บทที่ 871 รวมพลังอีกครั้ง
ยามนี้ในพื้นที่ของรถผีที่กระจายออกไปมีผู้บำเพ็ญอยู่กว่าร้อยคน ทุกคนในนั้นต่างมีวิธีของตน บางคนใช้วิชา บางคนพึ่งพาของนอกกาย
ทั้งตัวเองยังเป็นผู้มีความสามารถเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน ถึงได้แสดงฝีมือโดดเด่นจากกลุ่มคนและซ่อนตัวอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ รอโอกาสได้ลูกรถผี
หากสวี่ชิงไม่ปรากฏตัว แม้ในพวกเขาจะมีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่ก็ต้องมีคนเอารถผีมาได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้…การมาเยือนของสวี่ชิง ประโยคเดียวก็ทำให้รถผีที่พวกเขาปรารถนาบินออกไปหมดแล้ว
เพียงโบกมือก็เหมือนดึงม่านในห้องมืดออกทันที เปิดโปงการซ่อนตัวของทุกคนทั้งหมด
คำบรรยายนี้ก็ยังไม่เหมาะนัก พูดให้ถูกคือเมื่อสวี่ชิงโบกมือ ไม่เพียงดึงม่านออก แต่ห้องนั้นถึงกับรื้อตัวเองทิ้งในพริบตา ทั้งมีเท้างอกพากันเดินไกลออกไป
ความตื่นตะลึงกับฉากนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ทั้งหมดที่นี่ต่างมีฟ้าร้องครืนครั่นในใจ สั่นสะเทือนหาใดเปรียบ
ความโปร่งโล่งที่เกิดขึ้นฉับพลันเปลี่ยนจากมืดเป็นสว่างในพริบตา ทำให้พวกเขาล้วนหายใจถี่เร็ว
แต่การสั่นสะเทือนของจี้ตงจื่อรุนแรงที่สุด ก่อนหน้านี้หลังเขาสังเกตเห็นว่าต้นตอความเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีคือจิ่วหลี ในใจก็คาดเดาเกี่ยวกับสวี่ชิงไว้นานแล้ว
เขาก็เคยคิดว่าสวี่ชิงอาจยังไม่ตาย และเคยคิดว่าอาจได้เจอกันอีกในภายหน้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าการพบกันอีกครั้งของทั้ง 2 จะถึงกับเกิดขึ้นด้วยวิธีเหนือจินตนาการเช่นนี้
มองทอดไปยังรถผีกว่าร้อยตัวที่หมอบคลานราวกับเจอผู้เป็นนาย มองเงาร่างรถผีโตเต็มวัยที่เก่าแก่และน่าหวาดกลัวทั้ง 3 ในม่านฟ้า ร่างกายของจี้ตงจื่อพลันสั่นสะท้านอย่างหาได้ยาก
ความรู้สึกอันตรายร้ายแรงปะทุสนั่นในจิตใจเขา
ฝานซื่อซวงที่อยู่ห่างจากเขาพันจั้งก็เป็นเช่นนั้น เดิมเขากำลังคุมเชิงกับจี้ตงจื่อ แต่ตอนนี้ หลังเห็นทุกสิ่งกับตา จิตใจเขาเกิดคลื่นยักษ์สะเทือนฟ้า
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนล้วนสะท้านกลัวเพราะฉากนี้ ไม่กล้าผลีผลามบุ่มบ่าม
มีเพียงสวี่ชิงยืนอยู่นอกป่าเร้นลับที่กระจายออกไปผืนนี้ สายตาไม่ได้วางที่กายจี้ตงจื่อซึ่งอยู่ไกลออกไปในทันที หากเงยหน้ามองไปยังรถผีเตรียมสู่เทวะ 3 ตัวนั้นบนท้องฟ้า
3 ตัวนี้ล้วนต่างกับอสูรทั้งหมดที่เขาเจอมาตลอดทาง
พวกมันไม่ร้องโอดครวญ ทั้งไม่ทำท่าหมอบคลาน กลับจ้องมองตนอยู่บนฟ้า ในนั้นยังเจือแววสงสัยพินิจพิเคราะห์
‘หลังจากอสูรบนแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีบรรลุขั้นเตรียมสู่เทวะ บางที…อาจปลุกความทรงจำบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในสายโลหิต’
