บทที่ 973 นักดนตรีแห่งดวงตะวัน
ตอนนั้นเกาะบูรพาสงัดเป็นพันธมิตรของ 7 เนตรโลหิต
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพันธมิตรแน่นแฟ้นหาใดเปรียบ และด้วย 7 เนตรโลหิตเรืองอำนาจในเขตปกครองผนึกสมุทร รวมถึงอิทธิพลทางอ้อมที่มีต่อแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์และแผ่นดินใหญ่วิญญาณทมิฬ ทำให้เกาะบูรพาสงัดอยู่ในระดับผู้นำบนทะเลต้องห้าม
จอมคนบูรพาสงัดหรือก็คือท่านย่าของเหยียนเหยียนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเสี่ยเลี่ยนจื่อดียิ่ง หลายปีนี้ใน 7 เนตรโลหิตถึงกับมีศิษย์หาญกล้าคาดเดาอยู่บ้าง ว่าบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อกับจอมคนบูรพาสงัดที่คู่ชีวิตตายจากคล้ายมีการพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่มากกว่าสหายร่วมอุดมการณ์
จุดนี้จากที่เสี่ยเลี่ยนจื่อมาเยือนเกาะบูรพาสงัดติดๆ กันในหลายปีนี้ แถมมาอยู่ทีหนึ่งก็เป็นหลายเดือนจึงพอเห็นเค้าเงื่อนได้บ้าง…
และตอนนี้บนเกาะบูรพาสงัด ผู้บำเพ็ญในเกาะนี้ทุกคนล้วนสีหน้าเคร่งขรึม เตรียมตัวป้องกันอย่างเข้มงวด
สตรีนางหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นค่ายกลสูงลิ่วใจกลางเกาะ
แม้กาลเวลาทิ้งร่องรอยไว้บนกายสตรีผู้นี้ แต่ร่องรอยนี้คือการเติบโตทางร่างกาย รวมถึงรูปโฉมที่งามชวนหลงใหลกว่าเคย
สีผิวขาวซีด ความอ่อนแอจากการป่วยไข้ ดวงหน้างามล้ำ ยังมีกระโปรงยาวสีดำนั้น รวมถึง…อาวุธรักของนางที่วางอยู่รอบด้านเป็นชุด
นางคือเหยียนเหยียนนั่นเอง
เพียงแต่นางในตอนนี้กำลังหลับตา คล้ายหลับอยู่กระนั้น มีเพียงขนตาสั่นรุนแรงเป็นบางครั้ง สีหน้าบางทีเหี้ยมเกรียม บางทีตื่นกลัว เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้คนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน
แต่ที่ผิดปกติที่สุดคือร่างกายของนาง
ตอนนั้นสวี่ชิงเจอเหยียนเหยียนครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างของหญิงผู้นี้ นางเป็นคนที่ในตัวไม่มีไอพลังประหลาดใดๆ ซึ่งหาได้ยากยิ่ง
ต้องทราบว่าของอย่างไอพลังประหลาดคือลมหายใจเทพเจ้า มีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ มีเพียงผู้บำเพ็ญระดับสูงที่จะสามารถกำจัดมันออกจากร่าง ดังนั้นสำหรับผู้บำเพ็ญระดับต่ำ การจะทำให้ในตัวไม่มีไอพลังประหลาดนั้นแทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สวี่ชิงทำได้เพราะผลึกวารีสีม่วง
แต่เหยียนเหยียนเป็นเพราะคุณสมบัติร่างกายพิเศษของนางที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
นั่นคือไอพลังประหลาด
