Skip to content

Outside Of Time 980

Outside of Time
BC

บทที่ 980 อำนาจเจ้าเหนือหัว

สายตาคือพลังลึกลับอย่างหนึ่ง!

C

สายตาของเสี้ยวหน้าสามารถโจมตีความว่างเปล่าในฟ้าดิน

สายตาของเทพเจ้าสามารถส่งผลต่อสรรพสิ่งทุกชีวิต

และสายตาของเจ้าเหนือหัวสามารถตัดขาดอดีตและปัจจุบัน เกิดเป็นการแยกออกจากกัน

โดยเฉพาะอำนาจที่ประสานกับตัวเจ้าเหนือหัว ยิ่งสามารถระเบิดพลังที่เทียบกับเทพเจ้าได้

อย่างไรเจ้าเหนือหัวก็เป็นจุดสูงสุดในระบบผู้บำเพ็ญ ยังเป็นการยกระดับถึงขีดสุด

ผู้อยู่ขั้นแรกสามารถสู้กับเพลิงเทวะได้ซึ่งหน้า!

ผู้อยู่ขั้นสูงสุดยิ่งเทียบได้กับระดับพิสุทธิ์!

แม้ฝูเสียอยู่ขั้นแรก ก็ราวกับเทพเจ้ามาเยือน

ดังนั้นยามนี้ ด้วยสายตาของฝูเสีย ด้วยอำนาจพิเศษของเขา ในหัวสวี่ชิงสะเทือนเลื่อนลั่น จิตวิญญาณเกิดความรู้สึกหายใจไม่ออก

การหายใจไม่ออกไม่เพียงสะท้อนที่การหายใจเท่านั้น

ตอนมันเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณจะมีความรู้สึกเหมือนถูกขจัดทิ้ง

นั่นคือความโดดเดี่ยว นั่นคือความมืดมิด นั่นคือความสิ้นหวัง

ทั้งกายสวี่ชิงสั่นเทา อำนาจเทพเจ้าทั้งหมดบนผืนอนัตตาในกาย ไม่ว่าร่องรอยตื้นลึกล้วนเปล่งประกายพร้อมกันในพริบตานี้ กายเนื้อยิ่งปรากฏแสงปรอท

ระเบิดพลังทั้งหมด เขาต่อต้านสายตานี้พร้อมรีบรุดถอยหลัง ปัญญาแห่งเทพแผ่ออกมาหมายจะผสานกับความเคลื่อนไหวในเสียง ขณะเดียวกันยังเอาขนนกของวิหคเพลิงสวรรค์ออกมาด้วย

หมายจะส่งข่าว

แต่ในความสลัวนั้นมีเสียงฉับฉับทอดมา

ราวกับมีของแหลมคมบางอย่าง ในยามนั้นตัดความเชื่อมโยงของเขากับโลกภายนอกอย่างโหดเหี้ยมไร้ใดเปรียบด้วยวิธีการบางอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจ

สวี่ชิงเกิดคลื่นในใจ เก็บขนนกถอยหลังรวดเร็วยิ่งขึ้น

และยามนี้ ฝูเสียที่นั่งขัดสมาธิในห้องลับแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี เหนือศีรษะเขาปรากฏกรรไกรใหญ่ยักษ์เปล่งแสงเรืองรองเล่มหนึ่ง

กรรไกรนี้เก่าแก่คร่ำโลกหาใดเปรียบ แผ่กลิ่นอายวันเวลาเข้มข้น ยังมีพลังน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นด้วย

จากนั้น ฝูเสียที่ร่างกายสูงร้อยจั้งลุกขึ้นแช่มช้า

การยืนขึ้นของเขาทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ลมเมฆเปลี่ยนสี

ร้อยปีก่อน เขาที่มีสายเลือดราชันแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีตัดสินใจปิดด่านเข้าฌานหลังบรรลุเตรียมสู่เทวะขั้นสูงสุดเพื่อทะลวงเขตขั้นเจ้าเหนือหัว

เรื่องนี้แพร่ไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลืองทั้งหมด ถูกผู้คนนับไม่ถ้วนจับตามอง

เพราะเจ้าเหนือหัว…แม้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ถือเป็นผู้นำในแง่หนึ่ง

ผู้สำเร็จล้ำค่าหาได้ยากยิ่ง

โดยเฉพาะกับแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณียิ่งเป็นเช่นนั้น

เดิมในแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลือง แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีได้เพียงนับเป็นแดนที่ตกต่ำ กี่ปีไม่ทราบได้ล้วนเป็นบรรพจารย์คนเดียวอาศัยกำลังรบเตรียมสู่เทวะขั้นสูงสุดประคองไว้เพียงลำพัง