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิดบางสิ่ง มีเพียงคำตอบนี้ที่จะอธิบายสายตาของรถผีเตรียมสู่เทวะ 3 ตัวนี้ได้
สายตานี้ก็ทำให้สวี่ชิงรู้ว่ากลิ่นอายจิ่วหลีของตนมีขีดจำกัดอยู่ตรงไหน
‘มีแต่เผยสภาวะบรรพจารย์ผู้ใช้เวทออกมาได้อย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นถ้าคิดจะขี่อสูรเตรียมสู่เทวะ ข้ายังทำไม่ได้’
สวี่ชิงตรองในใจ สายตาก็ถอนกลับตามมา กวาดมองผ่านผู้บำเพ็ญที่ถูกเปิดเผยเงาร่างในป่าเร้นลับ สุดท้ายมองทอดไปทางจี้ตงจื่อ
พวกเขาอยู่ไกลกันมาก โดยปกติจะไม่เห็นอีกฝ่าย
แต่เป็นถึงผู้บำเพ็ญ และกำลังรบกับพลังบำเพ็ญก็บรรลุถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นขอเพียงระยะห่างไม่ไกลเกินไป ด้วยการเสริมพลังจากประสาทสัมผัสเทพผสานกับสัญชาตญาณ ย่อมจ้องมองและสัมผัสถึงกันได้
ระหว่างจ้องมอง ความรู้สึกอันตรายในใจจี้ตงจื่อปะทุขึ้นอีกครั้ง สวี่ชิงยกเท้าเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
เมื่อก้าวลงไป กายเขาส่งเสียงฟ้าร้องครืนครั่น ไหมวิญญาณสีแดงจำนวนมากระเบิดออกจากร่างเขา โอบล้อมรอบด้านเป็นพายุสีโลหิต แล้วผสานกันเป็นสภาวะเทพเจ้าอย่างรวดเร็ว
ออกมาก็เป็นขั้นที่ 4 สภาวะชื่อหมู่ หรืออีกชื่อคือนายแห่งจันทร์สีม่วง!
สูงร้อยจั้ง ทั่วทั้งกายเป็นขนนกเลือดเนื้อสีม่วง ด้านหลังยังมีปีกมหึมา 2 ข้าง เสียงกระซิบแผ่ออกจากร่างนั้นเป็นระยะ ก้องสะท้อนทั่วทิศ
เบื้องหลังเขาคือจันทร์สีม่วงที่ลอยขึ้นอย่างช้าๆ เงาร่างนับไม่ถ้วนบนนั้นกำลังหมอบกราบ
เบื้องหน้าเขาคือนาฬิกาแดดใหญ่ยักษ์ เข็มกำลังหมุนวน เกิดเป็นพลังแห่งเวลาบิดเบี้ยวความว่างเปล่า ทำให้ทุกสิ่งพร่าเลือน
เบื้องล่างเขาคือแท่นดอกบัวมหึมา ใบบัวทุกใบล้วนแสดงถึงความสามารถอย่างหนึ่งของสวี่ชิง
พวกมันกลายเป็นหนวดสีม่วงขยายออกทั่วทิศ ประหนึ่งดอกพลับพลึงแมงมุมสีม่วง ผู้ใดพบเห็นเป็นต้องตื่นกลัว
เจตจำนงเทพเจ้ามาเยือนฟ้าดิน สั่นคลอนจิตวิญญาณผู้บำเพ็ญมากมาย แม้แต่อสูรรถผีเหล่านั้นยังกระสับกระส่าย สามตัวบนฟ้ายิ่งแผ่พลังกดดันออกมาทั่วร่าง
แต่สวี่ชิงไม่ได้สนใจ เดินก้าวที่ 2 ด้วยสภาวะเทพเจ้าน่าสะพรึงกลัวนี้
ขณะก้าวลง โคมไฟเลือดเนื้อทั้ง 9 พลันลอยออกจากกายเขามาล้อมรอบด้าน บนนั้นปรากฏเป็นจิ่วหลี 9 เศียร อานุภาพสะเทือนฟ้า ขณะแผดเสียงคำรามยังเคลื่อนมาหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว
ชั่วลมปราณก็ผสานเข้ากับสภาวะเทพเจ้าของเขา กลายเป็นเกราะเวทเปี่ยมด้วยความเก่าแก่คร่ำโลก
จิ่วหลี 9 เศียรปรากฏพร้อมกัน เสริมกำลังรบของสวี่ชิงให้สะท้านฟ้าสะเทือนดินในทุกจุด
เมื่อหน้ากากที่แปลงจากหยาจื้อสวมบนหน้าสวี่ชิง ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมพัดเมฆแผ่คลุม!