โชคดีพริบตาที่ไอพลังประหลาดเกิดขึ้น บนพื้นรอบกายนางปรากฏแสงค่ายกล ขณะเสียงเลื่อนลั่นก้องสะท้อน พลังทรงอานุภาพเผยโฉมตามค่ายกลนี้ ขจัดไอพลังประหลาดทั้งหมดในค่ายกลราวกับชำระล้าง
ยังมาเยือนบนกายเหยียนเหยียน ขจัดไอสีดำที่ปรากฏในตัวนางทันใด
เมื่อไอพลังประหลาดหายไป ความเจ็บปวดบนหน้านางก็มลายสิ้น หายใจสมดุล เหมือนหลับลึกอยู่จริง
เห็นเป็นเช่นนี้ เสี่ยเลี่ยนจื่อกับท่านย่าเหยียนเหยียนที่ควบคุมค่ายกลอยู่ด้านข้างต่างโล่งอก
“เป็นไง ข้าออกมือนิดหน่อยก็แทบจะจัดการเรื่องนี้ให้ราบได้แล้วใช่หรือไม่ ค่ายกลนี้ข้าเอ่ยปากแค่ประโยคเดียว ด้านเขตปกครองผนึกสมุทรก็ส่งมาทันที”
“ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา ในเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์มีแค่ตระกูลระดับโหวนภาจึงจะมีในครอบครอง”
เมื่อแน่ใจว่าตอนนี้เหยียนเหยียนปลอดภัย เสี่ยเลี่ยนจื่อกระแอมและกล่าวกับท่านย่าเหยียนเหยียน
“เจ้าวางใจ อีกเดี๋ยวศิษย์หลานเด็กดีของข้าก็มาแล้ว ถึงตอนนั้นให้เขาร่วมมือกับข้าสักหน่อย เรื่องนี้ก็เสร็จสิ้น”
“เรื่องเล็กนิดเดียว ก็แค่ถูกสิ่งมีชีวิตประเภทเทพจ้องจับตา จัดการไม่ยาก”
เสี่ยเลี่ยนจื่อเชิดคางกล่าวราบเรียบ
ท่านย่าเหยียนเหยียนที่ด้านข้างมองเขาผาดหนึ่ง คิดจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายยังอดไว้และพยักหน้า “ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไร”
เห็นท่านย่าเหยียนเหยียนเห็นพ้องกับตนเช่นนี้ เสี่ยเลี่ยนจื่อจิตใจปั่นป่วนอย่างห้ามไม่อยู่
“วางใจ ข้าบอกแล้วว่าความจริงเรื่องนี้จัดการไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
“อย่างไรเจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ฐานะข้าไม่ธรรมดา”
“ลูกศิษย์ข้าเรียกได้ว่าเป็นเซียนคิมหันต์”
“อาจารย์ของเซียนคิมหันต์ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
เสี่ยเลี่ยนจื่อลูบเครา ท่าทางรู้สึกเป็นเกียรติ
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ จอมคนบูรพาสงัดที่ตีฝีปากกับเสี่ยเลี่ยนจื่อมากว่าค่อนชีวิตทนไม่ไหวจริงๆ “เจ้านี่ช่างกล้ามีหน้ามาอวด”
คำเอ่ยออกมา เสี่ยเลี่ยนจื่อหัวเราะ “ทำไมจะไม่มีหน้าเล่า ข้ายังเป็นพ่อตาของเจ้าเจ็ดด้วยนะ ทำไม เจ้าอยากเป็นแม่ยายของเขาหรือไม่ โอกาสหาได้ยาก”
กับประโยคนี้ ท่านย่าเหยียนเหยียนหมดคำจะตอบโต้
เสี่ยเลี่ยนจื่อชอบใจ
“ถึงเจ้าไม่ยอมรับว่าข้าเป็นอาจารย์ของเซียนคิมหันต์ แต่ข้ามีศิษย์หลาน 2 คนนี่เป็นเรื่องจริงกระมัง คนหนึ่งคืออ๋องเจิ้นซางเผ่ามนุษย์ ผู้นำ 2 แผ่นดินใหญ่ อาจารย์องค์รัชทายาท และจะเป็นอาจารย์จักรพรรดิในอนาคต!”
“อีกคนคือคู่ฝึกเต๋าวิหคเพลิงสวรรค์!”
