บทที่ 782 แผ่กิ่งก้านสาขา
ขณะที่เจ้าสายเซียนต่างวิถีกำลังผสานเกล็ดหิมะสีม่วง ด้านนอกวังศึกษา ภายในห้องลับของจวนหนิงเหยียน สวี่
ชิงลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิ ดวงตาเปล่งแสงลึกลับ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูวังศึกษา ‘เจ้าสายเซียนต่างวิถีผู้นี้เด็ดเดี่ยวจริงๆ’
ถุงเก็บของใบนั้นเขาเป็นคนส่งไปเอง ด้านในมีแผ่นหยก ที่อธิบายถึงข้อดีข้อเสียทั้งหมดอย่างชัดเจนไม่ปกปิดซ่อนเร้น บอกกล่าวถึงเรื่องที่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์วิญญาณกลับมาได้ เพียงนึกคิด
แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าสายเซียนต่างวิถีผู้นั้นยอมรับเรื่องนี้ได้ ถึงอย่างไรเขาก็ปรารถนาให้สายเซียนต่างวิถีหวนคืนสู่จุดสูงสุดยิ่งกว่าใคร
เพื่อการนั้น เขายอมสละได้ทุกอย่าง หรือกล่าวได้ว่าถุงเก็บของใบนั้นเป็นสิ่งที่เขารอคอยมานาน และเพื่อให้ได้มาเขายอมรับผิดและสร้างสถานการณ์ ผลักดันตัวเองให้อยู่ในจุดที่ไม่มีทางถอยกลับได้
นี่เป็นการกระทำที่จงใจ ใช้การกระทำเพื่อแสดง ความจงรักภักดีต่อผู้บำเพ็ญลึกลับสำเร็จขั้นใหญ่ผู้นั้น!
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาสวี่ชิงมาตลอด จึงส่งเมล็ดพันธุ์ วิญญาณไป ยิ่งสัมผัสถึงการหลอมรวมและการฝึกบำเพ็ญ ของเจ้าสายผ่านการเชื่อมโยงอันลึกลับกับเมล็ดพันธุ์วิญญาณได้
การรับรู้เช่นนี้เป็นการรับรู้ทางเดียว
การศึกษาของสวี่ชิงช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้เขาเข้าใจเมล็ดพันธุ์วิญญาณอย่างถ่องแท้ เมล็ดพันธุ์วิญญาณเม็ดนี้ ทรงพลัง หลังจากผสานเข้าไปในร่างกาย เจ้าของร่างยากจะสัมผัสถึงต้นตอได้ แต่ต้นตอจะรับรู้การเคลื่อนไหวของเจ้าของร่างอย่างชัดเจน
‘จากการวิเคราะห์ของข้า หลังจากที่เจ้าสายผสานเมล็ดพันธุ์วิญญาณเข้าไปแล้ว การหลอมรวมไหมวิญญาณ ของเขาจะเกิดการปะทุครั้งใหญ่…เหนือสิ่งอื่นใดวิญญาณของ เขาต้องแข็งแกร่งพอ และตามการวิเคราะห์ของข้า การ เลื่อนขั้นของเขาน่าจะเป็นประโยชน์กับข้าด้วย’
ดวงตาสวี่ชิงฉายแววคาดหวัง จากนั้นก็หลับตา กลับ ไปนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญต่อ สูดรับไอพลังประหลาดระหว่าง ฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิดเทพของตน
นี่คือสิ่งที่เขาคิดได้ ด้วยสภาวะปัจจุบันของเขาสามารถ เพิ่มไหมวิญญาณได้ เพียงแต่การสูดรับเชื่องช้าเหลือทน
เวลาผ่านไป ภายในวังศึกษา เจ้าสายที่สูดรับไหมวิญญาณ ร่างกายสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่โคจรพลังบำเพ็ญตาม วิชาสายเซียนต่างวิถี สีหน้าภายใต้หน้ากากนั้นเผยความตื่นเต้นอย่างแรงกล้าออกมา
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจำนวนไหมวิญญาณภายใน ร่างกายของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากเดิมสามหมื่นกว่าเส้น เพิ่มขึ้นนับร้อยเส้นเกือบทุกเค่อ ความเร็วเช่นนี้ทำให้เขาประหลาดใจ คลื่นลูกมหึมาในใจกระหน่ำซัด
‘นี่ถึงจะเป็นวิธีฝึกบำเพ็ญของสายเซียนต่างวิถีที่ถูกต้อง!’
