Skip to content

Outside Of Time 709

บทที่ 709 การแลกเปลี่ยนในกาลเวลา

ท้องฟ้าวังจันทรา เสี้ยวขณะที่สีแดงมลายหาย เทพเจ้าแตกดับ ภาพนามธรรมนั้นไม่ได้สลายหายไป!

มันยังคงอยู่

และเมื่อกลับมาหมุนวนอีกครั้ง แม้ดาวพระจันทร์สีชาดจะสั่นคลอนในพริบตาที่เทพดับสูญ แต่สวี่ชิงทางนี้สัมผัสผ่านอำนาจพระจันทร์สีชาดของตนเองได้อย่างชัดเจน…

ว่าต้นกำเนิดพลัง ยังคงอยู่!

ชื่อหมู่ที่มีอำนาจพระจันทร์สีชาดเช่นเดียวกับตน ยังไม่หายไป!

ภาพนี้ทำให้ใจสวี่ชิงโหมกระหน่ำ นายกองทางนั้นยามนี้ก็พยายามรวมตัวเป็นศีรษะ มองสิ่งเหล่านี้ อดถอนใจออกมาไม่ได้ รีบเอ่ยขึ้นว่า

“ที่ดับสูญไปไม่ใช่ยายแก่ชื่อหมู่นั่น แต่เป็นเทพชั้นสูงจิ่วโยวที่ถูกกลืนกินเข้าไปต่างหาก!

“ยายแก่นี่ตอนช่วงสำคัญสุดท้าย ละทิ้งจิ่วโจวที่กลืนกินเข้าไป ให้เขาออกมารับเคราะห์ตายแทนตัวเอง!”

แทบจะพริบตาที่นายกองเปล่งเสียงออกมา ในภาพนามธรรมบนท้องฟ้า ก็มีเสียงต่ำดังก้อง

“หลี่จื้อฮว่า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ เสี้ยวขณะที่เจ้ากลายเป็นเทพเจ้าตอนนั้น เคยเห็นอนาคตหรือไม่…สว่นข้าที่อยู่ในกายทิพย์เทพเจ้ามาตลอด สิ่งที่เจ้าปรารถนา คือสิ่งที่ข้าเป็นผู้มอบให้!

“ข้าสังหรณ์ใจได้ว่าชาตินี้มีเคราะห์ ดังนั้นเพื่อผ่านเคราะห์นี้ ข้าจึงกลืนกินเทพเจ้าองค์อื่นมาบำรุงร่างกายตัวเอง”

จากเสียงที่เปล่งออกมา พริบตานั้นฟ้าดินวังจันทราก็กลายเป็นสีแดง แสงสีแดงแผ่ออกมาจากในภาพวาดไม่รู้จบ ปกคลุมโลกทั้งใบ และปกคลุมพวกสวี่ชิงไว้ด้วย

เวลานี้พวกเขาไม่สามารถควบคุมเลือดได้ ทั่วสารทิศบิดเบี้ยวทันที ความเลือนรางกลายเป็นทุกสิ่ง

ไอพลังประหลาดมหาศาล พลันปะทุขึ้นที่นี่

สีเทาในภาพวาดมลายหายไปอย่างรวดเร็ว สีชมพูกำลังหม่นหมอง ดวงตาจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล ภาพมายาก็แตกสลายไป

อีกทั้งวิถีสวรรค์ที่หลี่จื้อฮว่าอัญเชิญมา ก็เริ่มซ่อนตัวแล้ว

หากเป็นก่อนที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าจะมาเยือน ด้วยพลังของหลี่จื้อฮว่า แรงคุกคามของวิถีสวรรค์จะมากกว่านี้ และสำแดงได้หลายครั้ง

ทว่าตอนนี้…การโจมตีหนึ่งครั้งเป็นขีดจำกัดการสำแดงของวิถีสวรรค์แล้ว ภารกิจของพวกมันคือปกป้องแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ โดยเฉพาะการต่อต้านเสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาจนถึงตอนนี้ ทุกตนอยู่ในสภาวะอ่อนแอไร้กำลัง

