Skip to content

Tales of Herding Gods 354

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 354 ปีศาจจิ้งจอกน้อย

C

“เทพเจ้าจากเหนือฟ้าพวกนี้ไม่ได้ปิดบังรัศมีของตน และดูเหมือนว่าพวกเขาไปยังที่พักของยายเฒ่าซี”

คนแล่เนื้อและเฒ่าบอดพักอาศัยอยู่ในมณฑลผ่อนคลายอัน อยู่ห่างไป 1,000 ลี้ แต่เฒ่าบอดยังคงดูเหมือนว่าสามารถมองเห็น สิ่งที่เขาอยากเห็นได้ เขากล่าวด้วยสีหน้าประหลาดพิกล “ถึงเวลา กลางคืนแล้ว มารเฒ่าหลี่โผล่หัวมาอีกล่ะ”

“พบกับมารเฒ่าหลี่ในรูปโฉมของยายเฒ่าซี พวกเขาคง จะต้องตาย” คนแล่เนื้อกล่าวอย่างตื่นใจ

สีหน้าของเฒ่าบอดยิ่งมายิ่งพิลึกประหลาด “มารเฒ่าหลี่ สนทนากับพวกเขา”

“เช่นนั้นพวกเขาก็จะต้องตายแน่นอน ตอนที่มารเฒ่าหลี่อยู่ใน หมู่บ้านพวกเรา มีใครไม่ตกหลุมเสน่ห์ของนาง แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ ไม่กล้ามองเขา ถึงจะสามารถทนทานความงามของยายเฒ่าซีได้ เจ้าคิดว่าเทพครองแดนทั้ง 4 จะแตกแยกและลงมือต่อสู้กันเมื่อไหร่

ล่ะ” คนแล่เนื้อกล่าว

เฒ่าบอดส่ายหัว “ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเทพเจ้า จะมาต่อสู้ กันเพื่อหญิงนางหนึ่งได้อย่างไร ข้าคิดว่า… เอ๋ พวกเขาสู้กันจริงๆ ด้วย!”

เฒ่าบอด ‘มอง’ อยู่ครู่หนึ่งและระบายลมหายใจโล่งอก เขากล่าว “พวกเขาเพียงแต่ต่อสู้ประชันฝีมือกัน แต่จิตใจหมายเอาชนะของพวกเขานั้นเข้มข้นอย่างยิ่ง ไม่ห่างไกลจากที่จะลงมือต่อสู้กันจริงๆ ล่ะ ยายเฒ่าซีนี่ช่างเป็นตัวก่อเรื่องจริงๆ”

คนแล่เนื้อส่ายหัว “ยายเฒ่าไม่ใช่ตัวก่อเรื่อง แต่เป็นจ้าวลัทธิห ลี่ต่างหาก ยายเฒ่าซีนั้นมีเมตตาเป็นอย่างยิ่งและไม่มีทางทําร้าย พวกเรา กระนั้นเมื่อจ้าวลัทธิหลี่โผล่ออกมา หมู่บ้านเราแทบจะแตก ทําลายเป็นเสี่ยงๆ จริงสิ เจ้าเห็นเฒ่าหนวกกับเฒ่าใบ้ระหว่างการ เดินทางไหม ปกติแล้วพวกเขาตัวติดกันตลอด”

“ข้าไม่เห็นพวกเขาเลย” เฒ่าบอดแย้มยิ้ม “เฒ่าใบ้วิ่งหนีไปไล่ ตามเรือเหาะลําหนึ่ง ส่วนเฒ่าหนวกก็วิ่งตามเขาไปอีกที ความเร็ว ของเฒ่าใบ้นั้นรวดเร็วอย่างยิ่งยวด จะช้ากว่าก็แต่เฒ่าเป๋ แล้วเจ้า คิดว่าเทพเจ้าทั้ง 4 จะกลายเป็นศัตรูกันเมื่อไหร่”

คนแล่เนื้อหัวเราะในคอ “นั่นขึ้นอยู่กับว่าจ้าวลัทธิหลี่อยากจะ เล่นสนุกกับพวกเขานานแค่ไหน ตอนนี้ไม่จําเป็นต้องกังวล เกี่ยวกับ 4 เทพเจ้าจากเหนือฟ้าแล้วล่ะ พวกเราไม่จําเป็นต้องเข้าไปใกล้ ค่อยไปดูสถานการณ์ตอนที่จ้าวลัทธิหลี่เล่นสนุกเสร็จแล้ว”

