์ กำจัดภัยแอบแฝงของเขตปกครองผนึกสมุทร ดำรงความสุขสันติให้เขตปกครองผนึกสมุทรไปอีกพันปี
ยิ่งปฏิบัติตามราชโองการจากจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นผู้ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จลุล่วง ทำให้เส้นทางแห่งชัยชนะเดินมาทางเผ่ามนุษย์
เรื่องนี้ฮือฮาไปทั่วทั้งสี่ดินแดน สะท้านสะเทือนไปทั้งแปดทิศ เผ่าพันธุ์ทั้งหลายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ล้วนตื่นตะลึงครั่นคร้าม
หมื่นเผ่าพันธุ์เขตปกครองผนึกสมุทรโห่ร้องยินดี เผ่ามนุษย์ฮึกเหิมภาคภูมิ จักรพรรดิเผ่ามนุษย์ชื่นชม ออกปากชมเชยด้วยตัวเอง
เดือนเดียวกัน หลังจากพระราชนิเวศน์วังที่เก้าของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวเขตปกครองผนึกสมุทรเปิดได้เก้าวัน จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรภายใต้ดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิถูกเผ่าฟ้าทมิฬล้อมอยู่หลายเดือน ปะทะกันอยู่ตลอด ในที่สุดก็สำแดงอำนาจความน่าเกรงขาม
ยิงดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณดวงหนึ่งไปในพื้นที่เผ่าฟ้าทมิฬ
ดวงอาทิตย์นี้กลมเกลี้ยงมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ประดุจดวงตะวันกล้า เป็นสัญลักษณ์การผงาดขึ้นของเผ่ามนุษย์ ระเบิดตัวเองในพื้นที่มืดมิดเผ่าฟ้าทมิฬ แผ่เปลวเพลิงท่วมฟ้า ประกายแสงมหาศาลไม่สิ้นสุดออกมา
เผาไหม้ดินแดนเผ่าฟ้าทมิฬทั้งหมด ทำให้ท้องฟ้าถล่มทลาย ทำให้ผืนดินแห้งแตกระแหง ทำให้เผ่าฟ้าทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วนแตกดับ ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าฟ้าทมิฬทั้งหมดบาดเจ็บสาหัส
ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นลมพายุพัดกวาดไปทั่วทั้งแปดทิศ ทำให้ทะเลเพลิงกลายเป็นชั่วนิรันดร์ ให้แสงกลายเป็นจุดดึงดูดสายตา
พื้นที่มืดมิดเผ่าฟ้าทมิฬถูกแสงสว่างปกคลุม
คำนวณแบบคร่าวๆ แสงและความร้อนนี้จะคงอยู่ไปเป็นเวลาหกสิบปี ส่วนผลกระทบจะยาวนานกว่านั้น ภายในพันปี ในพื้นที่เผ่าฟ้าทมิฬยามราตรียากจะมาเยือน เปลวไฟจะคงอยู่ไปอีกนานนม
สิ่งมีชีวิตจะแตกดับนับไม่ถ้วน รูปร่างลักษณะของสมาชิกในเผ่าที่เกิดใหม่จะถูกเปลี่ยน
เรื่องนี้ทันทีที่เกิดขึ้น แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์สะท้านสะเทือน ทุกเผ่าต่างตื่นตระหนกครั่นคร้าม เผ่าที่เข้าร่วมล้อมโจมตีดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิต่างล่าถอย ปิดผนึกชายแดน ต่างหวาดกลัวตัวสั่นงันงก
ยิ่งมีเผ่าสูงส่งจับตามอง ฟ้าดินสั่นไหว
เรื่องนี้ บุกเบิกความเจริญรุ่งโรจน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โบราณกาลมา เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนในหลายหมื่นปี
จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นชื่อเสียงเลื่องลือ ฟ้าดินร่วมประจักษ์ หมื่นเผ่ารับรู้
ในวันที่ปล่อยดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณวันนั้นจักรพรรดิมนุษย์ยิ่งประกาศแก่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งแปดทิศ เผ่ามนุษย์ นับจากวันนี้เผ่ามนุษย์ไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป พวกเรา…มีพลังปกป้องตัวเองแล้ว!
เพราะดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณก็คือสมบัติแดนสงคราม!
อีกทั้งไม่ได้เกิดจากเทพเจ้า แต่เป็นเผ่ามนุษย์สร้างขึ้นมา!
เดือนเดียวกันนี้ หลังจากผ่านการโจมตีอันดุเดือดแสนสาหัส กองทัพเผ่าฟ้าทมิฬตื่นตะลึง เพลิงพิโรธท่วมฟ้า แต่ก็ไม่ถอยทัพ
กลับยิ่งเพิ่มแรง สำแดงสมบัติแดนสงครามเช่นกัน ทำลายแดนเมืองหลวงจักรพรรดิไปสามส่วน
เผ่าฟ้าทมิฬดือรั้นไม่รู้สำนึก กำเริบโอหังมั่นใจว่าคำพูดของเผ่ามนุษย์ไม่ใช่ความจริง
ใช้วิสัยทัศน์อันคับแคบวิเคราะห์ว่าสมบัติดินแดนของเผ่ามนุษย์ไม่ได้สร้างออกมา คิดว่าดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณเผ่ามนุษย์แตกต่างจากสมบัติดินแดนในความหมายดั้งเดิมมากมาย
มันไม่ได้มีรูปร่างที่จับต้องได้ แต่เป็นวิชาที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว
เผ่าฟ้าทมิฬมั่นใจ นี่จะต้องหลงเหลือมาจากอดีต มีเพียงดวงเดียวแน่นอน!
