บทที่ 942 สิงสู่!
คำพูดนี้ราวกับสายฟ้าฟาดผ่ากลางนภา ตกลงสู่โลกมนุษย์ และตกลงสู่ใจของขุนนางทั้งภายในและภายนอกดาราจักรพรรดิโบราณ
กลายเป็นเสียงดังก้องกังวาน แต่ไม่ได้ทำให้เกิดพายุโหมยิ่งกว่าเดิม
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้ผู้คนตกตะลึงตั้งแต่เริ่มต้น
ประการแรกคือการก่อกบฏแบบสายฟ้าแลบของหนิงเหยียน จากนั้นสิ่งของ 3 อย่างที่เขานำมาบูชาก็สร้างความฮือฮายิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงโทษของดวงชะตาเผ่ามนุษย์ซึ่งกลายร่างเป็นโซ่ตรวนผูกมัดจักรพรรดิมนุษย์
สิ่งนี้สามารถสั่นคลอนดวงชะตาได้ มีความหมายเพียงอย่างเดียวว่า…สิ่งที่หนิงเหยียนพูดเป็นความจริง
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ การโจมตีของอ๋องเจิ้นเหยียนนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่อยากจะเชื่อและทำให้จิตใจของพวกเขาปั่นป่วนมากที่สุด
ไม่มีใครคาดคิดว่าอ๋องเจิ้นเหยียนซึ่งมุ่งมั่นและขยันขันแข็งเพื่อเผ่ามนุษย์ และเป็นถึงเทพสงครามแห่งเผ่ามนุษย์ จะทรยศได้
เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
พวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ว่า ด้วยเหตุผลกลใดอ๋องเจิ้นเหยียนจึงเลือกที่จะต่อสู้กับจักรพรรดิมนุษย์!
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่ออยู่ในระดับและสถานะเช่นอ๋องเจิ้นเหยียน ก็มีสิ่งที่กระทบจิตใจได้น้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาทุ่มเทต่อสู้อย่างสุดใจเพื่อเผ่ามนุษย์จริงๆ
ประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้ง การบาดเจ็บสาหัสหลายครา และการสังหารต่างเผ่า เรื่องเหล่านี้…ไม่อาจปลอมแปลงได้
ทว่าเทพเจ้าที่มีจิตวิญญาณอันแสนอิสระและสูงส่ง ผู้ทุ่มเทให้กับการต่อสู้เพื่อเผ่ามนุษย์จนสุดใจ กลับหันดาบ…มาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิมนุษย์
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการพลิกผันอย่างใหญ่หลวง
ดังนั้นตัวจริงของหนิงเหยียนที่อยู่ในที่นี้ ตอนนี้ จึงไม่สำคัญในใจของผู้คนอีกต่อไป
แม้แต่ขุนนางเก่าบางคน ก็ตัดสินใจได้ทันทีในห้วงเวลานั้น
คดีใหญ่เกี่ยวกับหนิงเหยียนเมื่อหลายปีก่อน ความทรงจำยังคงชัดเจนอยู่ในใจของผู้คน ณ ที่แห่งนี้
เพียงแต่เรื่องราวเกี่ยวกับพี่ชายของหนิงเหยียนซึ่งก็คือองค์ชายสิบเอ็ด เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับจักรพรรดิมนุษย์ และทุกคนไม่มีทางและไม่ยินดีที่จะแตะต้องมัน
ดังนั้นโซ่เหล็กที่พันธนาการร่างกายจึงยังพังทลายอย่างต่อเนื่อง จักรพรรดิมนุษย์ที่ถูกผูกมัดกลางอากาศ สีหน้าของพระองค์สงบราบเรียบ มีเพียงเสียงเอ่ยแผ่วเบาที่สะท้อนอยู่ในดาวจักรพรรดิมนุษย์
“ข้าไม่ได้แปลกใจกับการปรากฏตัวของเจ้านักหรอก มีเพียงการลงมือของอ๋องเจิ้นเหยียนเท่านั้นเป็นสิ่งแรกที่ทำให้ข้าประหลาดใจในวันนี้”
“อ๋องเจิ้นเหยียน คำตอบนี้เจ้ายินดีจะมอบแก่เราหรือไม่?”