บนหลังกิเลนมังกร ฉินมู่พลันระลึกเรื่องหนึ่งได้และถามผู้ สันโดษชิงโยวเกี่ยวกับมัน

“ผู้สันโดษชิงโยว เมื่อซวีเซิงฮวาเข้าไปในโถงแห่ง 3 กําเนิด เขาเลือกทลายด่านอะไรหรือ”

“เขาไม่ได้กล่าว แต่ผู้เฒ่า 3 กําเนิดรู้และบอกข้า ก็คือเขา ทลายด่านกําเนิดฟ้า เขานั้นทลายด่านได้อย่างง่ายดาย และกล่าว ว่านึกย้อนเสียใจที่ไม่ได้เลือกทลายด่าน 3 กําเนิด” ผู้สันโดษชิง โยวกล่าว

“แล้วเขาทลายด่านไหนในโถงแห่ง 5 ปราณล่ะ” ฉินมู่ถามอีก

“ทลายด่านธาตุดินในโถงแห่ง 5 ปราณ ท่ามกลาง 5 ธาตุ ธาตุดินแข็งแกร่งที่สุด”

ฉินมู่ผงกหัว ซวีเซิงฮวานั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ กําลังฝีมือของ เขาในครั้งก่อนที่พบเจอนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา และแม้ว่าพลังวัตร ของซวีเซิงฮวาจะอ่อนกว่าเขาเล็กน้อย แต่ทักษะเทวะนั้นเพริศ แพร้วพิสดารกว่ามาก

ในเมื่อซวีเซิงฮวาได้ทลายด่านในโถงแห่ง 3 กําเนิดและโถง แห่ง 5 ปราณ ความขาดพร่องในวรยุทธ์ของเขาก็คงได้รับการ ซ่อมปะเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่นั้นประสบความสําเร็จในการทลายด่าน 3 กําเนิด และได้ซ่อมปะรากฐานของสมบัติเทวะทารกวิญญาณตน

แต่ก็ยังยากที่จะกล่าวว่าพลังวัตรของฉินมู่จะสามารถเหนือลํ้า กว่าฝ่ายตรงกันข้ามได้หรือไม่

ก่อนหน้านั้น ข้าม่รู้ว่าเขาเป็นศิษย์แห่งเหนือฟ้าและถึงกับขอชาหนึ่งถุงจากเขา ข้ายังติดค้างเลี้ยงสุราเขาอีกต่างหาก

ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ซวีเซิงฮวานั้นนับว่ามีนิสัยใจคอที่ ค่อนข้างดีและมีการวางตัวที่น่าคบหา ฉินมู่เองก็อยากจะพบกับเขา อีกเป็นอย่างยิ่ง แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็ไม่อยากจะพบพานอีก

“ผู้ใหญ่บ้าน เหนือฟ้าเป็นสถานที่อย่างไรหรือ”

“มันเป็นสถานที่ของหมาล่าเนื้อ สถานที่ที่เทพเจ้าแท้จริงเลี้ยง สุนัข” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว “มันอยู่ที่แผ่นดินตะวันตกและลึกลับเป็น อย่างยิ่ง ดังนั้นข้าไม่รู้ตําแหน่งที่ตั้งที่แน่นอน ข้ารู้เพียงแต่ว่า ถ้าจะ ไปยังเหนือฟ้าก็จะต้องปีนขุนเขาเทวะในแผ่นดินตะวันตกและจุดธูป

บูชาที่นั่น แต่ทว่า ข้าไม่มีธูปแบบที่ถูกต้อง ในเมื่อมันน่าจะเป็นธูปที่ สร้างขึ้นมาพิเศษเฉพาะ หากว่าข้ามีมัน ข้าคงบุกตะลุยขึ้นไปบน นั้นตั้งนานแล้ว”

ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือรํ่าไห้ ผู้ใหญ่บ้านและยอดฝีมือแห่ง เหนือฟ้าต่อสู้ฆ่าฟันกันมาตลอดทั้งชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยชอบ ขี้หน้าแดนศักดิ์สิทธิ์นั่น

