ตอนที่ 831 คารวะสุรา
หลินจิงมองดูเซียวเจิน ในใจผิดหวังอย่างยิ่ง นี่คือผู้ชายที่นางบรรจงเลือกเฟ้นมาหรือ เพื่อเขา นางถึงกับกลายมาเป็นอนุ พอเกิดเรื่องก็ไม่รู้จักคิดหาวิธี รู้จักแต่ระเบิดอารมณ์ และยังหูเบา เห็นอยู่ว่าก่อนหน้านี้รับปากจะไปซีเป่ยสร้างความชอบ แต่ปรากฏพอฮองเฮาเอ่ยก็เปลี่ยนความคิด คนเช่นนี้จะเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวได้จริงหรือ
แต่ภพก่อนเขาเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวจริง และยังได้รับความไว้พระทัยจากฝ่าบาทอย่างมาก ฝ่าบาทสอนเขาด้วยพระองค์เอง สุดท้ายมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับเขา แต่ภพนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วหรือ
หลินจิงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ มองไปยังเซียวเจินกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเราต้องขัดขวางไม่ให้อ๋องหมิงเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว”
เซียวเจินหันไปมองหลินจิง “จิงเอ๋อร์ เจ้ามีวิธีหรือ”
“ก็พอมี แต่ข้ากลัวว่าท่านจะโทษข้ามากวาจา อีกอย่าง ข้าเองก็กลัวท่านเอาเรื่องนี้ไปบอกฮองเฮา ถึงตอนนั้นฮองเฮาไม่โทษท่าน แต่กลับมาโทษข้า ข้าก็โชคร้ายแล้ว”
เซียวเจินรีบเอ่ยว่า “เจ้ากล่าวมาตรงๆ ได้เลย วันหน้าหากมีเรื่องอันใด ข้าจะไม่บอกเสด็จแม่”
หลินจิงพยักหน้าเล็กน้อย กวักมือเรียกเซียวเจินเข้ามาใกล้
พอเซียวเจินเข้ามา นางก็กระซิบข้างหูเซียวเจิน เล่าอุบายอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างปวดใจว่า“แผนการนี้แม้ว่าไม่เลว แต่ท่านอ๋องต้องทนลำบากแล้ว หม่อมฉันคิดแล้วก็รู้สึกปวดใจ หรือว่าแล้วไปดีกว่า”
เซียวเจินกลับได้ฟังแล้วก็กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าไม่กลัวลำบาก ตำแหน่งรัชทายาทแคว้นต้าโจวของข้าไม่อาจมอบให้ผู้อื่นได้”
หลินจิงได้ฟังเซียวเจินก็พึงพอใจมาก นางเงยหน้ามองเซียวเจินเอ่ยส่งเสริมว่า “จิงเอ๋อร์เชื่อท่านอ๋อง สุดท้ายต้องได้ครองตำแหน่งรัชทายาทแคว้นต้าโจว ฝ่าบาทตอนนี้พระพลานามัยไม่ดี หากท่านอ๋องครองตำแหน่งรัชทายาทแคว้นต้าโจว ฝ่าบาทต้องมอบราชกิจในราชสำนักให้ท่านอ๋องจัดการ ถึงตอนนั้นท่านอ๋องก็จะอยู่ใต้หนึ่งคน แต่เหนือคนนับหมื่นพัน”
ภพก่อนเซียวอวี้สุขภาพไม่ดี หลังแต่งตั้งรัชทายาทก็มอบราชกิจให้รัชทายาทดูแล ส่วนเขานั่งชี้แนะอยู่ด้านหลังว่ารัชทายาทควรจัดการอย่างไร พอรัชทายาทจัดการราชกิจได้เอง เขาก็วางมือได้อย่างแท้จริง
แต่แม้เป็นเช่นนี้ ภพก่อนฮ่องเต้ก็พระชนมายุไม่ยืนยาว
เซียวเจินได้ฟังคำหลินจิง ความอัดแน่นในใจก็พลันมลายหายไปได้บ้าง
วันรุ่งขึ้น พวกแม่ทัพเฟิงรับคำสั่งไปช่วยกองทัพซีเป่ยก็พากันกลับถึงราชสำนัก
ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลตามความชอบ และพระราชทานงานเลี้ยงฉลอง