ท่านย่าเหยียนเหยียนกล่าวคำราบเรียบ “ยังมีอีก 2 คนไม่ใช่หรือ”
เสี่ยเลี่ยนจื่อพลันโบกมือ “จำไม่ได้”
“เจ้านี่เป็นบรรพจารย์ที่ดีเสียจริง” ท่านย่าเหยียนเหยียนแค่นเสียงทีหนึ่ง
เสี่ยเลี่ยนจื่อยักคิ้วขาว กำลังจะเอ่ยคำ แต่พริบตาต่อมาทั้ง 2 เงยหน้ามองไปยังขอบฟ้าพร้อมกัน
เพียงเห็นขอบฟ้ายามนี้มีฟ้าผ่าเลื่อนลั่น อัสนีแหวกว่ายเป็นสายเข้ามาจากที่ไกล และระเบิดบนเกาะบูรพาสงัดในพริบตานั้น
ทว่าระเบิดอย่างเดียว ไม่มีสุ้มเสียงใด
ฉากประหลาดเช่นนี้ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญบนเกาะบูรพาสงัดพากันจิตใจหวาดหวั่น กระทั่งเสี่ยเลี่ยนจื่อกับจอมคนบูรพาสงัดยังสั่นสะท้านในใจ
และขณะแสงอัสนีส่องสว่างอย่างเงียบเชียบ เงาร่างสายหนึ่งพลันเดินออกจากในนั้น หนึ่งย่างก้าวก็เคลื่อนถึงนอกแท่นค่ายกลใจกลางเกาะ
ชั่วขณะที่ปรากฏตัว สวี่ชิงคารวะไปยังเสี่ยเลี่ยนจื่อกับจอมคนบูรพาสงัดด้วยใจ “คารวะบรรพจารย์ คารวะผู้อาวุโสบูรพาสงัด”
หลังได้รับข่าวจากศิษย์พี่หญิงรอง สวี่ชิงใช้อำนาจเทพเจ้าแห่งเสียงเพื่อมาเร็วขึ้น เสียงอัสนีหลงก่อนหน้านี้ก็เกิดจากพลังอำนาจเทพเจ้า
มีเพียงเช่นนี้เขาถึงจะข้ามทะเลต้องห้ามได้ด้วยความเร็วสูงสุด ไม่อย่างนั้นจะต้องใช้เวลานานมาก
เขาจึงไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียงดังเช่นนั้น
“ศิษย์หลานข้า! ฮ่าๆ ข้าไม่ได้พบเจ้ามานานแล้ว ไม่เลวๆ ลักษณะเจ้าตอนนี้เหมือนข้าในสมัยนั้นมาก”
เสี่ยเลี่ยนจื่อข่มความสั่นสะท้านในใจ ลูบเคราพลางหัวเราะครืนใหญ่
ความเคารพของสวี่ชิงทำให้เขาสุขใจ ขณะเดียวกันใจก็อดนึกถึงฉากที่เจอสวี่ชิงครั้งแรกไม่ได้ บัดนี้เวลาไหลผ่าน เด็กหนุ่มกลายเป็นโหวนภาแล้ว
จอมคนบูรพาสงัดก็จิตใจป่วนปั่น หายใจเข้าลึกแล้วพยักหน้าให้สวี่ชิง
สวี่ชิงถึงได้ยืนตัวตรง สายตามองไปยังเงาร่างของเหยียนเหยียนที่อยู่บนแท่นค่ายกล
“บรรพจารย์ ครั้งนี้เรียกศิษย์มาที่นี่ด้วยเรื่องของเหยียนเหยียน?” สวี่ชิงเห็นเงื่อนงำทันที
“ถูกต้อง มีสิ่งมีชีวิตประเภทเทพตัวหนึ่งที่เรายังไม่รู้ตัวตน กลางดึกเมื่อหลายเดือนก่อนไม่รู้เพราะเหตุใด มันจ้องมองเหยียนเหยียนจากก้นทะเลจนเกิดความเชื่อมโยงกับนาง ทำให้มันเรียกหานางอยู่ตลอด”
“ก่อนเจ้ามา ข้าผู้เฒ่าใช้ค่ายกลขับไอพลังประหลาดชำระล้างให้นาง ตอนนี้เจ้ามาแล้วก็ให้เจ้าจัดการ”
กล่าวเรื่องจริงจัง เสียงเสี่ยเลี่ยนจื่อก็เคร่งขรึมขึ้นมาหน่อย
อย่างไรเรื่องนี้เกี่ยวกับเหยียนเหยียน ผู้เป็นญาติทางสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ของจอมคนบูรพาสงัด
สวี่ชิงได้ยินก็สีหน้านอบน้อม
“ข้าไปตรวจดูสักหน่อย” สวี่ชิงกล่าวพลางก้าวมาถึงในแท่นค่ายกล อยู่ตรงหน้าเหยียนเหยียน ในดวงตาเขามีอักขระเทพเรืองรอง เหยียนเหยียนที่เห็นนี้ต่างกับที่มองด้วยตาเนื้อ
