ตอนที่ 312 เทพครองดาวเสาร์
ความคิดของฉินมู่พลันปั่นป่วน ฉินหานเจิน ฉินเฟิ่งชิง?
ปูมบันทึกวงศาคณาญาติที่เขาพบในห้องหนังสือนั้นได้บันทึก ผู้คนจากสายเลือดของจักรพรรดิก่อตั้ง บนหน้าสุดท้ายของปูม บันทึกเขียนไว้ประโยคเดียว ‘รุ่นที่ 107 บุตรของหานเจิน ฉินเฟิ่งชิง’
ฉินเฟิ่งชิงนั้นเป็นบุตรของฉินหานเจิน ดังนั้นที่สิ่งอันเลื้อยลงมาจากต้นไม้พูดนั้นหมายความว่าอะไร ใครกันที่นางเรียกว่าฉินหานเจิน และใครคือฉินเฟิ่งชิงที่นางชี้ถึง
ร่างของฉินมู่สั่นเทิ้ม และสีหน้าเขาซีดเผือด เขาคือฉินเฟิ่งชิง และบุรุษในต้นไม้คือฉินหานเจิน!
บุคคลสุดท้ายในปูมบันทึกสายเลือดจักรพรรดิก่อตั้งมิใช่ใคร อื่น นอกเสียจากตัวเขาเอง และบุรุษในต้นไม้นี้คือบิดาของเขา!
บุรุษซึ่งหลอมรวมเข้ากับต้นไม้ดึกดําบรรพ์คือบิดาของเขาอย่างนั้นหรือ เขาคือครอบครัวที่ฉินมู่เฝ้าคนึงหามาทุกวี่วันอย่าง นั้นหรือ
ครอบครัวที่สายเลือดชิดใกล้ที่สุด! ทําไมเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้
ฉินมู่บอกตัวเองซํ้าแล้วซํ้าอีกให้สงบใจลง ในเมื่อครั้งหนึ่งเฒ่า หม่าบอกกับเขาว่าอย่าได้เสียกิริยาท่าทีไม่ว่าจะประสบพบเจออะไร เขาจะต้องมีจิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้างเสมอ แม้ว่าจะ ประสบกับภัยพิบัติทําลายล้างโลก หากว่าใจเย็นและมีสติก็จะ สามารถแสวงหาทางรอดจากสถานการณ์คร่าชีวิตได้
ครั้งหนึ่งเฒ่าเป๋เคยบอกเขาว่าให้รักษารอยยิ้มเอาไว้ และมอง โลกในแง่ดีอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่ทําให้ศัตรูคลายการระวังแต่ยังช่วย
อุ้มชูจิตวิญญาณของตนเอง แม้ว่าขาจะถูกสับออกไป เขาก็จะต้อง แสดงรอยยิ้มอันจริงใจที่สุดออกไป เมื่อนั้นถึงจะมีโอกาสหลบรอด ไปได้
ครั้งหนึ่งท่านยายซีเคยกล่าวว่า ไม่ว่าจิตใจของเขาจะถูกรุมเร้า ด้วยความมืดหรือมารร้ายมากแค่ไหน เขาก็จะต้องเข้มแข็งเข้าไว้ เมื่อใดที่เขาหวั่นไหวปั่นป่วน ทุกอย่างก็จะถึงจุดจบ
แต่ทว่า แม้ว่าอันตรายจะเข้ามาใกล้ฉินมู่ เขาก็ยังคงตั้งตัวไม่
ติด
เมื่อบิดาของเขา ญาติสนิทชิดใกล้ที่สุดอันเขาไม่เคยพบหน้า
มาก่อนได้ตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาไม่อาจกระทําตามอย่างที่ เฒ่าหม่า เฒ่าเป๋ และท่านยายซีบอกสอนได้
ฉินมู่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะตั้งสติและไม่คิดถึงบุรุษในต้นไม้หรือกังวลเกี่ยวกับเขา เขาข่มระงับความสั่นสะท้านของร่างกาย
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดในฝ่ามือ เขาได้กํามือแน่นจนกระทั่งเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ จนเรียกเลือดออกมา
ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมองดูตัวตนลึกลับที่กําลังเลื้อยลงมา มันเป็นครึ่งคนครึ่งงูที่มีร่างกายใหญ่มหึมา แม้ว่าร่างครึ่งท่อน
ล่างจะเป็นงู แต่ไม่มีเกล็ดเลยสักอัน ร่างท่อนบนนั้นเป็นมนุษย์ผู้หญิง
นางงดงามและเย้ายวนเป็นอย่างยิ่ง แต่เสียงที่ออกมาจาก ปากของนางเป็นของบุรุษเพศ
