Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 428

ตอนที่ 428 ศัตรูขี่ม้ามาโจมตี ตั้งค่ายรถรับมือ

การตั้งค่ายบนทุ่งหญ้าหรือเขตปกครองเหนือไม่ต่างกัน ล้วนล้อมด้วยรถใหญ่ สัตว์ทั้งหายล้อมไว้มุมหนึ่ง ทหารและคนอื่นๆ นอนพักอยู่ด้านใน

ของที่ต้องขนลงจากรถก็ขนลงมาหมด อย่างไรกองกำลังเกือบสี่พัน เบียดเสียดกันอยู่สักหน่อย บนรถใต้รถมีคนนอนพัก มีของ มีคน มีสัตว์ ต้องแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน และยังต้องมีทหารยาม

นอกจากทหารยามที่เฝ้าตอนกลางคืนแล้ว ทหารอื่นในเวลากลางคืนหากเอะอะโวยวายก็จะถือว่าเป็นละเมิดวินัยทหาร ทหารยามมีสิทธิ์ที่จะสังหารทันที

ตอนนี้เป็นทิศตะวันออกมีเพียงแสงรำไร อีกด้านยังเป็นท้องฟ้าค่ำคืนและดวงดาว ทหารยามตอนกลางคืนกะสุดท้าย แม้ว่าจะห่อตัวแน่นหนาเพียงใด แต่ก็ยังรู้สึกหนาว ในใจคิดว่าพอเช้าก็จะได้กลับเมืองเซวียนฝู่ ถึงตอนนั้นจะได้อบอุ่นกันแล้ว อยู่ๆ ก็เห็นม่านกระโจมแหวกออก มีคนวิ่งออกมาอย่างเร่งร้อน

ทิศทางที่วิ่งไป เป็นทางไปที่พักหวังทง ทหารยามรีบเข้ามาพร้อมอาวุธไล่ตามไป ยังไม่ทันได้ลงมือ ก็เห็นกระโจมหวังทงมีหลายคนพุ่งออกมากดคนผู้นั้นลงพื้น

“ชื่อเฮย เจ้าวิ่งแตกตื่นอันใด!!”

ผู้ที่ถูกกดอยู่ที่พื้นก็คือชื่อเฮย ทหารติดตามหวังทงรู้จัก กำลังตวาดถามเบาๆ ชื่อเฮยก็ดิ้นรน ไม่สนใจเพื่อนทหารที่ถามไถ่ หากตะโกนส่งเสียงแหบพร่าว่า

“นายท่าน……”

“เบาหน่อย! เจ้าตะโกนให้ทุกคนได้ยินหรือไง!”

หวังทงเดินออกมาจากกระโจม กล่าวดุขึ้น ชื่อเฮยจึงได้สติ กดเสียงให้ต่ำลงกล่าวอย่างเร่งร้อนว่า

“นายท่าน มีเสียงทัพม้ามุ่งมาทางนี้ หลายพัน……หลายพัน……”

ทางนี้มีทหารราบเพียงสามพัน พวกขี่ม้ามาหลายพันมาถึงใช่ว่าเก็บกวาดได้ราวกับตัดฟักตัดแตงเลยหรือ กล่าวออกไป ชื่อเฮยก็หวาดกลัวขึ้นมาเอง ติดอ่างอยู่อย่างนั้น

ในเวลานี้ กระโจมของพวกตระกูลถานที่ล้อมรอบกระโจมหวังทงก็เปิดออกหมด ถานเจียงเดินออกมา ทุกคนนอนไม่ถอดชุด ถานเจียงขมวดคิ้วแน่น สบตากับพวกตระกูลถานด้วยกัน พยักหน้า ถานเจียงเดินเข้าไปกล่าวว่า

“นายท่าน มีเสียงทหารม้าทัพใหญ่มุ่งมาทางนี้ น่าจะเป็นข่าน[1]เผ่าไหนสักเผ่า……”

“ปล่อยชื่อเฮย รวมกำลัง เตรียมพร้อมเหมือนตอนฝึกซ้อม!!!”