บนตัวนางห้อมล้อมด้วยกลุ่มไอสีดำ ไอสีดำเหล่านี้เป็นดั่งวิญญาณผีร้าย กำลังคำรามเงียบเสียงพร้อมกับเวียนวนมารวมตัวเหนือศีรษะเหยียนเหยียนอย่างต่อเนื่อง
เกิดเป็นกลุ่มหมอกที่ยากตรวจดูด้วยตาเนื้อ
สวี่ชิงเห็นมือข้างหนึ่งในกลุ่มหมอกด้วยปัญญาแห่งเทพ
นั่นคือมือขาดของสตรี
กลางฝ่ามือมีดวงตา 1 ดวง ยามนี้หลับตาคล้ายกำลังหลับใหล
นัยน์ตาสวี่ชิงเจือแววเย็นเยียบ ยกนิ้วชี้มือขวาจะกดไปยังหว่างคิ้วของเหยียนเหยียน
แต่ในตอนนี้เอง คล้ายว่าการมาเยือนของเขา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้เหยียนเหยียนที่คุ้นเคยกับมันอย่างยิ่งถึงกับฟื้นตื่นจากการหลับใหล นัยน์ตาหงสาของนางลืมขึ้นจ้องมองสวี่ชิง
“พี่สวี่ชิง…”
เสียงงึมงำออกจากปากเหยียนเหยียน จากนั้นสีหน้าทั้งหมดของนางล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง ดีใจ หลงใหล อาวรณ์ น่าเอ็นดู ความรู้สึกต่างๆ ล้วนเผยออกมาบนหน้า
ที่ยิ่งทำให้ท่านย่าเหยียนเหยียนกับเสี่ยเลี่ยนจื่อที่ด้านข้างรู้สึกหลากใจอยู่บ้าง…คือเหยียนเหยียนมีแววตาเฝ้าคอย เผชิญหน้ากับนิ้วมือที่สวี่ชิงยื่นมา ถึงกับอ้าปากที่ขนาดเล็กเท่าผลอิงเถา
สวี่ชิงเงียบนิ่ง นิ้วมือพลันหยุด
เห็นสวี่ชิงไม่เอ่ยคำ สีหน้าเหยียนเหยียนก็หม่นลง เหมือนดอกไม้บานเกิดความเหี่ยวเฉาในพริบตา กระทั่งความคิดร้องขอชีวิตก็ราวกับลดน้อยลงด้วย ไอสีดำรอบตัวนางที่คนอื่นมองไม่เห็นก็รุนแรงขึ้นในฉับพลัน
เห็นเป็นเช่นนั้น สวี่ชิงถอนหายใจ วางนิ้วมือไว้ข้างมุมปากนาง
ชั่วขณะที่วางลง บนตัวเหยียนเหยียนคล้ายเปล่งแสง นางอมนิ้วมือสวี่ชิงไว้ในปากทันที ขณะดูดลิ้นก็เคลื่อนวนบนนิ้วมือของเขาตามสัญชาตญาณ
ความลุ่มหลงบนหน้ายิ่งเด่นชัด
จอมคนบูรพาสงัดนิ่งเงียบ
เสี่ยเลี่ยนจื่อกะพริบตา มองจอมคนบูรพาสงัดและนิ่งเงียบเช่นกัน
ส่วนด้านสวี่ชิงก็ปล่อยให้เหยียนเหยียนทำตามใจ ปัญญาแห่งเทพแผ่ออกมาครอบคลุมตัวนางในพริบตานั้น
ด้วยความใกล้ชิดทางกาย ด้วยการเชื่อมโยงทางการสัมผัส แผ่ขยายตามไอสีดำบนโชคชะตาของนางไปยังทะเลต้องห้าม
ลึกลงทุกที
จนผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบได้ สวี่ชิงได้ยินเสียงเศร้าหมองจากก้นทะเลมืดมิด คล้ายร้องไห้ คล้ายโอดครวญ
มาจากผีร้าย
ไม่ใช่ตัวเดียว หากนับไม่ถ้วน…
ก้นทะเลที่ปัญญาแห่งเทพของเขาสัมผัสได้คล้ายมีตำหนักทรุดโทรมแห่งหนึ่งอยู่กลางโคลนตม เหมือนเป็นส่วนเล็กของเหล่าตำหนักมหึมา
บัดนี้กลายเป็นซากปรักหักพังในกาลเวลา
และบนซากปรักหักพังนี้ถึงกับมีผีร้ายนอนอยู่นับไม่ถ้วน
พวกมันหน้าตาดุร้ายและน่ากลัวหาใดเปรียบ แต่ดูเหมือนไม่สังเกตเห็นสวี่ชิง ตอนนี้ต่างร้องเสียงแหลมแสบแก้วหูสะท้านจิตวิญญาณ วนเวียนอยู่ที่นี่ไม่จบสิ้นเหมือนกำลังร้องเพลงเสียงดัง
ฉากนี้ทำให้ใจสวี่ชิงจดจ่อ
คุ้นยิ่งนัก
เสียงเช่นนี้ ผีร้ายมากมายสุดตาเช่นนี้ หลายปีก่อนเขาเคยเห็นบนทะเลต้องห้าม
นั่นคือ…ขบวนร้อยอสูรแห่งรัตติกาล!
