Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 998

ตอนที่ 998

ฟางเว่ยแตกดับ!

ช่างเป็นการสังหารที่ทรงพลังนัก!

“ซิ่วซาน!!” เมื่อฟางเฮ่อซานมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ มันแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าผู้เฒ่าสูงสุดกำลังขัดขวางมันอยู่แล้วละก็ มันคงจะพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที

ขณะที่ในตอนนี้ ผู้ฝึกตนทั้งหมดของสำนักและตระกูลต่างๆ ในขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึงต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ พวกมันรู้แล้วว่าเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อได้เห็นเขาสังหารฟางซิ่วซานไป พวกมันก็ต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจอย่างลึกล้ำมากยิ่งขึ้น

พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความอิจฉา

“มันคือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดเหนือกว่าผู้ใดในรุ่นเดียวกัน แม้แต่คนในอาณาจักรโบราณมันก็ยังสามารถจะต่อสู้ด้วยได้!”

“แย่ยิ่งนักที่มันกำลังจะตกตายไป อันเนื่องมาจากกลียุคในตระกูลฟาง…”

“ถ้ามันไม่ตายไปในการต่อสู้นี้ อนาคตของมัน…ก็คงไม่อาจจะคาดคิดได้!” เสียงหอบหายใจได้ยินออกมาไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า ขณะที่ฟางซิ่วซานตกตายไป

ความไม่อยากจะเชื่อบนใบหน้าของมันเมื่อครู่นี้ ก่อนที่จะตายไปสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันอยู่ในอาณาจักรโบราณ พร้อมกับตะเกียงวิญญาณที่ดับไปแล้วสองดวง แต่ก็ยังคงต้องตายไปด้วยเงื้อมมือของผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียน มันได้มาเพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเว่ยเอ๋อร์ของมัน แต่สุดท้ายแล้ว…ก็ทำให้ตนเองต้องถูกกำจัดไป

จากตอนที่มันรับรู้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะกลับมาในตระกูล มันก็ต้องการจะสังหารเขา จากกับดักที่วางอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จนกระทั่งเมิ่งฮ่าวเข้ามาในตระกูล และการพยายามเอาชีวิตของเขาในดินแดนบรรพบุรุษ ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันและเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะเข้ากันได้ราวกับเป็นน้ำและไฟ

ที่ยิ่งน่าเศร้ามากไปกว่านั้นก็คือว่า จวบจนกระทั่งตอนที่มันตายไป มันก็ยังไม่ตระหนักว่า ใครคือศัตรูที่แท้จริงของมัน ซึ่งไม่ใช่เมิ่งฮ่าว แต่เป็นปรมาจารย์รุ่นที่หก

บางทีฟางซิ่วซานอาจจะไม่รู้ หรือบางทีมันอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในจิตใจของมันอาจจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้ว…การที่ปล่อยให้ปรมาจารย์รุ่นหกได้ครอบครองร่างของบุตรชายมัน ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับฟางเว่ย

บางทีวิธีคิดของมันอาจจะบ้าคลั่ง หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ แต่กระนั้นก็ไม่มีอะไรที่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงโดยเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในสถานะตอนนี้ ด้วยการโบกสะบัดมือเพื่อปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา!

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงความรู้แจ้งขึ้นมา

“บางที…แผนการทั้งหมดนี้อาจจะต้องพ่ายแพ้ไปด้วยพลังจากมือของผู้แข็งแกร่ง? บางทีทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะสามารถพลิกกลับได้? ถ้าเช่นนั้นหายนะทั้งหลายในตระกูลฟาง…จะถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยการโบกสะบัดมือของผู้แข็งแกร่งบางคน?” เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังตระกูลฟาง และการสังหารที่กำลังดำเนินการต่อไปอย่างไม่รู้จบ ดูเหมือนจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะมาหยุดการสังหารหมู่นี้ไปได้ โลหิตไหลนองไปทั่วทุกที่ เสียงแผดร้องด้วยความหวาดกลัวและโทสะ ดังลอยไปมาอย่างต่อเนื่อง ยากที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า…สุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ตระกูลฟางจะถูกทำลายไปทั้งหมด

เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะเปลี่ยนความรู้สึกที่ว่า ความปั่นป่วนวุ่นวายในตระกูลฟางนี้ช่างแปลกมากเป็นอย่างยิ่ง ในความเป็นจริงแล้ว เขายังไม่พร้อมที่จะยอมรับสิ่งทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

ตระกูลฟางเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลอันยิ่งใหญ่ และครั้งหนึ่งก็เคยเป็นผู้นำในท่ามกลางสี่ตระกูลเหล่านี้ ดังนั้น…จึงยากที่จะเชื่อว่าตระกูลจะมีจุดจบเช่นนี้ได้

เมิ่งฮ่าวมองไปยังฟางเว่ยที่กำลังหลบหนีอยู่ และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร

“ข้าอยู่ในสถานะนี้ได้แค่เจ็ดถึงแปดลมหายใจเท่านั้น…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ นี่คือสถานะที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเขา และจะคงอยู่ทั้งหมดสิบลมหายใจ เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ยกเท้าขึ้นและก้าวตรงไป

หนึ่งก้าวนั้นทำให้ทุกสรรพสิ่งดูเหมือนจะหดเล็กลง ทันใดนั้นเขาก็ไปอยู่ที่ด้านหลังฟางเว่ย นี่คือความเร็วที่เหนือกว่าการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย นี่คือการเคลื่อนย้ายทางไกลอันยิ่งใหญ่!

ฟางเว่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าจู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็มาอยู่ที่นั่น เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นมาแตะไปที่ฟางเว่ยด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้

“เป้า! (ระเบิด)” เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตาสาดประกายด้วยความเย็นเยียบ

เป็นแค่คำพูดเดียวเท่านั้น แต่ก็ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวฟางเว่ย พร้อมด้วยเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัว ในเวลาเดียวกันนั้น ฟางเว่ยก็ขยับสองมือร่ายเวท และพ่นโลหิตบางส่วนออกมา ฉับพลันนั้นเกราะป้องกันสีโลหิตก็พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวมัน

อย่างน่าตกใจยิ่ง ขณะที่ฟางเว่ยยืนอยู่ที่ด้านในเกราะป้องกัน ภาพของชายชราก็ปรากฏขึ้นอยู่ในดวงตาข้างขวาของมัน ขณะที่มันนั่งลงขัดสมาธิ ก็ลืมตาขึ้นมา และระลอกคลื่นอันน่าหวาดกลัวของอาณาจักรโบราณก็กระจายออกไป

ฟางเว่ยถูกต้อนให้เข้าไปอยู่ในมุมอับโดยสิ้นเชิง ดังนั้นปรมาจารย์รุ่นหกจึงถูกบังคับให้ต้องใช้แก่นแท้แห่งพลังของหุ่นเชิดเพื่อต่อสู้กลับไป!

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และฟางเว่ยก็กระอักโลหิตออกมาอีก หน้าอกของมันยุบลงไปด้านใน เกราะป้องกันสีโลหิตขยายกว้างออก เนื่องจากการต่อต้านนี้ ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ

ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ฟางเว่ยได้แวบขึ้นจนกลายเป็นเงาสีดำ และพุ่งถอยไปทางด้านหลังในทันที มันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจนต้องกระอักโลหิตออกมา หนังศีรษะมันด้านชา และเงาร่างที่อยู่ในดวงตาข้างขวาของมันก็เลือนลางลงไป นี่คือหุ่นเชิดของปรมาจารย์รุ่นหกเท่านั้น ดังนั้นมันจึงมีแก่นแท้แค่เล็กน้อย ที่เพิ่งจะใช้ออกไปเพื่อหลบหนีจากอันตรายอันร้ายแรงเมื่อครู่นี้ อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเองที่พลังซึ่งมันกำลังใช้สะกดข่มวิญญาณของฟางเว่ยได้เริ่มอ่อนแอลงไปด้วยเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้น วิญญาณของฟางเว่ยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาข้างซ้าย กำลังตะเกียกตะกายดิ้นรน จากแผนการที่วางไว้ ฟางเว่ยจะไม่มีทางต่อสู้กลับไปได้ แต่หายนะที่เกิดขึ้นอยู่ในตระกูลฟางตอนนี้ ทำให้เกิดเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้นมา

