Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 757

ตอนที่ 757

หายนะของตระกูลหลี่

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเจ้าอ้วน ศิษย์สำนักจินหานทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของปรมาจารย์ตัดวิญญาณบิดเบี้ยว จากนั้นมันก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพยายามพูดจาราวกับว่ามันกำลังรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก

“เด็กดี, ช่างเป็นเด็กที่ดีจริงๆ!!”

“สำนักนี้จะไม่มีทางลืมเจ้าไปได้! เจ้าคือผู้กล้าของสำนักพวกเรา!”

“ดี, เหล่าฟูจะมอบรอยสักให้กับเจ้า!” ด้วยเช่นนั้น ปรมาจารย์ตัดวิญญาณก็โบกสะบัดมือขวาตรงไปยังเจ้าอ้วน ทำให้ตัวอักษร ‘เจ้าสำนักน้อยแห่งจินหานจง’ ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของมัน

ตัวอักษรเหล่านั้นถูกสลักลงไป…ค่อนข้างลึก ทำให้เกิดเป็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้น จนเจ้าอ้วนต้องกัดฟันแน่น และยังมีหยดน้ำตาไหลออกมาอีกด้วย แต่มันก็ไม่แผดร้องออกมา เมื่อตัวอักษรถูกสักลงไปเรียบร้อยแล้ว มันก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็กวาดมองไปยังสหายร่วมสำนักด้วยสายตาอันลึกล้ำ

“ข้ากำลังจะไปแล้ว และบางทีก็อาจจะไม่ได้กลับมาอีก แต่ถึงแม้ว่าข้าจะตายไป ข้าก็ยังเป็นคนของสำนักจินหาน ทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณ!”

“เหล่าสหายเต๋า! ภรรยาที่น่ารักและสวยงามทั้งหลาย! ข้าไปก่อนนะ!” ด้วยเช่นนั้น มันก็บินออกไปจากสำนัก

ขณะที่มันบินฝ่าอากาศไป มีศิษย์อยู่ไม่น้อยที่มีสีหน้าอันน่าเกลียดปรากฏขึ้น และบางคนยังได้เริ่มพูดจาด้วยความสงสัยขึ้นอีกด้วย

“ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่า การกระทำของศิษย์พี่หลี่เมื่อครู่นี้ดูแปลกๆ ไป?”

เพื่อที่จะตอบคำถามนี้ ก็ยังมีศิษย์อีกไม่น้อยที่ขมวดคิ้วอยู่และกำลังจะกล่าวตอบ แต่ปรมาจารย์ตัดวิญญาณก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา

“หลี่ฟูกุ้ยยินดีที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อสำนัก และยังได้ร้องขอให้ข้าสลักรอยสักนั่นให้กับมัน…” หลังจากที่กล่าวถึงรอยสัก ปรมาจารย์ตัดวิญญาณก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ เกิดความขัดแย้งกันเองอยู่ภายในใจ ถึงแม้ว่าในตอนแรกมันจะไม่รู้ถึงเบาะแสใดๆ แต่มันก็มีชีวิตอยู่มานานหลายปีมาก แล้วทำไมมันถึงไม่อาจจะมองเห็นพฤติกรรมที่แปลกๆ ของเจ้าอ้วน?

หลังจากที่ครุ่นคิดเพียงไม่นาน มันก็เข้าใจได้ทั้งหมดว่าเจ้าอ้วนกำลังใช้สถานการณ์นี้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ตัดวิญญาณไม่อาจจะยืนยันความคิดนี้ได้ แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในตอนนี้ มันก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้

มันไม่เพียงแต่จะถูกบีบบังคับให้พูดออกมาไม่ได้แล้ว ยังต้องช่วยปกปิดเรื่องที่เด่นสะดุดตาของเจ้าอ้วนเมื่อครู่นี้อีกด้วย ต้องพยายามทำให้เรื่องราวดูเหมือนจะน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ขณะที่มันตระหนักถึงเรื่องนี้ ก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ใครก็ตามที่สงสัย ก็สามารถจะลองทำแบบมันได้ถ้าต้องการ!” มันกล่าวต่อไป

เมื่อมันคิดย้อนกลับไปตอนที่สลักรอยสักให้กับเจ้าอ้วน ปรมาจารย์ตัดวิญญาณก็ต้องคิดไปว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องหลอกลวงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมหลี่ฟูกุ้ยถึงดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก?” มันคิด “บัดซบ, ที่มันต้องการก็คือรอยสักตัวอักษรนั่นเอง…เจ้า, เจ้า, เจ้า…!”

