บทที่ 918 ศิษย์น้องเล็ก ไม่ต้องสนใจข้า เจ้าไปเร็ว!
ขวดหยกเป็นสีขาวนวล ราวกับไขมันแกะ และยังเปล่งรัศมีล้อมรอบ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งธรรมดา
ชายหนุ่มแซ่เฟิงยกมือขึ้น รับมันไว้ จากนั้นจึงกวาดสายตาดู แล้วพยักหน้า
“ผนึกเอกภพศักดิ์สิทธิ์เป็นเคล็ดลับที่เฉพาะคนในตระกูลสายหลักเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้ มีข่าวลือว่าหากใช้ถึงขีดสุด แม้แต่เทพเจ้าก็สามารถถูกหลอมได้ เผ่ามนุษย์ทั้ง 2 คนนั้นไม่ธรรมดา ข้าไม่มีเวลาให้เสียเปล่า ทำได้เพียงเท่านี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลานเหยาก็เอ่ยอย่างเรียบเฉย
“นั่นไม่ใช่ข่าวลือ เจ้าเป็นเพียงปีกมารเลือดผสม ดังนั้นเจ้าจึงรู้เรื่องบางอย่างไม่มากนัก อันที่จริงเมื่อบรรพชนศักดิ์สิทธิ์พาเผ่าของเราออกจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แม้ว่าซ่างฮวงจะยังมาไม่ถึงจริงๆ แต่เทพเจ้าบางส่วนก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนแล้ว”
“บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ใช้ผนึกนี้ หลอมเทพชั้นสูงไปหลายองค์”
สีหน้าของชายหนุ่มแซ่เฟิงเปลี่ยนไป พยักหน้า
“ขอบคุณที่สหายเต๋าหลานบอกให้ทราบ เผ่ามนุษย์ทั้ง 2 คนนั้นก็หนีไปได้สักพักแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าขอลงมือก่อน”
พูดจบ ชายหนุ่มแซ่เฟิงก็สูดหายใจเข้าลึก เปิดขวดหยกโดยไม่ลังเล สะบัดไปข้างนอก ทันใดนั้นของเหลวสีขาวหยดหนึ่งก็ลอยออกมาจากขวด
เมื่อของเหลวนี้ปรากฏขึ้น ไม่มีพลังวิญญาณใดๆ กระจายออกมา แต่ในชั่วพริบตา บริเวณโดยรอบกลับแห้งแล้งขึ้นทันใด ราวกับว่าน้ำทั้งหมดหายไปในชั่วพริบตา
เช่นเดียวกับการมีอยู่ของของเหลวนี้ ของเหลวอื่นๆ ล้วนเหือดหายจนสิ้น
แม้แต่เฟิงและหลาน ร่างกายของทั้ง 2 ต่างปกคลุมด้วยแสงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สีเงิน เพื่อกักเก็บน้ำทั้งหมดในร่างกาย
ส่วนชายหนุ่มแซ่เฟิงก็มีสีหน้าเคร่งขรึม มองไปยังของเหลวสีขาวตรงหน้า 2 มือประสานปางมือเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว ลอยไปยังของเหลวหยดนั้น
ภาพที่น่าขนลุกปรากฏขึ้น เห็นได้ชัดว่าสัญลักษณ์แต่ละภาพจากตกลงไปในของเหลวหยดนี้ ก็พุ่งสูงขึ้นในทันที ทะลุผ่านไปและขยายขนาดเป็นร้อยจั้ง บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะหายไป
สัญลักษณ์มีทั้งหมด 108 สัญลักษณ์
เมื่อสัญลักษณ์สุดท้ายหายเข้าไปในความว่างเปล่า ของเหลวสีขาวนั้นก็กลายสภาพโปร่งใส พร้อมกับความแห้งแล้งโดยรอบ
“เรียบร้อยแล้ว ทั้ง 2 คนนั้นหนีไม่รอด ไปดูกันเถิด”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงมองหลานเหยา
หลานเหยายิ้มอย่างยินดี ทั้ง 2 ก้าวออกไป เหาะเหินไปในอากาศ
ในตอนนี้เอง กลางอากาศห่างจากคนทั้ง 2 หลายพันลี้ สายรุ้งที่สวี่ชิงและนายกองแปลงร่างกำลังพุ่งผ่านไป ระหว่างนั้นพวกเขาไม่ได้สื่อสารกัน ไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจหลบหนีเต็มที่
แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สัญลักษณ์ขนาดร้อยจั้งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน พุ่งไปข้างหน้าพวกเขา
ในชั่วพริบตา มันก็ตกลงเบื้องหน้าสวี่ชิงและนายกองด้วยความเร็วที่น่าตกใจยิ่ง
เมื่อตกลงไป ความว่างเปล่าก็พังทลาย กลายเป็นเศษซากนับไม่ถ้วน กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง เมื่อมองจากระยะไกล ราวกับดอกไม้กลางห้วงอากาศ
เป็นดอกไม้จริงๆ!