แตรแห่งสงครามเป่าดังต่อไป
ศักราชเสวียนจั้น ปีสองเก้าสามสอง เดือนสิบเอ็ด
วันที่เจ็ดหลังจากปล่อยดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณดวงแรก จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นสำแดงอานุภาพอีกครั้ง ปล่อยดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณเข้าไปในพื้นที่เผ่าฟ้าทมิฬอีกแห่งหนึ่งและชายแดนแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ละดวง!
ดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณสองดวงสร้างทะเลเพลิงท่วมฟ้า สาดแสงที่ไม่มีวันมอดดับ เพียงพริบตา พื้นที่ที่สองของเผ่าฟ้าทมิฬถล่มทลาย ผืนดินลุกไหม้ ท้องฟ้าแดงฉาน
สมาชิกในเผ่านับไม่ถ้วนโหยหวนครวญคราง เน่าเปื่อยไปในแสง กลายเป็นเถ้าธุลีในเปลวเพลิง จะผู้บำเพ็ญก็ดี คนธรรมดาทั่วไปก็ดี รวมถึงเผ่าต่างๆ ที่เข้าเป็นพวกกับเผ่าฟ้าทมิฬในนั้นล้วนอเนจอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง
จำนวนที่ล้มตายยากจะคำนวณได้ ราวพลานุภาพแห่งเทวะซัดลงมา
แผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้รับผลกระทบไปด้วย ลมพายุเปลวเพลิงร้อนแรงกวาดโหม แข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น
ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เผ่าที่คอยจับตามองแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ต่างนิ่งเงียบ
เผ่าฟ้าทมิฬสั่นสะท้าน ท่ามกลางเสียงร้องคร่ำครวญเสียสละชีวิตสมาชิกในเผ่าไปนับไม่ถ้วน สำแดงวิชาเทพหวังจะให้ชื่อหมู่ลงมาเยือน ลงทัณฑ์เผ่ามนุษย์
ทว่า…ล้มเหลว
อัญเชิญเทพเจ้าสามครั้ง ล้มเหลวทั้งสามครั้ง
เผ่าฟ้าทมิฬขวัญกำลังใจหดหาย จำต้องถอย ทว่ากองทัพเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ไล่ล่าสังหาร สงครามนี้เลือดอาบย้อมฟ้าดิน เผ่าฟ้าทมิฬ…พ่ายแพ้ยับเยิน ทำได้เพียงอาศัยสมบัติแดนสงคราม ถอยไปตั้งรับในเผ่า แปรเปลี่ยนให้เป็นม่านฟ้าเย็นเยียบ สกัดกั้นเผ่ามนุษย์
ศึกนี้สะท้านสะเทือนเผ่านับไม่ถ้วนในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของเผ่ามนุษย์ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้น นามนี้สมกับบุคคล
เผ่ามนุษย์แม้จะได้รับชัยชนะ แต่จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นไม่คิดจะได้คืบเอาศอก ไม่ได้ไล่สังหารไปในเผ่าฟ้าทมิฬ แต่ประกาศบอกกับทุกฝ่ายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ว่า การประดิษฐ์ดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณเป็นจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นเสนอความคิดเมื่อหลายหมื่นปีที่แล้ว
ตลอดมาได้พบกับอุปสรรคและความยากลำบากมากมาย จวบจนวันนี้ก็ทำมันได้สำเร็จแล้ว
ส่วนทฤษฎีจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ ทันทีที่เปิดเผยดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณออกมา เรื่องนี้ก็ยากจะรักษาความลับได้ ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วล้วนรู้กันทั้งนั้น มิสู้ยืดอกอย่างผ่าเผย แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของเผ่ามนุษย์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งสยบพวกชั่วช้าสามานย์พวกนั้นได้ดียิ่งขึ้น
ดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณเกี่ยวพันกับเผ่าแสงสายัณห์!
คนทั้งโลกล้วนรู้ว่าเผ่าแสงสายัณห์เป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์ ดวงตาทั้งสองของพวกเขาพิเศษมาก สามารถดูดซับแสงอาทิตย์ได้ เก็บแสงและความร้อนไว้ในนั้น ขายดวงตาให้กับทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมื่อหลายหมื่นปีก่อน แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่มีเผ่าแสงสายัณห์ เผ่าแสงสายัณห์…เป็นสายแยกของเผ่ามนุษย์ ถูกสร้างขึ้นมาในยุคจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋น
ดวงตาของพวกเขาก็คือดวงอาทิตย์แห่งรุุ่งอรุณขนาดย่อม
ทันทีที่ประกาศข่าวนี้ออกไป จริงเท็จยากวิเคราะห์ แผนการหลายหมื่นปีของเผ่ามนุษย์ทำให้เผ่าทั้งหลายใจหวาดหวั่น โดยเฉพาะการวางแผนที่เป็นชุดของศึกครั้งนี้ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึง
และศึกนี้ยังไม่จบสิ้น
เดือนเดียวกัน ในยามที่เผ่าฟ้าทมิฬแพ้พ่าย บุตรชายคนที่เจ็ดของจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นที่อยู่ในเขตปกครองผนึกสมุทร หลังจากช่วยเขตปกครองผนึกสมุทรได้แล้ว หลังจากสร้างคุณูปการครั้งใหญ่ให้เผ่ามนุษย์ ก็นำกองทัพหกสิบล้านนายออกรบกับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
กองทัพแข็งแกร่งไร้เทียมทาน เอาสามมณฑลที่เสียไปกลับคืนมาได้ เข้าไปในส่วนลึกของแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ ทำสงครามมาตลอดทาง เลือดไหลเป็นแม่น้ำ ฟ้าดินฝนเลือดโปรยปราย
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้ไม่เป็นกระบวน ล้มตายนับไม่ถ้วน สูญเสียดินแดน
องค์ชายเจ็ดมีพลังพรสวรรค์ไม่ธรรมดา สติปัญญาความสามารถเลิศล้ำ ยิ่งมีจิตใจที่กล้าหาญ ไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง สังหารศัตรูอย่างห้าวหาญ บุกขยายดินแดน เอาพื้นที่ครึ่งดินแดนคืนมา!