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าอ้วนและเมิ่งฮ่าว มันคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปมีเรื่องด้วย ดังนั้นมันจึงเริ่มคิดว่าคงจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงช่วยสลักรอยสักให้ ก็เพื่อให้คนทั้งหมดเชื่อถือนั่นเอง

ขณะที่ปรมาจารย์ตัดวิญญาณกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดเช่นนั้น เจ้าอ้วนกำลังบินออกไปจากสำนัก ใบหน้าเยือกเย็นอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความตายเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจมันกำลังยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก

“ฮา ฮา ฮา!” มันแอบหัวเราะอยู่ในใจ “พั่งเหยีย (ท่านปู่อ้วน) ช่างฉลาดนัก! โดยเฉพาะรอยสักนั่น! บิดาได้กลายเป็นเจ้าสำนักน้อยแล้ว ในวันข้างหน้า ถ้ามีใครกล้าไม่ยอมรับว่าข้าคือเจ้าสำนักน้อย ข้าก็จะถอดเสื้อให้มันดู!” ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างพอใจในตนเอง มันบินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่กลางอากาศรออยู่ เมื่อเขามองเห็นก้อนเนื้อลูกทรงกลมสีขาวแวววาว กำลังบินฝ่าอากาศตรงมา เขาก็อ้าปากค้าง จ้องมองไปด้วยความประหลาดใจยังเจ้าอ้วนขณะที่มันมาถึง เขาโบกสะบัดมือ ทำให้เขตพื้นที่รอบๆ คนทั้งสองเลือนลางลง จากนั้นก็สังเกตเห็นตัวอักษรที่ถูกสักอยู่บนแผ่นหลังเจ้าอ้วน

“เป็นอย่างไร, เป็นอย่างไร!” เจ้าอ้วนถาม ด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างที่สุด

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปชั่วขณะ จากนั้นก็ถอนหายใจยาวออกมา

“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าอ้วนถาม ดูไม่ค่อยยินดีเท่าใดนัก หยิบเอามีดบินออกมาโดยไม่รู้ตัว และเริ่มถูตะไบไปที่ฟันของมัน

“ทำไมเจ้าถึงได้มีความทะเยอทะยานต่ำเช่นนั้น?” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา “ทำไมเจ้าถึงไม่ให้พวกมันเขียนว่า ‘เจ้าสำนักแห่งจินหานจง?”

ทันใดนั้นเจ้าอ้วนก็หยุดถูตะไบฟันของมัน ดวงตาเบิกกว้าง ส่งเสียงแผดร้องออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นโลหิต

“บัดซบ! บัดซบ! ทำไมข้าไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้?! คงไม่ดีแน่ เมิ่งฮ่าว อย่าได้ยอมรับเงื่อนไขใดๆ รอสักครู่ ข้าจะกลับไปอีกครั้ง!” มันหันหลัง และกำลังจะพุ่งกลับไปยังสำนัก แต่เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกไปคว้าจับแขนมันไว้

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเจ้าอ้วนอย่างเงียบๆ จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปยังพฤติกรรมที่ชอบทำเรื่องวุ่นวายขึ้นของมัน ตอนที่อยู่ในสำนักเอกะเทวะ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง

“เจ้าสำนักน้อยก็เยี่ยมแล้ว” เขากล่าวอย่างรวดเร็ว “ดูข้าสิ ข้าก็เป็นเจ้าสำนักน้อยด้วยเช่นกัน” ด้วยความกังวลว่าเจ้าอ้วนจะทำให้เรื่องราวหยุ่งเหยิงขึ้นต่อไป เขารีบเปล่งเสียงให้ดังกระจายไปทั่วสำนักจินหานอย่างรวดเร็ว

“สำนักจินหาน เมื่อหลี่ฟูกุ้ยได้กลายเป็นเจ้าสำนักน้อย ข้าก็จะละเว้นโทษตายของพวกเจ้าที่บุกไปล้อมสำนักเซี่ยเยา นับจากนี้ไปพวกเจ้าก็คือส่วนหนึ่งของสำนักเซี่ยเยา!”

