Skip to content

Outside Of Time 935

Outside of Time
H

บทที่ 935 เจตนาของอ๋องรั่วหลัน

หลังจากที่สวี่ชิงนั่งลงไป ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนักใหญ่

H

ผ่านไปกว่า 10 ลมหายใจ ตัวแทนของเผ่าไป๋เจ๋อและเผ่าคุมหายนะก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและกลับไปยังโต๊ะของตน ท่าทางของพวกเขากลับตาลปัตรจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

พวกเขาทั้งกลัว ทั้งเกลียด และทั้งตกใจกับสวี่ชิง โดยรวมแล้ว ความกลัวและความตกใจมีมากกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนในหมู่พวกเขาที่เคยเห็นภาพสวี่ชิงที่ไอสังหารเปี่ยมล้นในด่านที่ 2 ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี

ตอนนั้น หากสวี่ชิงไม่ได้ต้องการจะสังหารจี้ตงจื่อ พวกเขาคงไม่มีโอกาสรอดชีวิต

ในท้ายที่สุด พวกเขาก็หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

เมื่อรวมกับประสบการณ์ต่างๆ ของสวี่ชิงในเผ่านภาคิมหันต์ กล่าวได้ว่าเขาสามารถเอาชนะคนรุ่นเดียวกันได้ ดังนั้นเผ่านภาคิมหันต์จึงเข้าใจถึงความน่ากลัวของสวี่ชิงมากกว่าเผ่ามนุษย์ในระดับหนึ่ง

และการต่อสู้กับเหยียนเสวียนจื่อ เป็นหมุดตอกย้ำสุดท้าย ทำให้ชาวเผ่านภาคิมหันต์ส่วนหนึ่งที่ยังคลางแคลงล้วนแต่หวาดกลัว

เผ่าไป๋เจ๋อและคุมหายนะรู้เรื่องนี้ดี นอกจากนี้พวกเขายังเห็นเบาะแสจากฝานซื่อซวง

เห็นได้ชัดว่าฝานซื่อซวงกำลังหลบหน้าสวี่ชิง…

ดังนั้นในขณะนี้ เมื่อสวี่ชิงนั่งอยู่ที่นั่น ทั้งเผ่าไป๋เจ๋อและคุมหายนะต่างก็รู้สึกขมขื่นในใจ

แต่เผ่ามนุษย์นั้นแตกต่างออกไป ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ทุกคนต่างก็กระปรี้กระเปร่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสังเกตเห็นสภาพของชาวต่างเผ่าที่หยิ่งผยองเมื่อครู่ พวกเขาก็รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง

สำหรับองค์ชายใหญ่ ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ ในขณะเดียวกันก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หากไม่ใช่เพราะเขาเคารพสวี่ชิงมากเกินไป จนไม่กล้าที่จะเสนอต่อจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ด้วยตนเอง อันที่จริงเขาอยากจะขอให้ท่านอาจารย์ออกหน้านานแล้ว

ตอนนี้เขามีหลักยึดเหนี่ยวแล้ว เขาเชิดคางเชิดขึ้น หน้าตาดูตื่นเต้น แต่ยังไม่ได้พูดอะไรออกไปในทันที

“ต้องรออีกหน่อย รอจนกว่าแรงกดดันของพวกเขาจะไต่ถึงระดับหนึ่ง เมื่อพวกเขาต้องการที่จะยุติการเจรจาในวันนี้ทันที นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะพูด”

เมื่อองค์ชายใหญ่คิดเช่นนี้ เขาก็ลุกขึ้นอย่างนอบน้อมและเดินไปที่ข้างกายสวี่ชิง รินชาให้สวี่ชิงด้วยตนเอง และนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนลูกศิษย์คนหนึ่ง

ซึ่งในความจริง เขาก็เป็นลูกศิษย์จริงๆ

ในฐานะที่สวี่ชิงเป็นอาจารย์ขององค์ชายใหญ่ เขาเป็นอาจารย์ขององค์ชายและองค์หญิงทุกองค์ เหล่าองค์ชายและองค์หญิงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเขา

สวี่ชิงลืมตาขึ้นและมองไปที่องค์ชายใหญ่ที่อยู่ข้างกาย

องค์ชายใหญ่ก้มศีรษะลง

แม้ว่าสวี่ชิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ด้วยประสบการณ์ของเขา ย่อมมองความคิดขององค์ชายใหญ่ออกโดยธรรมชาติ และเขาไม่ได้ถือสาอะไร เพียงยกมือขึ้นหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ

เวลาผ่านไป…

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฝ่ายเผ่ามนุษย์ ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่คนโง่ พวกเขาทั้งหมดมองเห็นข้อได้เปรียบในขณะนี้ และเข้าใจถึงวิธีที่จะผลักดันข้อได้เปรียบนี้ให้ได้สูงที่สุด

ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงมองก้มหน้าก้มตา ไม่พูดอะไร

อ๋องรั่วหลันนั่งสมาธิ

แต่ฝ่ายไป๋เจ๋อและคุมหายนะต่างได้รับแรงกดดันมหาศาล แต่ละคนพร่ำบ่นในใจ พวกเขาเห็นท่าทีเช่นกัน แต่เรื่องแบบนี้ ถึงเห็นก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้

สถานะของสวี่ชิง เพิ่มแรงกดดันให้กับพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

จนกระทั่งผ่านไป 1 ชั่วยาม อ๋องสวรรค์องค์หนึ่งของเผ่าไป๋เจ๋อก็ถอนหายใจเบาๆ

และองค์ชายใหญ่ก็สังเกตเห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงส่งถ่ายทอดข้อความไปยังตัวแทนของเผ่าไป๋เจ๋อและคุมหายนะ

“ดินแดนที่พวกเจ้า 2 เผ่ารุกราน หลังจากลงนามในสนธิสัญญาแล้ว จะต้องส่งคืนภายในครึ่งเดือน และสภาพภายในจะต้องเป็นไปตามปกติ หากมีความเสียหายและการปล้นทรัพยากรไป จะต้องชดใช้คืนตามเดิม”

“เรื่องการไถ่ตัวคนในเผ่า ข้าได้ตกลงไปก่อนหน้านี้แล้ว และจะไม่กลับคำ!”

“ส่วนเรื่องการซื้อขายเคล็ดวิชาลับ ยังคงเป็นไปตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ 30 ต่อ 1”

“หากพวกเจ้าเห็นด้วย วันนี้ก็สามารถกำหนดสนธิสัญญาได้ แล้วเราก็จะยุติได้เร็วขึ้น ถึงอย่างไรนี่ก็ผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้ว”

องค์ชายใหญ่กล่าวอย่างมีนัยแฝง

เมื่อไป๋เจ๋อและคุมหายนะได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็นึกทอดถอนหายใจ อันที่จริงสงครามครั้งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินต่อไปภายใต้คำสั่งของนภาคิมหันต์

แต่จากความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับนภาคิมหันต์ ภายใต้เงื่อนไขของการหยุดโจมตี เป็นไปไม่ได้เลยที่นภาคิมหันต์จะเข้ามาขัดขวางไม่ให้พวกเขาเจรจาโดยความ ‘สมัครใจ’ กับเผ่ามนุษย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน

ในทำนองเดียวกัน หากไม่ได้รับอะไร ก็ไม่สามารถโทษคนอื่นได้

การดึงและการแบ่งส่วนในที่นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง

แต่ตอนนี้…ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้แล้ว

เนื่องจากสวี่ชิงมีฐานะเป็นมหาขุนพลนภาทมิฬ แห่งนภาคิมหันต์ และฝานซื่อซวงก็แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความหวาดกลัว ดังนั้นหากยืดเยื้อต่อไป เกรงว่าฝานซื่อซวงอาจจะยอมตกลงรับผลประโยชน์ที่น้อยกว่าตอนนี้ เพื่อที่จะจบเรื่องและจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด

ต้องเท้าความก่อนว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ฝานซื่อซวงพยายามเร่งเร้าพวกเขาหลายครั้งด้วยความกระวนกระวาย

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ตัวแทนของทั้ง 2 เผ่า ทั้งไป๋เจ๋อและคุมหายนะต่างมองหน้ากัน ในที่สุดก็กัดฟัน ลุกขึ้นและคำนับสวี่ชิง จากนั้นจึงหันไปพูดกับองค์ชายใหญ่

“ได้!”