จักรพรรดิมนุษย์เงยหน้าขึ้นมองไปที่อ๋องเจิ้นเหยียนที่กำลังต่อสู้กับขันทีเฒ่า
อ๋องเจิ้นเหยียนไม่พูดอะไรสักคำ ยังคงโจมตีอย่างเต็มที่ เสียงคำรามสะท้อนก้อง แสงดาบระเบิดบนท้องฟ้า
สิ่งที่ตอบจักรพรรดิมนุษย์คือพี่ชายของหนิงเหยียนซึ่งก็คือองค์ชายสิบเอ็ดเพียงคนเดียว
“การเลือกที่จะฟาดฟันท่าน เป็นไปเพื่อเผ่ามนุษย์ เพื่อความชอบธรรม! เสด็จพ่อ จักรพรรดิมนุษย์เช่นท่านเป็นดั่งเนื้อร้ายของเผ่ามนุษย์ ไม่คู่ควรที่จะเป็นจักรพรรดิ!”
“ชื่อสิบเอ็ดน้อยนี้ ข้าไม่ได้ยินจากปากท่านมานานมากแล้ว ในอดีตชื่อนี้ทำให้ข้าอบอุ่นใจ แต่ตอนนี้…เมื่อชื่อนี้ออกจากปากท่าน ฟังดูช่างเสแสร้งสิ้นดี!”
สีหน้าขององค์ชายสิบเอ็ดบิดเบี้ยว ดวงตาแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดฝอย เผยให้เห็นความชิงชังสุมแน่น ไม่ประหลาดใจที่จักรพรรดิมนุษย์มองเห็นตัวตนของเขา
ในมุมมองของเขา ตัวตนพวกนั้น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียว…นั่นคือการสังหารจักรพรรดิมนุษย์!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอดทนและเตรียมการมานานหลายปี
สีหน้าของจักรพรรดิมนุษย์เรียบเฉย ถอนสายตาจากอ๋องเจิ้นเหยียนมองไปองค์ชายสิบเอ็ด ดูเหมือนจะไม่สนใจคำถากถางของอีกฝ่าย และพูดต่อไปอย่างใจเย็น
“เจ้าสิงร่างหนิงเหยียนตั้งแต่เมื่อไร?”
เมื่อองค์ชายสิบเอ็ดได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่น สีหน้าของเขาในขณะนี้ดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
โดยปกติเขามักจะมืดมนอารมณ์ไม่ผันผวนเช่นนี้ แต่วันนี้ต่างออกไป ที่จริงแล้วเขาอดทนและเตรียมการมานานเกินไป ในที่สุดวันนี้ก็ระเบิดออกมา เพื่อที่จะแก้แค้น
อารมณ์ของเขาจึงเป็นเช่นนี้
“แน่นอนว่าเป็นเพราะเสด็จพ่อเอง ที่จับน้องชายหน้าโง่ของข้าขังไว้ในคุกหลวง เพื่อให้ท่านทำเช่นนั้น ข้าจึงจงใจปรากฏตัวในคดีนั้น”
“มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะชี้นำเป้าหมายไปที่หนิงเหยียนได้ ข้าคำนวณไว้แล้วว่าหนิงเหยียนจะใช้ระฆังถามเซียนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง และผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่าน กำลังยุ่งกับเรื่องส่วนตัว จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก”
“ดังนั้นการคุมขังเขาจึงเป็นทางเลือกเดียว”
“ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงสามารถใช้คุกหลวง เข้าสิงร่างเขาผ่านความคิดข้า”
เสียงขององค์ชายสิบเอ็ดดังไปทั่วทุกทิศ
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“คนชุดดำลึกลับในบ้านของชาวบ้านในวันนั้น…เป็นองค์ชายสิบเอ็ดจริงๆ ด้วย”
ดวงตาของสวี่ชิงหรี่ลง ปีนั้นเขาค้นวิญญาณเพื่อติดตามเบื้องหลังผู้ที่ใส่ร้ายสำนักพรรคเซียนพิสดาร และเคยพบบ้านของคนธรรมดาหลังหนึ่ง
ที่นั่น เขาได้พบกับคนชุดดำเป็นครั้งแรก
ขณะที่ครุ่นคิด สวี่ชิงก็คิดถึงสิ่งที่หนิงเหยียนเคยพูดอยู่ในคุก ว่าเขารู้สึกถึงความผันผวนที่คุ้นเคยในส่วนลึกของคุก..