สี่จักรพรรดิตื่นตกใจโมโห ช่วงวิกฤตอันตราย จักรพรรดิบรรพชนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทะลวงพลังบำเพ็ญ ไหล่แบกมหาพิภพหนึ่งใบ ในที่สุดก็ก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะ ฟ้าดินแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนสี
ยิ่งตัดสัมพันธ์สายเลือดของตัวเองกับเผ่าฟ้าทมิฬ ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หลุดพ้นจากฟ้าทมิฬนับจากนี้ ได้รับอิสระอีกครั้ง
ทันทีที่ระดับเตรียมสู่เทวะปรากฏตัวขึ้น ทั้งแปดทิศเมฆโหมทะลัก บุตรคนที่เจ็ดของจักรพรรดิมนุษย์เก็บรัศมีอำนาจแข็งแกร่งเทียมทานลงไป ในยามที่ประจัญหน้ากัน องค์ชายเจ็ดแสดงความมีคุณธรรมเมตตา ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ซาบซึ้ง ยินดีสงบศึก
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เหนื่อยหน่ายกับสงครามแล้ว และองค์ชายเจ็ดก็จริงใจอย่างยิ่ง สุดท้ายจักรพรรดิบรรพชนคลื่นศักดิ์สิทธิ์ เข้าใจความหมายขององค์ชายเจ็ดเป็นอย่างดี ตกลงที่จะกลับคืนสู่เผ่ามนุษย์
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ทำให้ขุนนางและประชาชนเผ่ามนุษย์จับตามอง จักรพรรดิมนุษย์เฝ้าหวัง
แต่เรื่องกลับคืนสู่เผ่ามนุษย์ไม่อาจทำได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ ย่อมต้องผ่านการพูดคุยหารือรายละเอียดจากทั้งสองฝ่าย
ส่วนองค์ชายเจ็ดในฐานะที่เป็นผู้นำของเรื่องทุกอย่างนี้อยู่ที่แผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ต่อ ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
จึงทำให้สงครามที่ดำเนินมาครึ่งปีนี้เดินมาถึงจุดสิ้นสุด
ศึกนี้เผ่าฟ้าทมิฬเสียหายแสนสาหัส เผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะ กำราบสยบหมื่นเผ่า
โดยเฉพาะองค์ชายเจ็ดช่วยเขตปกครองผนึกสมุทร ทำภารกิจตามราชโองการสำเร็จ ขยายดินแดน นำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กลับคืน เรื่องราวทั้งหมดนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือ กลายเป็นวีรบุรุษ คนมองว่าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งรัชทายาทในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นเขตปกครองผนึกสมุทร หรือจะเป็นเผ่ามนุษย์เขตปกครองอื่นๆ หลังจากที่ได้อ่านประกาศและรายงานสงครามรับรู้ทุกอย่างนี้ ก็ต่างยินดีโลดเต้น ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง ฮึกเหิมเป็นที่สุด
ยิ่งมีผู้คนมากมาย สิ่งของต่างๆ ในยามที่ตั้งศาลสักการะบูชาจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้น ก็เพิ่มป้ายอายุยืนองค์ชายเจ็ดเข้าไปด้วย
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นการขยายดินแดนครั้งแรกของเผ่ามนุษย์นับตั้งแต่ศักราชเสวียนจั้นมา!
กระทั่งว่าหากสืบย้อนกลับไป ก็เป็นการเอาดินแดนกลับคืนมาครั้งแรกของเผ่ามนุษย์หลังจากที่จักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่งกระทำการใหญ่ไม่ประมาณตนพ่ายแพ้ยับเยินด้วยเช่นกัน!
ความยิ่งใหญ่ของความหมาย แค่คิดก็รู้
ขณะเดียวกันเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทรยศหักหลังตีจากในศักราชเต้าซื่อ เรื่องนี้เป็นความเจ็บปวดของจักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อในตอนนั้น ยิ่งเป็นความเจ็บปวดของเผ่ามนุษย์ ตอนนี้ในศักราชเสวียนจั้น องค์ชายเจ็ดทำให้พวกเขาซาบซึ้งกลับคืนมา นี่นับเป็นคุณงามความชอบใหญ่หลวง!
