Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 987

ตอนที่ 987

ความปรารถนาของเมิ่งฮ่าว!

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าออกไป พลังของคู่ต่อสู้ทั้งหกก็พุ่งสูงขึ้นไปมากกว่าเดิม พวกมันกลายเป็นลำแสงหกสายพุ่งตรงมา สำหรับหวังมู่ จู่ๆ ดวงตามันก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ และดูเหมือนว่ามันจะเริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมา ทำให้ระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ทันใดนั้นมันก็ยกมือขวาขึ้นไป และแสงแห่งความมืดก็เริ่มถูกดูดเข้าไปในวิญญาณและพลังชีวิตทั้งหมดของมัน กลายเป็นการโจมตีของ…เวทแห่งเต๋าอันลึกล้ำของตระกูลหวัง ซึ่งยากที่จะควบคุมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!

“พันธนาการ!” หวังมู่ตวาดขึ้น ปลายนิ้วของมันดูเหมือนจะสามารถกรีดท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้เปิดออกมาได้ ทำให้ระลอกคลื่นทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่กับที่ พลังอันน่ากลัวปรากฏขึ้นซึ่งได้ม้วนพันไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวในทันที ก่อตัวเป็นสายโซ่ที่มองไม่เห็นพันธนาการไปรอบๆ ร่างเขาในทันใด

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะขยับตัวเคลื่อนไหวได้ แต่วิชาเวทของตระกูลหวังนี้ก็แตกต่างไปจากเวทผนึกร่างของเขา ราวกับว่าเวลาได้หยุดชะงักนิ่ง ราวกับว่าร่างกายเขาในตอนนี้หยุดชะงักไปชั่วนิรันดร์!

ภาพที่กำลังเกิดขึ้นมานี้ทำให้คนทั้งหมดต้องประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ ผู้ที่โจมตีมาทั้งหกคน รวมทั้งหวังมู่ ได้กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นกระบี่อันแหลมคม ดวงตาพวกมันแวบขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ พลังปะทุขึ้นขณะที่โจมตีมายังเมิ่งฮ่าวด้วยพลังชีวิตทั้งหมดเท่าที่พวกมันจะสามารถรวบรวมขึ้นมาได้

กลิ่นอายของหวังมู่อาจจะดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก แต่ขณะที่มันระเบิดพลังโจมตีออกมา มันก็ยกมือขวาขึ้นและดรรชนีภาพลวงตาก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

“หนึ่งดรรชนีตระกูลหวัง!” เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาขณะที่ภาพลวงตาของดรรชนียักษ์ ดูเหมือนจะมาแทนที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว และตกลงมายังเมิ่งฮ่าว พลังจำนวนมากพุ่งออกมา ทำให้ทุกสรรพสิ่งดูเหมือนแทบจะกลายเป็นเถ้าธุลีไป

กลิ่นอายธูปเผาไหม้ของเซี่ยอีเซียนพลุ่งพล่านปั่นป่วน กลายเป็นอาณาจักรส่วนตัวของมันเอง ด้วยการใช้พลังจากชีพจรเซียน มันได้เติมพลังเข้าไปในโลกธูปเผาไหม้ของมัน ทำให้พลังจากกลิ่นอายนั้นได้ก่อตัวขึ้นเป็นอาณาจักรของมันเอง กลายเป็นภาพนับไม่ถ้วนที่บดขยี้ตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

เฉินฮ่าวแผดร้องออกมาด้วยโทสะ เปลวไฟพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่ชีพจรเซียนของมันปะทุเป็นพลังออกมา มังกรอัคคีของมันรวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นศีรษะมังกรยักษ์ กำลังอ้าปากออกมาราวกับว่าต้องการจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเข้าไป

ไท่หยางจื่อทุ่มออกมาจนสุดตัว พ่นโลหิตออกมาคำโต ทำให้ตะวันเก้าดวงปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ซ้อนทับกันไปมาจนกระทั่งกลายเป็นดวงตะวันขนาดใหญ่หนึ่งดวง พุ่งตรงไปด้วยพลังอันน่ากลัว

พลังของซ่งหลัวตานพุ่งทะยานขึ้นไป อย่างช้าๆ ใบมีดเริ่มปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมัน เป็นใบมีดแห่งตระกูลซ่ง ซึ่งเป็นเต๋าด้วยเช่นกัน ใบมีดสวรรค์กรีดเฉือนลงไป ราวกับเป็นการมาถึงของเต๋าแห่งสวรรค์