ร่างของนางทิ้งของเหลวเหนียวเอาไว้ นางดูเหมือนร่างเทพ ครองดาวเสาร์ที่ฉินมู่ใช้เทวาจําแลง แต่ร่างของนางนั้นดูดึกดํา บรรพ์กว่ามาก
ที่หลังคอของนางมีบางสิ่งที่ดูราวกับพังผืดหนังงอกเงยออกมา และเมื่อนางเอ่ยวาจา พังผืดพวกนี้ก็จะแผ่ออกมาและกระพืออย่าง รวดเร็วราวกับพัดที่ปักไว้สองข้างคอนาง ผงาดขึ้นไปเหนือศีรษะ และสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงเพื่อสร้างเสียง
นางดูเหมือนจะไม่สามารถพูดด้วยปากได้ และอาศัยการ สั่นสะเทือนของเยื่อหนังตนเองเพื่อสร้างเสียงพูด เพราะเหตุนั้นเสียง ของนางจึงแปลกประหลาดและยากจะเข้าใจ
เยื่อหนังนี้น่าจะเป็นเส้นเสียงของนาง และตรงปลายขอบของ มันมีหนามแหลมอันยาวสองคืบและดูเหมือนกับหอกซัด เมื่อเยื่อ
หนังนี้เปิดออกมา ก็จะมีภาพบนผืนเยื่อนี้เป็นลูกตาสองดวง เหมือน ดวงตาคู่หนึ่งอันพิลึกกึกกือ
เท่าที่ฉินมู่รู้ เทพครองดาวเสาร์มี 2 ร่าง ร่างแรกคือร่างเทพ ครองดาวเสาร์ธรรมดาที่ไม่มีประตูน้อมสวรรค์อยู่ข้างหลังและไม่มี ม้วนคัมภีร์ในมือ ส่วนอีกแบบหนึ่งคือของฉินมู่ ซึ่งมีประตูน้อมสวรรค์อยู่ข้างหลังเขา และมีม้วนคัมภีร์อ์ยู่ในมือ
แต่ทว่า สิ่งมีชีวิตประหลาดตรงหน้าเขานั้นมีรูปลักษณ์อันดู บรรพกาลยิ่งกว่า ดูไม่เหมือนกับว่านางฝึกวิชาเพื่อให้ได้ร่างนี้มา แต่เหมือนกับกําเนิดขึ้นมาในรูปลักษณ์นี้
นี่คือสิ่งมีชีวิตจากแดนใต้พิภพ และอาจจะเป็นเทพเจ้า! “เจ้าและข้าสัญญากันแล้ว ฉินหานเจิน” นางเลื้อยลงมาที่โคนต้นไม้และรัดพันรอบๆ มัน ใบหน้าอันเย้า
ยวนของนางเข้าใกล้ใบหน้าของบุรุษในต้นไม้และถูไถใบหน้าของ นางไปมาบนใบหน้าของเขา เยื่อหนังข้างหลังคอของนาง สั่นสะเทือนและสร้างเสียงหัวเราะของนางออกมา “เจ้าและข้าได้ กระทําสัตยาบันภูติบดีว่าเมื่อใดก็ตามที่เจ้าได้พบเจอบุตรของเจ้า นามฉินเฟิ่งชิง เจ้าก็จะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างและติดตามข้าไป
แดนใต้พิภพ เผยตําแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านไร้กังวลให้แก่ข้า บัดนี้ เมื่อเจ้าพบตัวเขาแล้ว ความปรารถนาของเจ้าก็สําเร็จสมบูรณ์และ ได้เวลาที่เจ้าจะต้องกระทําตามสัตยาบัน”
ชายในต้นไม้ไม่ขยับ สายตาของเขายังคงอยู่ที่ร่างของฉินมู่ ร่างเลือดเนื้อของเขาได้กลายเป็นเนื้อไม้ และดวงตาของเขาก็ไม่
อาจมองเห็นคนตรงหน้าได้อย่างชัดเจน แต่กระนั้นหยาดนํ้าตาก็ ยังคงร่วงหล่นจากดวงตาคู่นั้น
สิ่งมีชีวิตประหลาดอ้อมรอบลําต้นต้นไม้โบราณและปล่อยให้ ชายผู้นั้นอยู่ตามลําพังครู่หนึ่ง เมื่อนางเลื้อยไปรอบๆ อย่างไม่เร่งรีบ เสียงของนางก็ลอยไปลอยมา “เมื่อเจ้าบุกเข้ามาในแดนใต้พิภพ และทําลายม่านผนึก เจ้าก็เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดังนั้น
เจ้าจึงผสานเข้ากับเทพพฤกษาต้นนี้ ไม่ใช่อะไรอื่น แต่เพื่อจะได้ พบกับบุตรของเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงรีดเร้นทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาชีวิต
เอาไว้ ข้ามาที่นี่อยู่เป็นเพื่อนเจ้า ในเวลานั้นเจ้าสัญญากับข้าว่า เมื่อใดที่เจ้าได้พบกับบุตรของตน เจ้าก็จะสามารถปล่อยวางทุกสิ่ง ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของเจ้าเองหรือหมู่บ้านไร้กังวล ข้าตกลง
ตามคําขอของเจ้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ข้าไม่ปลิดชีวิตเจ้า”
ใบหน้าของนางพลันแขวนห้อยลงมาจากเทพพฤกษาและร่วง ลงมาตรงหน้าฉินมู่ ร่างกายใหญ่มหึมาของนางอ้อมวนไปรอบๆ เขา และนางก็เผยเสียงหัวเราะประหลาด “หรือเจ้าคิดจะกลับคําพูด หลังจากได้เห็นบุตรเจ้าแล้ว? เจ้าอยากเห็นบุตรของเจ้าตายลง ตรงหน้าอย่างนั้นหรือ ฮี่ๆๆ ช่างเป็นร่างกายที่น่าอร่อยอะไรอย่างนี้ ชีวิตเยาว์วัยแสนกรุบกรอบ เขาเพิ่งจะ 16 ขวบปี ข้าพูดถูกไหม เขาคงจะเนื้อนุ่มชุ่มฉํ่า…”
เหงื่อเย็นเยียบไหลลงจากหน้าผากฉินมู่ และเขาพลัน ขับเคลื่อนวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเพื่อช่วงใช้วิชาแท้จ้าว ครองธาตุดินเทพครองดาวเสาร์ จําแลงร่างเป็นกายาของเทพครอง ดาวเสาร์ เขากล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ผู้อาวุโสท่านนี้ ข้าเองก็…”
“เจ้าก็มีร่างเทพครองดาวเสาร์เหมือนกันงั้นรึ”
สิ่งมีชีวิตประหลาดแดนใต้พิภพนี้พลันยืดร่างงูของนางออก และเลื้อยออกไปห่างจากเรือนต้นของต้นไม้สูงลิบ นางลงมาขดอยู่กับพื้น แต่กระนั้นหางของนางก็ยังคงพันอยู่รอบๆ ต้นไม้และไม่ ปล่อยไปโดยสิ้นเชิง
มองลงไปยังเด็กหนุ่มตัวเล็กกะจ้อยร่อยตรงหน้า นางก็เผยรอยยิ้มนึกสนุกขึ้นมา “สิ่งกะจ้อยร่อยที่น่าเวทนา ช่างน่าหัวเราะ และอ่อนเยาว์ยิ่งนักที่มาอวดฉลาดเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้กับข้า เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ร่างของเทพครองดาวเสาร์นั้นเป็นเพียงสิ่งเลียนแบบข้า ข้าไม่ใช่ใดอื่นนอกเสียจาก…เทพครองดาวเสาร์!”
นางโน้มร่างลงมาที่ใบหน้าของฉินมู่ หวังที่จะเห็นความ หวาดกลัวบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม นางอยากเห็นความร้อนรนและ ความสิ้นหวังหลังจากที่ความรู้ของเขาถูกทําลายไป
ฉินมู่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะมั่นคงไม่หวั่นไหว แต่ นางก็ยังคงมองเห็นความหวาดกลัวในเบื้องลึกจิตใจของเขา
เทพครองดาวเสาร์เชิดหัวนางกลับขึ้นไปด้วยความพึงพอใจ และแย้มยิ้มออกมา “เป็นคนตัวเล็กๆ ที่น่าสนใจอะไรอย่างนี้ ดิ้นรน อย่างสุดความสามารถที่จะเป็นผู้ใหญ่ แต่กระนั้นก็ช่างน่าเอ็นดูเสีย
จริงที่เจ้าไม่รู้อะไรเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่กล่าวถ้อยของ แดนใต้พิภพตอนที่ขึ้นเรือมา เจ้ารู้วลีของแดนใต้พิภพแค่วลีเดียว สินะ? วลีนั้นคือประตูน้อมสวรรค์ เจ้าคิดจริงๆ น่ะหรือว่าข้าจะถอย กลับไปเพียงแค่ได้ยินวลีนี้ และปล่อยให้เจ้าขึ้นเรือมา”
ฉินมู่สะกดข่มความสั่นเทิ้มของร่างกาย ตรงหน้าเทพเจ้าเช่น เทพครองดาวเสาร์ผู้นี้ ทุกแผนการของเขาล้วนแต่ไร้ประโยชน์!
