Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 737

ตอนที่ 737

ใบไม้!

เสียงระเบิดอันน่าตกใจดังกระหึ่มขึ้นอย่างกึกก้อง แม้แต่ปรมาจารย์อสูรโลหิตและคู่ต่อสู้ ต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงระเบิดของอสูรอวตารอย่างช่วยไม่ได้

แรงระเบิดนั้นจริงๆ แล้วก็ได้ช่วยให้ศิษย์สำนักเซี่ยเยาสามหมื่นคนล่าถอยจากไปได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแรงระเบิดนั้น ก็ถูกสังหารไปในทันที

ผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าแห่งสำนักอีเจี้ยนพุ่งตรงไปด้วยความตกใจ มุ่งมั่นที่จะไปปิดกั้นแรงระเบิดนั้น เช่นเดียวกับหุ่นเชิดจากสำนักจินหาน แม้แต่ปรมาจารย์รุ่นห้าตระกูลหลี่ก็กระทำเช่นเดียวกัน

ถ้าพวกมันไม่ทำเช่นนั้น การสูญเสียในครั้งนี้คงทำให้สำนักและตระกูลของพวกมันต้องพบเจอกับจุดวิกฤตอันร้ายแรง

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังคงมีผู้ฝึกตนมากมายที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงแรงระเบิดนั้นได้ และถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไป

เพียงชั่วพริบตา สำนักอีเจี้ยน, สำนักจินหาน และตระกูลหลี่ รวมทั้งผู้ฝึกตนเร่ร่อน ต่างก็ประสบกับความสูญเสียไปตลอดกาล ต้องขอบคุณผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าแห่งสำนักอีเจี้ยน, หุ่นเชิดของสำนักจินหาน และปรมาจารย์รุ่นห้าตระกูลหลี่ ทำให้การสูญเสียนี้ลดน้อยลงไปเกือบครึ่ง ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ก็คงจะมีการตายไปมากกว่านี้

แต่เป็นความโชคร้ายของผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ไม่มีใครคอยให้การช่วยเหลือพวกมัน ระลอกคลื่นจากแรงระเบิดกวาดออกปกคลุมไปทั่วร่างพวกมันโดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งอสรพิษเงินที่ยังคงเหลืออยู่ ครั้นแล้วร่องรอยของพวกมันก็ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกเลย

กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว สงครามครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะมีคุณสมบัติมาเข้าร่วมด้วยได้ พวกมันเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือจากสี่กองกำลังอันยิ่งใหญ่ การกวาดล้างสำนักเซี่ยเยาน่าจะเป็นงานที่ง่ายดาย พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าสำนักเซี่ยเยาจะน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน

และนี่…ก็เป็นแค่ค่ายกลเวทแรกเท่านั้น!

เมื่ออสูรอวตารพังทลายลงไป อากาศก็บิดเบี้ยวไปมา และห้ายอดเขาของสำนักเซี่ยเยาทันใดนั้นก็เริ่มจะมองเห็นได้!

ห้ายอดเขาจริงๆ แล้วก็ตั้งอยู่ในสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่บนพื้น ทั้งห้ายอดเขาถูกห้อมล้อมด้วยเกราะป้องกันห้าชั้น ซึ่งกระจายเป็นแสงเจิดจ้าออกมา เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะทำลายลงไปได้ในครั้งเดียว นอกจากต้องทำลายไปทีละชั้นอย่างไร้ทางเลือกเท่านั้น

นั่นคือสิ่งที่สำนักเซี่ยเยาต้องการอย่างแท้จริง กองกำลังทั้งสี่จำเป็นต้องทำลายเกราะป้องกันนี้ และต้องต่อต้านการถูกโจมตีกลับให้ได้ นั่นก็หมายความว่าเพื่อที่จะทำลายเกราะป้องกันไป พวกมันต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างมากมาย