เข็มนั้นได้แหวกฝ่าอากาศตรงไปยังหน้าผากของเมิ่งฮ่าว

ขุนเขาทะเลที่เก้าสั่นสะเทือนไปโดยสิ้นเชิง คนทั้งหมดมองไปด้วยจิตใจที่หมุนคว้างยังภาพที่ปรากฏขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกมันต่างก็ตกตะลึงที่ได้เห็นเมิ่งฮ่าวเอาชนะผู้ถูกเลือกต่างๆ ด้วยการต่อยออกไปเพียงแค่หมัดเดียว จนทำให้ต้องดูถูกผู้ถูกเลือกเซียนแท้ขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกมันต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่า ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มผู้ถูกเลือกเหล่านี้ ต่างก็เป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าที่สามารถจะทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนได้เพียงลำพัง

“เมิ่งฮ่าวกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว!!”

ในชั่วพริบตาพวกมันก็ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว แต่ในตอนนี้เอง…เสียงระเบิดอันรุนแรงก็ดังก้องออกมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว ราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า ระเบิดออกมาจนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตูม, ตูม, ตูม, ตูม…

อย่างน่าตกใจยิ่ง เกิดเป็นเสียงดังก้องออกมานับร้อยครั้ง!

เสียงระเบิดนับร้อยเหล่านี้เป็นตัวแทนของพลังชีพจรเซียนหนึ่งร้อยจุด ที่ได้ปลดปล่อยพลังของพวกมันทั้งหมดออกมา ทันใดนั้นวิชาพันธนาการอันแปลกๆ ของตระกูลหวังก็แตกกระจายออกไป

ขณะที่เวทนั้นพังทลายลงไป หวังมู่ก็กระอักโลหิตออกมาคำโต ราวกับว่าพลังทั่วทั้งร่างของมันได้กระจายหายไปจนหมดสิ้น สีหน้ามันตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด ไม่เคยพบเจอกับพลังสะท้อนกลับ จากคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับมันอย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน

“ตอนนี้ถึงคราของข้าแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับดวงตาที่แวบขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา ก่อนหน้านี้วิชาเวทของตระกูลหวังได้ทำให้เขาต้องสั่นสะท้าน ตอนนี้ดวงตาเขาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา ขณะที่ร่างกายแวบขึ้น ทันใดนั้นก็ไปปรากฏตัวขึ้นใหม่อยู่ที่เบื้องหน้าของเซี่ยอีเซียน เหมือนเช่นเคยเขากำมือขวาเป็นหมัดและเริ่มต่อยออกไป!

หมัดแรกทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของเซี่ยอีเซียน โลกธูปเผาไหม้ของมัน, อาณาจักรของมัน พังทลายกลายเป็นเสี่ยงๆ และมันก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

หมัดที่สองกระแทกไปที่เบื้องหน้าของเฉินฮ่าว เปลวไฟที่อยู่รอบๆ ตัวมันจู่ๆ ก็พบเจอกับสายลมอันรุนแรง และดับลงไป ศีรษะของมังกรอัคคีอันน่าตกใจระเบิดขึ้น ทำให้เฉินฮ่าวต้องส่งเสียงแผดร้องด้วยความไม่ยินยอมขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งไม่ให้ตนเองต้องกระอักโลหิตออกมาจากปากได้

หมัดที่สี่, หมัดที่ห้า, หมัดที่หก!

ร่างของซ่งหลัวตานเต็มไปด้วยโลหิต

หน้าอกของไท่หยางจื่อกลายเป็นรูขนาดใหญ่ จนดูเหมือนว่าแทบจะตกตายไป อวี๋ซิงหลงแห่งกู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ) มองเห็นเข็มอสุภะของมันกลายเป็นเถ้าธุลีไป ใบหน้าซีดขาวขณะที่หมัดของเมิ่งฮ่าวพุ่งเข้ามาจนทำให้ร่างมันแทบจะต้องระเบิดขึ้น สุดท้ายมันก็หมดสติไป

เมิ่งฮ่าวไม่ได้สังหารพวกมันแม้แต่คนเดียว เขาไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกมัน และรู้ว่าในฐานะที่เป็นผู้ถูกเลือกเซียนแท้ พวกมันต้องต่อสู้กับเขาในครั้งนี้อันเนื่องมาจากเต๋าของพวกมันเอง

หกหมัด กวาดหกคู่ต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เส้นผมลอยพลิ้วไปมา เสียงระเบิดได้ยินออกมาจากภายในร่างเขามากขึ้น จนกระทั่งเกิดเป็นเสียงดังทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบสามครั้ง เป็นการบ่งบอกว่าเมิ่งฮ่าวได้ปลดปล่อยพลังแห่งชีพจรเซียนของเขาทั้งหมดออกมา

“ช่างแข็งแกร่งนัก!!”

“ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน!” เสียงร้องอุทานด้วยความประหลาดใจได้ยินออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า ตอนนี้พลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวทำให้คนทั้งหมดต้องสะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง

เหล่าผู้ชมนับไม่ถ้วนกำลังมองการต่อสู้ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างใกล้ชิด มันคือการต่อสู้ของผู้ถูกเลือก เป็นการต่อสู้ของเซียนแท้ที่จะตัดสินการคงอยู่ในอนาคตของสำนักและตระกูลต่างๆ

ในการต่อสู้นั้นช่วงหนึ่ง เรือธรรมดาแปลกๆ ลำหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอันไร้ขอบเขต แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นแม้แต่ตระกูลจี้ก็ตามที

ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนตัวเรือ ด้านข้างมันเป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัย กำลังขมวดคิ้วอยู่ขณะที่มองออกไปยังจอภาพขนาดใหญ่ ซึ่งเมิ่งฮ่าวกำลังต่อสู้อยู่กับผู้ถูกเลือกต่างๆ

“ทำไมพวกมันต้องไปสู้ด้วย?” บุรุษหนุ่มถามขึ้น “พวกมันไม่รู้ว่าไม่ใช่คู่มือ? กลุ่มที่ถูกเรียกว่าผู้ถูกเลือกแห่งขุนเขาทะเลที่เก้า ประเมินความสามารถของตนเองสูงส่งมากเกินไป? ถ้าเป็นข้า ข้าจะต้องแอบเตรียมตัวเพื่อสร้างชื่อในภายหลัง! คล้ายกับว่ากลุ่มคนจากขุนเขาทะเลที่เก้าเหล่านี้ต่างก็โง่เขลากันทั้งหมด ช่างโง่งมจริงๆ!”

“นั่นเป็นเพราะว่า…พวกมันคือผู้ถูกเลือก” ชายชรากล่าวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “พวกมันยอมที่จะพ่ายแพ้ ยอมที่จะรับว่าสู้ผู้อื่นไม่ได้ แต่ถ้าพวกมันไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะไปต่อสู้ ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะลับกระบี่ พวกมันก็ไม่อาจ…จะไปต่อสู้กับเจ้าเด็กเมิ่งฮ่าวนี้ได้ตลอดกาล”

“ตอนนี้พวกมันอยู่ในอาณาจักรเซียนแล้ว และเนื่องจากช่องว่างที่กว้างใหญ่นั้น ถ้าพวกมันไม่ยอมที่จะสู้ในตอนนี้…ในวันข้างหน้า ช่องว่างนั้นก็มีแต่จะกว้างออกไปมากยิ่งขึ้น จากนั้น…พวกมันก็จะขาดความกล้าที่จะต่อสู้ตลอดไป” ชายชรายกจอกสุราขึ้นมาและจิบไปหนึ่งคำ

“พวกมันยังได้รวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับมันอีกด้วย?” บุรุษหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะเป็นเสียงเย็นชาออกมา “ถึงแม้ว่าพวกมันจะชนะ แล้วจะพิสูจน์อะไรได้?”

“พิสูจน์ได้ว่ามันอาจจะพ่ายแพ้โดยกลุ่มคนจากรุ่นเดียวกัน” ชายชรากล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ “เลี่ยเอ๋อร์ นี่คือความแตกต่างระหว่างเจ้าและพวกมัน เจ้าไม่อาจจะดูถูกกลุ่มคนจากขุนเขาทะเลที่เก้าเหล่านี้ได้”

บุรุษหนุ่มหัวเราะเสียงเย็นชา “แล้วจะอย่างไร? เมื่อพบกับพวกมัน พวกเราก็…”

มันกำลังจะพูดต่อไป แต่ชายชราก็จ้องมองไปยังมันด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม จิตใจของบุรุษหนุ่มสั่นสะท้าน และกลืนคำพูดของตนเองลงไป

ไม่มีใครรับรู้ถึงการคงอยู่ของเรือลำนี้ ราวกับว่ามันได้ปรากฏขึ้นในห้วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป พวกมันลอยอย่างช้าๆ ผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จนหายลับตาไป

แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่รวมตัวกันเพื่อโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว ฟางเว่ยลอยตัวอยู่ในกลางอากาศด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก หลับตาลงขณะที่มันไม่สนใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวโดยสิ้นเชิง แต่มันกำลังค่อยๆ สะสมพลังขึ้นมาอย่างช้าๆ และกลิ่นอายของมันก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากวิชาลับของตระกูลฟางหลายชนิด ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ยังมีผลเนี่ยผานอยู่ภายในร่างอีกสองผล ซึ่งเริ่มเต้นรัวขึ้นมาเป็นระยะราวกับว่าเป็นจังหวะการเต้นหัวใจของมันเอง

มันกำลังเฝ้ารอคอยให้พลังพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด จนกระทั่งสามารถจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้!

