ตอนที่ 397 ภูษาสวรรค์ไร้ตะเข็บ
ศพไร้หัวของมารเทวะควํ่าลงไป และกรงเล็บที่เกาะอยู่บนภูเขา ทั้ง 2 ก็คลายออก ร่างของมันร่วงลงไปในร่องแม่นํ้าข้างใต้
ประตูข้างหลังก็ถูกร่างมหึมาของมันปิดขวางเอาไว้ ในเวลาเดียวกันบนเรือตะวัน นักรบแห่งเผ่านักต้อนตะวันก็
กําลังต่อสู้อย่างสุดใจขาดดิ้น ในเมื่อมีมารร้ายมากมายเกินไปที่ถา
โถมเข้ามา แม้ว่านักต้อนตะวันจะเป็นนักรบโดยธรรมชาติ แต่พวก เขาก็ยังพบว่ายากต่อการต้านทานการโจมตีอยู่ดี ผู้คนหลายคน ตายไป และถูกแทรกซึมโดยมารเหล่านั้น
แต่ทันใดมารทุกตัวก็ยืนแข็งค้างอยู่กับที่อย่างไร้ สติสัมปชัญญะ ในพริบตาถัดมา ใบหน้าของพวกมันทั้งหมดก็บิด เบี้ยวเปลี่ยนแปลงราวกับว่าดวงวิญญาณ 2 ดวงกําลังต่อสู้เพื่อ แย่งชิงการควบคุมร่าง ดวงตาบนใบหน้าของมารหลายตัวแยก ออกเป็น 2 ดวง ก่อนที่จะรวมกลับเข้าใหม่อีกครั้ง อันดูพิลึกเกิน พรรณนา
นักต้อนตะวันที่แข็งแกร่งกํายําเกือบทั้งหมดหยุดการโจมตี ยืน งง ศัตรูของพวกเขาเพิ่งสู้กลับอย่างดุร้ายเมื่อวินาทีก่อนหน้า แต่ใน อีกวินาทีหนึ่ง พวกมันกลับตกอยู่ในสภาวะอันแปลกประหลาด
ผ่านไปสักพัก มารตัวที่ต่อสู้กับหัวหน้าเผ่าก็พังทลายและ แปรเปลี่ยนกลับเป็นมารชิงร่างหลายตัวก่ายกองกัน ใบหน้าของมารชิงร่างที่เป็นผู้นําร่างแปรเปลี่ยน และรอยสักมารบนร่างของมัน ก็ถดถอยไปอย่างรวดเร็ว แค่ไม่กี่อึดใจ มันก็แปลงร่างเป็นสตรีนาง หนึ่งผู้ซึ่งมีภูษาขนนกโปร่งแสงอันสร้างขึ้นมาจากเกล็ด เรือนร่าง ของนางสวยสง่า ผิวของนางขาวผ่องและดูจะโปร่งแสงประดุจหยก
หญิงผู้นั้นมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง ไม่รู้ตัวเลยว่าเกล็ดบน ร่างของนางมิได้ปิดบังผิวเนื้อข้างใต้ดีพอ
“ที่นี่คือที่ไหน” สายตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย นางมิได้เปิดปากของนางเพื่อเอ่ยวาจา แต่ข้อความของนางส่งมาด้วย คลื่นสมองอันทุกคนสามารถได้ยินเสียงของนางและเข้าใจสิ่งที่นาง กําลังกล่าว “ทําไมข้าถึงอยู่ที่นี่”
ไม่นานนัก ก็มีมารอีกมากมายที่เริ่มเปลี่ยนแปลง พวกเขาทั้งหมดแต่งกายเหมือนกับสตรีคนแรก เสื้อผ้าบนร่าง
ของเขานั้นมิใช่เนื้อผ้าจริงๆ แต่ในทางกลับกันมันเป็นปีกอันบอบ บางที่ก่อขึ้นมาจากเกล็ดโปร่งใส และปีกก็มีมากกว่า 1 คู่ ทั้งตัว ของพวกเขาเต็มไปด้วยปีกทุกขนาด
ขนนกของพวกมันก็มีเกล็ดเต็มไปหมด อันเป็นภาพอันหาดู ได้ยากแม้ในหมู่สัตว์พิสดาร มีสัตว์พิสดารไม่กี่ตัวที่มีลักษณะเช่นนี้ ในแดนโบราณวินาศ