หลายครั้งเหมือนถูกมัดมือมัดเท้า

ดังนั้นสำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี การปิดด่านของฝูเสียเรียกได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

เมื่อสำเร็จ เช่นนั้นฐานะของแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีก็จะสูงขึ้น

ดังนั้นหากมิใช่โองการให้ไปดินแดนต้องประสงค์ครั้งนี้เป็นคำสั่งที่พวกเขาขัดมิได้ พวกเขาก็จะไม่เลือกมาเวลานี้

แม้ต้องมา แต่สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี เรื่องฝูเสียปิดด่านยังเป็นจุดสำคัญของเผ่าพวกเขา

ตนไม่ไปรบกวน ยิ่งห้ามโลกภายนอกมารบกวนเด็ดขาด

ดังนั้นฝูเสียที่ปิดด่านทั้งกายใจจมจ่อมกับการทะลวงขั้นมาร้อยปีย่อมไม่รู้เรื่องภายนอก เขารู้เพียงภายหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะไปเยือนดินแดนต้องประสงค์ตามโองการตอนตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน

กับข้อมูลในดินแดนต้องประสงค์เขายังหยุดอยู่บนความเข้าใจก่อนหน้านั้น

จนกระทั่งตอนนี้ การตายของทายาทเพียงคนเดียว ความหวั่นกลัวและผลกรรมที่เกิดขึ้นล้วนกระทบจิตใจที่กำลังหลับใหลของเขา

บอกไม่ถูกว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย

โชคดีเพราะความจริงเขาก้าวเข้าธรณีประตูเจ้าเหนือหัวเมื่อหลายปีก่อน แต่กลิ่นอายและความกดดันจมสู่สภาวะยุ่งเหยิง ราวกับอยู่ในวังวนไม่สิ้นสุด

เวียนเป็นวัฏจักรไม่อาจฟื้นตื่น

เรื่องนี้คนนอกช่วยไม่ได้ มีเพียงเขาต้องดิ้นรนเอาเอง

มีเพียงฟื้นตื่นถึงจะนับว่าเลื่อนขั้นอย่างแท้จริง

เจ้าเหนือหัวแทบทุกคนล้วนเคยผ่านเรื่องนี้ นี่คือขั้นตอนรวมอำนาจของตน

อำนาจที่ว่าคล้ายกับอำนาจเทพเจ้า แต่คุณสมบัติต่างกัน

โดยทั่วไปมีแค่ในเขตขั้นเจ้าเหนือหัวเท่านั้น แต่บางครั้งก็จะมียอดอัจฉริยะฟ้าประทานบางคนมีได้ในขั้นเตรียมสู่เทวะ เพียงแต่หายากยิ่ง

ส่วนขั้นตอนการได้อำนาจ บางคนฟื้นตื่นในชั่วพริบตา บางคนต้องใช้ร้อยปีหรือกระทั่งนานกว่าพันปี

ดังนั้นการปรากฏของคลื่นนี้ การเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นกลายเป็นจิตสังหารและโทสะจากสายเลือด ตรงกับอำนาจของเขา ทำให้เขาฟื้นตื่นในที่สุด

ส่วนโชคร้าย…กลับเป็นการตายของบุตรชาย รวมถึงจุดด่างพร้อยที่เกิดจากอำนาจฟื้นตื่นก่อนเวลา

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาในตอนนี้ก็คือเจ้าเหนือหัว

ดวงตาที่ลืมขึ้นจับจ้องความว่างเปล่า ทำลายผลกรรม ไล่ตามความรู้สึกในใจ

ดังที่เขาว่า เขา…เห็นสวี่ชิงแล้ว

แม้ไม่คุ้ยเคยกับโลกภายนอก แต่รวมความเข้าใจในอดีต เขารู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึงดินแดนต้องประสงค์แล้ว

ส่วนฐานะของผู้สังหารบุตรตน เขาไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้

เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ตอนนี้…ล้วนเป็นเป้าหมายที่เขาต้องสังหาร

มีเพียงเช่นนี้จึงจะแก้ไขสภาพจิตใจและทำให้อำนาจที่ด่างพร้อยสมบูรณ์แบบ

นี่เกี่ยวกับวิถีของเขา!

