Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 755

ตอนที่ 755

ขออวยพรให้เจ้าพบแต่ความสุข

เมื่อกระถางสายฟ้าในมือเมิ่งฮ่าวเริ่มปะทุแสงอันเจิดจ้าขึ้น เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังขึ้นมา สีหน้าเจี้ยนเหล่าสลดลง และความรู้สึกอันเลวร้ายก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันกดมือลงไป ด้วยความตั้งใจจะแทงนิ้วเข้าไปในศีรษะของเฉินฝาน ทำให้มันบาดเจ็บเพื่อจะข่มขู่คุกคามเมิ่งฮ่าว

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นิ้วมันเริ่มขยับ พลังอันน่าตกใจก็พุ่งย้อนกลับเข้าไปในมือของมัน ราวกับว่าที่มันกำลังกดลงไปไม่ใช่เลือดเนื้อ แต่เป็นเหล็กที่ถูกเผาให้ร้อนจนเป็นสีแดง พลังที่สะท้อนกลับมานั้นทำให้มันรู้สึกราวกับว่ามีเข็มกำลังทิ่มแทงเข้าไปในฝ่ามือมัน เจี้ยนเหล่าตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ประหลาดใจยิ่งที่พบว่า แทนที่มันจะจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันกลับกำลังมองไปยังเฉินฝาน

จิตใจมันเต้นรัว ค่อยๆ มองลงไปที่มือของมัน ซึ่งกำลังวางอยู่บนศีรษะของเมิ่งฮ่าว!

ดวงตามันเบิกกว้าง หนังศีรษะด้านชา ทันใดนั้นมันก็พุ่งถอยไปด้านหลัง ด้วยจิตใจที่สับสน

“นั่นคือความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน!?!?!?” เจี้ยนเหล่าประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง และก็หวาดกลัวด้วยเช่นกัน มันกัดลงไปที่ปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นโลหิตออกมาบางส่วนทำให้มันสามารถหลบหนีไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิม

“คิดจะหนี?” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาแวบรังสีสังหารขึ้น ใช้มือซ้ายชี้นิ้วออกไป และร่างจริงที่สองก็ปลดปล่อยกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาออกมาในทันที ถึงแม้ว่าเจี้ยนเหล่าจะเคลื่อนที่ไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะหลบรอดจากกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาไปได้

กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาพุ่งมาถึงตัวมันในชั่วพริบตา ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นบิดเบี้ยวไปมา ด้วยความตกตะลึง ร่างของเจี้ยนเหล่าเริ่มแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว มันแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาแทงทะลุผ่านศีรษะมันไป

ถูกสังหารด้วยกระบี่เดียวดาย!

เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ไม่วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย ร่างของเจี้ยนเหล่าเหี่ยวแห้งลง แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันถูกสังหารไป เท่าที่มันรู้สึก แทบจะราวกับว่าเวลาได้ผ่านไปหนึ่งหมื่นปี จนมันกลายเป็นฝุ่นละอองที่ลอยไปตามสายลมอย่างรวดเร็ว

ไม่มีอะไรหลงเหลือที่พอจะบ่งบอกว่า มันเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน ตกตายไป…โดยสมบูรณ์

ผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณอีกสองคนของสำนักอีเจี้ยน พร้อมกับศิษย์อื่นๆ อีกนับหมื่นคน ต่างก็ตกตะลึงจนกลายเป็นความเงียบกริบ ใบหน้าพวกมันซีดขาว และเพียงไม่นานก่อนที่หนึ่งในผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณจะเริ่มคุกเข่าลงไปโขกศีรษะ

“เจ้าสำนักน้อย พวกเราขอยอมจำนนต่อสำนักเซี่ยเยา!”

ศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็คุกเข่าลงไปในทันที จิตใจพวกมันเต้นรัว และร้องออกมาด้วยเสียงสั่นสะท้าน “ขอคารวะ ท่านเจ้าสำนักน้อย!”