แต่ทว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีขนนกเกล็ด
และขนนกเกล็ดเหล่านั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกด้วย หญิงสาวที่ฟื้นสติขึ้นมาเป็นคนแรกตระหนักอย่างรวดเร็วว่าเสื้อผ้า ของนางมิได้ปิดบังร่างอันเปลือยเปล่า และขนนกเกล็ดของนางก็แปรเปลี่ยนไปตามที่นางต้องการ พวกมันเปล่งแสงเรืองรอง และสีสันของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดํา ทําให้ดูเหมือนว่าหญิงนางนี้กําลังใส่ชุดยาวสีดํา
ขนนกเกล็ดบนร่างของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนสีสันไปเช่นกันเพื่อ ปิดบังร่างของพวกเขา เมื่อพวกเขาทั้งหมดแต่งกายเรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาก็มองไปรอบๆ ด้วยความเหม่อลอย ไม่รู้ว่าพวกเขากําลัง อยู่ที่ไหน
นักต้อนตะวันบนเรือตะวันเองก็งงเป็นไก่ตาแตก พวกเขาไม่รู้ ว่าเหตุใดฝูงมารถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้
ทว่าหัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันก็คาดเดาได้ “พวกเขาน่าจะเป็น เผ่าพันธุ์จากแดนอื่นที่ถูกมารเทวะมารชิงร่างเข้าแทรกซึม ในเมื่อ บัดนี้สํานึกรู้หลักได้ตายจากไป การควบคุมที่มีเหนือพวกเขาก็
หายวับ และพวกเขาก็กลายเป็นอิสระ นี่หมายความว่า มารเทวะ มารชิงร่างสิ้นชีวิตแล้ว!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายข้างๆ เขาปีติยินดี ทันใดนั้นเสียงโกร่งกร่างก็ ดังมาจากข้างหลังพวกเขา และพวกเขารีบหันกลับไปดูทันที ข้าง หลังพวกเขานั้น ฉินมู่ผู้ซึ่งกําลังจับเสาอยู่ด้วย 2 มือ ใช้อีก 2 มือ สาวโซ่กลับมา
มันเป็นโซ่ที่โยงฝังอยู่ในดวงตะวัน และเป็นสมบัติวิเศษที่ ผูกดวงตะวันเอาไว้ ดังนั้นการลากมันกลับเข้ามาจึงค่อนข้างเป็นงานหนัก
หัวหน้าเผ่าเฒ่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลอีกครั้ง เขารีบเดินไปยัง เสาทั้ง 4 ในใจกลางและเงยหน้าขึ้น “องค์ชาย ทําไมท่านถึงโยนดวงอาทิตย์ออกไปอีกแล้วล่ะ มันแตกหักหรือไม่”
ฉินมู่ก้มหน้าลงและลังเลเมื่อเห็นสายตาอันเต็มไปด้วยความหวังของอีกฝ่าย “นี่…”
ผ่านไปสักพัก หัวหน้าเผ่าก็เห็นดวงอาทิตย์ถูกลากกลับมา ก้อนวัตถุ 2 ซีกอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ 2 ลูก อันเป็นครึ่งทรงกลม
หัวหน้าเผ่าเฒ่าและผู้อาวุโสทั้งหลายเบิ่งตามองด้วยแววตาว่าง เปล่า นักต้อนตะวันคนอื่นๆ บนเรือตะวันก็มองไปยัง 2 ก้อนมหึมา นั้นด้วยเหม่อลอย
ไม่เพียงแต่ดวงอาทิตย์จะดับแสง มันยังถูกฝ่าออกเป็น 2 เสี่ยง!