ด้วยการยืมพลังจากแรงระเบิดของอสูรอวตาร เมิ่งฮ่าวนำศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่เหลืออยู่สามหมื่นคนกลับเข้าไปในสำนัก ทันทีที่พวกมันผ่านเกราะป้องกันชั้นที่สองเข้าไป ศิษย์สำนักเซี่ยเยาคนอื่นๆ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือคนทั้งหมด นำพวกมันเข้าไปพร้อมกับส่งเม็ดยาให้กลืนกิน

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าซีดขาว เขาได้สูญเสียพลังไปอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะหยุดพัก เขายืนอยู่ที่นั่น สำรวจมองไปยังภาพที่ด้านนอกของเกราะป้องกันเวท

สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ห่างออกไปด้านข้าง ล้อมรอบไปด้วยศิษย์มากกว่าสองหมื่นคน กองกำลังของภูเขาโลหิตเหล็กมีหน้าที่รับผิดชอบ คอยรักษาเกราะป้องกันชั้นแรกไว้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากค่ายกลที่สอง

ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนของยอดเขาอื่นๆ ทั้งหมด กำลังเฝ้ารักษาดูแลสี่เกราะป้องกันที่เหลือของค่ายกลเวทที่สองนี้

ที่ด้านนอกเกราะป้องกัน ผู้ฝึกตนสำนักอีเจี้ยน, สำนักจินหาน และตระกูลหลี่ทั้งหมด ต่างก็สั่นสะท้านด้วยเหตุการณ์จากเมื่อครู่นี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกมันมองเห็นห้ายอดเขาของสำนักเซี่ยเยา รังสีสังหารของพวกมันก็พุ่งทะยานขึ้น

ทันใดนั้น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นมา ขณะที่ผู้ฝึกตนของสี่กองกำลังเริ่มร้องตะโกนออกมา

“สังหารพวกมัน! อย่าปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

“นับจากนี้ไป จะไม่มีสำนักเซี่ยเยาอยู่ในดินแดนด้านใต้อีกต่อไป!”

ขณะที่เสียงของพวกมันดังก้องออกมา ผู้ฝึกตนที่ยังเหลืออยู่นับแสนก็พุ่งตรงไปยังสำนักเซี่ยเยา

มีผู้ฝึกตนที่เป็นศัตรูอยู่มากมายจนยากที่จะมองเห็นจุดสิ้นสุดของพวกมัน จนดูเหมือนจะไร้จุดจบ ก่อนหน้านี้เมื่อเมิ่งฮ่าวหลอมรวมเข้าไปในร่างอสูรอวตารยักษ์ เขาสามารถมองเห็นกองกำลังที่ยืดยาวออกไปของพวกมันได้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เมื่ออสูรอวตารถูกทำลายไป และเขาได้ล่าถอยกลับเข้ามาในสำนัก สิ่งที่เขามองเห็นทั้งหมดก็คือผู้ฝึกตน ที่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

จำนวนที่เห็นนี้ทำให้หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวต้องด้านชา

ผู้ฝึกตนพุ่งฝ่าอากาศจนเกิดเป็นเสียงแหลมเล็ก ตรงมายังเกราะป้องกันห้าชั้นขนาดใหญ่ ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากค่ายกลเวทอันดับสองของสำนักเซี่ยเยา

ถึงแม้ว่าเกราะป้องกันจะสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่ศิษย์สำนักเซี่ยเยาก็ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไป และกำลังรอคอยให้กองกำลังของศัตรูกระแทกเข้าไปในเกราะป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ลำแสงเจิดจ้า ฉับพลันนั้นก็พุ่งเป็นทางยาวตรงมายังสนามรบจากท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไป แหวกฝ่าอากาศ เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ แทบจะคล้ายกับว่าสวรรค์กำลังถูกแยกออกเป็นสองส่วนด้วยความน่าตกใจยิ่ง

สิ่งที่มองเห็นได้ในตอนนี้ก็คือใบไม้!

มันเป็นใบไม้ที่กำลังลุกไหม้ ลอยมาพร้อมกับกระจายกลิ่นอายอันน่าประหลาดใจออกมา!

เป้าหมายของมันไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นค่ายกลเวทอันดับสองของสำนักเซี่ยเยา!