สิ่งที่สำแดงอยู่บนโลกนี้ เป็นการมีอยู่ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์
เทพเจ้ากับผู้ใช้เวทปรากฏขึ้นพร้อมกันในร่างคนคนเดียว กลิ่นอายทรงอานุภาพยากอธิบายสะท้านฟ้าบนกายสวี่ชิง
รถผีบนพื้นดินหมอบคลานตัวสั่น รถผีบนฟ้าถึงกับก้มมองอย่างเงียบเชียบ
ต้นไม้ใบหญ้าในป่าฝนรอบด้านโน้มลงพร้อมเพรียง ฟ้าแลบสีแดงบนท้องฟ้าก็ระเบิดลั่นเรียงกัน ทำให้ม่านฟ้าถูกอาบย้อม
ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์เหล่านั้นยิ่งมีหลายคนทานรับไม่ไหวจนกระอักเลือดสดออกมา จำต้องถอยหลบ ในใจถูกถมด้วยความตื่นตกใจและความหวาดกลัว
กระทั่งฝานซื่อซวงกับจี้ตงจื่อยังเกิดอสนีบาตเลื่อนลั่นในหัว
ไม่ต้องไปลงมือพวกเขาก็สัมผัสถึงความกล้าแข็งของสวี่ชิงในยามนี้ได้อย่างชัดเจน
เทียนโม่จื่อที่อยู่ไกลออกไปหายใจถี่รัว เขาเห็นสภาวะเช่นนี้ของสวี่ชิงเป็นครั้งแรกเหมือนกับคนทั้งหลาย และปฏิกิริยาที่มาจากสายโลหิตก็ทำให้ใจเขาถึงกับเกิดความเคารพอย่างห้ามไม่อยู่
ขณะทุกคนตื่นกลัวเพราะสวี่ชิง เขาในสภาวะเทพผู้ใช้เวทเดินก้าวที่ 3 ข้ามมาโผล่ในระยะพันจั้งจากจี้ตงจื่อ
ชั่วขณะที่ปรากฏตัว แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ม่านฟ้าใกล้แตกแยก กลิ่นอายรุนแรงรวมถึงจิตสังหารอานุภาพไร้ใดเปรียบที่หยาจื้อแผ่ออกมาทำให้โลกใบนี้หิมะตกเป็นสีม่วง
ฝานซื่อซวงถอยกรูด จากสายตาของสวี่ชิงรวมถึงเรื่องเกี่ยวกับสวี่ชิงถูกจี้ตงจื่อสังหารที่ได้ยินข้างนอกก่อนหน้านี้ เขาก็เดาได้ทันทีว่าครั้งนี้อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อจี้ตงจื่อ
ไม่เกี่ยวกับตน
และขณะเดียวกับที่เขาถอยหลัง มีเสียงดังลั่นทอดมาจากตัวจี้ตงจื่อเช่นกัน อีกฝ่ายเองก็เคลื่อนไหวแล้ว
2 มือเขาทำมุทราเร็วรี่ กายสาวเท้าถอยหลัง กำลังรบหวนสู่อนัตตาขั้นบริบูรณ์ปรากฏบนตัวเขา
ในฐานะยอดอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับ 2 ของเผ่านภาคิมหันต์ แม้สวี่ชิงในยามนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันเพียงใด แต่เขาไม่มีนิสัยยอมแพ้โดยไม่สู้
อีกอย่างเขารู้ดี ในเมื่อสวี่ชิงเจอที่นี่แล้ว เช่นนั้นศึกนี้ต้องตายกันไปข้าง!