โกร่งกร่าง โกร่งกร่าง เสียงของโซ่ที่ถูกดึงช่างฟังเจ็บปวดรวดร้าวถึงหัวใจ ฉินมู่ดึงดวงอาทิตย์ทั้ง 2 ครึ่งกลับเข้ามา และเรียกกระบี่ไร้กังวลของเขา มันช้อนยกเนตรหยกตะวันขึ้นและลอยเข้ามาหาเขาอย่างไม่รีบร้อน
“หัวหน้าเผ่า มีข่าวดี 2 อย่าง อย่างแรกคือมารเทวะมารชิง ร่างสิ้นชีวิตแล้วอย่างแท้จริง” ฉินมู่กล่าวด้วยความรู้สึกผิด
หัวหน้าเผ่าเฒ่าผู้นิ่งขึงจ้องไปยังเขา เมื่อเขาพูด เสียงของเขา ก็เหมือนดังมาจากเครื่องจักร “แล้วข่าวดีอีกอย่างเล่า?”
“พวกเราสามารถเปลี่ยนอาทิตย์ลูกใหม่ได้แล้ว!” หัวหน้าเผ่าหันศีรษะกลับมองที่องค์ชายของพวกเขา อยากจะ
รํ่าไห้แต่ก็ไม่มีนํ้าตา
“เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ…” เขาพึมพํา
ฉินมู่ดึงดวงอาทิตย์สีดํา 2 เสี่ยงนี้กลับมา และยังมีมนุษย์ กลายพันธุ์ที่มีขนนกเกล็ดเป็นหมื่นคนตามมาข้างหลัง เข้ามาใกล้ กับเรือตะวัน
บางคนที่ตามดวงอาทิตย์มาไม่ทันก็ทิ้งชีวิตในความมืดแห่งแดนโบราณวินาศ ที่เหลืออยู่รู้ว่าความมืดนั้นน่าสยองขวัญเพียงใด และต่างก็บอกเตือนซึ่งกันและกัน พวกเขาตามเข้ามาหาดวงตะวัน มากขึ้นทุกทีๆ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงรอดชีวิต
พวกเขามิได้ใช้เสียงในการสื่อสาร แต่กลับอาศัยคลื่นสมอง โดยไม่ต้องเอ่ยวาจา พวกเขาก็สามารถส่งข้อมูลไปมาได้ อันดูวิเศษไม่ธรรมดา
ฉินมู่ลากดวงตะวัน 2 ซีกกลับขึ้นมาบนเรือตะวัน และพลันก็ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในจิตของเขา “อวี่เจ้าชิงแห่งเผ่าขนนกสวรรค์ น้อมพบเจ้าของสถานที่แห่งนี้”
ฉินมู่ตะลึงเล็กน้อยเมื่อเขามองไปยังสตรีในชุดดําที่กําลังเดิน ตรงมาทางเขา กิริยาของนางจริงใจ เป็นธรรมชาติ และไร้ความขัด เขิน ชุดยาวเข้ารูปสีดําพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน
เมื่อนางมายังเบื้องข้างของเสาตะวันเทวะ ไม่เพียงแต่เสื้อผ้า ของนางจะเป็นสีเหลืองอ่อนแล้ว รูปทรงของมันก็ยังคล้ายคลึงกับ เสื้อผ้าของหัวหน้าเผ่าและคนอื่นๆ อีกด้วย ขนนกเกล็ดบนร่างกาย
ของนางนอกจากจะเปลี่ยนสีสันได้แล้ว มันยังเปลี่ยนรูปร่างได้อีก ต่างหาก
ฉินมู่คลายมือที่กําจับแท่งเสาตะวันเอาไว้ และ 2 แขนใต้รักแร้ ของเขาก็ค่อยๆ หดกลับเข้าไป ขาที่ 3 ข้างหลังเขาก็หดเข้าไปใน ร่างกาย พร้อมกับพลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวของเรือตะวันก็ล่า ถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ร่างกายของเขาก็ กลับมาสู่ขนาดปกติ
