บทที่ 954 เทพเจ้ามาเยือน
มังกรตัวนี้ยึดครองท้องฟ้า พลังอำนาจของมันกดทับทุกสิ่งทุกอย่าง
ร่างกายของมันเหมือนกับดาราจักร เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต เกล็ดที่ปกคลุมทั่วร่างกายแต่ละเกล็ดเหมือนอัญมณีที่ขัดเงาอย่างประณีต ส่องประกายแสงลึกลับ
เกล็ดเหล่านี้เรียงตัวกันอย่างหนาแน่น เหมือนเกราะที่ไม่มีวันแตก
ส่วนหัวยิ่งดูสง่างามราวกับแก่นแท้แห่งฟ้าดิน ดวงตาของมันเปรียบดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ เต็มไปด้วยความลึกล้ำและปัญญา มองเห็นทุกสิ่งในโลก
ฟันที่แหลมคมนั้นน่าเกรงขาม หนวดมังกรนั้นยาวและพลิ้วไหวราวกับเชือกสีทอง เพิ่มกลิ่นอายเซียนขึ้นหลายส่วน
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเขาของมัน
เขา 2 ข้างยาวโง้งจากหน้าผากไปด้านหลัง ราวกับจะนำทางและชี้นำเผ่าพันธุ์ไปข้างหน้า
การปรากฏตัวของมันทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน
ความลึกลับ ความยิ่งใหญ่และพลัง คือคำจำกัดความของมันในตอนนี้
รอบข้างนอกจากตราประทับที่กลายเป็นวิถีสวรรค์ตนหนึ่งแล้ว วิถีสวรรค์อีก 4 ตนต่างหมอบคลานทั้งหมด
นี่คือวิถีสวรรค์เผ่ามนุษย์!
เนื่องจากการหลับใหลของมัน ทำให้พรสวรรค์ของเผ่ามนุษย์หลับใหลไปด้วย และตอนนี้…ด้วยการเรียกร้องของดวงชะตา เจตจำนง และสายโลหิตของเผ่ามนุษย์ ด้วยเสียงกลองที่ตีด้วยไม้กลองจากแผนที่อาณาเขตโบราณ…
มันก็ตื่นจากนิทรา!
โลกทั้งใบตกตะลึง!
ทันใดนั้น วิถีสวรรค์ทั้งหลายที่หมอบคลานก็เริ่มเลือนหาย ตราประทับเผ่ามนุษย์สั่นสะเทือนครืนครั่น ก่อนจะลอยไปหามังกรทองในพริบตา
ถูกมังกรทองกลืนกินจมลงไปในร่างกายของมัน
เดิมที ตราประทับนี้อยู่ในร่างกายของมังกรทองตั้งแต่ต้น เพียงแต่ในอดีตมันเข้าสู่ห้วงนิทราจึงคายออกมา
มังกรทองวิถีสวรรค์กลับมามีพลังอีกครั้ง แผ่พลังอันยิ่งใหญ่ไปทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์
ชาวเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ต่างสูดหายใจเฮือกใหญ่
สวี่ชิงยังใจสั่น เมื่อเงยหน้ามองมังกรทองยักษ์ 7 กรงเล็บ เขาก็เข้าใจถึงความรุ่งโรจน์ของเผ่ามนุษย์ในอดีตลึกซึ้งยิ่งขึ้น
จักรพรรดินีทอดมองด้วยสายตาเฉียบขาด แล้วเอ่ยขึ้นกะทันหันว่า
“สวี่ชิง ตีอีกครั้ง!”
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ลังเล สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรวบรวมพลังทั้งหมด ตีกลองครั้งสุดท้าย
เสียงกลองครั้งที่ 6 ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ร่างของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง รอยร้าวจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นทั่วร่างกาย!
รอยร้าวเหล่านี้ดูเหมือนไม่ใช่บาดแผลใหม่ แต่กลับดูเหมือนเป็นรอยแผลเก่า
รอยร้าวเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของสวี่ชิง ราวกับว่าสวี่ชิงในอดีตเคยแตกสลายเป็นชิ้นๆ แล้วถูกนำมาประกอบขึ้นใหม่
ทว่าตอนนี้รอยร้าวเหล่านั้นเริ่มสมานกันอย่างแท้จริงด้วยเสียงกลองนั้น
เมื่อรอยแผลสมานกัน ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างสวี่ชิง ความรู้สึกสมบูรณ์แบบยิ่งทวีขึ้น
สวี่ชิงรู้สึกตกใจเมื่อสัมผัสรอยร้าวบนร่างกาย เขาไม่คุ้นเคยกับบาดแผลเหล่านี้
แต่ในทันใดนั้น ภาพของหุ่นเชิดที่ถูกปะชุนทั่วร่างก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา…
เวลาไม่เปิดโอกาสให้สวี่ชิงได้ใช้ความคิด เมื่อเสียงกลองครั้งที่ 6 ดังขึ้น มังกรทอง 7 กรงเล็บที่ล่องลอยบนท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามกึกก้องในหัวใจของเผ่ามนุษย์ทุกผู้ทุกคน
เสียงคำรามนี้ส่องสว่างในความมืด!
