Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 800

ตอนที่ 800

(จบภาค 5)

ทัณฑ์ทรมานปีที่เจ็ด!

“เสียวจู่ ตอนนี้ท่านต้องเรียนแล้ว…”

“เสียวจู่ หยุดรังแกเว่ยกงจื่อ (คุณชายเว่ย) ได้แล้ว! มันกำลังร้องไห้เพราะท่านไปตีมัน!”

“ไอ้หยา! เสียวจู่ อย่าได้ข่มเหงหลิงเอ๋อร์อีก นาง…นางคือภรรยาในอนาคตของท่าน! ท่านปรมาจารย์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว!”

เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างกับทุกสรรพสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มองไปยังตนเองที่มีอายุห้าขวบ กำลังชกต่อยอยู่กับเด็กชายที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเด็กชายได้ไปฟ้องร้อง ทำให้เขาโดนพี่สาวตี นี่คือการแก้แค้นของเขา ในที่สุดเด็กชายผู้นั้นก็ร้องไห้และร้องขอความเมตตาออกมา อีกภาพหนึ่งเขามองเห็นตนเองกำลังจุดไฟ ไปที่ผมของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีอายุเท่ากับเขา นั่นทำให้เขารู้สึกค่อนข้างตกใจ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า…เด็กคนนี้คงไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่?

เขามองเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยมากมาย และได้เห็นชีวิตที่มีอิสระไร้ความกังวลใจใดๆ ด้วยเช่นกัน เป็นชีวิตที่มีความสุขอย่างเรียบง่าย จนกระทั่งเขามีอายุได้เจ็ดขวบ

เขาไม่ได้รักการเรียนหนังสือเลยแม้แต่น้อย ทำให้เมิ่งฮ่าวนึกขึ้นได้ถึงการสอบเป็นขุนนางที่ย่ำแย่ของเขา

อย่างไรก็ตาม ในวันเกิดปีที่เจ็ดของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!

เมื่อวันครบรอบปีที่เจ็ดของเขามาถึง บางสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็เกิดขึ้นกับเขา มันเป็นความโชคร้าย เป็นเรื่องราวที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขนานใหญ่ไปทั่วทั้งตระกูลฟาง ถึงแม้ว่าข่าวคราวนั้นจะถูกปกปิดไว้อย่างรวดเร็วก็ตามที

ตระกูลฟางมีมรดกสายโลหิต เป็นเวทแห่งเต๋าที่ต่อต้านสวรรค์มาโดยสิ้นเชิง ซึ่งแตกต่างไปจากสายโลหิตของสมาชิกจากตระกูลอื่นๆ เป็นเวทแห่งเต๋าที่สามารถทำให้…เนี่ยผาน (นิพพาน หรือ หลุดพ้นการเกิดใหม่) เกิดขึ้นมาใหม่ได้สี่ครั้ง! เป็นความสามารถที่จะช่วยให้พวกมันมีโอกาสมีชีวิตอยู่ได้สี่ชีวิต!

ตัวอักษร ‘方’ (ฟาง) ประกอบด้วยสี่ขีด ซึ่งเทียบได้กับสี่ชีวิตนั้น ด้วยเวทแห่งเต๋าเช่นนี้ จึงทำให้ตระกูลฟางยังคงแข็งแกร่งโดดเด่นอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้านี้ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยของราชันหลี่หรือราชันจี้

สมาชิกของตระกูลใดๆ ก็ตามที่ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับเครื่องหมายเนี่ยผานนี้ จะถูกถือว่าเป็นผู้ถูกเลือก ถ้าสมาชิกของตระกูลถือกำเนิดขึ้นมาโดยไม่มีเครื่องหมายนี้ ก็ยากที่จะก้าวหน้าต่อไปในชีวิต

