Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 738

ตอนที่ 738

ภาพเงาแห่งขุนเขา

เมื่อเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้น กระแสน้ำวนสีทองก็ส่งโลหิตและปราณจำนวนมาก ตามมาด้วยเส้นลมปราณและพื้นฐานฝึกตน เข้ามาในร่างเมิ่งฮ่าวราวกับจะไร้จุดสิ้นสุด

ตูมมมมมมม!

เวลาผ่านไปเพียงแค่สิบลมหายใจเท่านั้นหลังจากที่ทำการสังหารในครั้งแรก แต่ร่างกายเมิ่งฮ่าวก็แตกกระจายไปสามครั้ง ครั้งที่สามเป็นเพราะว่ามีการรวมพลังกันโจมตี จากผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าขั้นต้นแห่งสำนักอีเจี้ยน, หุ่นเชิดจากสำนักจินหาน และผู้ฝึกตนอีกหนึ่งหมื่นคน

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเคลื่อนร่างออกไปแม้แต่น้อย เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครก็ตามผ่านเข้าไปในช่องโหว่นี้ได้

เมื่อศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่อยู่ด้านหลังเกราะป้องกัน มองเห็นร่างกายเมิ่งฮ่าวแทบจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ โลหิตแปดเปื้อนไปทั่วร่าง และเปียกชุ่มเสื้อผ้าเขาไปทั้งตัว ดวงตาพวกมันก็กลายเป็นสีแดง แม้แต่ใครหลายคนจากกลุ่มผู้ฝึกตนสามหมื่นคนที่รอดชีวิตมาจากค่ายกลเวทอันดับแรก ก็พุ่งทะยานขึ้นและเริ่มตรงไปยังสนามรบ

“เจ้าสำนักน้อย!!”

“เจ้าสำนักน้อย พวกเราจะต่อสู้ร่วมกับท่าน!!”

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมา เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อไปที่ด้านหลัง ทำให้สายลมอันทรงพลังพุ่งขึ้นมา และนำพวกมันกลับเข้าไปในเกราะป้องกันด้านหลังยังส่วนที่ปลอดภัย

“พวกเจ้าทั้งหมด รออยู่ที่ด้านหลัง!”

เขามองกลับไป และความมุ่งมั่นก็มองเห็นได้ในดวงตา เป็นแววตาที่กล่าวว่า นี่คือการต่อสู้ของข้า สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว นี่เป็นทางเลือกเดียวที่จะช่วยให้เขาไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป นอกจากนี้ ร่างกายเขาก็ยากที่จะถูกทำลายลงไปได้ ซึ่งไม่อาจจะบอกกล่าวให้ใครรับรู้ได้

ตูมมมมมมม!

เมิ่งฮ่าวถอยไปด้านหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย ในตอนนี้ กระแสน้ำวนเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้น มีทั้งหมดเก้าแห่ง กระแสน้ำวนแต่ละแห่งต่างก็มีสีทอง และปลดปล่อยแรงดึงดูดอันไร้ขอบเขตออกมา

ผู้ฝึกตนที่ตกอยู่ในกับดักของกระแสน้ำวน ได้แต่มองดูด้วยความตกใจขณะที่ร่างกายพวกมันแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว และพื้นฐานฝึกตนของพวกมันก็ถูกดูดออกไป

ปราณและโลหิตจำนวนมากได้ไหลตรงไปยังเมิ่งฮ่าวซึ่งกำลังดูดซับอยู่ ทำให้ร่างกายเขามีความแข็งแกร่งจนถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ พื้นฐานฝึกตนของเขาก็ยังได้ไต่ทะยานสูงขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วย ทำให้เขา…ยากที่จะถูกกำจัดไปมากขึ้น

แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดผ่านเข้าไปในช่องโหว่ที่อยู่ด้านหลัง ไม่แม้แต่…ถึงเขาจะตายไปก็ตามที!

ตูม!!