“ข้าจะยอมให้พวกเจ้ายังคงมีวิชาเต๋าหลักและหลักคำสอนของตนเองไว้ แต่พวกเจ้าต้องส่งมอบเส้นใยวิญญาณและเปล่งคำสาบานโลหิตออกมาเดี๋ยวนี้!”

ด้วยการตอบรับคำพูดของเมิ่งฮ่าว ค่ายกลเวทสำนักจินหานก็เปิดออกเผยให้เห็นสำนักที่อยู่ภายใน ปรมาจารย์ตัดวิญญาณ รวมทั้งศิษย์นับหมื่น ต่างก็บินออกมา ก้มศีรษะลงให้กับเมิ่งฮ่าว

“พวกเราจะปฏิบัติตามกฎของสำนักเซี่ยเยาอย่างเคร่งครัด!”

สำนักจินหานยอมจำนน และพวกมันทั้งหมดก็ส่งมอบเส้นใยวิญญาณและเปล่งคำสาบานโลหิตออกมา เจ้าอ้วนกลายเป็นเจ้าสำนักน้อยสำนักจินหาน ถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา นอกจากนี้การคุกคามจากเมิ่งฮ่าวก็น่ากลัวมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจของพวกมันก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก ถ้าเมิ่งฮ่าวบังคับให้พวกมันยกตำแหน่งเจ้าสำนักน้อยให้เจ้าอ้วนด้วยตนเอง เหตุการณ์ก็อาจจะแตกต่างออกไป แต่การแก้ไขปัญหาของสำนักจินหานด้วยวิธีการเช่นนี้ ถึงจะไม่ใช่ความคิดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็ยอมรับมันได้

แต่เขาก็รู้สึกผิดต่อศิษย์สำนักเซี่ยเยาอยู่เล็กน้อย พวกมันมาด้วยความมุ่งมั่นต้องการจะล้างแค้น แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะสังหารใครได้แม้แต่คนเดียว เพลิงโทสะและความเดือดดาลใจของพวกมันได้แต่ตกตะกอนอยู่ภายในจิตใจ ไม่มีที่ให้ระบายออก

รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว

“ต่อไปเป็นตระกูลหลี่!” เขาร้องตะโกนขึ้น

เมิ่งฮ่าวไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อตระกูลหลี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่เต้าอี ที่เคยพบกันเมื่อหลายปีก่อน กับอีกหนึ่งคนของตระกูลหลี่ที่เมิ่งฮ่าวมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั่นก็คือปรมาจารย์ตระกูลหลี่ที่อยู่ภายในหน้ากากสีโลหิต ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นวิญญาณสายฟ้าไปแล้ว

เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปหาศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่ด้านหลัง ซึ่งได้สะกดข่มรังสีสังหารไว้นานมากแล้ว และกล่าวว่า “ห้ามไม่ให้ตระกูลหลี่รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

ด้วยเช่นนั้น เขาก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ บินขึ้นไปในอากาศ ผู้ฝึกตนนับหมื่นของสำนักเซี่ยเยากลายเป็นลำแสง ขณะที่ติดตามเขาไปด้วยความต้องการสังหารอย่างแน่วแน่ ในการต่อสู้ของสำนักเซี่ยเยา พวกมันแทบไม่อาจจะมีชีวิตรอดออกมาได้ และสหายส่วนใหญ่ของพวกมันก็ได้ตายไป ทำให้ความต้องการแก้แค้นลุกโชนขึ้นมาอย่างลึกล้ำในตอนนี้

นี่ก็คือศัตรูที่ต้องชำระล้างด้วยโลหิตเท่านั้น!