ยิ่งไปกว่านั้น…ในตลอดหลายปีมานี้ ก็ไม่เคยจะได้ยินว่ามีใครมีชีวิตอยู่ถึงสี่ชีวิตจริงๆ แม้แต่ปรมาจารย์ของตระกูลบางคน เมื่อแก่ชราและอ่อนแอลงไป ก็มีการเกิดใหม่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น สำหรับคนที่เคยเกิดใหม่ถึงสองครั้งก็ยิ่งหายากมากที่สุด

จำเป็นต้องมีพื้นฐานฝึกตนที่ลึกล้ำ รวมทั้งมีสายโลหิตตระกูลฟางที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมากเท่านั้น

ทุกครั้งที่มีการเกิดใหม่ ดอกเนี่ยผานก็จะเบ่งบาน หลอมรวมเข้าไปในร่างกาย ทำให้มันมีมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งชีวิตของคนผู้นั้น!

เมื่อครบรอบวันเกิดปีที่เจ็ดของเมิ่งฮ่าว…เขาก็พบกับการเกิดใหม่!

เขาไม่มีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่ง แต่…ก็ยังต้องเผชิญกับการเกิดใหม่!

เรื่องราวเช่นนี้ทำให้ตระกูลฟางทั้งหมดต้องตกตะลึง บิดามารดาของเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งมีความประหลาดใจมากกว่าผู้ใด!

นั่นเป็นเพราะว่า…ถึงแม้ว่าการเกิดใหม่จะเป็นเรื่องดี ทำให้สามารถมีชีวิตได้มากกว่าหนึ่งชีวิต แต่สำหรับสิ่งเช่นนี้ที่มาเกิดขึ้นกับเด็กอายุเจ็ดขวบ ก็ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติอันโหดร้าย!

เขาไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป ในขณะที่อนาคตอันไร้ขีดจำกัดรออยู่ที่เบื้องหน้า ยังไม่ทันได้เติบโตก็ต้องมาตายไปก่อน ร่างกายเลือดเนื้อและโชควาสนาทั้งหมดของเขาต้องมีการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!

ร่างกายเขาเริ่มย้อนกลับไปจากอายุเจ็ดขวบ จนกระทั่งตกอยู่ในสถานะเดียวกับในตอนที่ถือกำเนิดขึ้นมา เครื่องหมายเนี่ยผานบนหลังมือเขาได้จางหายไปบางส่วน และชิ้นส่วนของมันล่วงหล่นลงไป จากนั้นก็กลายเป็นดอกไม้ อย่างน่าตกใจยิ่งดอกไม้นั้น…ได้บานขึ้นจนกลายเป็นผลไม้!

ผลไม้นั้นทำให้ตระกูลฟางตกตะลึงมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้แต่ปรมาจารย์ซึ่งขังตนเองเพื่อนั่งเข้าฌาณตามลำพังก็ยังต้องออกมาดู

จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา จุดสูงสุดของเวทแห่งเต๋าเนี่ยผานแห่งตระกูลฟางก็คือผลไม้เนี่ยผาน!

ผลไม้เนี่ยผานเป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น แต่ก็มีผู้คนในทุกรุ่นสามารถสร้างมันขึ้นมาได้…อย่างไรก็ตามเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่ผลไม้เนี่ยผานถูกพูดถึงแต่ในตำนานของตระกูลฟางเท่านั้น จนกระทั่งถึงจุดที่ว่าทั่วทั้งตระกูลฟาง ไม่มีผลไม้เนี่ยผานที่เหี่ยวแห้งไร้กลิ่นอายใดๆ หลงเหลืออยู่อีก

ดอกเนี่ยผานจะเบ่งบาน ในตอนที่สมาชิกของตระกูลฟาง ต้องพบเจอกับการเกิดใหม่ และเริ่มมีชีวิตใหม่ขึ้นมา พวกมันจะเกิดขึ้นอยู่ภายในร่างกาย และทำให้คนผู้นั้นมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อสมาชิกของตระกูลตายไปหลังจากนั้น ดอกเนี่ยผานก็จะแห้งเหี่ยวจางหายไป

แต่สำหรับผลไม้เนี่ยผาน…มันเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างสูงสุด สามารถเก็บรักษาพวกมันไว้…และส่งต่อให้กับรุ่นต่อไปในฐานะที่เป็นมรดกวิเศษได้!