สีขาวเช่นดอกบัว กำลังหมุนคว้าง
สีหน้าของสวี่ชิงและนายกองอึมครึม เปลี่ยนทิศทางโดยไม่ลังเล แต่ในตอนนั้นเอง ท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามอีกครั้ง สัญลักษณ์ที่ 2 สัญลักษณ์ที่ 3 สัญลักษณ์ที่ 4…
มากกว่า 30 อัน ก็ลอยมาทีละอัน
เสียงคำรามดังขึ้นต่อเนื่อง ความว่างเปล่ากลางอากาศพังทลายลงหลายแห่ง เศษซากกลายเป็นพายุ
ดอกบัวสีขาวแต่ละดอกบานสะพรั่งในพายุห้อมล้อมสวี่ชิงและนายกอง
จากนั้น สัญลักษณ์ขนาดร้อยจั้งจำนวนมากขึ้นพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ในชั่วพริบตา ดอกบัวสีขาวทั้งหมด 108 ดอก ก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ล้อมรอบในระยะร้อยจั้ง ก่อตัวเป็นพลังผนึกอันน่ากลัว
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทุกครั้งที่พวกมันหมุน จะมีเส้นไหมสีเขียวปรากฏขึ้น
ภายในนั้นบรรจุพลังอันร้อนแรง มาพร้อมกับพลังแห่งการทำลายล้างโลก พุ่งไปทางพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คนที่ถูกล้อมไว้อย่างไร้สุ้มเสียง
ในชั่วพริบตา รอบกายสวี่ชิงและนายกอง ก็มีเส้นไหมสีเขียวมากมาย ไกลออกไป ยิ่งดอกบัวหมุนคว้าง เส้นไหมสีเขียวก็ถูกปล่อยออกมามากขึ้น
เมื่อมองจากระยะไกล เส้นไหมสีเขียวเหล่านี้ก่อตัวเป็นดอกบัวยักษ์สีเขียวขนาดร้อยลี้!
ไอน้ำทั้งหมดโดยรอบหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความร้อนระอุ ฟ้าแห้งดินแล้ง
เจตจำนงหลอมรวม ก่อตัวขึ้นจากฟ้าดิน เคล็ดวิชาผนึก กลายเป็นเตาอบในโลกปัจจุบัน!