“วันนี้ลงนามสนธิสัญญาได้ทันที!”

เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นว่าราบรื่นเช่นนี้ ก็รู้สึกฮึกเหิมใจ ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนเริ่มปรับเนื้อหาของสนธิสัญญาและเตรียมการอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงยังคงหลับตาและครุ่นคิดถึงสัมผัสรับรู้ของตนเอง

เวลาผ่านไปอีก 1 ธูป เผ่ามนุษย์และ 2 เผ่าพันธุ์บริวารของเผ่านภาคิมหันต์ก็ได้ลงนามในสนธิสัญญาโดยใช้ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์เป็นเดิมพัน หลังจากนั้นไป๋เจ๋อและคุมหายนะก็คำนับสวี่ชิงอีกครั้งและรีบจากไป

เมื่อถึงเวลานี้ สวี่ชิงก็ลืมตาขึ้นและปฏิเสธคำเชิญของทุกคน

ขณะที่กำลังจะออกจากหอประสานเชื่อมไมตรี จู่ๆ อ๋องรั่วหลันก็ก้าวไปข้างหน้า

“อ๋องเจิ้นชาง โปรดรอสักครู่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวี่ชิงก็หันกลับไปมองผู้บำเพ็ญหญิงเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาอ๋องสวรรค์

“ไม่ทราบว่าอ๋องรั่วหลันมีเรื่องอันใด?”

“อ๋องเจิ้นชาง หลังจากพิธีบูชาบรรพชน ข้าจะออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิและไปประจำการชายแดนกับเผ่าอสูรหมาป่าวิญญาณสวรรค์”

“ข้าต้องการเชิญอ๋องเจิ้นชางไปกับข้าและอาศัยอยู่ที่นั่นสักพัก…”

สวี่ชิงขมวดคิ้ว คำพูดของอีกฝ่ายเรียกว่าคำเชิญ แต่ไม่มีเหตุผลเบื้องต้นใดๆ และเอ่ยชวนอย่างกะทันหัน ยิ่งคิดถึงชื่อเสียงของอ๋องรั่วหลัน สวี่ชิงจะเห็นด้วยได้อย่างไร

จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าสวี่มีพลังบำเพ็ญต่ำต้อย ถึงไปก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีธุระอื่นที่ต้องสะสาง”

สวี่ชิงปฏิเสธ

แต่อ๋องรั่วหลันกลับไม่สนใจการปฏิเสธของสวี่ชิง และยังคงพูดต่อไป “เผ่าอสูรหมาป่าวิญญาณสวรรค์ แม้จะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง แต่ในเผ่าของพวกเขามีทรัพยากรมากมาย ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของเผ่ามนุษย์ ข้าตั้งใจที่จะอยู่ที่นั่นเพื่อหาเหตุยั่วยุให้เผ่าพันธุ์นี้ลงมือ เพื่อที่จะส่งกองทัพไปโจมตีพวกมัน”

“อ๋องเจิ้นชาง ในฐานะที่เป็นอ๋องสวรรค์ของเผ่ามนุษย์ และยังมีศักดิ์เป็นมหาขุนพลนภาทมิฬ พลังของท่านไม่ได้สลักสำคัญ สิ่งที่ข้าต้องการคือให้ท่านไปแสดงตัวในฐานะมหาขุนพลนภาทมิฬของท่านเมื่อท่านไปถึงก็พอ”

คำพูดของอ๋องรั่วหลันยังขวานผ่าซากไม่มีเปลี่ยน อีกทั้งยังจัดแจงทุกอย่างให้สวี่ชิงเสร็จสรรพอีกต่างหาก