ทุกคนทั้งในและนอกราชสำนักต่างดีใจมาก แต่ละคนเอ่ยชมความสามารถอ๋องหมิง
ตกค่ำ ในวังจัดงานเลี้ยง ฮองเฮาเห็นทุกอย่างนี้แล้วก็รู้สึกเพียงแค่ในใจราวกับถูกมีดกรีด สีหน้าย่ำแย่ยากจะเอ่ย พระสนมซูเฟย[1]แสร้งทำเป็นไม่มองเห็น เอ่ยชมอ๋องหมิงไม่หยุดว่าร้ายกาจเยี่ยงไร องอาจกล้าหาญเยี่ยงไร เก่งการสงครามเยี่ยงไร
ฮองเฮาได้ยินแล้วก็อดตวาดอย่างโมโหไม่ได้ว่า “หุบปาก”
พระสนมซูเฟยมองฮองเฮาเหมือนโดนรังแก แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยต่ออีก
ตอนฮองเฮาเห็นลู่เจียวก็แทบจะกลืนลู่เจียวลงท้องระบายความแค้นนี้
นอกจากฮองเฮา ไทเฮาจ้าวก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เพราะครั้งนี้ตระกูลจ้าวก็ส่งคนไปจัดการอ๋องหมิง ปรากฏถึงกับปล่อยอ๋องหมิงรอดไปได้ ยังปล่อยให้เขากลับคืนสู่ราชสำนักอย่างราบรื่นได้อีก
ไทเฮาจ้าวอารมณ์จะดีได้อย่างไร แม้ว่าอารมณ์ไม่ดี แต่ก็มาร่วมงานเลี้ยงฉลองค่ำคืนนี้
งานเลี้ยงฉลองนี้ไม่เพียงแต่จัดเพื่ออ๋องหมิง ยังจัดเพื่อพวกแม่ทัพเฟิง
ตระกูลจ้าวแม้กุมอำนาจการทหาร แต่ก็ไม่อาจเย่อหยิ่งไม่สนใจผู้อื่น ยังต้องสานสัมพันธ์กับบรรดาขุนนางในราชสำนักให้ดี
ดังนั้นไทเฮาจ้าวแม้อารมณ์ไม่ดี แต่ก็นำคนมาร่วมงานเลี้ยง
ในงานเลี้ยง เซียวอวี้ไม่เพียงเอ่ยชมพวกแม่ทัพเฟิงยกใหญ่ ยังเอ่ยชมอ๋องหมิงโดยเฉพาะ บอกว่าความสามารถของเขาโดดเด่น ช่วยเขาจัดการราชกิจได้ วันหน้าอ๋องหมิงก็จะเข้าร่วมประชุมราชสำนักจัดการราชกิจต่างๆ เพื่อช่วยงานเขาด้วย
พอเอ่ยวาจานี้ออกไป พริบตาในพระที่นั่งก็เงียบกริบ แม้ว่าฮ่องเต้ไม่ได้พระราชทานตำแหน่งรัชทายาทแคว้นต้าโจวให้แก่อ๋องหมิง แต่วาจานี้ความจริงก็แสดงท่าทีของพระองค์ชัดเจนแล้ว
เซียวเหวินอวี๋ลุกขึ้นยืนขอบพระทัยด้วยท่าทีที่ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย “หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
เซียวอวี้มองบุตรชายอย่างชื่นชม ยิ้มกล่าวว่า “วันหน้าต้องพยายามให้ดี อย่าทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
ฮองเฮากับเซียวเจินสีหน้าดำคล้ำย่ำแย่ดุจก้นหม้อดำ
ทั้งสองคนอ้าปากค้างหุบไปมาหลายครั้ง เอ่ยอันใดไม่ออกแม้สักคำ
ฮ่องเต้ไม่ได้แต่งตั้งเซียวเหวินอวี๋เป็นรัชทายาท พวกเขาจะกล่าวอันใดได้ คนเขาเพียงให้เซียวเหวินอวี๋มาช่วยราชกิจในราชสำนักเท่านั้น
ฮองเฮาแทบกระอักโลหิต
ไทเฮาจ้าวคิดเอ่ย แต่สุดท้ายคิดแล้วก็ไม่พูดอันใดอีก เพียงแค่จัดการราชกิจ ยังไม่ใช่รัชทายาทแคว้นต้าโจว
ในงานเลี้ยง ขุนนางในราชสำนักไม่น้อยต่างยกจอกสุราแสดงความยินดีกับเซียวเหวินอวี๋ เซียวเหวินอวี๋ตอบรับด้วยท่าทีไม่แข็งกร้าวและไม่ต่ำต้อย
เซียวอวี้มองอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเอ่ยว่าสุขภาพไม่ดีขอตัวกลับก่อน
ไทเฮาจ้าวเองก็ขี้เกียจจะอยู่ดูต่อ ลุกขึ้นพาคนจากไป พอพวกเขาไปกันแล้ว ขุนนางในราชสำนักก็คล้ายได้ข่าวอันใดมาแบ่งปันกัน ล้อมวงเข้าหาเซียวเหวินอวี๋ คารวะสุราเขาไปมา บรรยากาศครึกครื้นอย่างยิ่ง