ถึงแม้จะมีปราณ, โลหิต และพลังพื้นฐานฝึกตน ไหลเข้ามาเติมเต็มเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการถูกโจมตีจากศัตรูนับแสน และยังมีผู้แข็งแกร่งหลายคนในท่ามกลางพวกมันอีกด้วย ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องกระอักโลหิตออกมา และร่างกายก็ระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มเมฆของโลหิตและเลือดเนื้ออีกครั้ง

แต่ในชั่วพริบตา ก็ดูเหมือนว่ากลุ่มเมฆจะได้รับผลกระทบต่อการผันผวนแห่งกาลเวลา และได้รวมตัวกันใหม่ย้อนกลับไปเป็นเมิ่งฮ่าวเหมือนเช่นเดิม ดวงตาเขาเป็นสีแดงก่ำขณะที่ส่งเสียงกู่ร้อง และปลดปล่อยเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตออกมาอีกครั้ง

ขุนเขาที่เก้าปรากฏขึ้นที่ด้านบน และตกลงมาพร้อมกับเสียงกระหึ่มกึกก้อง ตามมาด้วยค่ายกลกระบี่แห่งกาลเวลา กวาดออกไปทั่วทั้งสนามรบอย่างบ้าคลั่ง อ๋าวเฉี่ยนโลหิตก็ไม่ค่อยจะมีสถานการณ์ที่ดีมากนัก ดูเหมือนว่าอาจจะต่อต้านได้อีกไม่นานแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยการมีเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นั่น มันก็ยังคงจะต่อสู้ต่อไป

แต่เมิ่งฮ่าวจะปล่อยให้อ๋าวเฉี่ยนโลหิตต้องมาเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนั้นจริงๆ? เขาโบกสะบัดมือขวา ทำให้อ๋าวเฉี่ยนโลหิตกลับเข้าไปในหน้ากากสีโลหิต จากนั้นก็ขยับมือร่ายเวท และกระแสน้ำวนเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตแห่งที่สิบก็ปรากฏขึ้น

“ถ้าข้าสามารถใช้เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตได้มากขึ้น ก็เป็นไปได้ว่ากระแสน้ำวนจะบรรลุถึงจุดที่สามารถป้องกันไม่ให้ข้าพ่ายแพ้ได้อย่างไร้จุดสิ้นสุด!” ขณะที่เขากัดฟันแน่น กิ่งก้านของดอกปี่อ้านก็พุ่งออกมาจากด้านหลัง สร้างเป็นกำแพงที่แน่นหนาอยู่ที่เบื้องหน้าเขา

“เจ้ารนหาที่ตาย?!” ใครบางคนกล่าวขึ้น ตามมาด้วยเสียงแค่นอย่างเย็นชา สามผู้ฝึกตนชราขั้นตัดวิญญาณปรากฏขึ้น ยืนอยู่บนวงแหวนที่เรืองแสงซึ่งเป็นค่ายกลเวท พวกมันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที

ด้านหลังพวกมันเป็นผู้ฝึกตนหนึ่งหมื่นคนที่กำลังใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วนออกมา ถ้าเมิ่งฮ่าวต้องมาเผชิญหน้ากับพลังเวทเหล่านี้แค่ไม่กี่ชนิด เขาก็สามารถที่จะไม่สนใจมันได้ แต่พวกมันมีจำนวนมากมายจนทำให้ท้องฟ้าต้องมืดลงและพื้นดินต้องสั่นสะเทือน

ราวกับเป็นอุทกภัยขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความคลั่งแค้นอาฆาต ไหลท่วมท้นลงมาทับร่างเมิ่งฮ่าว

สามผู้ฝึกตนชราขั้นตัดวิญญาณใกล้เข้ามา และรังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น ขณะที่เขาตระหนักว่าสามผู้แข็งแกร่งเหล่านี้มาจากตระกูลหลี่ เขาร่ายเวทด้วยมือซ้าย และความสามารถศักดิ์สิทธิ์เซียนโลหิตก็ปรากฏขึ้น เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นหลอมรวมเข้ากับดอกปี่อ้าน บุปผาสีโลหิตพุ่งออกไปโจมตียังอุทกภัยที่ใกล้เข้ามา

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยวิชาเวททั้งหมดที่เขามี ต่อสู้กลับไปยังศัตรูจำนวนมาก แต่โชคร้ายที่เขาไม่อาจจะทำให้พวกมันถอยกลับไปได้ชั่วคราว ในที่สุดพวกมันก็พุ่งทะลวงผ่านเข้ามา และพลังของสามผู้ฝึกตนชราขั้นตัดวิญญาณก็กดทับลงมายังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่พวกมันใกล้เข้ามา วงแหวนที่อยู่ด้านล่างเท้าพวกมันก็พุ่งเงาของมันออกมายังเมิ่งฮ่าว

“ผนึก!”