ในขณะที่มันดังก้องอยู่ในใจของทุกคน ก็คล้ายว่ามันได้ทำลายพันธนาการและโซ่ตรวนบางอย่างลง ปลุกกลิ่นอายบางอย่างที่แฝงอยู่ในสายโลหิตของพวกเขาให้ตื่นขึ้น
เสียงร้องอุทานด้วยความประหลาดใจดังมาจากเผ่ามนุษย์จำนวนมากในเมืองหลวงจักรพรรดิ
บางคนร่างกายเปล่งแสงอันแรงกล้า กลิ่นอายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ร่างกายพลันขยายตัวขึ้น
กลายเป็นยักษ์ร่างสูงต่ำต่างกันไป!
ยักษ์ที่ตัวใหญ่ที่สูงที่สุด สูงถึง 170 เมตร ส่วนที่เตี้ยที่สุด ก็สูงถึง 10 เมตร
พลังกายอันน่าทึ่งพลุ่งพล่านภายในกายราวกับมหาสมุทร
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างหายใจติดขัด ขุนนางผู้เฒ่าที่คลุกคลีกับตำราโบราณมาหลายคนมีสีหน้าตะลึงงัน ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“พรสวรรค์ของเผ่ามนุษย์…”
“จำแลงวิญญาณบรรพชน!!”
เผ่ามนุษย์มีพรสวรรค์!
และในวันนี้ พรสวรรค์นี้ก็ถูกปลดปล่อยจากสายโลหิตเผ่ามนุษย์ จากการตื่นของมังกรทอง 7 กรงเล็บ และเสียงคำรามของมัน
การตอบโต้ครั้งที่ 2 ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงถูกทำลายไป
ความผันผวนเทพเจ้าบนร่างจักรพรรดินียิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไฟเทวะบนดาราจักรพรรดิโบราณยิ่งโหมกระหน่ำ
แต่ในตอนนี้เอง เสียงคำรามเย็นชา ก็ดังขึ้นมาจากท้องฟ้า ตกลงมายังเผ่ามนุษย์ เป็นสายฟ้าดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
เผ่าพันธุ์ผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนต้องประสงค์มี 5 เผ่า!
นอกจาก 2 เผ่าพันธุ์แรกที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ยังมีอีก 3 เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งพอๆ กัน ได้แก่ เผ่านภาคิมหันต์ เผ่าเอกภพแดนสีชาด และเผ่ากระดูกต้นกำเนิดแห่งยมโลก!
ในขณะนั้นเอง เมื่อได้ยินเสียงคำรามเย็นยะเยือก ทะเลเพลิงก็เข้าปกคลุมท้องฟ้า เมื่อผู้คนเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นแต่เปลวไฟสีแดง
และจากนั้นก็มีเทพเจ้าตนหนึ่งก้าวออกมาจากทะเลเพลิง
เทพเจ้าองค์นี้สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงเพลิง ราวกับกองไฟที่กำลังลุกไหม้ บนเสื้อคลุมสลักลวดลายของเปลวเพลิงอันงดงาม บ่งบอกถึงสถานะและเกียรติยศของพระองค์
ร่างกายของพระองค์ยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม ราวกับขุนเขามโหฬาร ไหล่กว้างราวกับจะแบกรับโลกไว้ได้ทั้งใบ เส้นผมสีแดงเพลิงราวกับหินร้อนที่พุ่งออกมาจากภูเขาไฟ
เส้นผมของพระองค์ยังดูดิบเถื่อนร้อนแรง พลิ้วไหวไปตามก้าวย่าง ก่อเกิดเป็นรูปร่างสรรพชีวิตทั้งมวล
ใบหน้าของพระองค์เย็นชา ดวงตาของพระองค์ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มีเพียงความมั่นใจและความสงบนิ่ง ที่เห็นได้ชัดเจน ราวกับว่าไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ใด พระองค์ก็สามารถเอาชนะได้ทั้งหมด
องค์ท่านคือหนึ่งใน 3 เทพเจ้า เทพเจ้าเปลวเพลิงแห่งเผ่าเอกภพแดนสีชาด!