หวังทงสั่งการเยือกเย็น ทหารกระจายออกไปถ่ายทอดคำสั่งทันที เหมือนโยนหินลงบ่อน้ำ ทั้งค่ายเริ่มตื่นตระหนกทั้งด้านในและด้านนอก หวังทงหันไปสั่งการทหารติดตาม ทหารผู้นั้นพยักหน้า ตะโกนบอกพลม้าให้ออกจากรถที่ล้อมอยู่วิ่งไปทิศทางหนึ่ง

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ง่าย ฉู่เจ้าเหรินหากให้กองกำลังหู่เวยออกมาเดิน สู้ไม่ทำเสียดีกว่า!”

หวังทงแค่นยิ้มเย็น จากนั้นหันหน้าไปสั่งการดังว่า

“นายกองไช่ เจ้านำกำลังข้าออกสำรวจรอบๆ หากมีผู้ใดแตกตื่นให้ลงโทษทางวินัยทันที จัดการอย่างไรมีกฎระเบียบว่าไว้แล้ว ทุกอย่างจัดการไปตามกฎ!!”

สีหน้าไช่หนานซีดขาว เขาได้ยินว่า “กองกำลังม้าหลายพัน” จำนวนนี้เช่นกัน แต่ความสงบนิ่งของหวังทงเหมือนกับมอบยาสงบจิตให้เขากินลงไป จึงรีบรวมกำลังออกไปปฏิบัติการ

ชื่อเฮยแม้ว่าถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ก็ยังคุกเขาอยู่ที่เดิม ตัวสั่นไม่หยุด หวังทงเข้าไปลากเขาขึ้นมาด้วยแรงสองมือ ยิ้มกล่าวว่า

“ชื่อเฮย ตอนนี้เข้าเป็นนายกองธงใหญ่กองกำลังหู่เวย กลับไปย่อมมีวันดีๆ รอเจ้าอยู่!!”

พวกโรงบ้านแม้ว่ามีตำแหน่งทหาร แต่ก็เป็นเพียงพลทหาร ครั้งนี้เลื่อนตำแหน่งให้ชื่อเฮยไม่ใช่เล็กๆ ชื่อเฮยตอนแรกก็ยิ้มปริ ต่อมาก็สลดลง หวังทงหยิกแก้มถามว่า

“ทำหน้าทุกข์ใจทำไมกัน เจ้าคิดว่ากลับไปไม่ได้แล้วหรือ?”

**************

คำสั่งเตรียมรบ ทหารทุกคนก็รีบวิ่งออกมาจากกระโจม อำเภออู่ชิงถึงอำเภอหวงชุนก็ฝึกซ้อมกันมา ทุกคนแม้ว่าตื่นตระหนก แต่ก็ยังคงสติได้ดี

กระโจมถูกรื้อถอน ถอนก่อน จากนั้นก็ม้วนพรมเก็บ ไปกองไว้ที่รอบๆ กลุ่มสัตว์ จากนั้นก็เปิดหีบไม้บนรถออก

รถใหญ่ของหวังทงแตกต่างจากรถปกติของชาวหมิง ยาวออกมาไม่ว่า หากด้านบนยังมีหีบไม้สูงเท่าคน ทหารที่เข้าใกล้รถใหญ่เริ่มแกะหีบไม้ออก

หีบไม้บนรถประกอบกันแน่นหนา มองด้านนอกอย่างไรก็มองไม่ออก ยกหีบจึงได้รู้ หีบสูงเท่าคนนั้นถูกวางนอนบนรถ เลยออกมาครึ่งคัน ด้านล่างล้อรถยังมีช่องว่างห่างจากพื้น อีกหีบถูกลากไปยังระหว่างรถใหญ่ หีบไม้และรถใหญ่ล้วนมีล้อไม้ครอบเหล็กไว้ ประกอบขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย พลทหารปฏิบัติได้คล่องแคล่วและรวดเร็วมาก

ตั้งกระดานไม้ขึ้น ตอกฝาหีบที่โยงเข้ากันยึดให้แน่น ที่เหลือให้ลากไปตรงกลาง ช่างไม้ของกองกำลังทั้งจีนและต่างชาติที่ตามกองกำลังหู่เวยมาก็เริ่มใช้เชือกมัด ใช้ไม้ยึดให้แน่น ตอนที่ด้านนอกใช้ไม้ยึดปิดไว้ ด้านในก็มีหอสังเกตการณ์สูงราวสองเมตรตั้งขึ้น

ทหารคนหนึ่งปืนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว พวกชื่อเฮยสามารถระบุทิศทางของเสียงได้แล้ว มองไปทางนั้น เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ หากมองจากความสูงออกไปไกล ฟ้าเริ่มสางแล้ว ทหารผู้นั้นตะโกนขึ้นว่า

“ตะวันตกเฉียงเหนือมีกองกำลังทหารม้า……ไม่ถึงหนึ่งเค่อ[2]ก็จะมาถึง!!”