และเหตุผลที่อีกฝ่ายสิงร่างหนิงเหยียนก็ชัดเจน ตัวตนขององค์ชายสิบเอ็ดนั้นอยู่ในความมืดมน และสิ่งที่เขาต้องทำคือการเข้าใกล้จักรพรรดิมนุษย์
นอกจากนี้ ในเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ การปลงพระชนม์จักรพรรดิมนุษย์นั้นมีอุปสรรคใหญ่
ดังนั้นเรื่องนี้จะสำเร็จได้ ต้องป้องกันการช่วยเหลือจากคนนอก
ดังนั้นดาราจักรพรรดิโบราณที่ใช้บูชาบรรพชน ซึ่งแยกตัวออกจากภายในและภายนอก จึงเป็นสนามรบที่ดีที่สุด
ที่นี่ คนนอกที่ต้องการเข้ามา จำเป็นต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม
และคุณสมบัติที่ว่านั้น มีเพียงจักรพรรดิมนุษย์เท่านั้นที่จะมอบให้ได้ด้วยดวงชะตา
ทว่าต่ตอนนี้ดวงชะตาผันผวน กลายเป็นโซ่เหล็กตรึงจักรพรรดิมนุษย์ไว้ จักรพรรดิมนุษย์ไม่สามารถเรียกดวงชะตามาช่วยเหลือได้ จนกว่าจะแก้ปัญหาได้
เห็นได้ชัดว่าหมากตานี้อีกฝ่ายรอมานานมากแล้ว
สิ่งที่รอคอยคือการบูชาบรรพชน
และองค์ชายสิบเอ็ดที่ต้องการปรากฏตัวในดาราจักรพรรดิโบราณพร้อมในระหว่างบูชาบรรพชน อาจมีทางเลือกอื่นก่อนที่หนิงเหยียนจะกลับมา
แต่หลังจากที่หนิงเหยียนกลับมา ตัวเลือกในการสิงร่างหนิงเหยียนก็กลายเป็นการวางหมากตาหนึ่งของอีกฝ่าย
หรือพูดให้ถูกต้องคือ การสิงร่างหนิงเหยียนในตอนแรกเป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกหลายวิธี แต่หลังจากที่ตนทำผลงานโดดเด่นในนภาคิมหันต์ มันก็กลายเป็นเพียงทางเลือกเดียว
ด้วยการแนะนำของตน อีกฝ่ายจึงใช้ร่างของหนิงเหยียนเข้าสู่ดาราจักรพรรดิโบราณได้อย่างราบรื่น ยืนเคียงข้างจักรพรรดิมนุษย์
นี่คือครั้งล่าสุด
แต่มีคำถามหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในใจสวี่ชิง
“หนิงเหยียนไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ หรือว่า…เขาเต็มใจ?”
“ส่วนจักรพรรดิมนุษย์ในฐานะเจ้าเหนือหัวและเจตจำนงสูงสุดของเผ่ามนุษย์ เขาไม่รู้เรื่องนี้จริงหรือ? หรือว่า…จงใจทำ”
สวี่ชิงไม่แสดงออก หลังจากประสบกับเรื่องราวมากมาย เขารู้ว่ามนุษย์ไม่ได้แบ่งแยกเป็นขาวดำดีชั่วชัดเจน จิตใจของผู้คนก็เป็นเช่นนี้ ระดับความซับซ้อนและความเปลี่ยนแปลงมักจะแปรผันไปตามจุดยืนในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิกิริยาของจักรพรรดิมนุษย์ที่แปลกมากเช่นกัน ใบหน้าเรียบเฉยของเขาคล้ายจะปรากฎรอยยิ้มหยักลึก
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อน้องชายของเจ้า ถึงกระนั้น คำพูดของเจ้ายังคงแฝงด้วยความนัยว่าเจ้าต้องการตีตัวออกห่างจากเขา เจ้ากังวลว่าเรื่องในวันนี้จะล้มเหลว และส่งผลกระทบต่อน้องชายของเจ้าหรือ?”