เวลานี้ ภารกิจของพวกมันตัดสินว่าพวกมันทำต่อไปไม่ไหว จึงค่อยๆ สลายหายไป

ส่วนลูกชายสวี่ชิงกับนายกอง แม้จะยังคำราม แต่มันยังเด็กและอ่อนแอมาก ยังไม่เติบโต เวลานี้จึงหลับตาลงช้าๆ ซ่อนตัวหายไป

จากนั้น รยางค์สีเลือดขนาดยักษ์เส้นหนึ่ง ปรากฏออกมาจากในภาพนามธรรมบนฟากฟ้า พุ่งลงมาที่พื้นดิน แทงเข้าไปท่ามกลางเสียงครืนครัน

รยางค์นี้มีขนนกงอกอยู่เต็มไปหมด ยิ่งมีเลือดสดไหลริน ขณะที่น่าสยดสยองก็แผ่อำนาจเทพออกมาพร้อมกัน

จากนั้นรยางค์เส้นที่สองก็ปรากฏ จากนั้นก็เป็นเส้นที่สามเส้นที่สี่ ชั่วพริบตา รยางค์นับร้อยก็แทงลงในพื้นดินทีละเส้น สีเลือดในโลกใบนี้ก็ยิ่งเข้มขึ้นถึงขีดสุด

พลังฟื้นคืนวูบหนึ่ง ก็ปะทุขึ้นมาจากภาพในพริบตานี้เช่นกัน ขณะเดียวกัน…ก็ปะทุขึ้นมาจากในดาวพระจันทร์สีชาด

ดาวพระจันทร์สีชาดสั่นไหวอย่างรุนแรง พื้นแผ่นดินของดาวแตกร้าวเป็นร่องๆ ขณะที่แสงสีแดงวูบวาบ ก็มีรยางค์ที่เต็มไปด้วยขนนกสีเลือดแบบเดียวกันเส้นยื่นออกมาจากด้านในร่องเหล่านี้เป็นเส้นๆ!

จากรอยแยกที่มากขึ้นเรื่อยๆ รยางค์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

จนถึงตอนสุดท้าย มองไกลๆ ดาวพระจันทร์สีชาดราวกับกลายเป็นก้อนขน

รยางค์เหล่านั้นราวกับเป็นเส้นผม พะเยิบพะยาบไม่หยุด ความแปลกประหลาดทำให้รู้สึกใจสั่นสะท้าน

คล้ายมีตัวตนบางอย่างที่น่ากลัวอย่างยิ่งกำลังคืนชีพอยู่ด้านในดาวพระจันทร์สีชาด กลิ่นอายที่พวยพุ่งออกมากระจายไปทั้งดวงดาว กระจายไปทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา

นั่นเป็น…กลิ่นอายของชื่อหมู่!

ที่ปะทะกับพวกหลี่จื้อฮว่าคือชื่อหมู่ และตัวตนในดาวพระจันทร์สีชาดนี้ก็คือชื่อหมู่เช่นกัน

ตอนนี้การสั่นคลอนของดาวพระจันทร์สีชาดรวมถึงการรอยแยกที่ปริร้าวมากมาย ดาวดวงนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึง จุดที่กลิ่นอายลอยผ่าน ดินบนพื้นกลายเป็นเลือดเนื้อ

ไม่นานนัก ดาวดวงนี้…ก็กลายเป็นก้อนเลือดเนื้อ และเหมือนศีรษะด้วย

บนร่างมันมีใบหน้างอกออกมา เป็นหน้าตาของชื่อหมู่ แต่ตาทั้งสองเป็นรูโบ๋ว่างเปล่า ไม่มีลูกตา

และที่คิ้วเป็นที่ที่วังจันทราตั้งอยู่ ในวังจันทรา ภาพนามธรรมบนท้องฟ้าสลายไปเป็นบริเวณกว้าง ศีรษะเลือดเนื้อแบบเดียวกันอีกศีรษะ ก็ลอยลงมาจากในภาพวาด

รอบๆ คือเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนรวมถึงเทพชั้นสูงซิงเหยียนที่ถอยออกมา สีหน้าของเหล่าองค์ท่านเคร่งขรึม ในนี้เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนก้าวออกไปหานายกองทางนั้นก้าวหนึ่ง ร่างใหญ่โตแผ่แรงกดดันน่าครั่นคร้ามออกมา จิตเทพสะท้อนก้อง