โดยเฉพาะเงาร่างที่เขาเห็นในตา แม้ถูกเขาตัดการเชื่อมโยงกับโลกภายนอกด้วยสมบัติตกทอดจากสุดยอดมหาจักรพรรดิในอดีตของกลุ่มเผ่า แต่กลับซ่อนตัวรวดเร็วด้วยวิชาพิสดารบางอย่าง ฝูเสียจึงก้าวเดินไปโดยไม่ลังเลสักน้อยนิด

ก้าวนี้เดินอยู่ในห้องลับที่เขาปิดด่าน กลับสะท้านฟ้าสะเทือนโชคชะตา เงาร่างเขาหายไปฉับพลัน

ตามการนำทางของสายโลหิต ตามการเล็งเป้าจากที่ห่างไกลในสายตา พริบตาที่เขาก้าวเท้าลงก็มาปรากฏในแดนลึกลับพันลี้ของสวี่ชิงแล้ว

ตอนปรากฏตัว กฎเกณฑ์ในที่นี้มีเจ้านายกลายเป็นทาส

แม้วิถีสวรรค์บนดินแดนต้องประสงค์จะกีดกันแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จากไปในตอนนั้นด้วยเกิดจากเจตจำนงของดินแดน แต่สำหรับพลังที่บรรลุขั้นเจ้าเหนือหัว…ไม่ว่ามาจากที่ใดล้วนได้รับการต้อนรับ

เพราะตอนวิถีสวรรค์เหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาก็มีไว้เพื่อรับใช้ผู้บำเพ็ญอยู่แล้ว

ดังนั้นพริบตาที่ร่างเขาเคลื่อนลงแดนลึกลับพันลี้ กฎเกณฑ์ฟ้าดินที่สวามิภักดิ์กลายเป็นตัวนำความคิดของฝูเสีย ราวกับเขากลายร่างเป็นท้องฟ้า

เจตจำนงของเขากลายเป็นเจตจำนงสวรรค์

ความคิดของเขากลายเป็นความคิดสวรรค์

เขาอยากผนึกที่นี่ เช่นนั้นที่นี่จะผนึกในพริบตา

เขาอยากสังหารสวี่ชิง เช่นนั้นรอบตัวสวี่ชิงจึงมีจิตสังหารระเบิดรุนแรง

จิตสังหารเหล่านี้เกิดจากเจตจำนงสวรรค์อันมีความคิดฝูเสียอยู่ในนั้น

เดิมสิ่งนี้ไร้รูปร่าง

แต่เมื่อจิตสังหารไร้รูปนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน มันกลับมีรูปร่างขึ้นมาด้วยผสานเจตจำนงของฝูเสีย

ข้างหน้าสวี่ชิงจึงปรากฏนิ้วมือสีแดงที่มีกระดูกนิ้ว 5 ข้อ

นิ้วมือปรากฏ ทุกสิ่งรอบด้านราวกับแข็งตัว กระทั่งความคิดก็ถูกบีบอัด น้ำทะเลไม่มีคลื่นอีกต่อไป มีเพียงจิตสังหารสูงสุดสั่นสะเทือนทุกสิ่งอย่างในยามนี้

เพียงขยับก็กดไปทางสวี่ชิงที่ตอนนี้ใจเกิดคลื่นพันจั้ง กายรีบรุดถอยหลังหมายจะผสานเข้ากับเสียงอย่างรวดเร็ว

ผ่านบริเวณใดน้ำทะเลกระจาย เจตจำนงสวรรค์ปะทุ จิตสังหารระเบิด

เพียงกดลง ความกดดันน่าหวาดกลัว พลังสังหารชวนพรั่นพรึงก็เข้าใกล้สวี่ชิงด้วยพลังที่ไม่อาจต่อต้านและหยุดยั้ง

เจ้าเงาโอดครวญ เถาวัลย์สลาย

แสงจันทร์ซ่านเซ็น อำนาจแห่งเสียงมืดหม่น

จิ่วหลีก็ดี เกราะมหาขุนพลนภาก็ดี ทุกอุบายล้วนไม่เป็นผล

นิ้วมือนั้นเคลื่อนลงบนกายสวี่ชิงราวกับเป็นโชคชะตา

ตูม!

สิ่งกีดขวางทั้งหมดของเขาไม่เหลือประโยชน์อันใด วิชาและพลังวิเศษทั้งหมดของเขาล้วนแหลกสลายไปด้วย

ทุกสิ่งคล้ายหมดความหมาย

พลังเคลื่อนขุนเขาพลิกสมุทร อานุภาพกวาดม้วนทำลายถล่มโจมตีทุกสิ่งของเขาด้วยพลังทำลายล้าง หมายจะทำให้วิญญาณเขาขาดกระจุย กายเนื้อแหลกสลาย

จะทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาแตกดับพร้อมกัน!