นับจากนี้ กระดานหมากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กระดานนี้ ก็นับว่าจบไปขั้นหนึ่ง
คนนอกล้วนมองที่เปลือกภายนอก ข้างในเป็นเช่นไร ถูกผิดมีคุณงามความชอบล้มเหลว แล้วแต่มุมมอง ไม่ใช่แค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถวิเคราะห์ได้โดยสมบูรณ์
และนี่ ก็คือสงคราม
สงครามไม่ใช่แค่การรบราฆ่าฟันง่ายๆ เจ้าโจมตีมาข้าโจมตีกลับ นั่นเป็นการละเล่นของเด็กหรือการคิดจินตนาการทั้งนั้น
ความจริงแล้วความโหดร้ายของสงครามคนทั้งหลายมองส่วนมากล้วนเป็นความโหดเหี้ยมในสนามรบ แต่มองข้ามเรื่องมากมายในนั้น
ต่อให้เป็นเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทร นอกจากผู้เข้าร่วมแล้ว คนอื่นๆ ความจริงแล้วล้วนไม่เข้าใจทั้งนั้น และไม่มีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจ เพราะไม่เข้าใจถึงได้มีความสุข
ยกตัวอย่างเช่นสวี่ชิงตอนนี้ เขานั่งอยู่ในหอกระบี่ มือถือกระบี่อาญาสิทธิ์ มองรายงานสงครามและข้อมูลแต่ละข่าวๆ ที่ส่งมาในนั้น เขาเงียบนิ่งมาโดยตลอด
ข้างนอกมีเสียงโห่ร้องยินดีดังมาเป็นระยะๆ ทุกวันล้วนดังก้องมา
นับจากที่เขาค้นพบความจริงจนถึงตอนนี้ผ่านมายี่สิบวันแล้ว
ในยี่สิบวันนี้ ทุกวันล้วนมีรายงานสงคราม ทุกวันล้วนมีประกาศแจ้ง เหมือนกับเสียงโห่ร้องยินดีข้างนอก
ทั้งเขตปกครองอยู่ในความตื่นเต้นดีใจ คนธรรมดาทุกคนใบในหน้าล้วนมีรอยยิ้มกว้าง แม้แต่ผู้ครองกระบี่ในเขตปกครองผนึกสมุทรที่เห็นเจ้าวังรบตายกับตาตัวเองในสีหน้าก็มีความเคารพเลื่อมใสเพิ่มขึ้นมา มีความโล่งใจเพิ่มขึ้นมากันทั้งนั้น
ข่งเสียงหลงไม่ปรากฏตัวหลายวันแล้ว เขาดื่มเหล้าเพียงลำพัง ดื่มเหล้ามาโดยตลอด
สวี่ชิงก็ดื่มเช่นกัน เขายกกาเหล้าข้างตัวขึ้นมา ดื่มลงไปอึกแล้วอึกเล่า
จวบจนหลังจากนั้นหลายวัน
จากสถานการณ์ที่มั่นคงแน่นอนแล้ว องค์ชายเจ็ดได้กลับมายังเขตปกครองผนึกสมุทรก่อนที่การเจรจากับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์จะเริ่ม
การกลับมาของเขาทำให้คนในเขตปกครองหลวงตื่นเต้นยินดี พิธีการยิ่งใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ ราวต้อนรับจักรพรรดิมนุษย์
หลังจากพิธีดำเนินไปหนึ่งวันเต็มๆ กลางดึก ในหอตำหนักเจ้าเขตปกครอง องค์ชายเจ็ดยืนอยู่เพียงลำพังตรงนั้น ทอดสายตามองฟ้าดินที่อยู่ไกลๆ
นานหลังจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง
“เรื่องนี้ขอบคุณมาก”
ขณะที่คำพูดดังก้อง ข้างกายองค์ชายเจ็ดมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ใบหน้าไม่มีเค้าความโหดเหี้ยม ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เป็นปลัดเขตปกครองนั่นเอง
“ข้าช่วยท่าน ท่านช่วยข้า เรื่องนี้สมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องเอ่ยขอบคุณ”
ปลัดเขตปกครองหัวเราะ มองฟ้าดินไปกับองค์ชายเจ็ด สีหน้าแฝงด้วยความสะท้อนใจเล็กๆ
องค์ชายเจ็ดเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างราบเรียบขึ้นมา
“สิ่งที่ข้าต้องการคือคุณงามความชอบ สิ่งที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ต้องการคือวิธีกำจัดสายเลือดเผ่าฟ้าทมิฬ และความเป็นไปได้ในการทะลวงระดับเตรียมสู่เทวะ สิ่งเหล่านี้พวกเราล้วนได้มาแล้ว
“เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าต้องการเป็นเพียงแค่ของที่จักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นทิ้งเอาไว้ในวังหลวงเท่านั้นจริงๆ หรือ”
ปลัดเขตปกครองได้ยินก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“แน่นอน ข้าไม่โกหก นอกจากนั้นท่านลืมไปเรื่องหนึ่ง ข้ายังอยากเป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรด้วย”
พูดจบปลัดเขตปกครองก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นอีก