“ผนึก!”

“ผนึก!”

ทันใดนั้น เงาทับซ้อนของสามวงแหวนก็เริ่มกระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา รวมทั้งระเบิดพลังผนึกอันน่าตกใจออกมาเช่นเดียวกัน พวกมันตกลงมายังเมิ่งฮ่าว เตรียมที่จะผนึกเขาไว้

ในตอนนี้เองที่มีอีกหกคน บินออกมาจากกลุ่มฝูงชน

จากคนทั้งหกนั้น สามคนมาจากสำนักอีเจี้ยน และสามคนมาจากสำนักจินหาน อากาศรอบๆ กายพวกมันบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่ปลดปล่อยวิชาเวทอันน่าตกใจซึ่งทรงพลังมากที่สุดของพวกมันออกมา

“ตาย!”

ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณทั้งเก้า โจมตีมาอย่างเต็มกำลัง ยิ่งไปกว่านั้น ที่ห่างออกไปไม่ไกลด้านหลังพวกมันก็เป็นผู้แข็งกร่งขั้นต้นค้นหาเต๋าแห่งสำนักอีเจี้ยน และหุ่นเชิดแห่งสำนักจินหาน พวกมันจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นพยัคฆ์ที่กำลังมองดูเหยื่อ พวกมันไม่จำเป็นต้องโจมตีด้วยตนเองในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่เมิ่งฮ่าวตายไปหรือถูกผนึกไว้ พวกมันก็สามารถจะผ่านเข้าไปในช่องโหว่ของเกราะป้องกัน และจากนั้นก็เริ่มทำการสังหารได้อย่างง่ายดาย

ไม่จำเป็นต้องผนึกเมิ่งฮ่าวไว้นานก็ได้ พวกมันต้องการเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น

ศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่อยู่ภายในเกราะป้องกัน มองเห็นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ และพวกมันก็เริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น หลี่ซือฉีมองไปยังภาพเงาของเมิ่งฮ่าวที่อยู่ด้านนอกและกัดริมฝีปากไว้ สีหน้านางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

หวังโหย่วฉายนั่งอยู่เงียบๆ แต่รังสีสังหารภายในดวงตาของมันลุกไหม้มากขึ้นไปเรื่อยๆ มันรู้สึกเกลียดต่อความจริงที่ว่า พื้นฐานฝึกตนของมันไม่แข็งแกร่งเพียงพอ และไม่มีพรสวรรค์ดีพอที่จะเป็นผู้ถูกเลือกได้

สวี่ชิงจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความรักที่ดูเหมือนจะสามารถหลอมละลายโลกแห่งนี้ลงไปได้ สถานการณ์ในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตใจนางต้องปวดร้าวด้วยความเป็นห่วง

ห้าผู้เฒ่าตัดวิญญาณแห่งสำนักเซี่ยเยา รวมทั้งชายชราหลังค่อมจากยอดเขาห้า จ้องมองไปอย่างงุนงงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มองไปยังเจ้าสำนักน้อยที่พวกมันปฏิเสธไม่ยอมรับในตอนแรก

เสียงกระหึ่มทันใดนั้นก็ดังก้องออกมาจากสามปรมาจารย์แห่งตระกูลหลี่ ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า และใช้หมัดขวาต่อยออกไปอย่างรุนแรง

แรงระเบิดทำให้ทุกสรรพสิ่งส่งเสียงดังกึกก้องและสั่นสะเทือน นี่ก็คือแรงระเบิดของขั้นค้นหาเต๋า!

วงแหวนที่ใกล้เข้ามาทั้งสามสั่นสะท้าน และดูเหมือนแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ แต่พวกมันก็ยังคงสามารถเคลื่อนที่ต่อไป ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กระแสน้ำวนสีทองที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น จู่ๆ ก็แตกกระจายไป พลังของการแตกกระจายนั้น ได้ดูดปราณและโลหิตที่ยังเหลืออยู่จากผู้คนที่ติดอยู่ด้านในออกไป ทั้งหมดไหลรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็ต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง

ปัง!

วงแหวนเรืองแสงทั้งสาม ถูกบดขยี้ลงไปอย่างง่ายดายราวกับเป็นหญ้าแห้ง!