วิญญาณของฟางเว่ยดิ้นรนตื่นขึ้นมา และเริ่มต่อสู้กลับไปยังการครอบครองของปรมาจารย์รุ่นหก ซึ่งได้ควบคุมร่างกายของมันไว้

“ฟางฮ่าว สังหารข้า!!” มันร้องตะโกนขึ้นด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าถ้าข้าแพ้ เจ้าก็นำสิ่งที่เป็นของเจ้าไปได้เลย!”

เมิ่งฮ่าวมองไปด้วยความเงียบขรึม มีสีหน้าที่ซับซ้อน เขามองเข้าไปในดวงตาของฟางเว่ย จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมาและโบกสะบัดตรงไป สามสิบสามสวรรค์ส่งเสียงดังกระหึ่ม ไปปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านบนศีรษะของฟางเว่ย

ที่ใต้เท้าของเขา สามสิบสามปฐพีปรากฏขึ้น กลายเป็นบ่วงอันน่ากลัว!

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา ขณะที่สามสิบสามสวรรค์บดขยี้ลงไป และสามสิบสามปฐพีระเบิดพลังออกไป กลิ่นอายอันทรงพลังพุ่งขึ้นมาจากภายในร่างฟางเว่ย และมันก็กระอักโลหิตออกมา ชายชราในดวงตาข้างขวาของมัน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและหวาดกลัว มันกำลังจะโจมตีกลับไป แต่ทันใดนั้นแสงอันเจิดจ้าก็สาดประกายออกมาจากดวงตาข้างซ้ายของฟางเว่ย

“ข้าคือฟางเว่ย ผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลฟาง ถ้าเป้าหมายของเจ้าคือการได้ครอบครองร่างกายข้าเพื่อที่จะสร้างความหายนะให้กับตระกูลฟาง ข้าก็จะ…ยอมให้ความชั่วร้ายถูกทำลายลงไปด้วยความดี และตกตายไปพร้อมกับเจ้า!” วิญญาณที่แท้จริงของมัน ซึ่งอยู่ในดวงตาข้างซ้าย จู่ๆ ก็พุ่งขึ้นมาและเริ่มต่อสู้กับปรมาจารย์รุ่นหกเพื่อทำการควบคุมร่างกายของมัน

มันมักจะเป็นผู้ที่เย่อหยิ่งอย่างไร้ที่เปรียบ มักจะคิดว่าตนเองคือผู้ถูกเลือกที่แท้จริงของตระกูลฟางเพียงคนเดียวเท่านั้น!

“บัดซบ!” ปรมาจารย์รุ่นหกแผดร้องด้วยโทสะ เดิมทีถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันไม่ต้องการจะทำลายวิญญาณของฟางเว่ยไปแล้วละก็ คงจะครอบครองร่างของมันไปได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้ฟางเว่ยไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้ ขณะที่มันต้องการจะดูดกลืนวิญญาณไปอย่างช้าๆ มันไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ แต่มันก็ไม่เคยคาดคิดว่าความจงรักภักดีในตระกูลของฟางเว่ยจะอยู่เหนือสิ่งใดๆ อันที่จริงมันได้ลืมนึกไปถึงความภาคภูมิใจอันน่าเหลือเชื่อของฟางเว่ยไป

ฟางเว่ยคือผู้ถูกเลือกของตระกูล มันยินดีที่จะตายไปในการต่อสู้, การถูกครองร่าง หรือสังหารคนอื่นๆ มันยินดีที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยเล่ห์เหลี่ยมหรือการคดโกง แต่มันไม่ยินดี…ที่จะทรยศต่อตระกูล เป้าหมายที่สำคัญมากที่สุดของมันก็คือการปกป้องดูแลตระกูล และสร้างความมั่นใจว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลจะมองมายังมันในฐานะที่เป็นผู้กล้า!