เจ้าสายตื่นเต้น ฝึกบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง และในสาย เซียนต่างวิถีตอนนี้ เขาเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดใน การผสานเมล็ดพันธุ์วิญญาณ
ในฐานะเจ้าสาย เขาศึกษาวิชาสายเซียนต่างวิถีมาทั้ง ชีวิต ฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าความเร็วใน การหลอมรวมไหมวิญญาณจะเชื่องช้า แต่เขาก็บ่มเพาะวิญ ญาณมาโดยตลอด ดังนั้นวิญญาณของเขาจึงแข็งแกร่งมาก นี่คือลักษณะเฉพาะของสายเซียนต่างวิถี และในจุดนี้ สายผสานเทพก็คล้ายกัน เนื่องจากต้องหลอมรวมวิญญาณ เข้ากับร่างเทพที่มีทั้งหมด ดังนั้นวิญญาณของทั้งสองฝ่าย จะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย
ดังนั้นการผสานเมล็ดพันธุ์วิญญาณจึงทำให้วิญญาณ ของเขาครืนครัน หลังจากฝึกบำเพ็ญต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ชั่วยาม ไหมวิญญาณของเขาทะลุสามหมื่นเส้น จนถึงสี่หมื่นเส้น แม้ว่าจะช้าลงบ้าง แต่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน สวี่ชิงที่อยู่นอกวังศึกษาสัมผัสรับรู้ได้ผ่านเมล็ดพันธุ์วิญญาณว่าไหมวิญญาณของเจ้าสายเซียนต่างวิถี
ที่อยู่ในวังศึกษากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้คลื่นวนของไหมวิญ ญาณในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงหมุนเร็วขึ้น คล้ายกับว่า มีพลังต้นกำเนิดเทพก่อตัวขึ้นในคลื่นวนรางๆ
แม้จะเบาบาง แต่สำหรับสวี่ชิงแล้วเปรียบเสมือนการเติมเต็ม เร็วกว่าการสูดรับเพียงไอพลังประหลาดเพื่อ เปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิดเทพหลายเท่า ต่างกันราวฟ้ากับเหว
‘ได้ผลจริงๆ ด้วย!’
ดวงตาสวี่ชิงสว่างวาบ ฝึกบำเพ็ญต่อไปด้วย ความคาดหวังที่มากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น สวี่ชิงมาเยือนเจดีย์ขาวสายเซียนต่างวิถีใน วังศึกษาตั้งแต่ฟ้าสาง ทว่าวันนี้เจ้าสายเซียนต่างวิถีไม่ลง มาจากชั้นบนของเจดีย์ เรื่องนี้ทำให้เหล่าศิษย์หลักของสายเซียนต่างวิถีค่อนข้างประหลาดใจ
ถึงอย่างไรโดยปกติแล้วเจ้าสายไม่ค่อยขึ้นไปชั้นบน แต่ มักจะนั่งตัวตรงอยู่ที่เก้าอี้ในห้องโถงมากกว่า
มีเพียงสวี่ชิงเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าสายยังฝึกบำเพ็ญอยู่ เมื่อคืนไหมวิญญาณของเขามีมากถึงสี่หมื่นห้าพันกว่าเส้นแล้ว
‘ด้วยความเร็วระดับนี้อีกไม่กี่วันไหมวิญญาณของเขาก็ ทะลุห้าหมื่นเส้นได้ ถึงเงื่อนไขในการถักทอร่างฐานออกมา