เหมือนที่นางกล่าว เขาดิ้นรนอยู่ตลอดเวลาที่จะเป็นเหมือน ผู้ใหญ่ เป็นบุคคลที่สามารถแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาเรียนรู้จากวิธีการที่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านจัดการเรื่องราวต่างๆ และเรียนรู้การกระทําของพวกเขา แต่โดยเนื้อแท้แล้ว เขาก็ยังเป็นเด็กชายโตๆ คนหนึ่งอยู่ดี
เบื้องหน้าเทพครองดาวเสาร์ ความเพียรพยายามของเขา การ เรียนรู้ของเขา ความมีวุฒิภาวะของเขาล้วนแต่น่าหัวเราะ
“เห็นแก่ที่เจ้าพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทําตัวเหมือนผู้ใหญ่ ข้า จะไม่ทําให้เจ้าลําบากก็ได้”
เทพครองดาวเสาร์เลื้อยกลับไปขึ้นไปบนต้นไม้ และหางของ นางม้วนรอบๆ เทพพฤกษาราวกับสตรีที่กอดเกาะชายคนรักไว้ อย่างแนบแน่น พลางแย้มยิ้ม “ฉินหานเจิน เจ้าน่าจะดีใจสิ ที่พวก เจ้าพ่อลูกได้มาพบกันอีกครั้ง ทําไมข้าถึงรู้สึกถึงแต่ความเศร้าจาก เจ้าล่ะ จริงสิ นั่นก็เพราะว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้ง 2 ก็ จะต้องพรากจากกันชั่วนิรันดร์ หนึ่งตายหนึ่งเป็น ฮิๆๆ เจ้าไม่ต้อง เศร้าขนาดนี้หรอก…”
นางเลื้อยลงไปยังบุรุษในต้นไม้และมองขึ้นไปยังเขาพลางกล่าว อย่างไม่เร่งรีบ “หากว่าเจ้าบอกตําแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านไร้กังวล ลูกหลานของเจ้าและคนในตระกูลของเจ้าทั้งหมดก็จะได้ไปแดนใต้ พิภพเพื่อพบเจอกับเจ้าอย่างไรล่ะ น่าสนใจจริงๆ มนุษย์ที่น่า สมเพชถึงกับกล้าทําข้อตกลงกับเทพเจ้าและคิดว่าจะเอาเปรียบได้
ไม่รู้เลยว่าเขาได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง! ในขณะที่ทางข้านั้นสิ่งเดิมพันของข้าก็มีแค่ชีวิตเจ้าเท่านั้น”
นางมายังฟากซ้ายของบุรุษในต้นไม้และยิ้มออกมาอย่างกลั้น ไม่อยู่ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุขสันต์ และกระซิบไปที่ข้าง หูของเขา “ข้าใช้ชีวิตของเจ้าเพื่อแลกกับชีวิตของคนทุกคนใน หมู่บ้านไร้กังวล เช่นเดียวกับชีวิตของบุตรของเจ้า แต่เจ้านั้น เพียงแต่ได้โอกาสครั้งเดียวพบหน้าบุตรของเจ้าเพียงช่วงระยะเวลา สั้นๆ ช่างเป็นปุถุชนที่โง่เขลาอะไรอย่างนี้ แม้ว่าเจ้าจะควบคุมพลัง ของเทพและมาร แต่เจ้าก็ยังคงติดกับความคิดโง่เง่าของตนเอง เช่นนี้ เจ้าไม่มีทางไปถึงกรอบคิดจิตใจของเทพเจ้า และเพราะว่า เจ้านั้นถูกผูกมัดจากสัตยาบันภูติบดี เจ้าก็ย่อมไม่อาจฝืนคํา สาบาน”
บุรุษในต้นไม้สงบใจลงและอ้าปาก ทว่าในเมื่อลิ้นของเขาได้ กลายเป็นไม้ไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถสร้างเสียงอะไรได้