สีหน้าสามปรมาจารย์ตระกูลหลี่สลดลง และพวกมันก็ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องตนเอง แต่ก็ยังคงมีโลหิตพุ่งออกมาจากปากพวกมัน และหนึ่งในสามก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา ขณะที่ร่างกายมันระเบิดออก ท่าทางประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกสองคนที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นพวกมันก็กัดฟันแน่นและพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“ตาย!!”

ตอนนี้ หกผู้ฝึกตนจากสำนักอีเจี้ยนและสำนักจินหาน กำลังใกล้เข้ามายังเมิ่งฮ่าว

ในเวลาเดียวกันนั้น พลังพื้นฐานฝึกตนจำนวนมากก็พุ่งเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว เขายกมือขวาและชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้ขุนเขาที่เก้าปรากฏขึ้น ทันใดนั้นมันก็กระจายออกไปต่อสู้กับศัตรูทั้งแปดที่พุ่งเข้ามา

เสียงระเบิดดังก้องออกไป และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากเมิ่งฮ่าว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย ขณะที่ภาพลวงตาของขุนเขาที่เก้าสั่นสะท้าน

“โอกาสของพวกเรามาถึงแล้วในตอนนี้!” ผู้ฝึกตนขั้นต้นค้นหาเต๋ากล่าว มันและหุ่นเชิดสำนักจินหานบินขึ้นไปในอากาศ เวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ชี้นิ้วตรงไปยังพวกมันทั้งสอง

“ผนึกอสูร, เวทรุ่นแปด!”

ปราณอสูรม้วนตัวออกไป ราวกับเป็นเส้นใยแห่งสายไหม เพื่อไปพันธนาการพวกมันไว้ ถึงแม้ว่าพวกมันไม่อาจจะขยับร่างได้เพียงแค่หนึ่งอึดใจเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นเวลาทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวต้องการเพื่อจะปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา

“ทำลายล้างขุนเขาที่เก้า!” ทันใดนั้น ขุนเขาที่เก้าซึ่งอยู่รอบๆ ร่างพวกมันก็ระเบิดออก ผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณทั้งแปดลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ผู้แข็งแกร่งขั้นต้นค้นหาเต๋าแห่งสำนักอีเจี้ยน และหุ่นเชิดสำนักจินหานถูกบังคับให้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่

“สังหารมัน!” ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณทั้งแปดแผดร้องออกมา กลุ่มผู้ฝึกตนนับแสนส่งเสียงตะโกนตอบรับ และจากนั้นก็เริ่มปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจได้ยินมา ขณะที่พิรุณแห่งพลังเวททั้งหลายตกลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว

อากาศบิดเบี้ยวไปมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขายังยืนอยู่ที่นั่น หอบหายใจอย่างหนักหน่วงออกมา สายตาแวบแสงเย็นชาผ่านกลุ่มฝูงชนไป ในตอนนี้ เขากลายเป็นเงาร่างอันเลือนลางที่อยู่ท่ามกลางแสงอันเจิดจ้าของวิชาเวทและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนนับแสน อาณาจักรแห่งความเป็นนิรันดร์ของเขาพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายเขากลับมา

ไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปได้!

ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ศิษย์สำนักเซี่ยเยามองดูด้วยจิตใจที่เต้นรัว สำหรับกลุ่มคนที่รอดชีวิตมาได้จากค่ายกลแรก พวกมันไม่มีทางจะลืมเลือนภาพเงาร่างอันเลือนลางของเจ้าสำนักน้อยนี้ไปได้ตลอดกาล

ภาพนั้นราวกับเป็นภาพเงาแห่งขุนเขา!

แต่โชคร้ายที่สงครามยังไม่ได้ข้อสรุป และการต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป

เวลาได้เลื่อนผ่านไปในลักษณะนี้ เพียงชั่วพริบตา สามวันก็ผ่านไป ตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่เจ็ดวัน กว่าที่ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวจะตื่นขึ้นมา!