นอกจากมันแล้ว ฝานตงเอ๋อร์ก็กำลังสะสมพลังขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นก็เป็นจ้าวอีฝาน, หลี่หลิงเอ๋อร์ รวมทั้งคนอื่นๆ อีกสองคน…หนึ่งมาจากตระกูลจี้ เป็นคนที่ไม่มีใครให้ความสังเกตสนใจ อันเนื่องมาจากว่าตระกูลจี้ได้ปกปิดเรื่องประตูเซียนของคนผู้นี้ไว้ สิ่งเดียวที่คนทั้งหมดรู้ก็คือว่านางได้กลายเป็นเซียนแท้ไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่านางมีชีพจรเซียนมากมายเท่าใดกันแน่ ซึ่งนางก็คือจี้ยินนั่นเอง!

นางไม่ใช่เต้าจื่อแห่งตระกูลจี้ แต่ก็เป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่อยู่ต่ำกว่าเต้าจื่อทั้งหมด!

นอกจากจี้ยินแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนที่กลุ่มผู้ชมส่วนใหญ่ได้มองข้ามไป ฝานตงเอ๋อร์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จ้าวอีฝานและโจวซินจากสำนักกระบี่ไท่สิง แห่งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่สำหรับเซียนกู่เต้าฉ่าง…

ไม่มีใครรู้ว่าตะวันอันเจิดจ้าที่โผล่ออกมาจากพิธีเต๋าเซียนโบราณนี้คือผู้ใด

แทบจะในทันทีที่ไท่หยางจื่อและผู้ถูกเลือกอีกห้าคนพ่ายแพ้ไป เสียงกระหึ่มก็ดังก้องอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลได้ส่องแสงระยิบระยับเพิ่มขึ้นมาอีก ผู้ถูกเลือกเซียนแท้จำนวนมากปรากฏร่างขึ้นจากสามนิกายหกสำนัก และมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน

พวกมันรู้ว่าไม่อาจจะทำให้เมิ่งฮ่าวพ่ายแพ้ได้ โดยการพึ่งพาแต่ความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกมันจะต้องเอาชนะในการต่อสู้นี้ให้จงได้!

ดังนั้นพวกมันจึงร่วมมือกัน ถ้าชนะก็สามารถจะขจัดจิตมารไปจากจิตใจพวกมันได้ และจะพิสูจน์ว่าเมิ่งฮ่าว…ก็สามารถจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้!

ตูมมมมมมม!

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่ชีพจรเซียนของผู้ฝึกตนทั้งสิบกว่าคนปะทุขึ้น นี่คือยุคแห่งเซียนแท้ ดังนั้นใครก็ตามที่กลายเป็นเซียนแท้ ก็จะเปิดชีพจรเซียนได้อย่างน้อยก็เก้าสิบจุดขึ้นไป และใครที่มีเวทลับ ก็สามารถจะปลดปล่อยวิญญาณเซียนและมีพลังเพิ่มขึ้นได้ พวกมันกลายเป็นลำแสงสิบกว่าสายพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ เขามองไปรอบๆ ยังคู่ต่อสู้ทั้งสิบสองคน และปากก็บิดเป็นรอยยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

ชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดของเขาโคจรหมุนวนอย่างเต็มกำลัง ขณะที่คู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงไปคล้ายกับเป็นมังกรที่พิโรธ เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่กลิ่นอายอันทระนงได้กระจายออกมาจากร่าง กำมือเป็นหมัดและต่อยออกไป

เมิ่งฮ่าวกวาดผ่านทุกสรรพสิ่งไป ราวกับเป็นคมมีดที่ผ่าลงไปยังกระบอกไม้ไผ่ ทุกที่ที่เขาผ่านไป ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ก็แตกกระจายไป เวทลับถูกทำลายลง โลหิตพ่นกระจายไปทั่ว และทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะเทือน

ตูมมมมมมม!

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้านและสวรรค์ก็มืดสลัวเลือนรางลง หมัดแล้วหมัดเล่าถูกต่อยออกไป!