‘สุดทะเลมีเพลงพิสดาร คนธรรมดามิอาจสดับ คอยเคียงวิหคทองตะวันแดง ร้อยเสียงผสานเป็นเพลงขับขาน เรียกว่าเสียงสวรรค์รับจันทร์’
‘เทพเจ้าโปรดปราน หลับตาพิศดู สุดทะเลห้ามย่างกราย ร้อยเสียงผสานเป็นสถานมืดมิด’
สวี่ชิงยังจำคำพูดบนบันทึกท้องสมุทรได้จนถึงวันนี้
โดยเฉพาะตอนนี้อยู่ในซากปรักหักพังที่มีผีร้ายนับไม่ถ้วน เขาอาศัยปัญญาแห่งเทพจนเห็นสิ่งมีชีวิตประเภทเทพที่เชื่อมโยงกับเหยียนเหยียน
เป็นมือขาดเรียวบางข้างหนึ่งที่มาจากสตรีชัดเจน!
ขนาดใหญ่ร้อยจั้ง อยู่ในซากปรักหักพังแม้ดวงตาบนฝ่ามือปิดสนิท แต่นิ้วมือกลับเคลื่อนไหว
และด้วยการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ…เสียงโหยหวนหดหู่ของผีร้ายเหล่านั้นถึงกับดังขึ้นมา!
ราวกับมันเป็นคนดีดบรรเลงเสียงของผีร้ายเหล่านี้!
“หรือนี่ก็คือที่มาของขบวนร้อยอสูรแห่งรัตติกาล”
สวี่ชิงเห็นทั้งหมดนี้โดยใช้ปัญญาแห่งเทพ นัยน์ตาเขาฉายประกายประหลาด เขาพลันมีความรู้สึกว่าราชรถวิหคทองที่ตนตามหามาตลอดนั้น…คล้ายมีความเป็นไปได้ขึ้นมา!
ดังนั้นหลังเขาครุ่นคิด ปัญญาแห่งเทพก็เล็งเป้าที่มือขาด ขณะเดียวกันร่างที่ยืนอยู่บนแท่นค่ายกลของเกาะพลันเอ่ยปาก
“บรรพจารย์ ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องตำนานทะเลต้องห้ามเท่าไรนัก ท่านผู้เฒ่ารอบรู้คงแก่เรียน ทราบหรือไม่ว่ามีตำนานใดเกี่ยวกับมือข้างหนึ่ง รวมถึงเกี่ยวกับขบวนร้อยอสูรแห่งรัตติกาล”
“มือข้างนี้คล้ายสามารถควบคุมเสียงร้อยอสูร”
เสี่ยเลี่ยนจื่อได้ยินก็ชะงักและเริ่มครุ่นคิด จอมคนบูรพาสงัดที่ด้านข้างพลันเอ่ยคำในยามนี้ “เรื่องตำนานบนทะเลต้องห้าม ข้ายายเฒ่าพอจะรู้มากหน่อย”
“จากคำบรรยายของเจ้า มีตำนานเรื่องหนึ่งสอดคล้องทีเดียว”
“ว่ากันว่าขบวนร้อยอสูรแห่งรัตติกาลมาจากตะวันวิหคทอง”
“ในตำนาน ก่อนวิหคทองสิ้นชีพ ทุกวันล้วนนั่งราชรถมุ่งไปยังม่านฟ้า แปลงเป็นดวงตะวันสาดส่องดินแดนต้องประสงค์ และเมื่อรัตติกาลหวนคืน ในตำหนักดวงตะวันของเขาจะมีนักดนตรีบรรเลงเพลงเสียงสวรรค์รับจันทร์เพื่อเรียกให้ดวงจันทร์ขึ้นฟ้า”
“แต่ตอนนั้นเสี้ยวหน้ามาเยือน วิหคทองสิ้นชีพ ขอบเขตไร้สิ้นสุดกลายเป็นความต้องห้าม ร้อยเสียงผสานเป็นความมืดมิด ส่วนนักดนตรีที่บรรเลงเพลงเสียงสวรรค์รับจันทร์ให้เขา…ก็สลายไปเอง เหลือเพียงมือข้างหนึ่งตกอยู่ในทะเลต้องห้าม”
“สวี่ชิง เจ้า…เจอมือในตำนานข้างนั้น?”
จอมคนบูรพาสงัดมองไปยังสวี่ชิง
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)