สำนักชิงหลัวล่มสลายไปแล้ว สำนักอีเจี้ยนก็ยอมจำนน สำนักจินหานมีหลี่ฟูกุ้ย ทำให้พวกมันเข้าใจดีถึงการตัดสินใจของเมิ่งฮ่าว แต่ความต้องการเข่นฆ่าของพวกมันได้ถูกสะกดไว้เป็นเวลานานแล้ว จำเป็นที่ต้องถูกปลดปล่อยออกมา

สถานที่ที่จะปลดปล่อยนั้นไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากเป็นตระกูลหลี่!

ไม่มีความเงียบอยู่ในตระกูลหลี่ มีแต่เสียงอันคึกคักจอแจ สมาชิกของตระกูลมีชีวิตรอดเหลืออยู่นับหมื่นคน และปรมาจารย์ขั้นต้นค้นหาเต๋าที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็ตื่นขึ้นมาจากหลับใหลเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ พวกมันกำลังพยายามจะเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปจากดินแดนด้านใต้ทั้งตระกูล

เดิมทีพวกมันคิดว่าการปิดผนึกตระกูลออกจากโลกภายนอก ก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะป้องกันการแก้แค้นจากสำนักเซี่ยเยาได้ แต่ค่ายกลเวทของสำนักอีเจี้ยนที่แหลกสลายไป ได้ทำลายความหวังของพวกมันไป ในตอนนี้พวกมันต่างก็ตระหนักว่า…ตระกูลหลี่ไม่อาจจะคงอยู่ในดินแดนด้านใต้ได้อีกต่อไป

พวกมันเคยคิดว่าจะยอมจำนน แต่เมื่อสำนักอีเจี้ยนได้ทำเช่นนั้นไปแล้ว ทำให้ปรมาจารย์ค้นหาเต๋าของตระกูลหลี่ตระหนักว่ามหันตภัยอันร้ายแรงกำลังมุ่งหน้ามายังพวกมันแล้ว

“สำนักเซี่ยเยาได้ระดมพลมาเพื่อล้างแค้นให้จงได้ แต่ก็ไม่มีการสังหารใดๆ เกิดขึ้นที่สำนักชิงหลัว, สำนักอีเจี้ยน หรือสำนักจินหาน…นั่นก็หมายความว่าตระกูลหลี่กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง!” ปรมาจารย์ตระกูลหลี่กล่าว โดยไม่มีการลังเลใดๆ พวกมันเริ่มเตรียมการที่จะเคลื่อนย้ายตระกูลออกไปจากดินแดนด้านใต้

แต่โชคร้าย แทบจะในทันทีที่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของพวกมันเริ่มจะหมุนวน เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ และสัญลักษณ์เวทที่ก่อตัวกันขึ้นเป็นร่มขนาดใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบนตระกูลหลี่

ร่มนั้นสาดประกายออกมาอย่างไร้ขอบเขต ขณะที่มันระเบิดออกในทันที ทำให้ระลอกคลื่นที่ไร้รูปแบบกระจายออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งตระกูลหลี่ ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ แต่ทำการปิดผนึกมันไว้

เมื่อถูกปิดผนึก ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของตระกูลหลี่ก็หยุดทำงานลงในทันที

ผนึกนี้ก่อตัวขึ้นมาจากพลังของเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า เพียงชั่วพริบตา ก็กระจายออกไปไกลถึงหนึ่งพันหลี่ทั่วทุกทิศทาง

สถานที่แห่งนี้กลายเป็นโลกส่วนตัว ถูกตัดขาดจากสิ่งใดๆ โดยสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่าตระกูลหลี่จะมีผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าอยู่ แต่การมีของวิเศษคอยช่วยเหลือ ก็ทำให้พวกมันยากที่จะทำลายผนึกนี้ลงไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาเข้าฌาณลอยตัวอยู่กลางอากาศเหนือตระกูลหลี่อยู่ในตอนนี้อีกด้วย

เมิ่งฮ่าวส่งร่างจริงที่สองออกมาจากสำนักอีเจี้ยน ให้มายังตระกูลหลี่โดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลหลี่พยายามหลบหนีจากไป หลังจากที่ได้รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับสำนักอื่นๆ