“เผ่ามนุษย์เป็นเทพเจ้าไม่ได้”
สุรเสียงเปล่งออกมาพร้อมกับประกาศิตสะท้อนก้อง กลายเป็นบัญญัติ ประทับฟ้าดิน ประทับร่างจักรพรรดินี ปกคลุมไฟเทวะดาราจักรพรรดิโบราณและร่างไร้วิญญาณของอดีตจักรพรรดิมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย
ทันใดนั้น ไฟเทวะก็มืดสลัวลง ดวงจิตของร่างอดีตจักรพรรดิมนุษย์ก็เริ่มวูบไหว
นี่คือบัญญัติเทพเจ้า อยู่เหนือกว่ากฎเกณฑ์
ในขณะเดียวกัน บนฟากฟ้าทิศตะวันตก ความมืดมิดได้แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว แบ่งแยกท้องฟ้าเหนือเผ่ามนุษย์ออกเป็น 2 ส่วน
ในความมืดมิดนั้น มีซากศพจำนวนมากกองรวมกันเป็นภูเขา ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง และมีไอพลังประหลาดมาพร้อมกับพลานุภาพเทพอันน่าสะพรึงกลัว
บนกองศพนั้น มีเทพเจ้าองค์หนึ่ง
เทพเจ้าตนนี้ไม่มีรูปร่างมนุษย์ เป็นเพียงก้อนเนื้อเน่าเปื่อย ที่เต็มไปด้วยดวงตารอบกาย เมื่อปรากฏตัวขึ้น ดวงตาทั้งหมดก็จ้องมองมายังจักรพรรดินี
ความผันผวนอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างของพระองค์
ภายใต้พลานุภาพเทพ มังกรทอง 7 กรงเล็บคำรามลั่น ท้องฟ้าเหนือเผ่ามนุษย์พลันมืดมิดราวกับถึงวันโลกาวินาศ
“เผ่าเอกภพแดนสีชาด เผ่ากระดูกต้นกำเนิดแห่งยมโลก!”
จักรพรรดินีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เทพเจ้าเปลวเพลิงก้าวลงมา 1 ก้าว ฟ้าดินพลันปะทุด้วยเปลวไฟมุ่งตรงไปยังจักรพรรดินี
ทางทิศตะวันตก ความมืดมิดแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว ซากศพจำนวนมากหมุนวนอยู่ในอากาศราวกับก้อนเนื้อยักษ์ มุ่งหน้าไปยังจักรพรรดินี
ดูเหมือนสงครามระหว่างเทพเจ้าจะเริ่มขึ้นแล้ว
แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีแสงจันทร์สว่างไสวส่องลงมาจากฟากฟ้า ทำให้เปลวไฟมืดสลัว ความมืดมิดมลายไป
ในแสงจันทร์ มีเทพเจ้าองค์หนึ่งก้าวออกมา
เทพเจ้าตนนี้มีรูปร่างงดงามราวกับเทพธิดา ทว่าใบหน้าเย็นชา
นั่นคือเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียน 1 ใน 3 เทพเจ้าเผ่านภาคิมหันต์
เมื่อปรากฏตัวขึ้น ดวงดาวบนท้องฟ้าก็ส่องแสงระยิบระยับ สุนัขจิ้งจอกดินเหนียวปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมกับเสียงหัวเราะ
บนหัวของสุนัขจิ้งจอกดินเหนียว มีเทพเจ้าตนหนึ่งนั่งอยู่
ซึ่งรูปร่างสวยงามเย้ายวนใจ
นั่นคือเทพชั้นสูงซิงเหยียน
เมื่อทั้ง 2 ปรากฏตัวขึ้น เทพเจ้าระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติก็เข้ามาขวางเทพเจ้าเปลวเพลิงเอาไว้
“ใครว่าเผ่ามนุษย์เป็นเทพเจ้าไม่ได้” ซิงเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ประกาศิตจากเทพเจ้าเปลวเพลิงก็ถูกตีตราและสั่นสะเทือน
“ได้!” เยวี่ยเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ในทันใดนั้น ตราประทับก็แตกสลาย ไฟเทวะบนดาราจักรพรรดิโบราณส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง และร่างไร้วิญญาณของอดีตจักรพรรดิมนุษย์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทว่าจักรพรรดินียังคงสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