สวี่ชิงและนายกองที่อยู่ภายใน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ความรู้สึกถึงวิกฤตรุนแรงผุดขึ้นในใจของทั้ง 2 พวกเขามองหน้ากัน และพยายามหนีออกไปด้วยเคล็ดวิชาของใครของมัน
นายกองร่างกายวูบไหว หนอนสีฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น พ่นลมหายใจเย็นยะเยือก กระดูกสันหลังและมือกระดูกส่องแสงในอากาศเย็นเยียบ โจมตีไปข้างหน้าอย่างแรง
เสียงคำรามดังก้องเหมือนฟ้าร้อง แต่เตาอบดอกบัวยักษ์นี้เพียงแค่สั่นไหว ไม่ได้แตกสลาย
สวี่ชิงก็เช่นกัน กริชกลืนวิญญาณสามารถทำลายกฎเกณฑ์ได้ แต่กลับไม่อาจเปิดผนังเตาหลอมได้ ทำได้เพียงแค่สั่นสะกิด ไม่อาจสั่นคลอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ สวี่ชิงก็เงียบ สบสายตากับนายกอง
สายตาของพวกเขาประสานกัน แม้จะไม่มีการส่งกระแสจิต แต่พวกเขาก็เข้าใจความหมายของกันและกันเป็นอย่างดี
“แน่ใจหรือ?” สวี่ชิงลดเสียงเอ่ย
“แน่ใจ!”
นายกองเลียริมฝีปาก ขยิบตา หนอนสีฟ้าตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของสวี่ชิงโดยไร้สุ้มเสียง แล้วเขาก็เก็บมันไว้
จากนั้นสวี่ชิงก็ยกมือขวาขึ้นตบเข้าที่หน้าผากทันที โดยไม่พูดอะไร
ร่างกายของเขาส่งเสียงคำราม จิตวิญญาณหลุดลอยออกจากกายเนื้อ อ้าปากกลืนกินกายเนื้อเข้าไปในวิญญาณ
นายกองก็ทำอย่างเดียวกัน จิตวิญญาณลอยออกมา และใช้วิญญาณบรรจุหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนของตนเองเอาไว้
จากนั้นจิตวิญญาณของสวี่ชิงก็ยกมือขึ้นกดไปข้างหน้า
คลื่นปรากฏขึ้นรอบกายเขาตามแรงกด กลางเวหาเหือดแห้งนั้น กลับปรากฏผิวน้ำขึ้นในเสี้ยวขณะ
ระลอกคลื่นแผ่กระจายไปทุกทิศทาง
อย่างไรก็ตาม ผนึกเอกภพศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทั้งที่ปกติใช้วิชาช้อนจันทรากลางบ่อได้ทุกที่ แต่ที่นี่กลับได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ระลอกคลื่นผิวน้ำโดยรอบแห้งเหือดลงแทบจะในทันทีที่มันปรากฏ
จิตวิญญาณของสวี่ชิงไม่ลังเล อาศัยพลังช้อนจันทรากลางบ่อที่ยังพอใช้ได้ ยกมือขึ้นเอื้ิอมคว้าผิวน้ำ
สิ่งที่เขาคว้ามาไม่ใช่ดอกบัวยักษ์ หากแต่เป็นวิญญาณของตนเองและนายกอง
เสี้ยววินาทีต่อมา ก็มีมือใหญ่ปรากฏขึ้นด้านนอกดอกบัวยักษ์ พุ่งตรงไปที่ปทุมยักษ์ด้วยพลังไร้ขอบเขต ราวกับสร้างมาจากดาราจักร
ทันทีที่สัมผัสกัน มือใหญ่พลันสั่นคลอน ดอกบัวยักษ์สีเขียวพลันส่องแสงจ้า