“แล้วก็จักรพรรดิมนุษย์ยังมีสมบัติดินแดนตั้งนานแล้วอีกด้วย ฝีมือยอดเยี่ยม แผนการเลิศล้ำ มิน่าเล่าท่านถึงได้ร่วมมือกับข้า เพราะมองด้วยมุมมองทั่วไปแล้ว สงครามครั้งนี้ท่านไม่มีทางได้รับคุณงามความชอบสักเท่าไร ล้วนแต่เป็นคุณงามความชอบของจักรพรรดิมนุษย์ทั้งนั้น ภารกิจของท่านเดิมก็แค่ช่วยเขตปกครองผนึกสมุทร อีกทั้งประเด็นสำคัญคือเปิดแดนต้องห้ามเซียนป้อนอาหารให้ชื่อหมู่ สร้างโอกาสในการใช้สมบัติดินแดนเผ่ามนุษย์”
“การรวบรวมพลังดวงชะตาเขตปกครองผนึกสมุทรสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ” องค์ชายเจ็ดเหมือนไม่ได้ยิน ใบหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยอย่างราบเรียบ
“พลังดวงชะตาที่ได้รับการชำระล้างจากลูกกลอนประกายเคราะห์ชะตาชีวิตสำคัญมาก และเจ้าเขตปกครองคนก่อนก็เป็นตัวตายตัวแทนที่เหมาะสมที่สุดจากการคัดเลือกของข้า
“หลังจากที่เขาดูดซับพิษไปแล้วตอนนี้พลังดวงชะตาของเขตปกครองผนึกสมุทรเปลี่ยนมาปลอดภัย ผลไม้ลูกนี้ใกล้สุกแล้ว เป็นของกำนัลที่ข้าจะมอบให้กับการกลับคืนมาของนายข้า” ปลัดเขตปกครองเอ่ยเสียงอ่อนโยน ไม่ปกปิดแม้แต่น้อย และไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะกลับคำพูด
องค์ชายเจ็ดรูม่านตาหดเล็ก เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
“ข้าเป็นเพียงแค่คนไร้ชื่อเสียงก็เท่านั้น” ปลัดเขตปกครองยิ้ม
องค์ชายเจ็ดเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้า
“สามวันหลังจากนี้จัดพิธีใหญ่ ข้าจะประกาศตำแหน่งเจ้าเขตปกครอง นับจากนี้เขตปกครองผนึกสมุทรเป็นของส่วนตัวของเจ้า เจ้าจัดการตามสบาย
“ส่วนวัตถุที่จักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นทิ้งเอาไว้ที่เจ้าอยากได้ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้วางไว้ในเงื่อนไขการกลับคืนสู่เผ่ามนุษย์ครั้งนี้ ก็สมเหตุสมผล
“ดังนั้นต่อให้เสด็จพ่อสังเกตได้ สุดท้ายก็ต้องตกลงเพื่อส่วนรวมอยู่ดี และเปิดพื้นที่เดิมเอามันออกมา และมีเพียงเขาที่ทำถึงจุดนี้ได้ นอกจากเขาแล้วไม่มีใครทำได้
“แต่ข้าสงสัยนัก นั่นเป็นแค่ถ้วยใบเดียวเท่านั้น เจ้ากลับวางแผนขนาดนี้…”
องค์ชายเจ็ดหันมามองปลัดเขตปกครอง
ปลัดเขตปกครองยิ้ม เอ่ยเสียงเบา
“ข้าบอกท่านได้ แต่ข้าก็มีข้อสงสัยเช่นกัน หากวันหน้าเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทรถูกกลืนกินไปพร้อมกับพลังดวงชะตาที่ข้ามอบให้นายของข้า ท่านจะทำอย่างไร”
“มองจากมุมมองส่วนตัว นั่นเป็นของส่วนตัวของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า มองจากมุมของเผ่าพันธุ์ ข้าจะมาเปิดศึกทำสงครามกับพวกเจ้า” องค์ชายเจ็ดตอบไปอย่างสงบนิ่ง
ปลัดเขตปกครองได้ยินก็ยิ้ม เดินออกไปที่ไกล
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย” องค์ชายเจ็ดใบหน้าไร้อารมณ์
ปลัดเขตปกครองไม่ได้หันกลับมา แค่หัวเราะพลางตอบกลับมาว่า
“หากข้าบอกว่า นั่นเป็นถ้วยที่ทำจากกะโหลกของนายข้า ท่านจะเชื่อหรือไม่”
ในดวงตาองค์ชายเจ็ดฉายประกายวาววาบทันที
เขารู้ วังหลวงของดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์เป็นจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นบูรณะขึ้นใหม่ ที่นั่นเก่าแก่โบราณมาก มีความลึกลับมากมาย กระทั่งว่าหากสืบย้อนกลับไปก็สามารถย้อนไปได้ถึงกระทั่งยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว
และจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นตลอดชั่วชีวิตมีของรักมากมาย แต่สุดท้ายสิ่งที่ฝังลงไปในสุสานของเขามีเพียงถ้วยใบเดียวเท่านั้น
นั่นเป็นถ้วยกระดูกใบหนึ่ง ฝังเอาไว้ข้างๆ เขาในโลงที่มีขนาดเท่ากับของเขา ทั้งสุสาน เกิดเป็นภาพสองจักรพรรดิเคียงคู่
สำหรับถ้วยใบนั้นใช้กระดูกอะไรทำขึ้นมา และเป็นกระดูกของใคร เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ และไม่มีบันทึกใดๆ เช่นกัน
ความจริงถูกลบไปโดยสมบูรณ์ในวันเวลาแล้ว มีเพียงแค่การคาดเดาที่หลงเหลือ มีหลายคนบอกว่าเป็นกระดูกขององ5รัชทายาทรัฐม่วงคราม สหายสนิทของเขา
องค์ชายเจ็ดเงียบนิ่ง ไม่ถามอะไรอีก
ปลัดเขตปกครองเดินจากไปไกลต่อไป ทั้งคนหายไปในฟ้าดิน