และตอนนี้…เมิ่งฮ่าวน้อยก็ทำให้ผลไม้เนี่ยผานเกิดขึ้นได้จริงๆ!

เรื่องนี้ทำให้ตระกูลฟางสั่นสะเทือน และสมาชิกมากมายของตระกูล เริ่มมองว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ถูกเลือกที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามบิดามารดาเขารู้สึกไม่สบายใจต่อเรื่องนี้ เมื่อคนทั้งสองมองดู ขณะที่บุตรชายย้อนกลับจากเด็กอายุเจ็ดขวบไปเป็นทารกใหม่อีกครั้ง ทำให้รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น

นี่เป็นโชควาสนาที่คนทั้งสองไม่กล้าจะขบคิดให้ลึกซึ้งไปมากนัก ถ้ากระทำเช่นนั้น…ก็จะทำให้เส้นผมของคนทั้งสองต้องลุกตั้งขึ้นชี้ชันด้วยความหวาดกลัว มันเป็นโอกาสที่เด็กอายุเจ็ดขวบต้องสูญเสียไปตลอดชั่วชีวิต ถ้าเขาไม่มีปีที่แปดอยู่อีกต่อไป

ท่านปู่ของเมิ่งฮ่าวมองมาอย่างเงียบๆ จากนั้นในคืนวันหนึ่งท่านก็จากไป ก่อนที่จะไปท่านได้บอกบิดามารดาเมิ่งฮ่าวว่า ท่านกำลังไปค้นหาใครบางคน ซึ่งท่านเชื่อว่าคนผู้นี้สามารถอธิบายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ ท่านตาของเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นชายชราที่น่านับถือจากตระกูลเมิ่งแห่งขุนเขาที่แปด จากไปพร้อมกับท่าน

คนทั้งสองหายตัวไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

เมิ่งฮ่าวน้อยเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะราวกับว่าเขาได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย และนิสัยส่วนตัวของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขาเงียบขรึมมากขึ้น เขายังสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ที่กลุ่มคนในตระกูลมองมา เมื่อพวกมันคิดว่าไม่มีใครเห็น และทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

สายตาเช่นนั้นไม่ใช่สายตาที่จะมองไปยังเด็ก แต่เป็นสายตาที่มองไปยังของวิเศษแห่งสวรรค์หรือปฐพีมากกว่า

เมื่อมีผู้คนมองมาที่เขาเช่นนั้น พี่สาวเขาก็จะระเบิดเพลิงโทสะขึ้น และเกิดพายุขึ้นรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว เมื่อพี่สาวลากคนเหล่านั้นไปทุบตี นางมักจะอยู่เคียงข้างเขา คอยดูแลเขาด้วยความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา

“เสี่ยวตี้ (น้องชาย) ไม่ต้องหวาดกลัว เจี่ยเจีย (พี่สาว) จะคอยปกป้องเจ้า!” ตอนนี้นางมีอายุสิบห้าถึงสิบหกปีแล้ว มีรูปร่างที่สง่างามสมส่วน แต่นิสัยที่รุนแรงของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไป จริงๆ แล้ว นางยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ในวันหนึ่ง สมาชิกผู้อาวุโสของตระกูล มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาแปลกๆ นั้น ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ต่อมาเขาได้ไปบอกบิดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ บิดาเขายิ้มและขยี้ไปที่เส้นผมของเขา จากนั้นก็พาเขาเข้านอน หลังจากที่เมิ่งฮ่าวหลับไป บิดาก็จากไป และใบหน้าดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด ในวันนั้นทั่วทั้งตระกูลฟางเต็มไปด้วยความโกลาหล เสียงแผดร้องโหยหวนมากมายดังก้องออกมา บิดาเมิ่งฮ่าวถือกระบี่อยู่ในมือ ม้วนกวาดไปทั่วทั้งตระกูล