“ก่อนหน้านี้ที่พวกเจ้าอัญเชิญเทพบิดาออกมา สำแดงออกมาอีกได้หรือไม่”

ระหว่างที่เอ่ย สายตาขององค์ท่านก็ไปหยุดอยู่ที่สวี่ชิง ยกมือคว้า

ทว่าชั่วพริบตาโคลนสีชมพูก้อนหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียน หยุดการลงมือขององค์ท่าน

จากนั้นร่างเงาของเทพชั้นสูงซิงเหยียนก็จำแลงออกมาตรงหน้าสวี่ชิง ใบหน้างดงามนั่นเจือรอยยิ้มละไม ทว่าดวงตากลับเย็นชา มองเยวี่ยเหยียน

“ท่านพี่ เขาเป็นของข้า”

ในดวงเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนก็ฉายประกายเยือกเย็นออกมาเช่นกัน สบตากับซิงเหยียน

“ตอนนี้ชื่อหมู่ไปถึงจุดเทพชั้นสูงแล้ว เพลิงเทวะของนางลุกโชนโชติช่วง ขาดอีกครึ่งก้าวก็จะยกร่างกายขึ้นแท่นเทพเจ้า ถ้าวันนี้ไม่มีวิธีการอื่น การต่อสู้นี้ก็ไร้ความหมาย”

นายกองที่เพิ่งจะรวมกันเป็นศีรษะ เห็นภาพนี้ก็หรี่ตาลง ความบ้าคลั่งฉยวาบ มองไปทางสวี่ชิง

“ศิษย์น้องเล็ก ยังจำเขตปกครองผนึกสมุทรได้หรือไม่”

สวี่ชิงเงยหน้ามองไปทางที่ทารกยักษ์วิถีสวรรค์หายไป จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ เขตปกครองผนึกสมุทรที่ว่า หมายถึงเขตปกครองผนึกสมุทรของรัฐม่วงครามสินะขอรับ”

“ใช่ เจ้าเขตปกครองของเขตปกครองผนึกสมุทรรัฐม่วงคราม มีชื่อว่าไป๋เซียวจัว” ความคุ้มคลั่งในดวงตานายกองยิ่งเข้มข้น

สวี่ชิงหันหน้าไปสบตากับนายกอง

“ครั้งนั้นไปเซียวจัว ใช้วิธีเซ่นสังเวย ทำให้เสี้ยวหน้าเทพเจ้าลืมตา…”

นายกองได้ยินก็ยิ้ม จ้องมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะโทษศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าหรือไม่ที่ลากเจ้ามาแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราครั้งนี้ ถึงอย่างไรจากที่เห็น โอกาสพ่ายแพ้ของพวกเราสูงมาก แม้ข้าจะเตรียมตัวมามากมาย แต่เหมือนยังไม่พอ”

สวี่ชิงส่ายหัว

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านพาข้าไปทำการใหญ่ มีครั้งใดบ้างที่ไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันหรือขอรับ”

หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดผัน เช่นนั้นก็ไม่ใช่นายกองแล้ว จากครั้งแรกที่สวี่ชิงออกไปทำการใหญ่กับนายกอง สวี่ชิงก็รู้แล้วว่านายกองบ้าระห่ำ ทุกครั้งที่ทำการใหญ่ล้วนเอาชีวิตไปเสี่ยง

นายกองได้ยินคำพูดสวี่ชิงก็หัวเราะฮ่าๆ ความบ้าคลั่งในดวงตาเข้มข้นขึ้นอีก

“แต่ครั้งนี้ จะไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันแล้ว!

”ก่อนหน้านี้ศิษย์น้องเล็กอย่างเจ้าเคยถามข้าว่าจงใจสะกดพลังบำเพ็ญไม่ยอมทะลวงขั้น ก็เพื่อจะเข้าไปในช่วงเวลาปราณก่อกำเนิดของบุตรเทวะใช่หรือไม่

“ถูกต้อง แผนของข้าก็คือเข้าไปในช่วงเวลาที่บุตรเทวะอยู่ที่ระดับปราณก่อกำเนิด ไปแลกเปลี่ยนกับหลี่จื้อฮว่าที่ตอนนั้นยังเป็นเทพเจ้าอยู่!