จ้องมองเงาร่างของอีกฝ่ายที่จากไป รอบๆ องค์ชายเจ็ดมีไอพลังเป็นกลุ่มๆ แปลงเป็นคนชุดคลุมดำจำนวนหนึ่ง
เหมือนกับพวกที่ติดตามจางซืออวิ้นเมื่อก่อนหน้านี้ทุกประการ
ผู้ที่เป็นหัวหน้าโค้งคารวะองค์ชายเจ็ด เสียงแหลมเล็กเย็นเยือก
“องค์ชาย ขอเพียงท่านบัญชา เขาจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน ที่มาที่ไปของเขาพวกหม่อมฉันสืบกระจ่างนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นองค์กรที่ชื่อว่าเทียนประทีป ส่วนตัวตน…”
องค์ชายเจ็ดส่ายหน้า
“สิ่งที่พวกเจ้าสืบได้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาอยากให้พวกเจ้ารู้
“ทุกอย่างดำเนินต่อให้สำเร็จตามที่สัญญากับเขาก่อนหน้านี้
“แล้วร่องรอยของน้องสิบสองหาเจอแล้วหรือยัง”
องค์ชายเจ็ดนวดหว่างคิ้ว เอ่ยเนิบนาบ
“องค์ชาย ร่องรอยขององค์ชายสิบสอง พวกเราหาทุกเขตปกครองแล้ว แต่ก็ไม่เจอร่องรอยแม้แต่แม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้แม้จะมีเบาะแสชี้มาที่เขตปกครองผนึกสมุทร แต่ที่นี่ก็ไม่มีร่องรอยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
คนชุดดำก้มหน้า
องค์ชายเจ็ดดวงตาฉายแววครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า หันหลังจากไป
ไม่นานนัก สำหรับเรื่องที่จะจัดพิธีใหญ่ จากการกลับมาขององค์ชายเจ็ด ก็แพร่ไปทั่วทุกทิศ หมื่นเผ่ารับรู้ เผ่ามนุษย์ทุกสำนัก ขั้วอำนาจทุกขั้วล้วนรู้เรื่องนี้
เพราะนี่คือพิธีมอบตำแหน่ง
เจ้าเขตปกครองคนใหม่ ในพิธีครั้งนี้องค์ชายเจ็ดจะเป็นผู้สวมกวานให้ด้วยพระองค์เอง
นับจากนี้ ใต้เท้าเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรผู้นี้จะเป็นผู้ที่สูงส่งเหนือใครในเขตปกครองผนึกสมุทร ทุกคำพูดทุกการกระทำสามารถตัดสินเป็นตายได้นับไม่ถ้วน วังทั้งสาม ผู้บำเพ็ญทุกคน ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดล้วนต้องฟังคำสั่งเขา
ในสิบสามมณฑลเขตปกครองผนึกสมุทร สำนักใด ขั้วอำนาจใด โองการฉบับเดียวของเจ้าเขตปกครองก็สามารถกวาดล้างให้สิ้นซากได้
ยิ่งมีการเพิ่มพลังจากพลังชะตาเขตปกครองผนึกสมุทรปกคลุมร่างของเขา ทำให้พลังบำเพ็ญทะลวงพันธนาการที่มีแต่เดิม มาถึงระดับสุดยอดในระดับหนึ่ง
สุดยอดในเขตปกครองหนึ่ง
และในขณะเดียวกับที่อำนาจเช่นนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบในระดับหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือปกป้องเผ่ามนุษย์ ปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทร
ส่วนผู้มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งเจ้าเขตปกครองคนใหม่ แม้จะยังไม่ได้ประกาศออกมา แต่แทบจะทุุกคนในเขตปกครองผนึกสมุทรล้วนจินตนาการได้
เพราะ…หลังจากที่ทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรผ่านเหตุการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ ผู้มีคุณสมบัติเพียงคนเดียวที่เหลือรอดมามีเพียงปลัดเขตปกครองเท่านั้น!
ส่วนปลัดเขตปกครองมีคุณูปการยิ่งใหญ่จากลูกกลอนแก่นแท้ ประชาชนเลื่อมใสนับถือ ในยามสงครามยิ่งสุขุมรอบคอบมีความรับผิดชอบ คุ้มกันอยู่แนวหลัง ขณะเดียวกันเมื่อองค์ชายเจ็ดมาถึงก็ทำการรักษาสิทธิ์ผลประโยชน์มากมายให้เขตปกครองผนึกสมุทร
ผลงานแต่ละอย่างนี้ล้วนเห็นอยู่ในสายตา อยู่ในใจของผู้คน ได้รับความรักเลื่อมใสอย่างมากมาย
หากเจ้าวังครองกระบี่ยังอยู่ เช่นนั้นเจ้าวังย่อมเป็นผู้มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งเป็นอันดับแรก ต่อให้เป็นเจ้าวังทั้งสองที่เหลือก็มีสิทธิ์เช่นกัน แต่ตอนนี้เหลือเพียงปลัดเขตปกครองเท่านั้น
เขาไม่เพียงแต่เป็นที่พึ่งของคนทั้งหลาย ยิ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มเก่าของเขตปกครองผนึกสมุทร
ดังนั้น เขาเป็นเจ้าเขตปกครอง ทุกคนมองแล้วว่า ดำรงตำแหน่งได้โดยไม่มีอะไรให้ต้องละอาย สมเหตุสมผล
สวี่ชิงอยู่ในหอกระบี่ รู้เรื่องนี้เช่นกัน เขายังคงดื่มเหล้าต่อไป กาแล้วกาเหล้า