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา สายตาที่มองมายังเมิ่งฮ่าวเช่นนั้นได้ลดน้อยลงไปมาก

เวลาผ่านไป เด็กคนอื่นๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอายุเท่ากับเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มมีอายุมากขึ้นในตอนนี้ และกลุ่มคนที่เขาเคยทุบตีก็เริ่มมีความสำเร็จในวิถีทางแห่งการฝึกตน เขาไม่อาจจะจุดไฟไปที่ผมของเด็กหญิงผู้งดงามได้อีกต่อไป เขาไม่อาจจะทุบตีเว่ยกงจื่อ ซึ่งเขาพบว่าเป็นคนที่น่ารังเกียจได้อีกโดยสิ้นเชิง สหายเก่าของเขาไม่มีใครมาเล่นกับเขาอีก ถึงแม้ว่าจะมีสมาชิกของตระกูลมาเล่นด้วยอย่างต่อเนื่อง เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โดดเดี่ยว ในที่สุดก็พบว่าต้องมีการเกิดใหม่ เมื่อเขามีอายุครบเจ็ดขวบ

กลุ่มคนที่เป็นเพื่อนเขาอย่างแท้จริงก็คือบิดา, มารดา และพี่สาวของเขาเท่านั้น ตลอดช่วงชีวิตที่สองนี้ เมิ่งฮ่าวแทบจะไม่ค่อยออกไปที่ด้านนอก เจ็ดปีเกือบทั้งหมดผ่านไปอย่างเงียบๆ เช่นนี้…

ในที่สุดเมื่อวันครบรอบเจ็ดขวบในชีวิตที่สองของเขามาถึง และ…อีกครั้งที่เขาต้องเกิดใหม่

เมื่อมันเกิดขึ้น เมิ่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวและเจ็บปวด ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวลงไป และทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเลือนลางลง ราวกับว่าเลือดเนื้อของเขากำลังจางหายไป เครื่องหมายบนหลังมือของเขาสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ขึ้นอีกครั้ง

ตระกูลฟางตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นอีกครั้งด้วยเช่นกัน ขณะที่เมิ่งฮ่าวต้องพบเจอกับการเกิดใหม่ มารดาอุ้มเขาอยู่ในอ้อมแขน และหยดน้ำตาก็ไหลลงมาจากใบหน้านางตกลงมาบนใบหน้าเขา ขณะที่เขาเริ่มมีความทรงจำอันเลือนลางลง เมิ่งฮ่าวก็จ้องมองไปยังมารดา มองเห็นความเจ็บปวดและจิตใจที่แหลกสลายบนใบหน้าของนางอย่างงุนงงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

เสียงเมิ่งฮ่าวน้อยแหบแห้งขณะที่กล่าวว่า “ท่านแม่…อย่าได้ร้องไห้…ท่านไม่ใช่บอกข้าว่านี่คือการนอนหลับไปแค่นั้นเอง…? ข้าจะพักสักเล็กน้อยและจากนั้นก็จะตื่นขึ้นมา…เมื่อข้าตื่นขึ้น ท่านก็เล่านิทานให้ข้าฟัง ดีหรือไม่…?” พี่สาวเขายืนอยู่ที่ด้านข้าง หยดน้ำตาไหลพรากออกมาขณะที่มองไปยังน้องชายตัวน้อย นางมีอายุยี่สิบปีแล้ว และได้เห็นน้องชายเติบโตขึ้นมาสองครั้ง แค่มาพบเจอกับการที่น้องชายต้องถือกำเนิดขึ้นมาใหม่สองครั้ง ก็ทำให้นางต้องรู้สึกเสียใจมากเป็นอย่างยิ่ง

บิดาเขายืนอยู่ห่างออกไปที่ด้านข้าง กำหมัดจนแน่นอยู่ข้างลำตัว ดวงตาดูเหมือนแทบจะมีหยดน้ำตาแห่งโลหิตไหลออกมา แต่โชคร้ายที่ท่านไม่มีทางจะระบายความปวดร้าวที่รู้สึกอยู่ในจิตใจออกมาได้

การเกิดใหม่ของเนี่ยผานเป็นการต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม…การที่ต้องมาเกิดขึ้นในวันครบรอบเจ็ดขวบของเด็กน้อย ก็ไม่ถือว่าเป็นโชควาสนา แต่เป็นทัณฑ์ทรมานมากกว่า!