“บังอาจ!” ปรมาจารย์อสูรโลหิตแผดร้องอย่างเกรี้ยวกราดออกมา ขณะที่ยังคงอยู่ในท่ามกลางการต่อสู้กับปรมาจารย์คนอื่นๆ ทันใดนั้น มันก็โบกสะบัดมือ และแสงสีโลหิตอันเจิดจ้าก็พุ่งตรงไปยังใบไม้ที่ใกล้เข้ามานั้น

เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่ใบไม้ถูกเผาไหม้ไปมากกว่าครึ่ง แต่ก็ยังคงมีริ้วสีเขียวอยู่ภายในแสงสีโลหิต ริ้วนั้นมุ่งหน้าต่อไป กระแทกลงไปในเกราะป้องกันของค่ายกลเวทอันดับสอง ทะลวงผ่านชั้นที่ห้า, ชั้นที่สี่ และชั้นที่สาม ก่อนจะในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่เกราะป้องกันชั้นที่สอง

เกราะป้องกันชั้นที่ห้า, สี่ และสาม ต่างก็สั่นสะท้านไปมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พลังทลายลงไป แต่ตอนนี้พวกมันก็มีหลุมเจาะเข้าไป!

ปรมาจารย์อสูรโลหิตส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะออกมา แต่ปรมาจารย์คนอื่นๆ ต่างก็ทุ่มสุดกำลังเพื่อป้องกันไม่ให้มันกระทำอันใดได้

เมื่อช่องว่างในเกราะป้องกันปรากฏขึ้น สีหน้าของศิษย์สำนักเซี่ยเยาก็สลดลง

ในเวลาเดียวกันนั้น รังสีสังหารก็มองเห็นได้ในดวงตาของผู้ฝึกตนนับแสนที่อยู่ด้านนอก ทันใดนั้นพวกมันก็มุ่งหน้าพุ่งตรงเข้ามายังสถานที่ที่เกิดเป็นช่องว่างขึ้น

หลุมนั้นไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เป็นสิ่งที่ค่ายกลเวทไม่อาจจะปิดมันลงไปได้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์และศัตรูเช่นนี้ ท่าทางหมดหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของศิษย์สำนักเซี่ยเยา

“บัดซบ…แล้วตอนนี้พวกเราจะต่อสู้กลับไปได้อย่างไรกัน?!?!”

“พวกมันเจาะเกราะป้องกันจนเป็นรู! ตอนนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อ่อนแออยู่! พวกเราจะสู้ด้วยอย่างไรดี?!”

“เจ้าสำนักน้อยได้สังหารพวกมันไปมากมาย แต่จากที่เห็นพวกมันก็ยังมีอีกมาก…แล้วพวกเราจะยังมีความหวังเหลืออยู่หรือไม่?” การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับกลุ่มศัตรูที่โจมตีเข้ามา และหลุมที่ถูกเจาะผ่านเข้ามาจนถึงเกราะป้องกันชั้นที่สอง ทำให้ศิษย์สำนักเซี่ยเยาตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างเงียบๆ

สวี่ชิงได้ออกจากหุบเขาเจ้าสำนักน้อยมานานแล้ว นางยืนมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความวิตกกังวลอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้ใบหน้านางต้องซีดขาวลง

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปในท้องฟ้า และเริ่มหอบหายใจออกมาด้วยความวิตกกังวลอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะทำจิตใจให้เยือกเย็นลง มองไปรอบๆ ยังศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่สิ้นหวัง และไม่ได้พยายามทำอะไรที่จะไปช่วยกระตุ้นจิตวิญญาณของพวกมัน เขาไม่ปรารถนาที่จะทำ เขารู้สึกผิดอันเนื่องมาจากสงครามในครั้งนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แล้วเขาจะไปขอให้พวกมันเสี่ยงชีวิตจนถึงที่สุดได้อย่างไร?