“ยังเหลืออีกเก้าวันก็หนึ่งเดือนแล้ว หลังจากเก้าวันข้าก็จะกลับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้แล้ว
“ข้าจะไปเยี่ยมจอมเซียนจื่อเสวียนสักหน่อย…แล้วก็ทางหลิงเอ๋อร์ทางนั้น ก่อนข้าจะไปก็ต้องไปดูสักหน่อยว่านางตื่นหรือยัง
“แล้วก็ทางอาจารย์ทางนั้นไม่รู้ว่าหลอมอะไรออกมาได้ แต่ต้องเป็นของล้ำค่าแน่นอน”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงต่ำแผ่วเบา
‘ศิษย์พี่ใหญ่วันหน้ายังมีเรื่องใหญ่มากมายที่จะทำ ก็ไม่รู้ว่าเรื่องต่อไปคืออะไร ข้าก็ต้องฝึกบำเพ็ญให้ดี พยายามยกระดับตัวเอง ในเมื่อบอกไว้แล้วว่าชาตินี้เดินทางด้วยกัน จะต่างชั้นมากไม่ได้
‘สุสานของหัวหน้าเหลยก็ต้องไปกวาดสักหน่อย สุสานของปรมาจารย์ไป่ก็ต้องไปไหว้สักหน่อย แล้วก็ป้ายวิญญาณของนายท่านหกก็ต้องไปเช็ด
‘เรื่องราวมากมายต้องไปทำ แล้วก็ทางหวงเหยียนทางนั้นก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตัวตนของเขาคืออะไร ข้ายังไม่เคยได้ยืนยัน
‘บรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อก็อายุมากแล้ว
‘แล้วก็ยังมีศิษย์พี่จางซาน แล้วยังมีเหยียนเหยียนกับติงเสวี่ยไม่ได้เจอมานานมากแล้ว
‘ข้ามีเรื่องที่ต้องทำมากมายขนาดนี้ไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงเขตปกครองต่อไปได้ และไม่สามารถทำเรื่องวู่วามบางอย่างได้’ สวี่ชิงดื่มเหล้าอึกใหญ่ลงไป
‘ใช่แล้ว เป็นแบบนี้แหละ
‘พลังบำเพ็ญข้าอ่อนแอนัก ข้าแบกภูเขาไม่ไหว สงครามเขตปกครองผนึกสมุทรข้าก็เข้าร่วมแล้ว ที่นี่ ไม่มีอะไรเสียดายแล้ว
‘ผู้ครองกระบี่…ข้าอาจจะไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าเดิมทีก็ดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกที่โหดร้ายคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว ข้าจะจัดการเรื่องราวมากมายไม่ไหว
‘อุดมการณ์ของข้าตั้งแต่เล็กจนโตไม่ใช่มีชีวิตรอดต่อไปหรือ มีชีวิตอยู่ให้ดี…’
สวี่ชิงก้มหน้า ดื่มเหล้าต่อ จวบจนเหลือเวลาห่างจากที่อาจารย์ขอให้กลับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตอีกเจ็ดวัน
และวันนี้คือวันพิธีใหญ่ของเขตปกครองผนึกสมุทร
สวี่ชิงเดิมไม่คิดจะไป เขาคิดว่ารอหลังจากเจ็ดวันค่อยจากไปกับนายกอง
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม ในยามที่เสียงระฆังเขตปกครองหนึกสมุทรก้องกังวาน หลังจากกระบี่อาญาสิทธิ์วังครองกระบี่สั่น เขายังวางกาเหล้าไปตามสัญชาตญาณ เดินออกไปจากหอกระบี่เงียบๆ เดินไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง เดินไปยังลานสักการะบูชาวิญญาณผู้กล้าเขตปกครองผนึกสมุทรในวันนั้น
ที่นี่มีคนมากมาย แต่กลับเป็นระเบียบนัก
ผู้บำเพ็ญเขตปกครองหลวงทั้งหมดของวังทั้งสามแห่งเขตปกครองผนึกสมุทรล้วนมาถึงแล้ว คนจำนวนมากถึงหลายแสนรวมตัวกันที่นี่ รัศมีอำนาจยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม และทุกคนสีหน้าล้วนแฝงด้วยความฮึกเหิม สวมเสื้อผ้าใหม่ แววตาเฝ้ารอ
เจ้าวัง รองเจ้าวังทั้งสามในนั้นก็เช่นเดียวกัน สีหน้ากลัดกลุ้มหมองเศร้าหายไป ต่อให้เป็นผู้ครองกระบี่ที่เข้าร่วมสงครามแต่ละคนในดวงตาล้วนตื่นเต้น
เผ่ามนุษย์ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ มีสมบัติดินแดนของตัวเอง นับจากนี้ไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป ข่าวเป็นชุดเหล่านี้ทำให้คนจิตใจอิ่มเอม ความยินดีในใจมาจนถึงขีดสูงสุดแล้ว
โดยเฉพาะแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นของเผ่ามนุษย์ ความรุ่งโรจน์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากที่กลับมาจากการหารือ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กลับสู่เผ่ามนุษย์ ก็เท่ากับว่าเผ่ามนุษย์นับจากนี้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งดินแดน เป็นครั้งแรกในหลายหมื่นปี
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นจุดที่ทำให้คนตื่นเต้น!