***************

หอสังเกตการณ์สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ หวังทงยืนอยู่บนนั้น ทุกค่ายถืออาวุธพร้อมยืนอยู่รอบรถ นายกองร้อยผู้หนึ่งวิ่งาทางรถ ถูกหวังทงรั้งไว้ ตะโกนถามว่า

“มู่เอน เจ้ากลัวหรือไม่!!”

ใบหน้ามู่เอินแดงก่ำ ตะเบ็งดังว่า

“ไม่กลัว พวกเราเป็นคนเหล็ก ปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยจะทะลายพวกมันเอง!!”

หวังทงหัวเราะเสียงดังลั่น ออกแรงชกไปหนึ่งหมัด ให้มู่เอินไปได้ ทหารถือทวนยาวและดาบใหญ่ยืนอยู่หลังหีบไม้ ที่รถมีคนยืนอยู่น้อยมาก

ทว่าราวระยะห่างรถหนึ่งคันจะมีปืนเล็กวางอยู่ด้านบนรถ มองเห็นปืนทองแดงกระบอกหนา ลูกปืนไม่น่าเกินหนึ่งชั่ง ทหารปืนใหญ่ล้วนเตรียมพร้อมอยู่ที่นั่น

“เอาไม้กระแทกอีกที จำให้ดี ไม่ได้ยินเสียงคำสั่งห้ามจุดไฟ……มารดามันสิ ยังไม่ก่อกองไฟอีก รอให้เจ้าไปยืมไฟหรือไง!!”

มู่เอินนายกองร้อยปืนใหญ่ตะโกนด่าเสียงดังอยู่ที่นั่น ทหารต่างชาติก็ยืนอยู่กับล่าม หากเห็นที่ใดไม่ถูกต้องก็จะรีบเข้าไปบอก จางอวี่เป่ยที่เป็นล่ามน้ำเสียงสั่น หากไม่กล้าชักช้า แปลได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

รถม้าที่ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ นั้นถูกลากไปที่ด้านข้างของหอสังเกตการณ์ หวังทงยืนอยู่บนหลังคารถและเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวในค่าย สั่งการเป็นระยะ

“ลี่เทานำพลธนูเจ้าไป……ซุนซิงนำพวกทหารต่างชาติมานี่ ไปกับพลธนู……หู่โถวอยู่ที่รถกับข้า ไปทั่นทำไมกัน……ถานปิง นำคนหนึ่งร้อยไปล้อมสัตว์เลี้ยงเอาไว้ บอกพวกเขาให้ว่าให้เฝ้าสัตว์ให้ดี เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องยุ่ง……ถานเจียงเจ้าไปตีลี่เวยให้สลบก่อน มารดามันสิ ยังไม่ทันเปิดฉาก จะแหกปากร้องอะไรกัน!!”

ทั้งค่ายตื่นตระหนก กำลังเตรียมอย่างเคร่งเครียด นายกองลี่เวยที่ติดตามมาตลอดทางกลับเสียสติเดินอออกมาจากกระโจมแหกปากร้องไห้ด่าทอเสียงดัง

“เลี่ยวเฉวียนจงเจ้าเดรัจฉาน พวกนอกด่านให้ประโยชน์เจ้าเท่าไรกัน นายน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วย หากต้องสละชีพที่นี่ ข้าจะรายงานนายท่านอย่างไร ครอบครัวข้ายังมีลูกเมียพ่อแม่ที่ต้องดูแล!”

ทุกคนที่นั่นต่างถลึงตามองอย่างรำคาญ ทุกคนกำลังร้อนใจ หากเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา จึงไม่มีผู้ใดสนใจเขา ถานเจียงขมวดคิ้วแน่นเดินเข้าไปฟันที่คอไปหนึ่งฝ่ามือ ลี่เวยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ล้มลงกับพื้นทันที ทหารติดตามลี่เวยสีหน้าซีดเผือด ลนลานมองรอบกาย

“หลีจื่อ ตอนอยู่ลานฝึกได้ยินเจ้าคุยโม้อยู่ทุกวัน ทหารเจ้าทางนี้กล้าหาญได้แค่ถุงหมีนี้หรือ!!”