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงพวกมันจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่พวกมันก็มีจำนวนนับหมื่นคน ทำให้เสียงที่ร้องออกมานั้นก่อตัวเป็นคลื่นเสียงม้วนกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง

เมิ่งฮ่าวไม่ได้กล่าวตอบ แต่มองกลับไปยังเฉินฝาน ซึ่งมีใบหน้าที่โศกเศร้าเสียใจ เต็มไปด้วยสีหน้าที่ขาดความสนใจในชีวิต สำหรับมันแล้ว ชีวิตก็คือความเจ็บปวด ทำให้มันปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากไป

จิตใจเมิ่งฮ่าวปวดแปลบด้วยความรู้สึกอันเจ็บปวด ขณะที่คิดย้อนกลับไปถึงศิษย์พี่ที่คงอยู่ในความทรงจำของเขา คนผู้นั้นไม่ได้เป็นเช่นนี้ จิตใจทั้งหมดของคนผู้นั้นมุ่งมั่นที่จะไล่ตามเต๋า และมีความทะเยอทะยานที่สูงส่ง ถึงแม้ว่าในตอนนั้นมันจะน่าเบื่อและเคร่งเครียดอยู่เล็กน้อย แต่มันก็เป็นผู้กล้าซึ่งไม่เคยลังเลที่จะมายืนอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว เพื่อคอยปกป้องเขาจากอันตรายต่างๆ

เฉินฝานนั้นมองว่าเมิ่งฮ่าวเป็นศิษย์น้อง เป็นคนที่มันจำเป็นต้องคอยดูแล หลังจากที่สำนักของพวกเขาได้ล่มสลายไป มันเป็นศิษย์พี่ที่ต้องคอยห่วงใย แม้แต่เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเมิ่งฮ่าว

“ศิษย์พี่…” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

เฉินฝานนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะค่อยๆ มองขึ้นมายังเมิ่งฮ่าว หลังจากนั้นมันก็ฝืนยิ้มออกมา

“ศิษย์น้อง เจ้าเติบโตขึ้น…ข้ารู้สึกหมดกังวลแล้ว…ยังพอมีเวลาหรือไม่? พวกเรามาดื่มกันสักเล็กน้อย”

เมิ่งฮ่าวพยักหน้าในทันที โบกสะบัดมือให้ศิษย์สำนักอีเจี้ยน และศิษย์สำนักเซี่ยเยาลอยออกไป พวกมันทั้งหมดออกไปจากสำนัก นั่งขัดสมาธิรอคอยอยู่ที่ด้านนอก

ทั่วทั้งสำนักอีเจี้ยนเงียบสงัด เมิ่งฮ่าวและเฉินฝานนั่งลงอยู่บนยอดเขา อยู่ที่ด้านล่างของก้อนศิลาแปลกๆ เฉินฝานหยิบเอาขวดน้ำเต้าสุราออกมา ยื่นส่งให้กับเมิ่งฮ่าว

แววตาอันซับซ้อนมองเห็นได้ในดวงตาเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มให้คำแนะนำอย่างไรดี ดังนั้นจึงเพียงแค่รับขวดน้ำเต้ามาและดื่มลงไปอึกใหญ่

สุรามีรสร้อนแรง และคล้ายกับเป็นเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ ขณะที่ไหลลงไปในลำคอ

เฉินฝานมองไปยังก้อนศิลา และกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา “นางคือพี่สะใภ้ของเจ้า”

เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ

ขณะที่เฉินฝานกล่าวต่อไป หยดน้ำตาเริ่มไหลลงมาจากใบหน้า

“พวกเราให้คำสัญญาต่อกันว่า วิถีแห่งเซียนเต็มไปด้วยขวากหนาม และสิ่งที่คาดไม่ถึงมากมาย น่าจะดีกว่าถ้าพวกเรามาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน”