สวี่ชิงสั่นสะเทือนทั้งกาย ร่างถูกพายุกวาดซัดม้วนกลับทันใด

ทว่าไม่แหลกสลาย!

ฉากนี้ทำให้ฝูเสียที่เดินเข้ามาที่นี่เกิดแววประหลาดใจในดวงตา

“อย่างนี้นี่เอง”

ส่วนด้านสวี่ชิง แม้กายเนื้อไม่ได้แหลกสลายด้วยนิ้วมือเจ้าเหนือหัว แต่กลับมีเลือดสดคำใหญ่ทะลักออกจากปากเขาหลายครั้ง

กายเนื้อยิ่งเกิดรอยแยกเป็นสาย ปรอทเซียนไหลจากรอยแยกมาผสมกับน้ำทะเลเหมือนเลือดสด

รอยแยกเหล่านี้ไม่ได้แตกเพราะนิ้วเจ้าเหนือหัว หากมันอยู่บนตัวสวี่ชิงอยู่แล้ว นั่นคือรอยเชื่อมเลือดเนื้อเสี้ยวหน้าจากปรอทเซียน

เป็นที่อยู่ของผนึกบนตัวสวี่ชิงด้วยเช่นกัน

แม้นิ้วเจ้าเหนือหัวไม่อาจทำลายกายเนื้อของเขา แต่ว่า…สามารถทำให้กายเนื้อที่เชื่อมด้วยปรอทเซียนของเขาเกิดเค้าลางว่าจะแยกออกจากกันได้อีก

อย่างไรร่างกายเขาก็ยังไม่ผสานโดยสมบูรณ์

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมนายท่านเจ็ดถึงบอกสวี่ชิงว่าตอนนี้ระดับการป้องกันของกายเนื้อเขาเป็นผลกับขั้นที่ต่ำกว่าเจ้าเหนือหัว

บัดนี้ ความเจ็บปวดรุนแรงที่กายเนื้อแตกแยกนั้นดุจพายุระเบิดในหัว ฉีกการรับรู้ของเขา ทำลายความคิดความรู้สึกของเขา

ทำให้ร่างกายสวี่ชิงสั่นสะเทือน ความเจ็บปวดไม่อาจบรรยายแผ่ขยายถ้วนทั่ว

แต่ที่ทำให้ 2 นัยน์ตาเขาแดงฉานคือความรู้สึกฉีกขาดในจิตวิญญาณ

อันตรายถึงชีวิตยิ่งเด่นชัดขึ้นในยามนี้

แต่ชีวิตนี้สวี่ชิงผ่านความเป็นความตายมามากมาย สถานการณ์เช่นตอนนี้มิใช่เรื่องใหม่ เขารู้ว่ายิ่งเป็นเวลาแบบนี้ยิ่งต้องใจเย็น

เขาจึงอดกลั้นความทรมานที่มาจากร่างกายและจิตวิญญาณ ขณะกัดฟัน อำนาจเทพเจ้าแห่งเสียงระเบิดพลัง คนทั้งคนผสานเข้ากับเสียงและรีบหนีไปไกลในที่สุด

‘ออกจากที่นี่และหาวิธีส่งเสียงให้ภายนอก!’

แต่เจ้าเหนือหัวมาเยือนด้วยตัวเอง แม้สวี่ชิงแข็งกล้าเพียงใดสุดท้ายก็มีขีดจำกัด ตอนนี้แม้ผสานกับเสียงหนีไป แต่เมื่อฝูเสียมองตาม…

เสียงเย็นชาทอดออกจากปากเขา

“กำจัด”

นี่คือพลังอำนาจของฝูเสีย!

พริบตาที่ 2 คำนี้ออกจากปาก สรรพเสียงในพื้นที่พันลี้ล้วนหายไปในพริบตา นี่มิใช่ถูกแย่งชิง และมิใช่ถูกควบคุมอำนาจแห่งเสียง หากเป็นการขจัดทิ้ง!

ลบทุกเสียงให้มันไม่มีอยู่อีกต่อไป

และเมื่อไม่มีเสียง หากเงาร่างที่ผสานเสียงไม่ออกมาเอง เช่นนั้นจะถูกกำจัดไปด้วย

ดังนั้นครู่ต่อมา เงาร่างของสวี่ชิงจำต้องเผยออกจากเสียง

พริบตาที่เขาปรากฏตัว มือใหญ่ยักษ์สีแดงข้างหนึ่งปกคลุมอยู่เหนือสวี่ชิง

มือนี้มี 7 นิ้ว เป็นสีแดง ทุกนิ้วล้วนมีกระดูกนิ้ว 5 ข้อ ดูประหลาดและเหมือนมาจากยมโลกในคราวเดียว