ทัณฑ์ทรมานในปีที่เจ็ด!

ถ้ามันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม และครั้งที่สี่ จากนั้นก็รอจนกว่าเมิ่งฮ่าวจะตกตายไปจริงๆ สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแต่เพียงผลไม้เนี่ยผานสี่ผลเท่านั้น และเขาก็จะหายไปตลอดกาล

เขาเป็นผู้ที่มีชีวิตซึ่ง…ไม่เคยมีอายุถึงแปดขวบมาก่อน

บรรยากาศแปลกๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งตระกูลฟาง ผู้คนมากมายกำลังมองมา รอคอยให้เมิ่งฮ่าวถือกำเนิดขึ้นมาใหม่โดยสมบูรณ์ และจากนั้นก็จะมีผลไม้เนี่ยผานผลที่สองออกมา อย่างไรก็ตามไม่มีแววตาแปลกๆ ให้มองเห็น และไม่มีใครพูดออกมาเช่นเดียวกัน

พวกมันมองไปขณะที่เมิ่งฮ่าวค่อยๆ ย้อนร่างกลับไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งกลายเป็นทารกชายตัวน้อยขึ้นอีกครั้ง…เครื่องหมายบนมือเขาทำให้เกิดเป็นดอกไม้ขึ้นมา และจากนั้นก็จะกลายเป็นผลไม้เนี่ยผาน

ด้วยเช่นนั้น ชีวิตที่สองซึ่งไม่สมบูรณ์ของเมิ่งฮ่าวก็ปิดฉากลง

ในที่สุดเมื่อเขากลายเป็นทารกอีกครั้ง เขาไม่ได้ร้องไห้ออกมา ขณะที่มารดาโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขึ้นไปในกลุ่มดาวด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

มารดาเขาร้องไห้ร่างกายสั่นสะท้าน บิดาเขาเงยหน้าขึ้นกู่ร้องออกมา แต่โชคร้ายที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คนทั้งสองมองเห็นเครื่องหมายที่อยู่บนหลังมือเมิ่งฮ่าว เครื่องหมายเนี่ยผาน และรู้ว่าชีวิตที่สามของเขากำลังเริ่มต้นขึ้น

ครั้งนี้ เขาก็ต้องพบเจอกับการเกิดใหม่ของเนี่ยผานอีกครั้ง ตอนที่มีอายุครบเจ็ดขวบ

มีกลุ่มคนชรามากมายของตระกูลฟาง ที่เฝ้าสังเกตดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ หลายคนรู้สึกทุกข์ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง อีกหลายคนได้แต่ทอดถอนใจ

เรื่องราวนี้ในที่สุดก็เริ่มกระจายออกไปที่ด้านนอกของตระกูล แต่ความลับของการเกิดใหม่ของเนี่ยผานก็ยังคงถูกปกปิดเอาไว้ มีเพียงสิ่งเดียวที่บุคคลภายนอกรับรู้ก็คือว่า หลานปู่คนแรกของตระกูลฟาง ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายโลหิตมาโดยตรง ได้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับทัณฑ์ทรมาน ทุกๆ เจ็ดปีเขาก็จะพบเจอกับทันฑ์ทรมานเช่นนั้น

เด็กเช่นนี้ ก็เหมือนกับคนพิการอย่างแท้จริง

มารดาเมิ่งฮ่าวใช้เวลาผ่านไปพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลนองหน้า พี่สาวเขามีอารมณ์ที่รุนแรงขึ้น ทำให้นางต้องต่อสู้อยู่ทุกวัน ราวกับว่านั่นเป็นหนทางเดียวที่นางจะสามารถระบายโทสะที่มีอยู่ในจิตใจออกมาได้ บิดาเขาพยายามกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อค้นหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่ทั้งหมดนั้นล้วนสูญเปล่า