“ตอนนี้นางกำลังหลับอยู่ และจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกตลอดชีวิตนี้ แต่หลังจากนั้นก็อาจจะไม่แน่…ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อคอยเป็นเพื่อนนาง นั่นก็คือคำสัญญาของพวกเรา”

“ข้าปล่ยให้ท่านอาจารย์ต้องตายไป ข้าไม่คู่ควรที่จะเป็นศิษย์ของท่าน…” เฉินฝานดูคล้ายกับเป็นชายชรา หยดน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

มันแทบจะไม่เคยร้องไห้ แม้แต่ตอนที่มันและซานหลิงถูกจับกุม ถูกนำตัวกลับมายังสำนัก เมื่อซานหลิงตัดสินใจที่จะหลับไปตลอดกาล จิตใจมันมีหยดน้ำตา แต่ก็ไม่เคยจะไหลออกมา ครั้งแรกที่มันร้องไห้อย่างแท้จริง คือตอนที่ท่านอาจารย์ยอมรับการลงโทษแทนมัน

ครั้งที่สองที่มันร้องไห้ คือตอนที่ท่านอาจารย์ได้ตายไป

ครั้งที่สามคือที่แห่งนี้ ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

“ศิษย์พี่…” เมิ่งฮ่าวเริ่มกล่าวขึ้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี ดังนั้นเขาจึงหยุดลง หลังจากนั้น ความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตา ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น และหยดโลหิตก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาบนปลายนิ้ว

เมื่อหยดโลหิตปรากฏขึ้น ใบหน้าเขาก็ซีดขาวลงเล็กน้อย แสงสีโลหิตที่เป็นประกายปรากฏขึ้น และดวงตาของเฉินฝานก็เบิกกว้าง หลังจากนั้น ดวงตามันแวบขึ้นด้วยความเข้าใจ และมันก็ลุกขึ้นมายืน

สีหน้ามันเคร่งเครียด ร้องออกมา “ศิษย์น้อง! เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่!? หยุดเดี๋ยวนี้!”

“ศิษย์พี่ ข้าไม่อาจจะช่วยท่านได้มากนัก มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำเพื่อท่านได้ ก็คือช่วยฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนของท่านให้กลับคืนมา ด้วยเช่นนั้น อายุขัยของท่านก็จะเพิ่มขึ้น และท่านก็สามารถ…มีเวลาอยู่กับคนที่ท่านรักได้นานขึ้น” จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วออกไป โลหิตชีวิตของเขาก็พุ่งตรงไป และหลอมรวมเข้าไปในหน้าผากของเฉินฝานในทันที

เฉินฝานสั่นสะท้าน หลายปีก่อน วิญญาณแรกก่อตั้งของมันถูกทำลายไป เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว แต่ในตอนนี้ เวลาดูเหมือนจะไหลย้อนกลับ เมื่อวิญญาณแรกก่อตั้งของมันดูดซับโลหิตเข้าไป รอยแตกร้าวก็ประสานปิดกลับไปเป็นเหมือนเดิม

โลหิตนี้ไม่ได้ประกอบด้วยพลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังประกอบด้วยพลังของอาณาจักรแห่งความเป็นนิรันดร์อีกด้วย เป็นเพราะพลังนี้จึงทำให้พื้นฐานฝึกตนของเฉินฝานฟื้นฟูกลับคืนมา

แน่นอนว่า เมิ่งฮ่าวมีหยดโลหิตชีวิตเช่นนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเขาแยกมันออกไปมากกว่านี้ ความเป็นนิรันดร์ภายในร่างเขาก็จะไม่มีอีกต่อไป

แต่เฉินฝานก็คือศิษย์พี่ของเขา มิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นมาระหว่างคนทั้งสอง และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีตที่ผ่านมานั้น ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย ถ้าเขาไม่มอบโลหิตชีวิตให้กับเฉินฝาน นั่นก็จะหมายความว่า…เขาไม่ใช่เมิ่งฮ่าว