แล้ว’
สวี่ชิงครุ่นคิดพลางถูกดึงไปทำจุลสาร ส่วนศิษย์หลักคนอื่นๆ ต่างรื้อฟื้นจิตวิญญาณนักสืบขึ้นมา เนื่องจากคำพูด หยิ่งทะนงตนของเจ้าสายเมื่อสองเดือนก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีลึกลับที่ยังไม่รู้ตัวว่าตนกำลังจะ ถูกเปิดโปง นางช่วยกลุ่มสวี่ชิงทั้งสี่ทำจุลสาร บางครั้งก็ ถามพวกสวี่ชิงถึงความคืบหน้าในการฝึกบำเพ็ญ
เวลาล่วงเลยไป 3 วันเช่นนี้ เที่ยงวันของวันที่ 4 ขณะที่สวี่ชิงกำลังค้นหาตำราสายเซียนต่างวิถี จู่ๆ ก็มีระลอกคลื่นน่าครั่นคร้ามวูบหนึ่งแผ่ออกมาจากชั้นบนของเจดีย์ขาว
ระลอกคลื่นนี้แผ่กลิ่นอายความเป็นเทพออกมา ทำให้ศิษย์สายเซียนต่างวิถีทุกคนในเจดีย์ขาวพากันตกตะลึง
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปากภายใต้หน้ากาก เขารู้สึกได้ว่าไหมวิญญาณของเจ้าสายทะลุห้าหมื่นเส้นแล้ว
ต่อมา เสียงคำรามก็ดังออกมาจากชั้นบนของเจดีย์ขาว กึกก้องไปทั่ว เพียงชั้วพริบตาร่างฐานความเป็นเทพขนาด มหึมาตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือวังศึกษา ร่างสีดำ กลิ่นอายแข็งแกร่ง ทำให้ทั้งวังศึกษาตกตะลึง จากการที่สายตาของเหล่าศิษย์สำนักต่างๆ จดจ้องมาทางเดียวกัน เสียงฮือฮาก็แพร่กระจายไปทั่ววังศึกษา
หลังจากร่างฐานความเป็นเทพนอกเจดีย์ขาวสายเซียน ต่างวิถีแผ่พลังอำนาจออกมา หลังจากดึงดูดความสนใจมากพอแล้ว ก็คืนร่างกลับมาเป็นร่างเจ้าสายอีกครั้ง ภาพนี้ยิ่งทำให้สะเทือนเลื่อนลั่นกว่าเดิม
“นั่นคือ…เจ้าสายเซียนต่างวิถีอย่างนั้นหรือ?!”
“เขาถักทอร่างฐานความเป็นเทพออกมาแล้ว!”
“สายเซียนต่างวิถีมีขั้นใหญ่เพิ่มขึ้นอีกคนหรือ”
เหล่าศิษย์หลักสายเซียนต่างวิถีในเจดีย์ขาวก็พุ่งออกมา ดูเจ้าสายที่อยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคน ฉายแววตื่นตะลึง
สายตาสวี่ชิงก็ฉายแววประหลาดใจออกมาอย่างทันท่วงที
ส่วนสตรีลึกลับผู้นั้นยิ่งจิตใจโหมซัด ‘ข้าเดาผิดไป ผู้บำเพ็ญลึกลับขั้นใหญ่ผู้นั้นนั้นไม่ใช่เจ้าสาย แต่ข้ามาถูกทางแล้ว สายเซียนต่างวิถี…มีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่จริงๆ!’
เมื่อเห็นว่าตนเป็นจุดสนใจของทุกคน เจ้าสายเซียนต่างวิถีที่ลอยอยู่กลางอากาศก็นำมือไพล่หลัง เอ่ยด้วยนํ้าเสียงราบเรียบ พลังบำเพ็ญที่เปลี่ยนไปจากการใช้ไหมวิญญาณ ทะลวงขั้นทำให้เสียงของเขาดังอย่างยิ่ง
“และนี่ก็คือวิชาสายเซียนต่างวิถีสายในของข้า!”