“หลังจากนั้น ก่อนที่พวกเราจะมาที่พระจันทร์สีชาด ข้าให้พวกรองเจ้าตำหนักสี่ จัดการแผนการที่บ้าคลั่งแผนหนึ่งเอาไว้”

ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าก็มีเสียงครืนครัน ร่างเงาของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลถอยออกมาในเสี้ยวขณะนี้ ด้านหลังมีหลุมดำปรากฏขึ้น คล้ายจะหนีไป

มีเพียงหลี่จื้อฮว่าที่ไม่ถอย มองศีรษะชื่อหมู่เบื้องหน้าเงียบๆ บนร่างมีกลิ่นอายทำลายล้างปะทุขึ้นมา ยิ่งมีไฟที่แผดเผาพวยพุ่งครืนครัน

เขากำลังแผดเผาพลังบำเพ็ญทั้งหมดของตนเอง ก้าวเท้าไปหาชื่อหมู่

“หลี่จื้อฮว่า เจ้าเลือกพสุธาแดนดิน ละทิ้งเส้นทางเทพเจ้ากลายเป็นผู้บำเพ็ญ เช่นนั้นเจ้าจึงมีจุดอ่อน มีตำหนิ เจ้า…แก่แล้ว

“ตอนนั้นเจ้าหยุดข้าไว้ไม่ได้ วันนี้เจ้าจะหยุดข้าได้อย่างไร!”

ศีรษะเลือดเนื้อของชื่อหมู่ ผ่าแยกจากกึ่งกลางในทันใด ส่งเสียงอื้ออึง ราวกับเสียงสรรพชีวิต ร่างไหววูบ พุ่งไปหาหลี่จื้อฮว่า เพียงพริบตาก็ซ้อนทับ เริ่มกลืนกิน

สีหน้าของหลี่จื้อฮว่าเป็นปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั่วร่างเปลวไฟลุกโชนราวกับมนุษย์เพลิง ยอมให้ชื่อหมู่กลืนกิน มีเพียงดวงตาในเสี้ยวขณะนั้นที่ฉายแววอ่อนโยนออกมาวูบหนึ่ง

“ตอนนั้นที่ข้าออกจากนภาเจิดจรัส เทพบรรพชนบอกข้าว่า เจ้าเหมาะที่จะจุดเพลิงเทวะมากกว่าข้า”

ชื่อหมู่ได้ยิน กำลังเอ่ยปาก แต่จู่ๆ จิตเทพองค์ท่านสั่นไหว ร่อนลงไปบนแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเป็นครั้งแรก สำหรับองค์ท่าน แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเป็นเพียงอาหาร ดังนั้นการต่อสู้จนมาถึงตอนนี้ องค์ท่านจึงไม่เคยมองไปมาก่อน

ทว่าตอนนี้ องค์ท่านสัมผัสได้เล็กน้อยยามที่จิตเทพกวาดออกไป อารมณ์ขององค์ท่านก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่คิดจะหนีก็หยุดชะงัก มองไปทางแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราทันที

เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียน เทพชั้นสูงซิงเหยียน มองไปด้วยใจที่สั่นสะท้านพร้อมกัน

บนแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราที่ไม่ถูกเทพเจ้าให้ความสำคัญนี้ การเปลี่ยนแปลงน่าตื่นตะลึงภาพหนึ่ง กำลังปรากฏขึ้น!