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นต่างมีสีหน้าดำทะมึนกันไปหมดแล้ว
สุดท้ายอ๋องจิ่นกัดฟัน ยกจอกสุราเดินไปหาเซียวเหวินอวี๋
“น้องรอง พี่คำนับเจ้าจอกหนึ่ง ยินดีที่เจ้าสร้างความชอบใหญ่กลับมาในครั้งนี้”
เซียวเหวินอวี๋เลิกคิ้วมองเซียวเจินด้วยสีหน้านิ่งเฉย กล่าวรับคำท่าทางเกียจคร้านเล็กน้อยว่า “ขอบพระทัยเสด็จพี่ โอกาสครั้งนี้เพราะเสด็จพี่มอบให้หม่อมฉัน ตามหลักหม่อมฉันควรขอบพระทัยเสด็จพี่จึงจะถูกต้อง”
“เช่นนี้หม่อมฉัน ก็ขอคำนับเสด็จพี่หนึ่งจอก”
เซียวเหวินอวี๋กระทบจอกสุราเซียวเจินก่อน
เซียวเจินรู้สึกว่าในใจกำลังหลั่งโลหิต เดิมคิดถึงว่าตนเองจะได้ไปซีเป่ย ปรากฏถูกเสด็จแม่ห้ามไว้ ทำให้ตนเองไม่ได้ไป ปรากฏความชอบนี้ถูกเซียวเหวินอวี๋แย่งไป
ในใจเซียวเจินเวลานี้ล้วนโทษฮองเฮา
แต่เขาไม่อาจแสดงออกได้ ได้แต่ยิ้มบางพลางเอ่ยว่า “น้องรองกล่าวอันใดกัน พวกเราพี่น้องไม่จำเป็นต้องเหินห่างเช่นนี้”
“เสด็จพี่กล่าวได้ถูกต้อง”
เซียวเหวินอวี๋ชนจอกสุรากับเซียวเจิน
เซียวเจินมองเซียวเหวินอวี๋ด้วยแววตานุ่มนวล ถามอย่างห่วงใยว่า “ครั้งนี้น้องรองไปซีเป่ยไม่ได้พบกับอันตรายอันใดใช่หรือไม่”
เซียวเหวินอวี๋รีบกล่าวว่า “จะไม่มีได้อย่างไร เกือบตกสู่ปากพยัคฆ์หลายครั้ง หลบแทบไม่ทัน ทว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป ดังนั้นข้าจึงได้รอดกลับมาได้ เพียงแต่น่าเสียดายไม่ได้จับตัวคนบงการมาได้ หากให้ข้าสืบพบว่าเป็นผู้ใดบงการ ก็จะต้องให้คนผู้นั้นอยู่ไม่สู้ตาย”
ขมับเซียวเจินเต้นตุบๆ มักรู้สึกว่าวาจาเซียวเหวินอวี๋นี้หมายถึงเขา หากไม่รู้ยังคิดว่าเขารู้ว่าพวกเขาบงการคนพวกนั้นไป
ไม่น่าเป็นไปได้
เซียวเจินคิดไปก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงไปว่า “น้องรองต้องลำบากแล้ว เดิมควรให้พี่แบกรับไว้ ปรากฏให้น้องรองไปเหนื่อยแทน พี่ละอายใจยิ่ง พี่คารวะเจ้าหนึ่งจอก”
สองพี่น้องสนทนาโต้ตอบกัน ดูแล้วบรรยากาศสมานฉันท์ยิ่ง
บรรดาขุนนางใหญ่เห็นพวกเขาคุยกันสนิทสนมเช่นนี้ ก็มีกล่าวเสริมขึ้นบ้าง
เซียวเจินมองเซียวเหวินอวี๋ ยิ้มละไมเชื้อเชิญว่า “น้องรองพวกเราออกไปคุยกันสักหน่อยดีหรือไม่”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังวาจาเซียวเจิน ก็พลันรู้สึกได้ทันทีว่าเขาคิดแผนอันใดอีก แต่เขาไม่กลัว
“พ่ะย่ะค่ะ”
……….
[1] ฮองเฮาหรือหวงโฮ่วคือพระอัครมเหสีของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน รองจากฮองเฮาลงไปก็จะเป็นพระสนมกุ้ยเฟย พระสนมซูเฟย พระสนมเต๋อเฟยและพระสนมเสียนเฟยสี่พระองค์ จากนั้นก็เป็นพระสนมอีกขั้นจำนวนเก้าพระองค์ประกอบด้วยเจาอี๋ เจาหรง เจาหยวน ซิวอี๋ ซิวหรง ซิวหยวน ชงอี๋ ชงหรงและชงหยวน ถัดไปก็จะมีอีก 27 ตำแหน่งอาทิ เจี๋ยอวี้ เหม่ยเหริน ไฉเหริน เป็นต้น