ฉินมู่รีบเข้าไปหลบหลังเสาต้นหนึ่ง และนําเสื้อผ้าอีกชุด ออกมาเพื่อใส่แทนชุดเก่าอันขาดวิ่นของตน หลังจากแต่งตัว เรียบร้อย เขาก็ออกมาจากข้างหลังเสา
เมื่อเขาคว้าจับเสาตะวัน พละกําลังเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่า พรั่นพรึงและร่างเนื้อของเขาก็กลายเป็นมหึมาปานภูเขา ฉีกทําลายเสื้อผ้า แม้ว่าเสื้อของเขาจะเป็นอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่ง แต่ฉินมู่ได้แปลงร่างเป็นยักษ์ที่สูงถึง 100 วาอันยิ่งใหญ่ด้วยร่างเทพสวรรค์ เขาได้ทําลายเสื้อผ้าเกิดขีดจํากัดของมัน และด้วยขาที่ 3 ที่งอกจากกระดูกปลายสันหลัง มันก็ถูกฉีกขาดออกไปโดยสิ้นเชิง
“หัวหน้าเผ่าอวี่” ฉินมู่คารวะทักทาย
อวี่เจ้าชิงแห่งเผ่าขนนกสวรรค์มองไปที่เขาด้วยความตื่นตกใจ เมื่อครู่นี้ฉินมู่ยังเป็นตัวตนระดับเทพสวรรค์อยู่เลย แต่บัดนี้เขาได้ กลายเป็นชายหนุ่มอายุเยาว์
เสื้อผ้าของสตรีผู้นี้ลงแตะกับพื้น เมื่อนางน้อมกายคารวะอย่าง ตั้งใจจริง ฉินมู่รีบชี้ไปทางหัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันและแย้มยิ้ม “ข้า มิใช่ผู้นําของสถานที่แห่งนี้ เขาต่างหากที่เป็น ข้ามิกล้าก้าวก่าย อํานาจ”
หัวหน้าเผ่าเฒ่าส่ายหัวแล้วกล่าว “ใต้สรวงสวรรค์แห่งนี้ ทุกหน แห่งคืออาณาจักรของฝ่าพระบาท เผ่านักต้อนตะวันนั้นก็เป็นเขต แดนใต้ปกครองขององค์ชาย ดังนั้นองค์ชายย่อมเป็นเจ้าของ สถานที่แห่งนี้”
ฉินมู่จึงได้แต่ยอมรับการแสดงความเคารพของสตรีจากเผ่า ขนนกสวรรค์ “หัวหน้าเผ่าอวี่ สถานที่นี้ไม่เหมาะแก่การสนทนา ให้ ชนเผ่าของท่านขึ้นเรือมาสิ และติดตามพวกเรากลับไปที่บ่อตะวัน เพื่อจะได้สนทนากัน”
อวี่เจ้าชิงส่งคลื่นสํานึกรู้ออกไป และไม่นาน ชนเผ่าขนนก สวรรค์ทุกคนก็ขึ้นมาบนเรือ ฉินมู่ขับเคลื่อนเรือตะวันอีกครั้งและ เดินกลับเข้าไปในพื้นที่อันถูกม่านแสงของบ่อตะวันคลี่คลุมเอาไว้
บนเรือ ชนเผ่าขนนกสวรรค์หลายล้านคนมองไปรอบๆ ยังโลก ใบเล็กอันแปลกพิสดาร เสื้อผ้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสีสันไปมาไม่ หยุดยั้ง
ร่างของพวกเขาสูงและแบบบางกว่ามนุษย์ทั่วไปอยู่สักหน่อย ทั้งชายและหญิงงดงามหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง และภูษาของพวกเขา ก็แปรเปลี่ยนไปได้ตามอารมณ์ความคิด เมื่ออารมณ์พวกเขาดี เสื้อผ้าเขาก็จะมีสีสันฉูดฉาดสดใส