ดังนั้นในพริบตา ม่านฟ้าที่เกิดรอยแยกเป็นทุนเดิมระเบิดสนั่นหวั่นไหว นิ้วมือมหึมาพลันเคลื่อนลงจากในนั้น และเข้าไปใกล้สวี่ชิงในพริบตา
นิ้วมือนี้อานุภาพมหาศาล คล้ายมีพลังล่มฟ้าทำลายผืนดิน ยังแฝงกำลังรบทั้งหมดของจี้ตงจื่อรวมถึงกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วน และยังมีร่องรอยแห่งวิถีของเขา
บิดเบี้ยวความว่างเปล่า พุ่งตรงไปหาสวี่ชิงด้วยพลังย้ายภูเขาพลิกสมุทร
สวี่ชิงเผชิญหน้านิ้วมือที่มาถึงด้วยสีหน้าปกติ เขายกมือขวากดลงแผ่วเบา เกิดเสียงดังสนั่น ถึงกับหยุดนิ้วมือมหึมานั้นไว้ตรงหน้า
ยังพลิกมันขึ้น เสียงกร๊อบดังลั่นกลบสายฟ้าก้องสะท้อนออกมา
นิ้วมือน่าสะพรึงกลัวนี้ถึงกับบิดเบี้ยวจากตรงกลาง มันถูกสวี่ชิงหักเต็มแรง!
ครู่ต่อมา นิ้วที่ 2 นิ้วที่ 3 นิ้วที่ 4 นิ้วที่ 5 ครองม่านฟ้า เคลื่อนออกมาติดต่อกัน
อุบายนี้จี้ตงจื่อเคยแสดงให้สวี่ชิงเห็นมาแล้ว ตอนนั้นสวี่ชิงเสียแรงไปมากมาย ใช้พลังวิเศษทั้งหมดที่มีถึงจะพอรับมือได้ทีละนิ้ว แต่ก็เจ็บหนักไม่น้อย จำต้องใช้วิชาช้อนจันทรากลางบ่อ
ทว่าตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
พลังวิเศษเดียวกัน จัดการด้วยวิธีต่างกัน สวี่ชิงเดินก้าวที่ 4
หลังจากเสียงแตกหักทอดมาต่อเนื่อง นิ้วที่ 4 ที่มาถึงไม่อาจขัดขวางเงาร่างของสวี่ชิงแม้เพียงนิด ทั้งหมดล้วนถูกเขายกมือหักอยู่ตรงหน้า
เผชิญกับฉากนี้ จี้ตงจื่อสีหน้าเคร่งขรึม ขณะถอยหลังยังทำมุทราอีกครั้ง พริบตาถัดจากนิ้วมือที่ 5 บิดเบี้ยว ม่านฟ้าพลันมืดมิด ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ปกคลุมฟ้าบดบังตะวันฟาดมาทางสวี่ชิง
สวี่ชิงเงยหน้ามองฝ่ามือใหญ่โตนั้น 2 ตาปรากฏหมอกเทา
ไอหมอกนี้หนาขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ลอยขึ้นจากตัวเขา กลายเป็นพลังจู่โจมมุ่งไปทางฝ่ามือ
ขณะเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว 2 ฝ่ายปะทะ ฝ่ามือนั้นไม่อาจเคลื่อนลง กลับถอยหลังจากการจู่โจมนี้ ครู่ต่อมาไอหมอกรวมตัวเร็วรี่ ถึงกับกลายเป็นตะปูสีเทาดอกหนึ่ง แทงทะลุฝ่ามือและพามันตกถึงพื้นดิน
แผ่นดินสะเทือนรุนแรง ฝ่ามือมหึมาถูกตะปูที่เกิดจากหมอกเทาตอกลงพื้นเต็มๆ
ไม่ว่าจี้ตงจื่อใช้วิชาอย่างไรก็ยากจะทำให้ฝ่ามือนั้นหลุดพ้น
สวี่ชิงถอนสายตากลับมา มองจี้ตงจื่อที่สีหน้าเปลี่ยน เดินออกไปเป็นก้าวที่ 5 โดยไม่เอ่ยคำใด
เมื่อปรากฏตัวก็มาอยู่ร้อยจั้งข้างหน้าจี้ตงจื่อแล้ว
จี้ตงจื่อหายใจถี่รัว ทั้งกายเป็นสีแดงในฉับพลัน เงาโลหิตเป็นสายลอยออกมาจากกายเขา โอบล้อมรอบด้านเป็นทะเลสาบโลหิต และเงาโลหิตในนั้นยังแตกกระจายต่อเนื่อง ทำให้ทะเลสาบโลหิตขยายขอบเขตพุ่งพรวด หวีดคำรามมาทางสวี่ชิง
ตัวเขากลับลอยขึ้นกลางอากาศเร็วรี่ สีหน้าบิดเบี้ยวอยู่กลางฟ้าดิน จิตสังหารในตาเด่นชัด 2 มือยกขึ้นแผ่ออกโดยพลัน ทันใดนั้นเลือดสดและเงาโลหิตระเบิดออกจากกายเขามากกว่าเดิม
พริบตาเดียวก็ปรากฏทะเลโลหิตกว้างใหญ่อยู่รอบตัวเขา ขอบเขตชวนตื่นตะลึง มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ปกคลุมท้องนภาทำให้ฟ้าดินกลายเป็นสีเลือด
“สะกด!”