“แล้วเจ้าตําหนักเคยได้ยินเกี่ยวกับเหนือฟ้ามาก่อนหรือไม่” ฉินมู่ถามเสียงซีอวี่

“เหนือฟ้านั้นอยู่ในแผ่นดินตะวันตกของข้าจริงๆ และผู้คนแห่ง ตําหนักสวรรค์แท้ก็เคยพบเจอกับผู้คนแห่งเหนือฟ้ามาก่อน แต่ทว่า แดนศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกลับเป็นอย่างยิ่ง ลึกลับเสียยิ่งกว่านครหยก น้อย”

เสียงซีอวี่ประกายตาวูบไหวและกล่าวด้วยเสียงนุ่มเบา “ธูปแบบ ที่ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถึงเรียกว่าธูปเทวะ และตําหนักสวรรค์แท้มีอยู่ 3 ดอก หากว่าจ้าวลัทธิฉินช่วยสนับสนุนข้าในการช่วงชิง ตําแหน่งเจ้าจําหนักกลับมา ข้าก็สามารถมอบพวกมันให้แก่เขา ได้”

ฉินมู่กะพริบตาปริบ ไม่ตอบคํา เขาขบคิดเรื่องนี้แล้วกล่าว “ข้าสงสัยว่าวังทองโหรวหลันก็อาจจะมีธูปชนิดนี้ ผานกงสั่ว ไอ้เด็ก เวรนั่น กลับชาติมาเกิดตั้งหลายรอบ ดังนั้นจะต้องมีสมบัติที่เขา

สะสมไว้มากมายเป็นแน่ และหนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นธูปเทวะ ราชครู ยังคงติดค้างข้า 100 สมบัติวิเศษ…มาคิดๆ ดูแล้ว ทําไมท่านปู่เป๋ยังไม่กลับมาอีกล่ะ ตอนนี้นครหยกน้อยน่าจะโดนยกเค้าจนเกลี้ยง เกลาไปแล้วไม่ใช่หรือ”

เสียงซีอวี่ถอนหายใจ

หลังจากมาถึงเมืองหลวง ฉินมู่นําทุกๆ คนไปยังมหาวิทยาลัย จักรวรรดิอันมีบัณฑิตเหลืออยู่ที่นั่นไม่มาก พวกเขาส่วนใหญ่ได้ไป ยังแนวหน้าสนามรบ

“ที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ มหาวิทยาลัย จักรวรรดิอย่างนั้นหรือ” ทุกๆ คนมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจใคร่ รู้

นอกจากฉินมู่และกิเลนมังกรแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมดเพิ่ง เคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มหาวิทยาลัยจักรวรรดิยังเยาว์นัก มันไม่ยิ่งใหญ่ตระการเหมือนกับ เขาพระสุเมรุของวัดใหญ่ฟ้าคําราม ไม่สงบศานติเท่ากับเขาหยก ว่างคุนหลุนของสํานักเต๋า และไม่ลึกลับเปี่ยมปริศนาเท่ากับภูเขานักบุญเยือนของลัทธิมารฟ้า ยิ่งไม่อาจเทียบได้กับนครหยกน้อย อันมีรากฐานอันลึกลํ้าและยาวนาน

จากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว มหาวิทยาลัยจักรวรรดิไม่ สามารถเทียบได้กับแม้แต่ตําหนักสวรรค์แท้แห่งแผ่นดินตะวันตก

แต่กระนั้น สถานที่เยี่ยงนี้ก็ยังผลิตแม่ทัพและขุนนางระบือนาม จํานวนนับไม่ถ้วน ให้กําเนิดยอดฝีมือจํานวนไร้ประมาณ!

แม้ว่ามหาวิทยาลัยจักรวรรดิจะยังเยาว์ แต่มันก็ได้เผยแสดง ความพิเศษเหนือธรรมดาออกมา เหนือลํ้ากว่าสํานักอื่นในหลายๆ แง่!

ฉินมู่มายังทักษะเทวะนิเวศน์และพบว่าเรือนพักของเขาถูกจัดแจงอย่างเป็นสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ เขาพิศวงใจขึ้นมา หรือว่าหลิงเอ๋อมายังมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ?