“ฝั่งของหนิงเหยียน ข้าจะไม่ทำให้เขาลำบาก ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องพูดมากเรื่องนี้ ในเมื่อท่านปรากฏตัวในวันนี้และพูดมากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านต้องการประวิงเวลา”
“ไม่ว่าเจ้าจะรออะไรอยู่ ในเมื่อเจ้ายังมีสิ่งที่ยังพูดไม่จบ ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 ก้านธูป”
“ถึงอย่างไรการทำปิตุฆาตและปลงพระชนม์จักรพรรดิ จำเป็นต้องมีเหตุผลที่หนักแน่นพอเพื่อประกาศต่อชาวโลก”
เสียงของจักรพรรดิมนุษย์นั้นสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ
ฉากนี้ทำให้สีหน้าขององค์ชายสิบเอ็ดไม่สู้ดีนัก แต่เขายังคงมั่นใจมากกับการเตรียมการของเขาและกองกำลังเบื้องหลังของตน
ในที่สุดสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ จ้องมองไปที่จักรพรรดิมนุษย์อย่างแน่วแน่
“เหตุผล? เหตุใดข้าจึงเป็นแบบนี้ ท่านไม่รู้หรือ?”
“ตั้งแต่วันที่ท่านสั่งประหารพระมารดาของข้า นับตั้งแต่วันที่ข้าได้เห็นพระมารดาสิ้นใจต่อหน้าต่อตาข้า และจิตใจของข้าพังทลายลง เสวียนจั้น ข้ากับท่านก็ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้อีกต่อไป!”
“ความเกลียดชังที่ข้ามีต่อท่าน มันกัดกินใจของข้าอยู่ทุกขณะจิต และข้ารู้ว่าท่านรู้ว่าข้าไม่ตาย ข้ารู้ว่าท่านปล่อยข้าไปเพราะอะไร!”
“ท่านก็แค่อยากใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ เพื่อดูว่าในเวลาสำคัญ จะตกอะไรได้บ้าง”
“ข้าจะสนองความต้องการของท่าน! เพราะหากไม่สังหารท่าน ใจข้าไม่มีทางสงบ หากไม่สังหารท่าน ข้าก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูก หากไม่สังหารท่าน ข้าก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ในโลกอีกต่อไป!”
เสียงขององค์ชายสิบเอ็ดดุดัน ก้องกังวานไปทั่วทุกทิศ
ในดวงตาของจักรพรรดิมนุษย์ปรากฏร่องรอยความทรงจำ เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหนิงเหยียนทำให้เขาคิดถึงภาพวาดที่แขวนอยู่ในตำหนักของตนหลังจากเหตุการณ์นั้น และร่างงดงามในภาพวาด
ในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจ
เสียงทอดถอนใจนี้แฝงเจือด้วยความเสียใจต่อความรู้สึกที่เขาเคยมี และเมื่อเขาพรูลมหายใจออกมา จิตใจของเขาก็สงบลงอีกครา เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วแผนสำรองของเจ้าล่ะ มีหรือไม่? ตอนนี้เจ้าเปิดเผยต่อไปได้แล้ว”
“ตามที่ท่านต้องการ!”