ใจกลางทะเลโลหิต จี้ตงจื่อที่แทบมองไม่เห็นเงาร่างคำรามเสียงต่ำ 2 มือลดลง ฉับพลันทะเลโลหิตน่าหวาดกลัวรอบตัวเขาก็เคลื่อนตามลงไปกดทับพื้นดิน
ตอนนั้นสวี่ชิงก็พ่ายแพ้ให้กระบวนท่านี้เพราะเกินขีดจำกัดพลังโลหิตของเขา แม้สุดท้ายหนีมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัส
บัดนี้เห็นมันอีกครั้ง สวี่ชิงเงยหน้าจ้องทะเลแดงฉานที่เคลื่อนลงมาจากม่านฟ้า เขายกมือขวาคว้าทะเลแดงฉานผ่านอากาศ
พลังบำเพ็ญปรากฏทั่วกายในยามนี้ พริบตานั้นพลังต้นกำเนิดเทพแผ่ซ่านทั่วทิศ จิ่วหลี 9 เศียรออกมาจากร่าง แผดเสียงคำรามสนั่นฟ้าดิน
อานุภาพสาดซัดเทียมฟ้า
ด้วยการปลุกพลังถึงขีดสุด พลังโลหิตของสวี่ชิงก็ทะลวงขีดจำกัดในตอนแรกและถูกดันไปอีกขั้นทันที
ทะเลโลหิตที่ปกคลุมฟ้าบดบังตะวันพลันพลิกม้วน ถึงกับเกิดเป็นเกลียวคลื่นใหญ่ยักษ์ ต้นตอของเกลียวคลื่นนี้คือฝ่ามือที่สวี่ชิงยกขึ้นนั่นเอง!
ทะเลโลหิตพลิกม้วนหมุนวนต่อเนื่อง เข้ามารวมตัวที่ฝ่ามือสวี่ชิงไม่ขาดสาย มันย่อส่วนลงทุกที
มองจากไกลๆ ฉากนี้เป็นที่น่าตกใจ ทำเอาผู้บำเพ็ญที่ดูอยู่ทั้งหมดจิตใจสั่นสะเทือนอีกครั้ง
จนสุดท้าย ทะเลที่เคยกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาบนท้องฟ้าที่ทุกคนเห็น ถึงกับกลายเป็นก้อนโลหิตหมุนวนในฝ่ามือสวี่ชิง
ในนั้นเปล่งรัศมีสีแดงสะดุดตาอาบย้อมฟ้าดิน มองมันแล้วมีความรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณถูกทิ่มแทง คล้ายได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหลือคณานับ
ยังมีกลิ่นอายที่ทำให้คนหวาดผวาเคลื่อนวนอยู่ในนั้น เผยให้เห็นความโกลาหล ราวกับจะระเบิดออกมาเป็นมหันตภัยได้ทุกเมื่อ!
ฉากนี้ทำให้ในหัวจี้ตงจื่อเกิดอสนีบาต กายใจสั่นเทา เมื่อความกลัวในใจเผยออกทางสายตาด้วยไม่อาจเก็บซ่อนอีกต่อไป นิ้วชี้ของสวี่ชิงดีดบนก้อนโลหิตน่าสะพรึงกลัวนี้
ชั่วพริบตา ก้อนโลหิตนี้พลันพุ่งออกมาพร้อมพลังทำลายล้างสรรพสิ่ง ผ่านบริเวณใดล้วนลากรอยเลือดกัดกินความว่างเปล่าราวบาดแผลบนท้องฟ้า พุ่งตรงไปหาจี้ตงจื่อ!
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