มันต้องการจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ เป็นที่เพ่งมองมาของตระกูลทั้งหมด มันต้องการเกียรติยศศักดิ์ศรี และต้องการที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลัง มันต้องการจะนำตระกูลให้ไปสู่ความรุ่งโรจน์!

จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ตระหนักถึงแผนการที่แท้จริง ซึ่งถูกกำหนดขึ้นโดยปู่ของมัน

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความซับซ้อน ขณะที่ยกมือขวาขึ้นไปในอากาศ

“ฟางฮ่าว สังหารข้า! ถ้าข้าตาย ปรมาจารย์รุ่นหกก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส บางทีตระกูลอาจจะมีความหวังเหลืออยู่บ้างหลังจากนั้น!! สังหารข้า!!”

ปรมาจารย์รุ่นหกกำลังเริ่มบ้าคลั่ง ดวงตาข้างซ้ายของฟางเว่ยเริ่มมืดสลัวลงไป ขณะที่วิญญาณของมันกำลังต่อสู้อย่างลำพังกับปรมาจารย์รุ่นหก เพื่อแย่งชิงการควบคุมร่างของมัน

ฟางเฮ่อซานยังคงต่อสู้อยู่กับผู้เฒ่าสูงสุด เมื่อมันมองเห็นว่าฟางเว่ยกำลังตกอยู่ในอันตราย มันก็ส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะขึ้นมา เสียงระเบิดดังก้องออกมาจากร่างมัน และทันใดนั้นชิ้นส่วนของแผ่นหยกก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ มันบดขยี้ไปอย่างรุนแรง ทำให้ระลอกคลื่นอันเข้มข้นกระจายออกไป ใบหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดสลดลง ขณะที่รับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่อยู่ในระลอกคลื่นเหล่านั้น และถูกบีบบังคับให้ต้องล่าถอยออกไป

ขณะที่มันถอยไปทางด้านหลัง ฟางเฮ่อซานก็พุ่งตรงไปยังฟางเว่ย

“เว่ยเอ๋อร์!!” ฟางเฮ่อซานร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเร่งรีบ

ขณะที่มันเข้ามาใกล้ ดวงตาข้างซ้ายของฟางเว่ยก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ยกมือซ้ายที่สั่นสะท้านขึ้นมา ชี้ตรงไปยังฟางเฮ่อซาน ทันใดนั้นน้ำพุเหลืองก็ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยวิญญาณเซียน ทั้งหมดไปขัดขวางเส้นทางของฟางเฮ่อซานไว้

“เหยียเยี่ย (ท่านปู่)” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน “เมื่อข้าถือกำเนิดขึ้น ท่านจำได้หรือไม่ว่าทำไมท่านถึงได้ให้ตัวอักษรเว่ย (卫 แปลว่า ปกป้อง, คุ้มครอง) เป็นนามข้า? ท่านมักจะบอกข้าว่านั่นเป็นเพราะว่าข้าจำเป็นต้องเฝ้าปกป้องดูแลตระกูลฟาง…เหยียเยี่ย…หยุดมือเถอะ…” เมื่อฟางเฮ่อซานได้ยินคำพูดของฟางเว่ย ร่างกายมันก็สั่นสะท้าน และความโศกเศร้าเสียใจก็ปรากฏขึ้นในแววตา

“ฟางฮ่าว เจ้าต้องมาแทนที่ข้า…ช่วยปกป้องดูแลตระกูลฟาง! มาเถอะ! มานำผลเนี่ยผานของเจ้ากลับไป!” ฟางเว่ยหลับตาข้างซ้ายของมันลง และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินอยู่ที่ด้านในร่างกายของมัน จู่ๆ เสียงปะทุก็ได้ยินมาจากหน้าผากของมัน รอยแยกปรากฏขึ้น ภายในรอยแยกนั้นมีผลไม้สองผลโผล่ออกมา

เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างเข้มข้นในทันที เขายกมือขวาขึ้นยื่นตรงไปยังผลเนี่ยผานทั้งสอง ซึ่งได้ลอยตรงมาที่เขาและตกลงไปบนฝ่ามือ