องค์ชายสิบเอ็ดก้มหน้าลงมองไปยังส่วนลึกของดาราจักรพรรดิโบราณ จากนั้นดวงตาของเขาก็เผยปรกายมืดมัว เอ่ยอย่างเย็นชา
เมื่อเขาเอ่ยถ้อยคำออกมา ทันใดนั้นส่วนลึกของดาราจักรพรรดิโบราณก็มีเสียงคำรามอื้ออึงดังขึ้น
ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังปะทุขึ้นในดาราจักรพรรดิโบราณ และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นผลลัพธ์ที่องค์ชายสิบเอ็ดต้องการให้เกิดจากการประวิงเวลา
ชั่วขณะต่อมาฉากอันน่าตกตะลึงที่ทำให้จิตใจของผู้คนทั้งภายในและภายนอกดาราจักรพรรดิโบราณต่างปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิมก็ปรากฎแก่สายตาของทุกผู้ทุกนาม!
เสียงคำรามราวกับเสียงฟ้าร้องระเบิดอย่างต่อเนื่องในดาราจักรพรรดิโบราณ ส่วนลึกของดาราจักรพรรดิโบราณที่ปกคลุมไปด้วยปราณหมอกนับไม่ถ้วน เกิดความผันผวนน่าสะพรึงกลัวขึ้น
ปราณหมอกระเบิดออก ม้วนตัวกลับไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกของการทำลายล้างแข็งแกร่งยิ่ง แท่นบูชา 5 แฉก…ถูกดึงออกมาจากส่วนลึกของดาราจักรพรรดิโบราณด้วยพลังบางอย่าง!
แท่นบูชานั้นเป็นต้นตอของความตกตะลึงในใจของทุกคน
เพราะบนแท่นบูชา มีโลงศพใบใหญ่สีทอง 5 ใบวางอยู่!
พวกมันถูกวางไว้ที่มุมทั้ง 5 โลงศพแต่ละใบแผ่ปราณจักรพรรดิอันน่าสะพรึงกลัวออกมา เต็มไปด้วยพลานุภาพกดขี่สูงสุด
โลงศพแต่ละใบล้วนมีศาลเจ้าตั้งอยู่ข้างบน
ในศาลเจ้าไม่มีเทวรูป มีเพียงป้ายวิญญาณ
เขียนว่า ตงเซิ่ง เซิ่งเทียน จิ้งอวิ๋น เต้าซื่อ…
และอันสุดท้าย เสวียนจั้น
ฉากนี้เหมือนกับพิธีกรรมลึกลับสะท้านฟ้าดิน สะเทือนดินแดนต้องประสงค์
ที่ตรงกลางระหว่างโลงศพทั้ง 5 มีตะเกียงดวงหนึ่งตั้งอยู่
ตะเกียงนี้สร้างจากหินสีม่วงทั้งหมด ลักษณะเหมือนดอกโบตั๋นสีม่วงกำลังเบ่งบาน มีนกเพลิงสีม่วงเกาะอยู่ ปีกกางออก ราวกับมีชีวิต
ทว่าขณะนี้ ตะเกียงกลับมีรอยร้าว อีกทั้งเปลวไฟสีแดงยังพวยพุ่งออกมาจากในโคม เมื่อปกคลุมโลงศพทั้ง 5 แล้ว ไม่รู้ว่าตะเกียงแปรสภาพไปอย่างไร มันหลอมรวมกับโลงศพทั้ง 5 ประสานกับปราณจักรพรรดิ ทำให้ดวงไฟชั้นนอกสุดกลายเป็นสีทอง
ลุกโชนสว่างไสว
กลิ่นอายเทพเจ้าแพร่กระจายออกมาในเปลวไฟสีทองนี้
นั่นคือไฟเทวะ
พูดให้ถูกต้องคือเป็นไฟเทวะที่กำลังจะสำเร็จ!
“เสด็จพ่อ ข้านำพิธีบูชาบรรพชนที่ท่านจัดอย่างเปิดเผยและพิธีสำเร็จเทพที่จัดขึ้นอย่างลับๆ มาแสดงต่อหน้าคนทั้งโลก ท่านคิดว่า…นี่เป็นเหตุผลในการสังหารท่านได้หรือไม่?”
องค์ชายสิบเอ็ด เอ่ยแกมรอมยิ้มเย้ยหยัน
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