สวี่ชิงเคยพบกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาขั้นเตรียมสู่เทวะมาไม่น้อย แต่เขาเพิ่งเคยเจอคนแบบอ๋องรั่วหลันเป็นครั้งแรก

จึงไม่สนใจและขยับตัววูบไหว เพื่อจะจากไป

แต่ทันใดนั้นเอง อ๋องรั่วหลันก็ขมวดคิ้ว

“อ๋องเจิ้นชาง เรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อเผ่ามนุษย์ เหตุใดท่านจึงปฏิเสธ อย่าเพิ่งไปสิ เรามาหารือรายละเอียดกันก่อนดีกว่า”

ขณะที่พูด นางก็ยกมือขึ้นและคว้าตัวสวี่ชิง

กฎเกณฑ์รอบๆ พลันส่องแสงทันทีตามฝ่ามือนั้น พลังแห่งการกักขังปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน

องค์ชายใหญ่และคนอื่นๆ ที่เดินออกมาจากท้องพระโรงในขณะนั้น เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก องค์ชายใหญ่ถึงกับตะโกนอย่างร้อนรน “อ๋องรั่วหลัน ท่านกำลังทำอะไร!”

“ข้าไม่ได้ทำอะไร เแค่ขอให้อ๋องเจิ้นชางอยู่คุยกันเท่านั้น” อ๋องรั่วหลันกล่าวอย่างเฉยเมย มือขวาที่ยกขึ้นไม่หยุดชะงัก ยังคงจับไว้ไม่ปล่อย

แผ่นดินสั่นสะเทือน กฎเกณฑ์ที่อ๋องรั่วหลันปล่อยออกมา ก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่ มองดูเหมือนจะตกลงบนร่างของสวี่ชิง ในวินาทีต่อมา เถาวัลย์สีเขียวอ่อนก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของสวี่ชิงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

กลิ่นอายโบราณแผ่ซ่านออกมา กลิ่นอายดวงดาวพลุ่งพล่าน ก่อตัวเป็นพลังอันน่าตกใจ ฟาดไปยังมือขนาดใหญ่ที่เกิดจากกฎเกณฑ์

เป็นเถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์ที่สวี่ชิงดูดซับเมื่อ 2 เดือนก่อน!

หลังจากได้รับการบำรุงเลี้ยงดูมา 2 เดือน เถาวัลย์นี้สามารถสร้างพลังการต่อสู้เบื้องต้นได้แล้ว และยังแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา จะเห็นว่ามันเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์เมื่อตัวมันสะบัด

เสียงระเบิดดังขึ้น มือยักษ์พังทลายลงทันใด และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

สวี่ชิงมองอ๋องรั่วหลันอย่างเย็นชา

อ๋องรั่วหลันขมวดคิ้วและมองสวี่ชิงกลับเช่นกัน

เมื่อองค์ชายใหญ่และคนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น พวกเขารีบเข้าไปขัดขวาง องค์ชายใหญ่ถึงกับจ้องมองอ๋องรั่วหลันด้วยโกรธขึ้ง “อ๋องรั่วหลัน แม้ท่านจะเป็นอ๋องสวรรค์ แต่การลงมือกับท่านอาจารย์ในเมืองหลวง ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่ออย่างแน่นอน!”

อ๋องรั่วหลันไม่พูดอะไร

สวี่ชิงหรี่ตาลง เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าการลงมือของอ๋องรั่วหลันจะต้องมีความหมายแฝง แต่เขาไม่สามารถเข้าใจความจริงได้ในทันที ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองแล้ว เขาก็หันหลังกลับเตรียมจะจากไป

แต่อ๋องรั่วหลันไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ กลับกระโดดข้ามองค์ชายใหญ่แล้วก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า

“อ๋องเจิ้นชาง ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อท่าน การลงมือเมื่อครู่เพียงแค่ต้องการให้ท่านอยู่ต่อ ตอนนี้ข้ายังยืนยันคำเดิม โปรดอยู่ต่อด้วย ข้าจะคุยกับท่านเกี่ยวกับข้อเสนอที่ข้าเพิ่งยื่นไป”