เมิ่งฮ่าวจำไม่ได้ว่า ร่างกายเขาได้แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ไปแล้วกี่ครั้ง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าอาณาจักรแห่งความเป็นนิรันดร์ เขาก็คงจะตกตายไปนานแล้ว

ตอนนี้ เขาสามารถจะปลดปล่อยกระแสน้ำวนสีทองได้มากกว่าห้าสิบแห่ง

ปราณและโลหิตจำนวนมากมหาศาล ได้ไหลเข้าไปในร่างเขา รวมทั้งพลังพื้นฐานฝึกตนด้วย แต่…มันก็ยังไม่เพียงพอ

เมิ่งฮ่าวสั่นไปทั้งร่าง และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำ โลกของเขาในตอนนี้ได้กลายเป็นโลกสีโลหิตไปเรียบร้อยแล้ว

ตลอดช่วงเวลาสามวันมานี้ ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเข้าใจว่า ไม่มีอะไรที่มีความเป็นนิรันดร์อย่างแท้จริงในโลกนี้ ถึงแม้ว่าร่างกายเขาจะฟื้นคืนกลับมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ความรวดเร็วของมันก็เริ่มช้าลงไปเรื่อยๆ และร่างกายเขาก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการเหี่ยวแห้งลงไป

ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ศิษย์สำนักเซี่ยเยามองมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ขณะที่เจ้าสำนักน้อยของพวกมันใช้ร่างกายของตนเอง ปิดกั้นช่องโหว่เพียงหนึ่งเดียวของเกราะป้องกันไว้ จิตใจพวกมันรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกแทงด้วยใบมีดอันแหลมคม แม้แต่บางคนที่เฉยชาไม่ค่อยสนใจก็ยังต้องสั่นสะท้านด้วยเงาร่างของเมิ่งฮ่าว

แม้แต่ปรมาจารย์ที่กำลังต่อสู้อยู่กับปรมาจารย์อสูรโลหิต ต่างก็ต้องหวั่นไหวต่อภาพที่เกิดขึ้นตรงด้านล่าง

ในที่สุดหลังจากการสังหารเป็นเวลาสามวัน ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วที่ด้านล่าง ผู้ฝึกตนที่เป็นศัตรูนับแสน ส่วนใหญ่ได้ตกตายไป แต่พวกมันมีจำนวนมากเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นในภาพรวมทั้งหมดแล้วพวกมันก็ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่พวกมันสนใจก็คือว่า เมิ่งฮ่าวกำลังปิดกั้นช่องโหว่ไว้ ราวกับเป็นเทพแห่งการต่อสู้ ด้วยการมีเขากีดขวางเส้นทาง กองกำลังทั้งหมดก็ถูกปิดกั้นอยู่อีกด้าน

เสื้อผ้าเมิ่งฮ่าวเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต และสีหน้าก็ดูเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นโลหิต สำหรับศัตรูนับแสนของเขา ต่างก็คิดว่าเขาคือฝันร้ายที่ไม่อาจจะลืมเลือนไปได้ตลอดกาล

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังผู้ฝึกตนนับแสน และพวกมันก็จ้องมองกลับมา อันที่จริง ณ จุดนี้ พวกมันหลายคนเริ่มแอบชื่นชมเขาอยู่ภายในใจแล้ว

เขาเป็นบุรุษเพียงคนเดียว ที่กำลังปกป้องช่องโหว่เพียงหนึ่งเดียว เขาอาจจะมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ธรรมดา และอาจจะมีร่างกายที่แปลกประหลาด ซึ่งสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาเองได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เขากระทำนี้ก็ยังคงต้องการความกล้าหาญ

เขากำลังกระทำในสิ่งที่น้อยคนนักจะสามารถทำได้

ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็มองเห็นว่า ถึงแม้ร่างกายเขาจะสามารถรักษาตนเองได้ เขาก็กำลังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งความเหี่ยวแห้งออกมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังบรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว

ชายชราขั้นต้นค้นหาเต๋าแห่งสำนักอีเจี้ยน มองไปที่เขาอย่างเย็นชา และรังสีสังหารก็แวบขึ้นมาในดวงตาของมัน กล่าวว่า “ข้าไม่เคยชื่นชมใครมากนักในชีวิตของข้า แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือหนึ่งในกลุ่มคนส่วนน้อยเหล่านั้น!”

“เมื่อเจ้ามีเวทลี้ลับที่จะช่วยไม่ให้เจ้าตายไป ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็มาดูกันว่า เจ้าจะสามารถต่อต้านการโจมตีจากมรดกวิเศษอันล้ำค่าของพวกข้าได้กี่มากน้อย!”

“ปลดปล่อยมรดกวิเศษอันล้ำค่าออกมา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!