รองเจ้าตำหนักสี่ตำหนักขบถจันทร์รวมถึงรองเจ้าตำหนักสอง ยังมีหวนสู่อนัตตาใต้บังคับบัญชาของพวกเขา ที่ไม่ได้ขึ้นมาบนพระจันทร์สีชาดพร้อมกับเหล่ารัฐทายาท

และขณะที่พวกสวี่ชิงขึ้นมาบนพระจันทร์สีชาด พวกรองเจ้าตำหนักสี่ก็มีภารกิจของตัวเอง

พวกเขานำผู้บำเพ็ญทั้งหมดของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด ผนึกพลังบำเพ็ญ ไปรวมตัวกันที่พื้นที่เจ็ดแห่ง

ในบรรดานี้จำนวนที่มากที่สุด คือที่ศูนย์กลางตำหนักเทพ ณ ที่ราบสำนึกบาป

ส่วนอีกหกพื้นที่ที่เหลือ ก็กระจายกันไปตามตำหนักเทพแต่ละสาขาบนแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา

จากการถล่มลงมาของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด บุตรเทวะแตกดับ ผู้บำเพ็ญตำหนักพระจันทร์สีชาดถูกสยบ ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดที่ถูกจับไว้ทั้งเจ็ดพื้นที่นี้จึงมีมากมายมหาศาล

และที่มากยิ่งกว่า ก็คือขั้วอำนาจที่พึ่งพาตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดเหล่านั้น

ผู้แข็งแกร่งในกลุ่มผู้บำเพ็ญเหล่านั้นล้วนถูกสะกดพลังบำเพ็ญ คุมขังเอาไว้ในเจ็ดพื้นที่นี้

จากจำนวน อาจจะยังสู้กลุ่มสรรพชีวิตที่ไป๋เซียวจัวเซ่นสังเวยไปครั้งนั้นไม่ได้

ต่อให้เพิ่มพลังบำเพ็ญและคุณภาพ โดยรวมก็ยังห่างชั้นกับกลุ่มสรรพชีวิตสรรพสิ่งของไป๋เซียวจัวตอนนั้นอยู่ดี

แต่ไม่เป็นไร…อดีตองค์รัชทายาทรัฐม่วงคราม เซ่นสังเวยเพียงคนเดียวก็กระตุ้นให้เสี้ยวหน้าเทพเจ้าลืมตาให้เขาได้ ดังนั้นถึงแม้ปริมาณที่ใช้เซ่นสังเวยจะสำคัญ แต่คนที่คอยกำกับการเซ่นสังเวยนี้สำคัญยิ่งกว่า

ตอนนี้ ขณะที่ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราใจสั่นสะท้าน ณ ที่ราบสำนึกบาป ตำแหน่งที่เจ้าเหนือหัวเคยตั้งตระหง่าน ตรงนั้นบัดนี้ว่างเปล่าไปหมด

และใจกลางความว่างเปล่านี้ แสงสีขาวทางหนึ่ง ก็ระเบิดขึ้นในพริบตา

แสงนี้มาจากความว่างเปล่า มาจากกาลเวลา มาจากอดีต

การปรากฏตัวของมัน เพียงชั่วครู่ก็จำแลงร่างเงาที่ใหญ่โตมโหฬารออกมาร่างหนึ่ง

รูปร่างของร่างเงานี้คือหลี่จื้อฮว่า แต่แตกต่างกับที่ถูกชื่อหมู่กลืนกินไป หลี่จื้อฮว่าที่ปรากฏตัวที่นี่ ร่างกายเขามีเพลิงเทวะกำลังลุกโชน

องค์ท่านมาจากอดีต มาจากช่วงเวลาที่บุตรเทวะอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิด!

นายกองกำหนดพิกัดเพื่อองค์ท่าน ล่อองค์ท่านมา แต่เหมือนจะอยู่ไม่ได้นานนัก

พริบตาที่ปรากฏตัว หลี่จื้อฮว่าเงยหน้าขึ้นมองดาวพระจันทร์สีชาดอย่างเย็นชา จากนั้นดวงตาขององค์ท่านก็มองไปยังจุดที่สูงกว่า มองไปทางเสี้ยวหน้าเทพเจ้า

“ข้า ทายาทนภาเจิดจรัส คนแรกผู้กลายเป็นเทพเจ้านับตั้งแต่เซียนมาจุติ ขอเซ่นสังเวย”

เสียงขององค์ท่านแปรเป็นทัณฑ์สวรรค์ กึกก้องเก้าชั้นฟ้า ระเบิดสิบพสุธา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!