“ผู้บำเพ็ญของสายเซียนต่างวิถี ต้องสร้างไหมวิญญาณ ให้ได้ห้าหมื่นเส้นในเวลามากสุดสามเดือน แน่นอนว่าเงื่อนไข คือวิญญาณต้องแข็งแกร่งพอ”
เมื่อเจ้าสายกล่าวจบ เหล่าผู้รํ่าเรียนที่สนใจภาพนี้ใน ใจต่างมีคลื่นโหมขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าสายก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตา ฉายความเด็ดเดี่ยวแล้วพูดต่อ
“นอกจากนี้ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป สายเซียนต่างวิถี จะทำลายขนบ เตรียมเปิดเจดีย์ขาว รับศิษย์หลัก ถ่ายทอดวิชาบำเพ็ญ บุกเบิกเส้นทางใหม่ให้แก่เหล่าผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ของเรา”
พูดจบเจ้าสายก็หายตัวไปกลางอากาศ
แม้เขาจะจากไป แต่เรื่องที่เขามีไหมวิญญาณขั้นใหญ่ของเขา และสายเซียนต่างวิถีกำลังจะรับศิษย์จำนวนมาก ก็ได้ก่อ พายุขึ้นในวังศึกษา
โดยเฉพาะกระแสนิยมของสายเซียนต่างวิถีก่อนหน้านี้ที่ถดถอยอยู่ทุกวันๆ ก็ถูกโหมขึ้นมาอีกครั้ง การที่เจ้าสายเซียน ต่างวิถีสำเร็จขั้นใหญ่ในตอนนี้จึงสานต่อกระแสคลื่นก่อนหน้า ทำให้ลมพายุโหมแรงขึ้น ครืนครันทุกสายภายในวังศึกษา
แม้แต่เมืองหลวงจักรพรรดิภายนอกก็ได้ยินเรื่องนี้ ใน
ชั่วพริบตากระแสนิยมของสายเซียนต่างวิถีพุ่งขึ้นถึงขีดสุด รวมถึงที่สวี่ชิงเป็นหนึ่งในศิษย์หลักทั้ง 13 คนก็ไม่มีเวลา ไปทำธุระของตัวเอง ต้องคอยต้อนรับผู้ร่ำเรียนในวังศึกษาที่
หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
ทว่าผู้ที่ตัดสินใจเป็นศิษย์หลักสุดท้ายก็มีไม่มาก แต่ เห็นได้ชัดว่าผู้ร่ำเรียนหลายคนเริ่มหวั่นไหว แต่อยากทำให้ พวกเขาเลื่อมใสไม่สั่นคลอนยังต้องใช้เวลาหรือเรื่องที่ทรงพลัง
กว่านี้
เช่นมีผู้บำเพ็ญไหมวิญญาณขั้นใหญ่ปรากฏตัวขึ้นอีกคน
หรือมีศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นสวี่ชิงจึงเริ่มพิจารณาว่าจะส่งเมล็ดพันธุ์วิญญาณ อีกเมล็ดดีหรือไม่…
แต่สวี่ชิงยังไม่ทันได้พิจารณาเลือกตัวทดสอบ ในยาม เย็นของวันที่สามหลังจากที่เจ้าสายถักทอร่างฐานสำเร็จ จู่ๆ สวี่ชิงก็รับรู้บางอย่างได้ผ่านเมล็ดพันธุ์วิญญาณของอีกฝ่าย
เขาสังเกตเห็นว่าไหมวิญญาณของเจ้าสายก่อตัวเป็นคลื่นวน แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับของตน แต่ภายในกลับมีเกล็ดหิมะปรากฏขึ้น
สีไม่ใช่สีม่วงหากแต่เป็นสีเขียว ระดับต่ำกว่าของเขา แต่ ดูเหมือนว่าจะมีผลลักษณะเดียวกันได้รับอิทธิพลจากตัวเจ้าสาย มีต้นกำเนิดเดียวกัน
สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อยู่เหนือ ความคาดหมายของเขา แต่ก่อนที่เขาจะสัมผัสรับรู้อย่าง ละเอียด เจ้าสายก็สั่งให้เขาและตัวศิษย์หลักทั้งสามเข้าพบ ทุกคนได้รับขวดยาลูกกลอนคนละขวด “ในนี้คือเมล็ดพันธุ์สายในของสายเซียนต่างวิถี!”
“ผสานกับร่างกายเสีย พวกเจ้าก็จะมีคุณสมบัติฝึก บำเพ็ญสายใน!”