ลี่เทาเพิ่งจะนำทหารต่างชาติมาถึง หลี่หู่โถวก็เอ่ยเย้า เด็กหนุ่มทุกคนเครียดก็ส่วนเครียด แต่ไม่กลัว พอถูกถามเช่นนี้ ลี่เทาก็หน้าแดงก่ำ งึมงำบอกว่า

“พวกนี้เป็นพวกระดับปฏิบัติการ ไม่ใช่เป็นทหารจริง ไม่นับ ไม่นับ!!”

เสียงฝีเท้ามาดังมากึกก้องชัดเจน พื้นดินสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ สัตว์ที่ถูกล้อมอยู่เริ่มแตกตื่น คนรถกับชาวบ้านก็พยายามปลุกปลอบ พวกตัวที่แตกตื่นก็จะใช้ผ้าปิดหูเอาไว้

นอกจากที่รถใหญ่และหอสังเกตการณ์ คนอื่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นภายนอกได้ พวกเขาทุกคนถูกปิดกั้นรอบด้าน ทุกคนต่างก็วิตกกังวลกับเสียงฝีเท้าม้าที่เข้ามาใกล้ อากาศแม้เหน็บหนาว แต่ทุกคนก็ไม่สนใจ ล้วนกำอาวุธแน่น

อยู่ๆ ด้านนอกก็สงบลง เสียงฝีเท้าม้าก็เงียบลง ทุกคนตะลึงงัน ทหารบนหอสังเกตการณ์ตะโกนลงมาว่า

“พวกกองกำลังม้านอกด่าน ห่างจากพวกเราไม่ถึงสองร้อยก้าว ไม่ถึงสองร้อยก้าว!!”

************

“คนทางใต้บอกเจ้าว่าทำงนี้มีแต่ทหารเด็กไม่ใช่หรือ?”

แม่ทัพในชุดเกราะด้านขวาบนหลังม้าชาวมองโกลผู้หนึ่งถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ กองทหารม้ามองโกลห่างจากกองรถไม่ไกล หนึ่ง เพื่อให้ทหารม้าจัดแถวทัพ สอง กำลังเพ่งมองไปยังกองกำลังด้านหน้าด้วยความสงสัย

พวกเขาได้เห็นกองกำลังเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทั้งกองกำลังใหญ่ปิดกั้นด้วยแผ่นไม้ใหญ่ล้อม บนหลังม้านี้มองเห็นแค่หอสังเกตการณ์ ด้านในมองไม่เห็นอันใด

“บอกมาว่ามีชนชั้นสูงอายุน้อยแห่งแผ่นดินหมิงนำกำลังออกมา ไม่เคยออกรบจริง มีเงินทองมากมาย มีข้าวของมากมาย……”

แม่ทัพในชุดเกราะหนาวเคราเฟิ้มเต็มหน้ามองมาทางนี้ เห็นคนด้านหลังแผ่นไม้ชะโงกหัวขึ้นมา จากนั้นก็รีบหดลงไป ขลาดกลัวอย่างที่สุด เห็นดังนั้น แม่ทัพก็แสยะยิ้ม คว้าแส้สะบัด พร้อมกับคำรามหยาบคายว่า

“เพื่อชุดเกราะสองร้อยและอาวุธที่มันรับปากไว้ อย่างไรก็ต้องโจมตี คิดว่าหดหัวอยู่ในนั้นแล้วพวกเราจะเข้าไปจับกินไม่ได้หรือไง ให้เด็กๆ เราขี่ม้าเข้าไปยิงธนูใส่ ลงจากหลังม้าลุยเข้าไป เช้าอย่างนี้ ไม่แน่ด้านในยังไม่สวมเสื้อผ้ากันเลย!”

พลทหารม้าผู้หนึ่งพยักหน้า ขี่ม้าออกไปตะโกนสั่งทันที ทหารม้าที่จัดทัพเสร็จก็ตะโกนเสียงประหลาด เร่งม้าไปทะยานข้างหน้า……

———————-

[1] ชื่อเรียกหัวหน้าชนเผ่ามองโกล

[2] หนึ่งเค่อ เท่ากับ 15 นาที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!