ท่านปู่และท่านตาทั้งสองของเขาไม่เคยกลับมาอีกเลย

เมื่อเขามีอายุได้หนึ่งขวบในช่วงชีวิตที่สาม ก็มีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งมายังดาวตงเซิ่ง การมาถึงของมันทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลหมุนคว้างด้วยความตกตะลึง คนแล้วคนเล่า พวกมันรีบออกมาโค้งตัวลงด้วยความเคารพ

บุรุษหนุ่มผู้นั้นกล่าวว่า มันถูกส่งมาโดยท่านปู่ของเมิ่งฮ่าว หลังจากที่กวาดตามองไปยังเมิ่งฮ่าว มันก็เงียบไปชั่วครู่ สีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความทรงจำและอารมณ์ที่รู้สึกขัดแย้งกัน รวมทั้งความประหลาดใจด้วยเช่นกัน

“ในชีวิตหนึ่ง ทุกสรรพสิ่งเกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวและการหว่านเมล็ดแห่งกรรม ยกตัวอย่างเช่นการทำนา ท่านต้องทำงานหนัก ก่อนที่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้…ท่านต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไป ก่อนที่จะได้กำไรกลับคืนมา”

“ในฐานะที่เป็นบิดามารดา ท่านทั้งสองยินดีที่จะละทิ้งความรุ่งโรจน์ใดๆ ในอนาคต ยกเลิกศักดิ์ฐานะในตอนนี้ และกลายเป็นผู้พิทักษ์กฎแห่งขุนเขาที่เก้า ไปเฝ้ารักษาประตูแห่งดาวหนานเทียนเป็นเวลาหนึ่งแสนปีหรือไม่? ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน ปฐพีต้องสั่นสะเทือน ไม่ว่าจะมีภัยพิบัติใดๆ เกิดขึ้นที่โลกภายนอก พวกท่านยินดีที่จะไปใช้เวลาอันน่าเบื่อหนึ่งแสนปีอยู่ในที่แห่งนั้น และต้องไม่ย่างเท้าออกมาจากดาวหนานเทียนได้หรือไม่? พวกท่านยินดีที่จะไปเป็นผู้เฝ้ารักษาประตูแห่งดาวหนานเทียน และต้องไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใดๆ จากโลกภายนอกผ่านเข้ามาหรือไม่?”

“ถ้าพวกท่านยินดีที่จะจากทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ ซึ่งทำให้กรรมของพวกท่านต้องแปดเปื้อนไป ก็ให้นำเด็กผู้นี้ไปยังดาวหนานเทียน สถานที่แห่งนั้นคือต้นกำเนิดของขุนเขาที่เก้าทั้งหมด ถ้าพวกท่านนำมันไปที่นั่น…พวกท่านก็ต้องทิ้งมันไปก่อนที่มันจะมีอายุครบเจ็ดขวบ รักษาระยะห่างจากมันไว้ จนกระทั่งถึงวันที่มันบรรลุขั้นค้นหาเต๋า พวกท่านต้องไม่ไปพบมัน และต้องไม่ยอมให้กรรมของพวกท่านไปปนเปื้อนกับมัน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับระดับความสัตย์ซื่อจริงใจของพวกท่าน ถ้ามีความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง พวกท่านก็จะทำได้สำเร็จ”

“มันต้องไม่ใช้แซ่ฟาง ให้มันใช้แซ่ของมารดา”

“ถ้าพวกท่านกระทำเรื่องเหล่านี้ได้ บางที…มันอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต”

——————–

จบภาค 5 : หลุดพ้นการเกิดใหม่ โลหิตคลุมนภา!

ภาค 6 : นามที่เขย่าขุนเขาที่เก้า วิถีแห่งเซียนแท้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!