ในขณะที่พูด อ๋องรั่วหลันก็ยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เมื่อพลังบำเพ็ญของนางเริ่มโคจร พลังแห่งกฎเกณฑ์จำนวนมากขึ้นไหลมารวมกันจากทุกทิศทาง ก่อตัวเป็นเมฆหมอก แปลงร่างเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ พุ่งเข้าหาสวี่ชิง

แต่ในขณะที่เข้าใกล้ เจตจำนงกระบี่ที่น่าสะพรึงก็พุ่งขึ้นจากร่างของสวี่ชิง

เงากระบี่จักรพรรดิส่องแสงบนท้องฟ้า ผ่าลงมา ใบหน้าที่เกิดจากกฎเกณฑ์นั้น แยกออกเป็น 2 ส่วนทันที แต่ละส่วนม้วนกลับ ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

เงากระบี่ยังไม่หยุด ยังพุ่งลงมาจากด้านบน ตรงไปยังอ๋องรั่วหลัน

ในตอนนั้นเองสีหน้าที่สงบรายเรียบมาแต่ต้นของอ๋องรั่วหลันก็เปลี่ยนไปฉับพลัน

“กระบี่จักรพรรดิ!!”

นางถอยหลังอย่างรวดเร็ว

แต่เงาแห่งกระบี่นั้นไม่อาจหยุดยั้งได้ อีกทั้งยังมีความเร็วที่น่าทึ่ง ไม่เพียงแต่จะไม่ช้าลงแม้แต่น้อย แต่กลับเร็วขึ้น ดูหมือนกำลังจะตกลงมา

และในตอนนั้นเอง เสียงถอนหายใจก็ดังมาจากความว่างเปล่า ร่างของอ๋องเจิ้นเหยียนปรากฏขึ้นระหว่างสวี่ชิงและอ๋องรั่วหลัน หันหลังให้กับสวี่ชิง ราวกับจะใช้ร่างกายของเขาเป็นกำบัง

สวี่ชิงรู้สึกเคารพอ๋องเจิ้นเหยียนผู้นี้ เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เขาก็ลอบถอนหายใจออกมา ยกมือขึ้นแล้วเงากระบี่ก็หายวับไป เหลือเพียงสายลมที่พัดโบกไปทุกทิศทาง

อ๋องเจิ้นเหยียนไม่หันกลับมา แต่มองอ๋องรั่วหลันอย่างเย็นชา

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าต้องการให้อ๋องเจิ้นชางช่วยเหลือเจ้าจริงๆ หรือเจ้าตั้งใจที่จะใช้เขาเป็นเหยื่อเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในสงครามที่เจ้าต้องการจะก่อ”

“หรือนี่คือสิ่งที่กองกำลังเบื้องหลังเจ้า ซึ่งกำลังพยายามทดสอบอะไรบางอย่างอยู่”

“แต่อ๋องรั่วหลัน ข้าขอเตือนเจ้าและคนเบื้องหลังเจ้า หากมีครั้งหน้า ข้าจะกำราบเจ้าเสีย!”

อ๋องรั่วหลันเงียบไป ไม่พูดอะไร หันหลังจากไป

อ๋องเจิ้นเหยียนหรี่ตาลงและกล่าวอย่างแผ่วเบา

“ที่ข้าบอกว่าจะกำราบเจ้าในครั้งต่อไป ไม่ได้หมายความว่าครั้งนี้เจ้าจะไม่ต้องชดใช้สิ่งใด เจ้าต้องจ่ายด้วยแขนข้างหนึ่ง และไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีก 100 ปี เว้นเสียแต่เผ่ามนุษย์จะเริ่มก่อสงคราม!”

ที่กลางอากาศ อ๋องรั่วหลันหยุดชะงัก ยกมือขวาขึ้นและฉีกแขนซ้ายของตัวเองออกเดี๋ยวนั้น เมื่อสะบัดร่าง ร่างของนางก็หายวับไป

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!