เฉินฝานเริ่มสั่นสะท้าน และหลังจากผ่านไปชั่วขณะ ก็กระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่วิญญาณแรกก่อตั้งได้ปรากฏขึ้นใหม่ในทันที ตอนนี้มันมีวิญญาณแรกก่อตั้งอีกครั้ง พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นมา และเส้นผมสีดอกเลาก็กลายเป็นสีดำไป

รูปลักษณ์ที่เคยแก่ชราของมัน ก็กลับมาเป็นหนุ่มดูเป็นผู้กล้าหาญขึ้นอีกครั้ง มันไม่ได้ดูคล้ายกับชายชราอีกต่อไป กลายเป็นบุรุษวัยกลางคน ที่เต็มไปด้วยพละกำลัง

ตอนนี้มันดูคล้ายกับเฉินฝานที่เมิ่งฮ่าวเคยจำได้มากยิ่งขึ้น

เฉินฝานเหม่อมองไปยังเมิ่งฮ่าว “ศิษย์น้อง, เจ้า…”

“ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงอ่อนโยน “ท่านคือศิษย์พี่ของข้า…”

เฉินฝานนิ่งเงียบ หลังจากเวลานานผ่านไป ก็ค่อยๆ พยักหน้าอย่างช้าๆ หยิบขวดน้ำเต้าสุราขึ้นมา มองไปยังก้อนศิลา และเริ่มดื่มลงไป

ท้องฟ้าค่อยๆ เริ่มมืดลง ในที่สุดดวงจันทร์ก็เริ่มส่องแสงสว่าง เมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า เมิ่งฮ่าวก็เริ่มต้นพูดคุย คนทั้งสองเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับสำนักเอกะเทวะ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในดินแดนด้านใต้หลังจากนั้น พวกเขาพูดเกี่ยวกับสิ่งสวยงามทั้งหมดจากความทรงจำเมื่อในอดีต

เมื่อดวงตะวันลอยสูงขึ้นไปในท้องฟ้า เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นยืน

“ศิษย์พี่, ข้าจำเป็นต้องไปแล้ว…ถ้าท่านเริ่มเบื่อที่นี่ ก็ไปหาข้าที่สำนักเซี่ยเยาได้ตลอดเวลา”

เฉินฝานไม่กล่าวตอบในตอนแรก มองไปยังก้อนศิลา และหญิงสาวที่หลับใหลอยู่ด้านใน

“เจ้าเติบโตขึ้นแล้ว” มันกล่าวเสียงอ่อนโยน “และศิษย์พี่ของเจ้าก็เริ่มแก่ชราลง…อย่าได้กังวลข้า เจ้าเดินไปตามเส้นทางของเจ้า…และข้าก็จะเดินไปตามเส้นทางของข้า ข้าจะอยู่กับนางที่นี่ จนถึงวันที่ข้าหลับไม่ตื่นอีกต่อไป”

“เมื่อวันนั้นมาถึง ศิษย์น้อง…ท่านจะมาช่วยฝังข้าไว้ที่นี่ได้หรือไม่? นั่นเป็นหนทางที่ข้าจะสามารถเฝ้ามองดูดวงตะวันขึ้นและตกไปพร้อมกับนางชั่วนิรันดร์ ถ้าชาติหน้ามีจริง…ข้าก็จะมาค้นหาสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง กี่ชาติก็ตามที…ข้าจะเฝ้ารอจนกระทั่งถึงวันที่นางตื่นขึ้นมา” มันหันหน้า มองเข้าไปในดวงตาเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง

“ศิษย์น้อง…ดูแลตัวเองด้วย ศิษย์พี่ของเจ้าไม่ได้เก่งกาจนัก ดังนั้นสิ่งที่ข้าทำได้ก็คือ…ขออวยพรให้เจ้าพบเจอแต่ความสุข ข้าหวังว่าเส้นทางของเจ้า…จะนำเจ้าไปสู่ความยิ่งใหญ่!”