และเขตปกครองผนึกสมุทรก็กำลังจะต้อนรับเจ้าเขตปกครองคนใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน ทุกอย่างนี้เหมือนกำลังดำเนินไปอย่างงดงาม
ตอนนี้ในฝูงชน นายกองกับข่งเสียงหลง ชิงชิว หนิงเหยียน ล้วนอยู่ในนั้น
หลังจากเห็นสวี่ชิง นายกองก็ก้าวขึ้นไปโอบไหล่สวี่ชิง ดมไปทีหนึ่ง สีหน้าแปลกประหลาด
“นี่เป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้ข้าสื่อเสียงหาเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าปิดด่าน ทำไมถึงกลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั้งตัว ดื่มมากขนาดนี้”
สวี่ชิงส่ายหน้า ยิ้ม
“ไม่เป็นไร”
นายกองสงสัย ในตอนที่กำลังจะถามต่อ เสียงระฆังดังกังวาน มังกรทองบนท้องฟ้าพ่นแสงประรุ้ง แสงเจ็ดสีระยิบระยับพร่างพราย องค์ชายเจ็ดสวมชุดคลุมยาวสีเหลือง สวมกวานม่านมุกเก้าสาย อยู่สูงส่ง เดินลงมาจากฟ้า
ขณะที่เดินอย่างสง่างามทรงอำนาจ รัศมีอำนาจท่วมท้น ร่างที่เหยียดตรงผ่าเผยยิ่งฉายความสง่างาม
การปรากฏตัวของเขาสร้างเสียงโห่ร้องยินดีจากคนหลายแสนบนพื้นทันที
“ไชโย!”
“ไชโย!”
“ไชโย!”
องค์ชายเจ็ดยิ้มพยักหน้า ในยามที่เดินไปบนแท่นพิธี ข้างหลังเขายังมีคนอีกหลายสิบคนเดินตาม ทุกคนล้วนสวมชุดขุนนาง
ในนั้นมีผู้บัญชาการของวังทั้งสาม มีขุนพลกองทัพเชื้อพระวงศ์ ในนั้นแม่ทัพใหญ่เสี่ยเหยี่ยนที่สวมหน้ากากคนนั้นผู้รับผิดชอบแดนต้องห้ามเซียนก็อยู่ในนั้นเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีปลัดเขตปกครอง!
เขายังคงเหมือนเดิม ใบหน้าแฝงด้วยความอ่อนโยน ดวงตาฉายความเมตตา ยังเห็นได้รางๆ ว่าในสีหน้ามีความซาบซึ้งนิดๆ เหมือนว่าเผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่เช่นนี้สำหรับเขาแล้วช่างน่ายินดีนัก
พวกเขาเดินอยู่บนท้องฟ้า เข้าใกล้ไปยังแท่นพิธี สุดท้ายก็ยืนอยู่ข้างแท่น มีเพียงองค์ชายเท่านั้นที่เดินไปทีละก้าวๆ ไปจนถึงจุดสูงสุดของแท่นพิธี หันหลังให้กับรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวที่ทั้งใหญ่โตและทรงอำนาจน่าเกรงขาม เขามองไปข้างล่าง
เพียงพริบตา ผู้บำเพ็ญหลายแสนข้างล่างแท่นพิธีล้วนเก็บเสียง แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม มององค์ชายที่อยู่ข้างบน มองรูปสลักจักรพรรดิโบราณที่อยู่ข้างหลังเขา
สวี่ชิงเงยหน้าเช่นกัน ขณะที่จ้องมองภาพนี้ ในใจของเขาสั่นสะท้าน กำลังดิ้นรน
สวี่ชิงชินแล้ว ยี่สิบสามวันนี้เขาผ่านมาแบบนี้ ตอนนี้เขาอยากดื่มเหล้า แต่ข้างกายไม่มี จึงพึมพำเสียงต่ำทุ้ม
“หลังจากพิธีสิ้นสุด จะไปซื้อสมุนไพรสักหน่อย
“แล้วก็แต้มกองทัพที่เหลือช่วงหลายวันนี้ก็รีบแลกให้หมด ครั้งต่อไปที่จะมาเขตปกครองหลวงคงจะนานหลังจากนี้
“อืม แล้วก็ของพวกอาวุธเวทก็ต้องซื้อสักหน่อยเช่นกัน”
สวี่ชิงพยายามขบคิด เขายังมีเรื่องอะไรที่ต้องทำก่อนจากไปอีก ในยามที่ใช้เรื่องนี้มาสะกดความดิ้นรนในใจ องค์ชายเจ็ดที่ยืนบนแท่นพิธี ก็ประสานหมัดโค้งคารวะคนหลายแสนข้างล่าง
“วันนี้เขตปกครองผนึกสมุทร เป็นข้าที่ปกป้องได้มา เป็นพวกท่านที่ปกป้องได้มา เป็นพวกเราร่วมกันปกป้องได้มา!
“ชัยชนะเป็นของข้า แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นของพวกท่าน เป็นของเหล่าทหารที่สังหารที่แนวหน้า!
“ดังนั้น ในพิธีวันนี้ ข้าขอคารวะพวกท่านก่อน จากนั้นพวกท่านร่วมไปกับข้า ไปคารวะวิญญาณผู้กล้า!”
องค์ชายเจ็ดสีหน้าเคร่งขรึม พูดจบก็หันหน้าไปทางสนามรบ โค้งคารวะสุดตัว
คำพูดของเขาทำให้คนทั้งหลายที่นี่ในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ ประสานหมัดคารวะไปตามสัญชาตญาณ
“ขอให้เผ่ามนุษย์เราสุขสวัสดิ์ชั่วนิรันดร์ ขอให้เผ่ามนุษย์เรากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง!”
เสียงขององค์ชายเจ็ดก้องกังวาน ฟ้าดินส่งเสียงครืนครานเลื่อนลั่น เมฆพรายรุ้งเดือดพล่าน นิมิตมงคลปรากฏออกมาจนสิ้น!