เขาทำไม่ได้

ทันใดนั้น เสียงถอนหายใจก็ได้ยินดังก้องออกมาจากท่ามกลางเหล่าฝูงชน ชายชราหลังค่อมจากยอดเขาห้าค่อยๆ เดินออกมา เห็นได้ชัดว่า มันตั้งใจที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังช่องว่างในเกราะป้องกันขั้นที่ห้านี้

ด้านหลังมันเป็นหญิงสาวที่น่ารัก ซึ่งเป็นศิษย์ของมัน “ท่านอาจารย์…” นางกล่าว ดวงตาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เห็นได้ชัดว่านางคาดเดาแผนการของอาจารย์ได้

“ข้ามีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว และได้เห็นเรื่องราวมามากมายหลายอย่าง” มันกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เป็นไร” มันกำลังจะก้าวเท้าออกไป แต่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ก้าวเนิบนาบตรงไป

เขาไม่อาจจะขอร้องให้สำนักเซี่ยเยาต่อสู้ได้ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถจะทำได้ เขาเดินออกไป และขณะที่ทำเช่นนั้น เขาก็มองกลับไปยังสวี่ชิงและส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับนาง จากนั้น ความเย็นชาก็เต็มอยู่ในดวงตา และเขาก็ก้าวเดินต่อไป

จากนั้นเขาก็ไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกของเกราะป้องกัน มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ที่อ่อนแอ ซึ่งก็คือรูโหว่นั้น

“เจ้าสำนักน้อย!” ชายชราหลังค่อมกล่าว อ้าปากค้าง

“ข้าจะอุดรูโหว่นี้!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าเขาจะใช้ตัวเองคอยหยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่จะผ่านเข้ามา

“แขนขวาของข้ามีพลังค้นหาเต๋าแล้ว!”

“เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตก็สมบูรณ์พอที่จะต่อสู้กับคนกลุ่มใหญ่!”

“ถ้าข้าสามารถจะต่อต้านไปได้อีกสิบวัน ร่างจริงที่สองของข้าก็จะตื่นขึ้นมา!”

“เพื่อต่อสู้ต่อไป!” เมิ่งฮ่าวคิด เมื่อไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกของเกราะป้องกัน ศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่อยู่ด้านหลังต่างก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง

“เจ้าสำนักน้อย!”

“เจ้าสำนักน้อย ท่าน…”

เมิ่งฮ่าวไม่ได้มองกลับไป เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน เขาเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่สนใจความรู้สึกนั้น ผลักดันให้ตนเองเข้าไปสู่จุดสูงสุดของพลัง

กลิ่นอายตัดวิญญาณของเขาระเบิดออก และมือขวาก็เริ่มกระจายแรงกดดันของค้นหาเต๋าออกมาอย่างช้าๆ เขาโบกสะบัดมือฝ่าอากาศออกไป และขุนเขาที่เก้าก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ รวมทั้งไข่มุกดำขาวด้วย

จากนั้นเขาก็หยิบเอาหน้ากากเซียนโลหิตออกมาจากถุงสมบัติ และสวมลงไปบนใบหน้า

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ผู้ฝึกตนนับแสนกำลังใกล้เข้ามา

ในตอนนี้เองที่เสียงคำรามทันใดนั้นก็ดังก้องออกมาจากภายในหน้ากาก ลำแสงสีแดงพุ่งออกมา ปรากฏขึ้นที่ข้างกายเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…อ๋าวเฉี่ยนที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่อย่างสมบูรณ์!

ก่อนหน้านี้มันได้ตายไป แต่ตอนนี้มันมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และยังดูดุร้ายกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย กลิ่นอายตัดวิญญาณของมันม้วนตัวออกไป พลังของมันพุ่งทะยานขึ้น

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมืออีกครั้ง และปลายกระบี่แห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น พวกมันเป็นสิ่งของที่ไร้ประโยชน์เมื่อต้องไปต่อสู้กับพลังขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า อย่างไรก็ตามพวกมันก็ยังคงแหลมคมอย่างถึงที่สุด อย่างน่าตกใจยิ่ง ปลายกระบี่แห่งกาลเวลาสิบชิ้นได้ลอยออกมา!