แต่ในที่สุด เห็นได้ชัดว่าพลังเสมือนจริงของช้อนจันทรากลางบ่อนั้นพิเศษกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สวี่ชิงฝึกบำเพ็ญวิชาช้อนจันทรากลางบ่อ เขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิด พลังจึงแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ
ดังนั้นมือเสมือนจริงจึงทะลุผ่านดอกบัวยักษ์เข้าไป
ลดลงสู่ห้วงอากาศที่กลายเป็นผิวน้ำภายในดอกบัวยักษ์ คว้าวิญญาณของสวี่ชิงและนายกองไว้ในฝ่ามือ ดึงกลับออกมาข้างนอก
สวี่ชิงกำลังจะหลุดพ้นด้วยเคล็ดวิชาอันน่าเหลือเชื่อนี้
แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเย็นชาก็ดังขึ้น พร้อมกับกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนส่งผ่านมาจากความว่างเปล่า ตกลงบนมือช้อนจันทรากลางบ่อของสวี่ชิง
เสียงเย็นชามาจากชายหนุ่มแซ่เฟิง
กลีบดอกไม้มาจากหลานเหยา
สีหน้าของทั้ง 2 คนฉายแววประหลาดใจ ระคนเคร่งขรึม
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวังว่าสวี่ชิงจะมีเคล็ดวิชาอันน่าทึ่งเช่นนี้
ดังนั้นในชั่วพริบตา ชายหนุ่มแซ่เฟิงก็ยกมือขึ้นโบก พายุคำราม กลายเป็นนกยูง 5 สีที่มีเขาดำ พุ่งไปยังมือช้อนจันทรากลางบ่อของสวี่ชิง
กลีบดอกไม้ของหลานเหยาเองก็รวมตัวกัน กลายเป็นดาบบุปผาพิฆาตสวรรค์ฟาดฟันทันใด
ในชั่วพริบตา มือใหญ่ของสวี่ชิงก็สั่นเทา ปรากฏสัญญาณของการพังทลาย ราวกับไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป ในช่วงเวลาวิกฤต เสียงคำรามที่หมดหนทางดังออกมาจากฝ่ามือของเขา
จิตวิญญาณของนายกองพุ่งออกมาจากข้างใน รวมเข้ากับกายเนื้อของเขาในทันที
“ศิษย์น้องเล็ก อย่าสนใจข้า เจ้าไปเร็ว ไปแจ้งสำนัก!”
ระหว่างที่พูด ดวงตาของนายกองเผยให้เห็นความพร้อมตาย แสดงท่าทีไม่สนใจสิ่งใด แขนทั้ง 2 ข้างกางออก แสงสีฟ้าที่เจิดจ้าและหนอนนับไม่ถ้วนปะทุออกไปข้างนอก ร่วมกับกระดูกสันหลังและกระดูกมือสีฟ้า ก่อตัวเป็นกำแพงรูปคน
ขัดขวางนกยูงปีศาจ 5 สีและดาบบุปผาพิฆาตสวรรค์
“ศิษย์พี่ใหญ่!!”
สวี่ชิงคำรามออกมาด้วยสีหน้าเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว แต่ในที่สุดก็หมดหนทาง ทำได้เพียงอาศัยโอกาสตอนที่นายกองต้านทานเอาไว้ เอื้อมมือเสมือนคว้าจับวิญญาณของตนไว้แล้วดึงออกจากวังวน
ชั่วขณะต่อมา นอกดอกบัวสีเขียวยักษ์ มือเสมือนก็หายไป วิญญาณของสวี่ชิงปรากฏขึ้น พ่นกายเนื้อออกมา วิญญาณและร่างกายหลอมรวมเข้าด้วยกัน หันหลังกลับและกำลังจะหนีไป
แต่ในขณะนั้น เสียงเย็นยะเยือกดังมาจากในดอกบัวยักษ์
“หากเจ้าไป ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะดับสูญลงในพริบตา!”
“เขาเสียสละเพื่อเจ้า จึงต้องเป็นเช่นนี้”
เมื่อเสียงดังขึ้น ดอกบัวยักษ์สีเขียวก็โปร่งใส เผยให้เห็นหลานเหยาและชายหนุ่มแซ่เฟิงที่อยู่ภายใน
และร่างกายของนายกองในขณะนี้ถูกชายหนุ่มแซ่เฟิงบีบคอ ยกขึ้นในมือ
ดวงตาทั้ง 2 ข้างปิดสนิท ไม่ขยับเขยื้อน ท่าทางสิ้นสติ
ร่างอ่อนปวกเปียก เลือดเนื้อเปรอะไปทั่วร่าง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
เมื่อสวี่ชิงเห็นดังนั้น ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นความเคียดแค้น และความแน่วแน่ แสงแห่งอำนาจเทพเจ้าสาดส่องออกมาจากร่างกาย
เพียงชั่วขณะหนึ่ง ดวงจันทร์สีม่วงก็ลอยขึ้นสูง หมิงเฟยแปลงร่าง พลังแห่งเคราะห์หายนะเพิ่มพูนขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น กระบี่จักรพรรดิในกายยังส่งเสียงดัง ถูกวิญญาณจักรพรรดิและวิถีสวรรค์จับไว้ แม้ว่าจะไม่ได้กลายร่างเป็นเงาดาบอันน่าสะพรึงภายนอกเหมือนตอนที่ต่อสู้กับเหยียนเสวียนจื่อ แต่ก็แสดงท่าทางอยากจะห้ำหั่นจนสุดกำลัง
เกราะมหาขุนพลนภาทมิฬเองก็ปล่อยแสงเจิดจ้า สวี่ชิงแสดงออกผ่านการกระทำว่า เขาพร้อมจะยืนหยัดสู้ต่อไปแม้ครั้งนี้จะต้องสูญสลายก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ตะขาบผีนับหมื่นก็ปรากฏขึ้น แต่ละตัวปล่อยเจตจำนงที่พร้อมจะระเบิดตัวเอง
ท่าทีที่จนตรอกนี้ ทำให้ชายหนุ่มแซ่เฟิงและหลานเหยายิ่งรู้สึกอึมครึม
การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ แม้ว่าพวกเขายังมีเคล็ดวิชามากมาย แต่ทั้ง 2 ต่างไม่ลงรอยกัน หวาดระวังซึ่งกันและกัน จึงไม่กล้าสำแดงวิชาโดยง่าย
ส่วนเผ่ามนุษย์ตรงหน้า แม้จะเป็นมหาขั้นหวนสู่อนัตตา แต่เคล็ดวิชาที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ล้วนแต่น่าตกตะลึง โดยเฉพาะมือเสมือนเมื่อครู่ที่แฝงด้วยท่วงทำนองเต๋าที่ไม่ธรรมดาทีเดียว
ดังนั้นการจะกักขังเขาไว้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ กลิ่นอายเทพเจ้าบนร่างอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง จินตนาการได้ว่าต้องเป็นไพ่ตายสุดท้าย
ซ้ำร้ายชายหนุ่มแซ่เฟิงและหลานเหยายังรู้สึกถึงกลิ่นอายจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ ออกมาจากเจตจำนงกระบี่นั้น
“ในร่างของเขามีกระบี่จักรพรรดิ!”
ลมหายใจของทั้ง 2 คนกระชั้นขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกหม่นหมองยิ่งผุดขึ้นในใจ
จากประสบการณ์ของพวกเขา พวกเขาสามารถตัดสินได้ทันทีว่าหากต้องการสยบพลังการต่อสู้ที่สวี่ชิงแสดงออกมาในขณะนี้ มีแววว่าจะต้องบาดเจ็บสาหัส
ส่วนใครใน 2 คนที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจล่วงรู้ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความหวาดกลัวก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่งานง่าย
พวกเขาไม่อาจปล่อยให้สวี่ชิงจากไป จะกักขังเขาก็ยาก แต่ฆ่าก็ไม่ดี ทำอะไรก็ลำบาก
โชคดีที่ผนึกเอกภพศักดิ์สิทธิ์จับศิษย์พี่ของอีกฝ่ายไว้…
แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ
ชายหนุ่มแซ่เฟิงรู้สึกหดหู่ มองด้วยสายตาไม่มั่นคง
หลานเหยาที่อยู่ข้างกาย กวาดตามองสวี่ชิงสองสามครั้ง แล้วพูดขึ้น
“สหายเต๋า ต่อสู้มาถึงตอนนี้ พลังของพวกเราทั้ง 2 เจ้าเป็นเช่นไรเจ้าย่อมรู้ ความสามารถของเจ้าพวกเราเองก็ประจักษ์แล้ว ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ในมือพวกเรา และพวกเราก็ไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้”
“แทนที่จะเผชิญหน้ากันเช่นนี้ สู้…เจ้ามาร่วมมือในแผนการของเราดีกว่า!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