เสียงหนึ่งพลันดังมาจากข้างใน “เด็กเลี้ยงวัว ในที่สุดเจ้าก็ยอม กลับมาเสียทีหรือ เจ้ารู้ไหมว่าคณบดีป้าซานพาข้ากับธิดาเทพเซี่ย งตามพี่รองข้าไปยังชายแดนเหนือเพื่อต่อสู้กับประเทศรังหมาป่า จนกระ…”

ฉินมู่หันกลับไปและเห็นหลิงอวี้จิวถลันเข้ามาอย่างรีบร้อนจาก ข้างนอก เมื่อนางเห็นผู้คนมากมายข้างหลังเขา นางก็สะดุ้งและไม่ กล้าส่งเสียงโหวกเหวก นางรีบกลั้นหายใจและฝีเท้านางก็สงบ สํารวมทันที นางเดินเข้ามาราวกับดรุณีสูงศักดิ์และยืนหงิมข้างๆ

ฉินมู่ราวกับนกน้อยตัวหนึ่ง “เด็กเลี้ยงวัว พวกเขาเป็นใครหรือ”

“นี่คือท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านของข้า”

ฉินมู่ยกเก้าอี้โยกลงจากหลังกิเลนมังกร ผู้ใหญ่บ้านไม่ลุกขึ้น จากเก้าอี้โยก แต่มองไปยังหลิงอวี้จิวด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม

“ส่วนนี่คือผู้อมตะเฒ่าจากนครหยกน้อย ผู้อมตะชิงโยว ผู้ อมตะโหยวอวิ๋น ผู้อมตะโยวเหอ”

หลังจากแนะนํา 3 ผู้อาวุโสจากนครหยกน้อยแล้ว เขากล่าว “ส่วน 3 คนข้างๆ นี้เป็นศิษย์พี่จากนครหยกน้อย หวางมู่หรัน หล งอวี๋ และมู่ชิงไต้ และยังมีมารดาและบุตรสาวคู่นี้คือเจ้าตําหนักเสียง ซีอวี่และองค์หญิงน้อยเสียงฉีเอ๋อแห่งตําหนักสวรรค์แท้ในแผ่นดิน ตะวันตก”

หลิงอวี้จิวคารวะทักทายทีละคน และทุกคนก็ทักทายตอบนาง

“สถานที่ของข้าไม่ใหญ่โตพอที่จะให้ผู้คนมากมายขนาดนี้พัก อยู่ได้ น้องสาวมีห้องว่างหรือไม่” ฉินมู่ถาม

หลิงอวี้จิวแย้มยิ้มและกล่าว “สาวๆ สามารถมาอยู่ที่เรือนพัก ของข้าได้ ข้าอยู่ที่บ้านหลังข้างๆ นี้เอง”

ฉินมู่ขอบคุณนางและกล่าว “น้องสาว ขอบคุณเจ้ามาที่ปัด กวาดจัดห้องของข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ในหลายๆ วันมานี้”

หลิงอวี้จิวส่ายหัวและกล่าว “ไม่ใช่ข้าหรอก แต่เป็นฝีมือของ จิ้งจอกน้อยของเจ้า”

“หลิงเอ๋ออยู่ที่นี่จริงหรือนี่” ฉินมู่ประหลาดใจแกมยินดี เขาคิดถึงฮู่หลิงเอ๋อเป็นอย่างยิ่ง

“นางเพิ่งวิ่งออกไปฟังการสอนบรรยายเมื่อสักพักนี้เอง และยัง ไม่ได้กลับเข้ามา” หลิงอวี้จิวยิ้มเล็กน้อยอย่างสํารวม “เด็กหญิงน้อยนั่นรู้จักเอาใจคนอื่นดี ระหว่างวันเวลาที่เจ้าไม่อยู่ นาง กระตือรือร้นเข้าฟังการสอนบรรยายมากมาย และครูผู้สอน ทั้งหลายก็เอ็นดูนางเอามากๆ”

เด็กหญิงน้อย?