ในเวลาเดียวกันนั้น ฟางเว่ยก็กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง และพลังของมันก็อ่อนแอลงไปในทันที ปรมาจารย์รุ่นหกส่งเสียงแผดร้องคำรามด้วยความไม่ยินยอมออกมา ด้วยความคิดของตัวเอง ฟางเว่ยพุ่งตรงไปยังความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว ไม่มีใครสามารถป้องกันไม่ให้มันกระทำเช่นนั้นได้ แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะหยุดสามสิบสามสวรรค์และสามสิบสามปฐพีจากการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงได้

ทันใดนั้นเอง ปรมาจารย์รุ่นหกในดวงตาข้างขวาของฟางเว่ยก็กลายเป็นกลุ่มควันพุ่งออกไป อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะหลบหนีออกไปได้ทันท่วงที วิญญาณของฟางเว่ยก็จับมันไว้และลากมันกลับเข้าไป

“ไม่!!” วิญญาณหุ่นเชิดของปรมาจารย์รุ่นหกส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะ ขณะที่มันจมอยู่ในเสียงกระหึ่มกึกก้องของสามสิบสามสวรรค์และสามสิบสามปฐพี

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ และจากนั้นสามสิบสามสวรรค์และสามสิบสามปฐพีก็จางหายไป ร่างกายฟางเว่ยตกลงไปบนพื้นดิน ดวงตาข้างขวาของมันมืดสนิทไปโดยสิ้นเชิง ปรมาจารย์รุ่นหกถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

ดวงตาข้างซ้ายของฟางเว่ยกำลังจางหายไป เปลวไฟแห่งพลังชีวิตของมันใกล้จะมอดดับลงไป ก่อนที่มันจะตกตายไป มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว และริมฝีปากก็ขยับขึ้นลง มันไม่อาจจะพูดเป็นเสียงดังออกมาได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็เข้าใจถึงสิ่งที่มันกำลังพูดออกมา

มันกล่าวว่า…”ปกป้องตระกูลฟาง”

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็คิดย้อนกลับไปยังสิ่งที่เคยเป็นไปบนดาวตงเซิ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาและฟางเว่ยต่างก็เป็นเด็กน้อย ฟางเว่ยมักจะดื้อรั้น แตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ มันไม่ยอมที่จะทำตามเมิ่งฮ่าว แต่มักจะใช้เวลาเพียงลำพังคนเดียว ภายในความมืดนั้นมันได้ทุ่มเทอย่างหนัก พยายามที่จะเอาชนะคนอื่นๆ

มันดูเหมือนจะมืดมน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันได้เพียรพยายามอย่างหนักมาโดยตลอดทั้งหลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนั้นได้ทำให้กลายเป็นฟางเว่ยในทุกวันนี้

เมิ่งฮ่าวยังจำได้ในตอนที่คนทั้งสองต่างก็มีอายุหกขวบ และเป็นเวลาที่ทั้งคู่เริ่มฝึกตน พวกเขายืนอยู่ที่เบื้องหน้าของผู้อาวุโสในตระกูลทั้งหมด และถูกถามว่าทำไมถึงต้องการจะเป็นผู้ฝึกตน คำตอบของเมิ่งฮ่าวก็คือว่า หลังจากที่เขาเติบใหญ่ขึ้นมา เขาต้องการจะปกป้องดูแลบิดาและมารดา

สำหรับฟางเว่ย คำพูดของมันถูกกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา เป็นเสียงที่อ่อนเยาว์ซึ่งดูเหมือนจะดังก้องอยู่ในหูของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้

“เหยียเยี่ยมอบตัวอักษรเว่ยให้กับข้า! ข้าคือฟางเว่ย เมื่อข้าโตขึ้น ข้าจะปกป้องตระกูล!”

คำพูดของฟางเว่ยที่ได้พูดขึ้นมาในขณะที่ยังเป็นเด็ก…เป็นคำพูดที่เขามักจะจดจำไว้เสมอมา แม้ในตอนที่มันจะตายไปก็ตามที!

ตูม!

ฟางเว่ยกระแทกลงไปบนพื้นดิน และกลิ่นอายของมันก็หายไป มันตายไปแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!