เมิ่งฮ่าวได้จัดเตรียมพวกมันไว้เป็นพิเศษสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ด้วยการใช้กระจกทองแดงช่วยจัดสร้างขึ้นมา

สิบปลายกระบี่แห่งการเวลาหมุนวนไปมาอยู่ในอากาศ กลายเป็นค่ายกลกระบี่ ขณะที่มันหมุนวนอยู่นั้น แสงสีโลหิตก็ปรากฏขึ้นอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว

“ความเป็นนิรันดร์ ทำให้ความแข็งแกร่งของข้า…แทบจะไร้ขีดจำกัด!”

“ดอกปี่อ้าน ของวิเศษตัดวิญญาณของข้า ได้จำศีลมานาน…ถึงเวลาที่จะปรากฏขึ้นแล้ว!” พลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้น และในเวลาเดียวกันนั้น ภาพลวงตาอันน่าตกใจของดอกปี่อ้าน ฉับพลันนั้นก็ปรากฏขึ้น

มันมีอยู่ห้าสี แต่ก็น่าตกใจยิ่ง ที่มองเห็นสีที่หกอยู่บนกลีบดอกที่เพิ่งจะโผล่ขึ้นมา

สีที่หกโผล่ขึ้นมาและหายไป เมิ่งฮ่าวเชื่อว่าคงอีกไม่นานสีที่หกก็คงจะปรากฏขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อสีที่หกเริ่มคงอยู่อย่างถาวร ก็มีอีกแค่หนึ่งสีเท่านั้นที่จะบรรลุกลายเป็นเซียน!

ภาพอันดุร้ายของดอกปี่อ้าน ทำให้สีหน้ามากมายของผู้ฝึกตนนับแสนที่กำลังใกล้เข้ามาต้องเปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่ได้หยุดชะงักลง ภาพจากด้านในเกราะป้องกันมองเห็นว่า เมิ่งฮ่าวเพียงลำพังกำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูนับแสน เป็นภาพที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของศิษย์สำนักเซี่ยเยาทุกคน เป็นความทรงจำที่จะคงอยู่ตลอดไปชั่วกาลนาน

“ตาย!” เมิ่งฮ่าวตะโกนออกมา รังสีสังหารสาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่ใช้สองมือขยับร่ายเวท จากนั้นก็ชี้ออกไปในทันที อ๋าวเฉี่ยนโลหิตพุ่งทะยานไป และค่ายกลกระบี่แห่งกาลเวลาก็พุ่งออกไป ดอกปี่อ้านที่อยู่ด้านหลังบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่กิ่งก้านของมันพุ่งออกไปคล้ายกับเป็นแส้ ตรงไปยังคลื่นศัตรูที่ใกล้เข้ามา

การสังหาร…ได้เริ่มขึ้นแล้ว

พลังแขนขวาของเมิ่งฮ่าวช่างน่าเหลือเชื่อนัก เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำให้สวรรค์สะท้าน ปฐพีสะเทือน

แสงสีโลหิตกระจายออกมาจากหน้ากากเซียนโลหิต นี่เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์เซียนโลหิต ไร้หน้า หนึ่งคำ ไฟสงครามรวมเป็นหนึ่ง!

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศเหมือนไร้จุดสิ้นสุด ขณะที่เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้น

ถึงแม้จะเป็นทั้งหมดนี้ แต่เขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนนับแสน ราวกับเป็นตั๊กแตนตำข้าวที่ยืนต่อต้านกับศัตรู จากการถูกโจมตีครั้งแรก ทำให้เขาต้องกระอักโลหิตออกมาจากปาก และร่างกายก็เริ่มระเบิดออกในทันที

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สัญญาณแห่งการพังทลายปรากฏขึ้น ร่างกายเขาก็รวมตัวกลับมาอีกครั้งภายใต้พลังของความเป็นนิรันดร์ เมิ่งฮ่าวแทบจะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีวันตาย เขายังคงอยู่ที่นั่น ที่เบื้องหน้ารูโหว่ ทำการสังหารต่อไปเหมือนก่อนหน้านี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!