ถึงแม้ว่าร่างจริงที่สองจะนั่งหลับตาอยู่ที่นั่น แต่ร่างมันก็กระจายแรงกดดันขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าออกมา ทำให้สมาชิกตระกูลหลี่ทั้งหมดที่อยู่ภายในอาณาเขตของผนึก ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เป็นความหวาดกลัวที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกในจิตใจ และกระจายออกไปทั่วทั้งตระกูลอย่างรวดเร็ว

“เมิ่งฮ่าว!” ปรมาจารย์ขั้นต้นค้นหาเต๋าตระกูลหลี่กล่าว ซึ่งก็คือปรมาจารย์รุ่นที่เก้า มันบินออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูล โบกสะบัดชายแขนเสื้อทำให้ม้วนภาพวาดปรากฏขึ้น

ม้วนภาพนั้นวาดเป็นรูปหญิงสาวที่กำลังนั่งหลับตาเข้าฌาณ เพียงมองแค่แวบแรก ก็ดูเหมือนว่านางจะมีความงดงามอย่างโดดเด่นจนยากจะอธิบายออกมาได้ แต่เมื่อมองดูให้ละเอียดมากไปกว่านั้น ก็จะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของนางค่อนข้างจะเลือนลางไม่ชัดเจน ทันทีที่นางปรากฏขึ้น ระลอกคลื่นอันน่าตกใจก็กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ปรมาจารย์รุ่นเก้าตระกูลหลี่ขยับมือร่ายเวท ทำให้ระลอกคลื่นนั้นม้วนตัวฝ่าอากาศไปโจมตียังร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าว

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และอากาศก็บิดเบี้ยวไปมา ร่างจริงที่สองค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นถึงแววตาที่เย็นชา มันมองลงไปยังปรมาจารย์รุ่นเก้าตระกูลหลี่ แค่นเสียงเย็นชาออกมา และชี้นิ้วลงไป

การชี้ลงไปนี้ทำให้เมืองที่ด้านล่างเริ่มสั่นไปมาในทันที สัญญาณแห่งความเหี่ยวแห้งเริ่มปรากฏขึ้นอยู่ภายในร่างของผู้ฝึกตนทั้งหมด แทบจะเหมือนกับว่ากฎแห่งธรรมชาติภายในโลกที่ถูกผนึกไว้อยู่นี้ได้เปลี่ยนแปลงไป

สีหน้าของปรมาจารย์รุ่นเก้าตระกูลหลี่สลดลง มันแอบร้องตะโกนอยู่ภายในใจ จากนั้นก็กัดปลายลิ้น พ่นโลหิตออกมา และถูกม้วนภาพนั้นดูดซับเข้าไป

“ท่านบรรพบุรุษ ช่วยข้าด้วย!!” มันร้องออกมาอย่างน่าสังเวช

ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกมา ม้วนภาพนั้นก็ลุกเป็นไฟขึ้น และหญิงสาวที่อยู่ด้านในก็ลืมตาขึ้นมา!

เมื่อนางพูด ก็เกิดเป็นเสียงแหลมเล็กและฟังดูแปลกๆ ขึ้น “เดิมทีตระกูลหลี่ไม่ได้อยู่ที่ดาวหนานเทียน แต่มาจากดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) ถ้าเจ้ายืนยันที่จะสังหารกลุ่มคนเหล่านี้ สหายเต๋า, ตระกูลหลี่ก็จะไม่ยอมหยุดจนกว่าเจ้าจะตายไป”

“ข้าไม่ถือสาที่เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับที่มาของตระกูลหลี่ ดังนั้นให้ตัดแขนทั้งสองข้างของเจ้าเพื่อเป็นการลงโทษ หรือจะให้ควักนัยน์ตาทั้งคู่ของเจ้าออกมา…เพื่อลงโทษต่อบุคคลซึ่งไม่ใช่คนของตระกูลหลี่ที่มองมายังข้า”

“เจ้าจะเลือกทางไหน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!