ฉินมู่อึ้งไป แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย และเริ่มจัดแจง สถานที่พักอาศัยให้กับผู้อมตะชิงโยวและพรรคพวก เรือนพักของ เขาไม่คับแคบ และมีห้องหับมากมาย ทุกคนมีห้องเป็นของตนเอง ขณะที่เสียงซีอวี่ เสียงฉีเอ๋อ และมู่ชิงไต้ พวกนางจะไปพักที่เรือน หลังตรงกันข้าม

ฉินมู่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงอวี้จิวก็กระซิบบอกเขา “นักพรตเต๋ากลุ่มหนึ่งมายังมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเมื่อหลายวันก่อนเพื่อตามหาเจ้า กู่ลี่หนวนนั้นวุ่นวายกับการต้อนรับขับสู้พวก เขา สีหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความหวาดผวา ดูไม่สู้ดีตลอดทั้ง วัน”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ยอดฝีมือพีชคณิตแห่งสํานักเต๋าได้มาถึงแล้ว”

“ท่านพ่อของข้าได้ส่งราชโองการมาแต่งตั้งเจ้าให้เป็นเจ้ากรม เทพศาสตรา เขากล่าวว่าเพื่อให้เจ้ารับหน้าที่ในการหลอมสร้างปืน ใหญ่เทวะจําพวกหนึ่ง ราชโองการนี้ถูกจิ้งจอกน้อยของเจ้าเก็บรักษาเอาไว้”

“ท่านพ่อจัดเตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านพีชคณิตของมหาวิทยาลัย จักรวรรดิและ 5 โรงงานผลิตใหญ่ให้อยู่ใต้บัญชาเจ้า อีกอย่าง เทวราชอวี้และเทวราชฉื่อหาเจ้าในหุบเขาภูตผีไม่เจอ ทําให้พวกเขาหาตัวเจ้าให้ควั่กจนแทบเป็นบ้า”

ฉินมู่เริ่มปวดหัว ตั้งแต่เขากลับมายังเมืองหลวง เขาก็ต้องจัดแจงธุระต่างๆ มากมายจนไม่มีเวลาพักหายใจ

“จริงสิ ยังมีคนที่ชื่อว่าซวีเซิงฮวา เขานําดรุณีติดตามมา 2  คนตามหาตัวเจ้าเมื่อ 2 วันก่อน กล่าวว่ารอให้เจ้ามาเลี้ยงสุรา เขา”

หลิงอวี้จิวคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสริม “ฮูหยินของราชครู ได้ให้กําเนิดและได้เชื้อเชิญเจ้า นางกล่าวว่าอยากจะเชิญท่านจ้าว ลัทธิฉินผู้ยิ่งใหญ่ให้มาเป็นพ่อทูนหัว”

ฉินมู่ถามอย่างตกตะลึง “ราชาครูมีลูกแล้วหรือ เป็นหญิงหรือชาย”

“เด็กผู้ชาย”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ให้ข้าเป็นพ่อทูนหัว? ฮูหยินของราชครูล้อเล่น แล้ว ข้ายังเป็นเด็กอยู่ จะเป็นพ่อทูนหัวใครได้อย่างไร”

ผู้ใหญ่บ้านมองไปยังหลิงอวี้จิวและกระแอมไอ ก่อนจะกล่าว “มู่ เอ๋อ เจ้าน่ะไม่เด็กแล้ว ตอนนี้เจ้าให้กําเนิดบุตรได้แล้วนะ”

ฉินมู่หน้าแดงฉ่า และพึมพํา “ทําไมจู่ๆ ท่านก็พูดเรื่องให้กําเนิดเด็ก ข้ายังไม่พร้อมเลย… ผู้ใหญ่บ้าน ปีนี้ข้าเพิ่ง 15 เองนะ!”