มองขวดยาลูกกลอนตรงหน้า ศิษย์หลักทั้งสามก็ตื่นเต้น อย่างยิ่ง สวี่ชิงกวาดสายตา รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขาสัมผัสได้ ว่าในขวดยาลูกกลอนนี้มีเกล็ดหิมะเมล็ดพันธุ์วิญญาณอยู่จริงๆ
“เมล็ดพันธุ์สายในนี้ เป็นผลสำเร็จจากการศึกษาของ สายเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้พวกเจ้า เพราะมีภัยแฝงเร้นบางอย่าง ตอนนี้แก้ไขเสร็จเรียบร้อย สมบูรณ์แบบแล้ว”
“หลังจากพวกเจ้าสูดรับ การฝึกบำเพ็ญวิชาสายเซียน ต่างวิถีของพวกเจ้าจะรวดเร็วยิ่งขึ้น”
เจ้าสายเซียนต่างวิถีกล่าวเรียบๆ เขาไม่ได้บอกพวกสวี่ชิงทั้งสี่เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมหลังจากสูดรับเมล็ดพันธุ์วิญญาณ ยามนี้สายตาที่จ้องมองพวกสวี่ชิงทั้งสี่ดุจอัสนีบาต
“ที่นี่บีบขวดยาลูกกลอนเริ่มการผสาน ข้าจะดูแลพวกเจ้าเอง”
ศิษย์หลักทั้งสามมองหน้ากัน แล้วมองเจ้าสาย ในใจคิดอะไรไม่มีใครล่วงรู้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็เลือกบีบขวด ยาลูกกลอนแล้วผสานเกล็ดหิมะสีเขียวเข้าไปในร่างกาย
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนผสานแล้ว เจ้าสายก็พยักหน้า แล้ว มองไปทางสวี่ชิง น้ำเสียงเจือความเคร่งขรึม
“เสวียนเหลยจื่อ เจ้ายังไม่พร้อมรับเมล็ดพันธุ์สายเซียน ต่างวิถีของข้าหรือ”
สวี่ชิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็บีบขวดยาลูกกลอนปล่อยให้ เกล็ดหิมะสีเขียวผสานเข้าไปในฝ่ามือโดยไม่ลังเล พริบตาที่เข้าสู่ร่างกาย คนนอกไม่มีใครสัมผัสได้ รวมถึงเจ้าสายก็ ไม่ทราบว่าเกล็ดหิะนี้ได้ละลายหายไปแล้ว
มันทำให้คลื่นวนในร่างกายของสวี่ชิงหมุนเร็วขึ้น
เจ้าสายพอใจ บอกให้พวกสวี่ชิงกลับไปได้ ส่วนตนเองก็ หลับตาทำสมาธิต่อ
สวี่ชิงประสานมือคำนับ ออกไปจากเจดีย์ขาวพร้อมกับ ศิษย์หลักอีกสามคนที่ในใจกำลังมีคลื่นโหมซัด ระหว่างทางกลับจวน สวี่ชิงมั่นใจแล้วว่าเกล็ดหิมะเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีเขียวนี้ เป็นกิ่งก้านของเกล็ดหิมะสีม่วงของตัวเอง
‘คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้’
‘ไม่รู้ว่าเกล็ดหิมะเมล็ดพันธุ์วิญญาณแยกที่เจ้าสายสร้างขึ้น มีขีดจำกัดที่จำนวนเท่าใด ถ้าหลักร้อย…’
สวี่ชิงหันหน้ามองไปทางวังศึกษา
เขาสังหรณ์ใจว่าสายเซียนต่างวิถีอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรืองอำนาจขึ้นมาอันเนื่องมาจากเมล็ดพันธุ์สีม่วงของเขา
ถ้าทุกอย่างเป็นปกติ ไม่ขัดกับหลักธรรมนองคลองธรรม สวี่ชิงก็ยินดีที่จะเห็นความรุ่งโรจน์ของพวกเขา
แต่ถ้าสายนี้กระทำสิ่งที่ขัดต่อหลักคุณธรรม เขาจะริบ คืนให้หมดสิ้น