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังเฉินฝาน และใบหน้าก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน เขายังมีความรู้สึกอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้อยู่ในจิตใจ ที่ทำให้เขาเชื่อว่า เขาจะไม่มีทางลืมคนผู้หนึ่งในสำนักเอกะเทวะ ที่มุ่งมั่นจะไล่ตามเต๋า เขาจะไม่มีทางลืมคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาเพื่อคอยปกป้องคุ้มครองเขา เขาจะไม่มีทางลืมได้เช่นกันว่า…ศิษย์พี่นับจากนี้ไป เป็นผู้ที่กำลังยืนพึมพำเรื่องราวของมันอยู่ที่นั่นอย่างแผ่วเบา

“ศิษย์พี่…ดูแลตัวเองด้วย” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ จากนั้นก็หันหลังและจากไป แอบถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

เฉินฝานนั่งลงขัดสมาธิ และมองดูเมิ่งฮ่าวจากไป

“หลิงเอ๋อร์ มันเป็นศิษย์น้องของข้า ในจิตใจข้า มันก็คือครอบครัวของข้า…ข้ามีคนในครอบครัวไม่มากนัก มีเพียงแค่มันและศิษย์น้องหญิงสวี่ เพียงสองคนเท่านั้น”

“ถ้าเจ้ายังคงรับรู้ถึงโลกด้านนอกได้บ้าง พวกเราก็มาอวยพรด้วยกัน ให้พวกมันได้พบกับความสุข…”

เมิ่งฮ่าวบินออกไปจากสำนักอีเจี้ยน ทันทีที่เขาปรากฏกายขึ้น ศิษย์สำนักอีเจี้ยนและผู้ฝึกตนสำนักเซี่ยเยาต่างก็ลุกขึ้นมายืน ด้วยสีหน้าที่มีความเคารพอย่างลึกล้ำ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเหล่าศิษย์สำนักอีเจี้ยน และกล่าวว่า “ดึงเส้นใยจากวิญญาณของพวกเจ้าออกมา และกล่าวคำสาบานด้วยโลหิต หลังจากนั้นพวกเจ้าก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ต่อไป และกลายเป็นสาขาย่อยของสำนักเซี่ยเยา ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่แผ่นหยก, บันทึกโบราณ และมรดกของวิเศษต่างๆ จะต้องส่งมอบให้กับสำนักเซี่ยเยา”

“นับจากนี้เป็นต้นไป จะไม่มีสำนักอีเจี้ยนอยู่ในดินแดนด้านใต้อีก จะเป็นเพียงแค่สาขาย่อยของสำนักเซี่ยเยาเท่านั้น”

“บุรุษที่นั่งอยู่ใต้ก้อนศิลาบนยอดเขาก็คือศิษย์พี่ข้าเฉินฝาน ห้ามไม่ให้ใครเหยียบย่างขึ้นไปบนภูเขานั้นแม้แต่ครึ่งก้าว ไม่ว่าผู้ใดก็ตามห้ามต่อต้านมันแม้แต่น้อย”

ศิษย์สำนักอีเจี้ยนส่งเสียงรับคำ เมื่อตอนที่พวกมันยอมจำนน ก็ได้เตรียมใจไว้แล้วว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เส้นใยวิญญาณและคำสาบานโลหิตของพวกมัน ถูกจัดการโดยสำนักเซี่ยเยา จากนั้นก็กลายเป็นแผ่นป้ายวิญญาณ ถูกนำมามอบให้กับเมิ่งฮ่าว ต่อมาอาวุธเวท, บันทึกโบราณ รวมทั้งมรดกของวิเศษต่างๆ ในห้องเก็บสมบัติก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไป

ในที่สุด ศิษย์ของสำนักเซี่ยเยาบางคนก็มาประจำการอยู่ที่นี่อย่างถาวร หลังจากนั้น…

เป้าหมายต่อไปของพวกเขาก็คือ…สำนักจินหาน!

สำหรับร่างจริงที่สอง มันได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว ถูกเมิ่งฮ่าวส่งไปยังที่แห่งอื่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!