หลังจากปล่อยมือจากเสาตะวัน ฉินมู่ก็กังวลกับการแตะเสานี้ อีกครั้ง ดวงอาทิตย์ทําให้แตกเป็น 2 เสี่ยงด้วยนํ้ามือเขา และโดย ไม่มีมันเป็นตัวสร้างสมดุล พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวของเรือตะวัน ก็เริ่มที่จะดูดกลืนพลังชีวิตของเขา ภายในชั่วระยะเวลาไม่นาน เท้า ของเขาก็ได้ถูกกลืนจมลงไปแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาฉวยโอกาส ระหว่างที่ร่างกายย่อหดลงเพื่อกระโดดออกมา แต่ขาเขาก็เจ็บ แปลบและอ่อนเปลี้ย
“องค์ชาย ท่านจะต้องมีความเคร่งขรึมในการพบปะกับหัวหน้า เผ่าขนนกสวรรค์ มิอาจไม่ใส่ใจนางได้”
หัวหน้าเผ่าเฒ่าเชิญฉินมู่เข้าไปในวิหารตะวัน ก่อนที่จะเชื้อ เชิญอวี่เจ้าชิงให้ก้าวเข้าไปพบกับเขา
“องค์ชาย”
ในวิหารตะวัน อวี่เจ้าชิงก้าวเข้าไปข้างหน้า แตะใบหน้าของ ฉินมู่อย่างแผ่วเบา และแตะหน้าผากของนางไปชนกับเขาอย่าง นุ่มนวล
“เจ้าทําอะไรน่ะ” ฮู่หลิงเอ๋อเดินนําหลิงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยงเข้า มาในวิหารตะวันได้เห็นกับฉากนี้พอดี นางตะโกนไปอย่างเดือด ดาล “เจ้ามาจูบได้อย่างไร…”
อวี่เจ้าชิงมองไปที่เด็กหญิงผู้นี้ที่สูงไม่ถึงขาอ่อนของนางอย่าง สนอกสนใจ นางก้มลงไปกอบ 2 แก้มของฮู่หลิงเอ๋อ ก่อนที่จะแตะ หน้าผากของนางเข้ากับหน้าผากของสาวน้อยด้วยกิริยาอันอ่อนโยน
ฮู่หลิงเอ๋อพลันรู้สึกถึงบางสิ่งปรากฏขึ้นมาในจิตของนาง มัน เป็นภาษาของเผ่าขนนกสวรรค์ ในเวลาเดียวกันนั้น นางก็รู้สึก ว่าอวี่เจ้าชิงใช้มันในการแลกเปลี่ยนกับภาษาในโลกของฮู่หลิงเอ๋อ
ฮู่หลิงเอ๋อพลันตระหนักขึ้นมา “โอ ที่แท้ก็ไม่ใช่จูบกัน ข้าคิดว่าเจ้าแต๊ะอั๋งคุณชายเสียอีก…”
อวี่เจ้าชิงแย้มยิ้ม และก้มลงไปเพื่อจุ๊บริมฝีปากของนางเบาๆ ฮู่ หลิงเอ๋อพลันหน้าแดงฉานและหัวใจของนางก็เต้นตูมตาม นางโงนเงนไปมาราวกับว่ากําลังเมาสุรา และกล่าวอย่างเขินอาย “จุ๊บหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหมือนกัน…”
อวี่เจ้าชิงเดินไปยังหลิงอวี้จิว และหัวใจนางก็พลัน กระสับกระส่ายเมื่อก้มมองหน้าอกหน้าใจของตน แต่ทว่าอวี่เจ้าชิง มิได้จุมพิตนาง เพียงแต่แตะหน้าผากกับนางเท่านั้น เมื่อพบเช่นนี้
หลิงอวี้จิวก็ถอนหายใจโล่งอก