คู่ต่อสู้หลายคนลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของพวกมัน ลำแสงเจิดจ้าแตกกระจายไป ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง…

ในท่ามกลางเหล่าผู้ชม ต่างก็มองไปด้วยความตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นนักรบเซียน และภาพที่เขากำลังต่อสู้อยู่ก็ประทับแน่นอยู่ภายในจิตใจของคนทั้งหมดในรุ่นเดียวกันนี้

สุดท้ายเมื่อคู่ต่อสู้ทั้งหมดเหลือแต่ใบหน้าที่ซีดขาวราวกระดาษ และเมื่อผู้ถูกเลือกคนสุดท้ายลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังด้วยความพ่ายแพ้ เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขึ้นและโบกสะบัดตรงขึ้นไปในท้องฟ้า

“อำนาจแห่งกรรม!” เส้นใยกรรมมากมายจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว รวมทั้งจากร่างกายของผู้ถูกเลือกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอีกหกคนที่เขาได้ต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้ มีทั้งหมดสิบแปดกระแสแห่งกรรม ที่สามารถมองเห็นได้จากผู้ถูกเลือกเซียนแท้ที่กำลังพุ่งออกมา

เนื่องจากพื้นฐานฝึกตนและเวทแห่งเต๋าอันกล้าแกร่งของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาสามารถบังคับให้การก่อตัวขึ้นมาของกรรมกลายเป็นตั๋วสัญญามากมาย เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในกลางอากาศ และจากนั้นก็ลอยลงมาอยู่บนฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว

ไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรลงไป และไม่จำเป็นต้องมีใครเห็นด้วยกับเรื่องนี้ นั่นเป็นเพราะว่า…ตอนนี้พวกมันได้กลายเป็นหนี้เขาไปแล้ว!

เวทเต๋ากรรมของเมิ่งฮ่าวได้บังคับให้เกิดเป็นโชคชะตาที่เชื่อมต่อผูกแน่นกันแล้ว!

ในทันทีที่อำนาจแห่งกรรมปรากฏขึ้น คู่ต่อสู้ทั้งสิบแปดคนก็กระอักโลหิตออกมา และดวงตาพวกมันก็กลายเป็นสีแดงเจิดจ้า ความรู้สึกที่โชคชะตาถูกผูกมัดเข้ากับตั๋วสัญญาได้พุ่งขึ้นมาในจิตใจ และรับรู้ได้ว่ากรรมของพวกมันจะถูกรบกวนถ้าไม่ยอมชดใช้หนี้ ทำให้ผู้ถูกเลือกทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยดวงตาที่แดงก่ำและพลุ่งพล่านไปด้วยโทสะ

“เมิ่งฮ่าว เจ้ากล้าดีอย่างไร!!”

“บัดซบ เจ้ามันไร้ยางอายนัก!!”

ผู้ถูกเลือกเซียนแท้ทั้งหมดแผดร้องขึ้นมาด้วยโทสะ

“ไร้ยางอายอย่างไร?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ สีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ก็มีรอยยิ้มเขินอายขึ้นเล็กน้อย กระแอมไอออกมาก่อนที่จะพูดต่อไปด้วยท่าทางที่ถูกต้องเที่ยงธรรม

“…พวกเจ้ามาสู้กับข้าเพื่อจะทำให้จิตเต๋าของตนเองมั่นคง พวกเจ้ายังได้รวมหัวกันมาสู้กับข้าอีกด้วย ถ้าพวกเจ้าเอาชนะข้าได้ จิตเต๋าของพวกเจ้าก็จะเป็นอิสระจากสิ่งกีดขวางใดๆ ด้วยเช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องเก็บดอกเบี้ยจากพวกเจ้าสักเล็กน้อย ถ้าพวกเจ้าคิดเช่นนี้ ข้าก็มั่นใจว่าพวกเจ้าคงจะเห็นด้วย…”

ราวกับว่าเขาได้กล่าวกับฟางซิ่วเฟิงในวันนั้นว่า ความฝันของเขาก็คือการให้ผู้ถูกเลือกทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าติดหนี้เขา

“ข้าน่าจะบอกว่าต้องการจะให้ผู้ถูกเลือกในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) ติดหนี้ข้าทั้งหมด!” ขณะที่ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้พุ่งขึ้นมาในจิตใจ เขาก็มองขึ้นไป และเส้นผมที่ยาวเงางามก็ลอยพลิ้วไปมาในสายลม พลังของเขากระจายออกไปเป็นระยะ ราวกับว่าการตัดสินใจเช่นนี้จะทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน ระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ในตอนนี้ ขุนเขาทะเลที่เก้าได้ตกอยู่ในความเงียบไปโดยสิ้นเชิง คนทั้งหมดไร้คำพูดขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ผู้ถูกเลือกเซียนแท้ต่างก็มีโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะพูดจาโต้ตอบกลับไปได้แม้แต่คำเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!