หลิงอวี้จิวหัวเราะคิก “15 ปีไม่เด็กอีกต่อไปแล้ว ท่านแม่ของ ข้าและพระพันปีหลวงก็เร่งเร้าให้ข้าเลือกสวามี ยิ่งไปกว่านั้น ท่าน พ่อของข้าก็คุยง่ายด้วยนะ ตราบเท่าที่ใครบางคนไปเจรจากับเขา

เรื่องนี้ เขาก็จะตกลง…”

นางนั้นค่อนข้างใจกล้า กะพริบตาปริบๆ ระหว่างที่รอคําตอบ ของฉินมู่

“จักรพรรดิหละหลวมขนาดนั้นเลยหรือ” ฉินมู่ส่ายหัว “พวกเขาทําไม่ถูก การแต่งงานจะทําเป็นเล่นขายของแบบนี้ได้หรือ”

หลิงอวี้จิวจ้องหน้าเขา แต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ เขาลุกขึ้นและ เดินไปที่โถงแห่งบรมสิกขา เมื่อกู่ลี่หนวนเห็นเขา ก็เหมือนยกภูเขา ออกจากอก “ท่านจ้าวลัทธิ มาเร็วเข้า และพานักพรตเต๋าพวกนี้ ออกไปไกลๆ จากบ้านข้า และข้าจะขอบคุณท่านอย่างสุดใจ!”

นักพรตมากมายแห่งสํานักเต๋าพักอยู่กับเขาทั้งหมด และทําให้ เขากระวนกระวายอยู่ตลอดในช่วงวันเวลาที่ผ่านมานี้

สํานักเต๋าเป็นผู้นําฝ่ายเที่ยงธรรม ส่วนเขาเป็นยอดฝีมือแห่ง ฝ่ายมาร เขาเอาแต่กลัดกลุ้มวิตกว่านักพรตพวกนี้จะคึกปราบมารกําราบอสูรขึ้นมาตอนไหน

ฉินมู่นั้นยังไม่รีบร้อนที่จะพบกับยอดฝีมือแห่งสํานักเต๋า ดังนั้น เขาจึงนั่งลงด้วยรอยยิ้ม “ความสําเร็จเชิงพีชคณิตของอธิการบดี เป็นอย่างไร”

กู่ลี่หนวนแย้มยิ้มและกล่าว “ข้านั้นเป็นคนใหญ่คนโตในฝ่าย มาร ความสําเร็จเชิงพีชคณิตของข้าจะอ่อนด้อยไปได้อย่างไร”

“เยี่ยมมาก! มีใต้เท้ากู่กับยอดฝีมือสํานักเต๋า ข้าค่อยวางใจได้ หน่อย”

กู่ลี่หนวนสีหน้าซีดเผือด “ข้ายังต้องไปอยู่กับพวกสํานักเต๋า อีกหรือ”

“จักรพรรดิได้มีโองการให้ข้าหลอมสร้างปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน เพื่อใช้โจมตีเทพเจ้า ผู้คนจากสํานักเต๋ารู้จักเจียมตัวและจะไม่ลง มือกับเจ้าหรอก” เขาปลอบโยน

กู่ลี่หนวนยังรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนดงเข็ม เขารู้สึกไม่ปลอดภัย อยู่ตลอดเวลาท่ามกลางนักพรตพวกนั้น ก็ในเมื่อชื่อเสียงเขา ค่อนข้างฉาวโฉ่

ฉินมู่ไปพบกับเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนเพื่อทักทายอย่างไม่เป็นทางการ “หลังจากที่ข้าจัดเตรียมเรียบร้อยทุกอย่างเรียบร้อย แล้ว ก็คงต้องรบกวนพวกท่านทุกคน โปรดรอฟังข่าวจากข้า”

“ไม่มีปัญหา”

ฉินมู่จากไป เมื่อเขาเดินผ่านโถงแห่งเรียงธาตุ ก็ถึงช่วงเวลา เลิกเรียนพอดี บัณ ฑิตมากกว่า 10 คนออกมาจากโถง และท่ามกลางพวกเขาคือเด็กหญิงราวๆ เจ็ดแปดขวบ นางดูน่ารักและเฉลียวฉลาดเมื่อนางกระโดดไปมา ใช้หอบลมปี ศาจมาแบกหนังสือของนางอันเรียงไว้เป็นตั้งๆ อย่างดีข้างหลัง

เด็กหญิงน้อยผู้นั้นตัวเตี้ยเล็ก แต่ข้างหลังนางมีหางขนฟูสีขาว หิมะ 3 หางยาวๆ แกว่งไปมาข้างหลัง

นั่นคือหลิงเอ๋อหรือ แตว่านางไม่รู้หนังสือ… ฉินมู่ชะงักเท้า

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!