ซีอวิ๋นเซี่ยงก็ได้แตะหน้าผากกับนางแล้วแย้มยิ้ม “ที่แท้ก็เป็น การแลกเปลี่ยนภาษา หรือนี่คือพรสวรรค์ของเผ่าขนนกสวรรค์ ของเจ้า หรือว่ามันเป็นทักษะเทวะ”
“มันเป็นพรสวรรค์” อวี่เจ้าชิงอ้าปากและเปล่งเสียงพูดภาษา ของพวกเขา แม้ว่ามันจะยังไม่คล่องดีเหมือนกับเจ้าของถิ่น แต่นางก็พูดได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพูดมากขึ้น “องค์ชายได้สังหารมารเทวะ มารชิงร่างและปลดปล่อยพวกเราชาวเผ่าให้เป็นอิสระ พวกเราเผ่า ขนนกสวรรค์ไม่รู้จะแสดงความขอบคุณตื้นตันใจที่พวกเราได้รับ มาอย่างไร”
ฉินมู่ส่ายหัวแล้วกล่าว “ข้าไม่ได้ทํามันเพื่อช่วยเหลือพวกเจ้า แต่เพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น ดังนั้นไม่มีความจําเป็นต้องขอบคุณ ข้า เผ่าขนนกสวรรค์ของเจ้าก็อาศัยอยู่ในแดนโบราณเหมือนกัน หรือเปล่า”
“พวกเรามิได้พํานักอยู่ที่นี้ แต่อยู่ในโลกอื่น” อวี่เจ้า ชิงกล่าว “โลกที่พวกเราจากมาถูกมารเทวะมารชิงร่างเข้ายึดครองและชน เผ่าเกือบทั้งหมดของพวกเราก็ถูกมันครอบงํา โชคยังดีที่องค์ชาย ช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากชะตาสิ้นเผ่าพันธุ์ แม้ว่าองค์ชายจะ ไม่ได้เรียกร้องให้พวกเราทดแทนบุญคุณ แต่พวกเราก็มิอาจ เพิกเฉยได้”
“โลกมิติที่พวกเจ้าทั้งหมดมานั้นน่าจะเป็นโลกที่อยู่ข้างหลังซากร่างของมารเทวะ ใช่หรือไม่ ทําไมมันถึงเชื่อมต่อกับแดนโบราณวินาศล่ะ” ฉินมู่ถามอย่างสนใจใคร่รู้
“เมื่อราวๆ 20,000 ปีก่อน โลกของพวกเราเข้าชนกับโลกมิติ อื่น และห้วงมิติของทั้ง 2 โลกก็เข้ามาซ้อนทับกัน พวกเราจะพบ โลกอื่นในยามเที่ยงคืนบนท้องฟ้าเหนือศีรษะพวกเรา อันเป็นภาพ ปรากฏการณ์แสนอัศจรรย์” อวี่เจ้าชิงกล่าว
“จักรพรรดิของโลกแห่งนั้นได้ส่งเทพเจ้าตนหนึ่งมา และสั่งให้ พวกเราเผ่าขนนกสวรรค์สวามิภักดิ์ต่อเขา จนบัดนั้นพวกเราถึงเพิ่งรู้ว่าโลกมิติอื่นที่พวกเราเห็นนั้นเรียกว่าจักรวรรดิจักรพรรดิก่อตั้ง แต่ทว่า ในวันหนึ่ง ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติขึ้นที่นั่น และโลกมิตินั้นก็กลายเป็นแดนโบราณวินาศ เผ่าขนนกสวรรค์ พวกเราก็พลอยได้รับเคราะห์กรรมไปด้วย เมื่อยามกลางคืนมาถึง ท้องฟ้าของพวกเราก็มิใช่นภาประดับดาวอีกต่อไป แต่กลับถูกปก คลุมไปด้วยความมืดอันดิบดําถึงที่สุด และในภายหลัง มารเทวะ
มารชิงร่างก็เข้ารุกรานโลกของพวกเรา…”