เทพครองดาวเสาร์ แย้มยิ้ม “เจ้าจะพูดอะไรงั้นรึ” บุรุษในต้นไม้ขยับปากอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรเปล่งออกมา…
เทพครองดาวเสาร์เข้าไปใกล้อีก อยากรู้เต็มแก่ว่าเขาจะพูดว่า อะไร นางถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “เจ้าพยายามพูดอะไร”
ชายในต้นไม้ก็ยังคงไม่อาจเปล่งเสียง สถานะจิตใจของฉินมู่พลันสงบลง และเขากล่าว “เทพครอง
ดาวเสาร์ จิตใจของบิดาและบุตรเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว ข้าคิด
ว่าข้ารู้ว่าเขากําลังจะพูดอะไร”
เทพครองดาวเสาร์ม์ องมายังเขา “เขาเปล่งเสียงอะไรไม่ออก เลยชัดๆ แต่กระนั้นเจ้าก็ยังได้ยินรึ”
“ชีวิตของพวกเราสองพ่อลูก อยู่ในมือของเทพครองดาวเสาร์ อย่างนี้เทพครองดาวเสาร์ท่านจะกลัวพวกเราเล่นตุกติกอะไรล่ะ” ฉินมู่กล่าว
เทพครองดาวเสาร์มองเขาอย่างเพ่งพิศจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “พวกเจ้าเล่นตุกติกอะไรไม่ได้หรอก มานี่สิ ลองดูว่าเขาพยายามจะ พูดอะไร”
ฉินมู่ก้าวไปข้างหน้า และไปยังใบหน้าของบุรุษในต้นไม้ เอียง หัวไปรับฟัง สักพักหนึ่งเขาก็กล่าว “เขากล่าวว่าดวงตาของเขา แทบบอดสนิท ดังนั้นเขาจึงไม่อาจเห็นข้าได้ชัดเจน ดังนั้นนี่จึงไม่ นับว่าได้พบเจอข้า จึงทําให้สัตยาบันภูติบดีไม่เกิดผล”
เทพครองดาวเสาร์ตะลึงไป และแย้มยิ้ม “น่าสนใจจริงๆ ข้าไม่ คาดคิดมาก่อนเลยว่าพวกเจ้าสองพ่อลูกจะมีจิตใจเชื่อมโยงกันจริงๆ นี่ค่อนข้างยุ่งยาก วิชาต้องห้ามที่เขาใช้ผสานตนเองเข้ากับ เทพพฤกษานั้นเรียกว่าวสันต์เยือนต้นไม้ตายซาก วิชาต้องห้ามที่ หยิบยืมพลังชีวิตจากผู้อื่น แต่ทว่าผลข้างเคียงของมันก็รุนแรงยิ่ง นัก ไม่เพียงแต่ชีวิตเชื่อมต่อกัน ร่างเนื้อก็เชื่อมต่อเช่นเดียวกัน
เมื่อบิดาของเจ้าต่อสู้กับเทพเจ้าเหล่านั้น เขาได้ขับเคี่ยวกับศัตรูจน
ตกตายไปหมด แต่เขาก็รีดเร้นพลังชีวิตออกมาจนหมดตัวเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืดชีวิตของตนเองด้วยวิชา ต้อ งห้าม บัดนี้เหลือแต่ใบหน้าของเขาเท่านั้นที่ยังไม่กลายเป็นไม้ โดยสมบูรณ์ ดังนั้นการย้อนกระบวนการเหล่านี้กลับไปค่อนข้าง
ยาก แต่ไม่ใช่สําหรับข้า เพราะอย่างไรข้านั้นก็มาจากแดนใต้พิภพ และควบคุมบัญชาชีวิต…”
เยื่อหนังที่หลังคอของเทพครองดาวเสาร์ก็เปิดอ้าออกเผยให้ เห็นภาพลูกตา ลําแสง 2 เส้นยิงออกมาจากพวกมันและกระทบ กับร่างของบุรุษในต้นไม้ ไม่นานนักเนื้อไม้ที่พื้นผิวก็สลัดหลุดและ เส้นเลือดที่ผิวหนังตรงคอของเขาก็ดูไม่เหมือนเส้นลายไม้อีกต่อไป