หลังโผล่มาบดบังท้องฟ้าและครอบครองโลกของสวี่ชิง มือนั้นพลันคว้ามาทางเขา

ไม่ทันเคลื่อนลงความกดดันที่ยกขึ้นก็ทำให้บนตัวสวี่ชิงเกิดรอยแยกเยอะกว่าเดิม คล้ายถูกฟ้าดินบีบคั้น

ปรอทเซียนไหลออกมาอีกครั้งดุจโลหิต ความรู้สึกที่ร่างกายจะแยกขาดเป็นชิ้น ความอ่อนแอที่จิตวิญญาณถูกบดขยี้เช่นนั้น ทำให้ความคิดเรื่องเป็นตายเป็นคลื่นใหญ่สูงเทียมฟ้า

หมายท่วมทุกสิ่งให้จมลง

สวี่ชิงกระอักเลือดสด นัยน์ตายิ่งแดงฉาน

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สีหน้าเขาเผยความเด็ดขาด พลันยก 2 มือขึ้นโบกไปรอบด้านโดยไม่ลังเลแม้เพียงนิด

ทันใดนั้นคลื่นระเบิดตัวเองก็สะเทือนฟ้าในพื้นที่พันลี้

สนามรบแห่งนี้คือแดนลึกลับพันลี้ที่สวี่ชิงเตรียมไว้ให้ยักษ์ลากราชรถ ในนั้นเขาวางพลังต้นกำเนิดเทพไว้มากมาย เขาจะได้แสดงอำนาจเทพเจ้าในที่นี้ได้ดียิ่งขึ้น

ยามนี้เมื่อคลื่นระเบิดตัวเองขยายออกไป ชั่วพริบตา แดนลึกลับพันลี้ระเบิดเงียบเสียง

หลายจุดที่ถูกเขาวางพลังต้นกำเนิดเทพกลายเป็นจุดระเบิดหลายร้อยแห่ง บัดนี้พังทลายพร้อมกัน ทุกครั้งที่ระเบิดความน่าสะพรึงกลัวในที่นี้ก็เพิ่มขึ้น 1 ส่วน

สุดท้ายระเบิดทั้งหมดจนเกิดเป็นพายุสะท้านโลกา กวาดซัดขึ้นด้านบนโดยมีสวี่ชิงเป็นศูนย์กลาง

พุ่งตรงไปหาฝ่ามือใหญ่ยักษ์ที่ปกคลุมเข้ามา!

แม้ขั้นตอนทั้งหมดนี้เงียบไร้สุ้มเสียงด้วยการมีอยู่ที่ลบอำนาจทิ้งไป แต่ในพายุนั้นส่องแสงจันทร์สีม่วง ยังมีพลังพิษต้องห้ามเสริมพลังพายุพันลี้ ทำให้มีพลังเหนือกว่า

สุดท้ายมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดุจเขาเทวะก้นทะเลระเบิดม้วนพลังเหนือธรรมชาติปะทะเข้าหามือเจ้าเหนือหัวที่คว้ามาอย่างโหดเหี้ยม

มือเจ้าเหนือหัวหยุดกลางอากาศ

พายุยันมันไว้!

แต่เจ้าเหนือหัวเป็นดั่งเทพเจ้า แม้พายุนี้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ได้เพียงทำให้เขาหยุดชั่วคราว

สุดท้ายยังเคลื่อนลงมาฉับพลัน

ถล่มโจมตีก้นทะเล

ที่ราบก้นทะเลในพื้นที่พันลี้พลันแตกกระจุย ยุบลงเป็นหลุมลึกมหึมา

แต่ในขั้นหนึ่งการปะทะของ 2 พลังนี้ยังคงแก้พลังอำนาจที่ถูกลบไปได้เล็กน้อย ทำให้เสียงทอดออกมาแผ่วเบา

ตอนแรกยังเบา แต่ชั่วลมปราณก็ขยายออกมาทันใด

ที่สวี่ชิงต้องการก็คือเสียงที่แผ่ออกมานี้!

แทบในพริบตาที่เสียงดังออกมา เงาร่างของเขาอาศัยเสียงนี้ผสานกายหลบไกลออกไปในสภาพเจ็บหนัก

เลือดสดกระเซ็นในน้ำทะเล

ปรอทเซียนไหลในความว่างเปล่า

เสียงผ่านบริเวณใดล้วนเป็นสีแดงเงิน

แต่ในเสียงนั้น สติของสวี่ชิงเลือนรางลงทุกที จิตเทพก็กำลังแตกสลาย กระนั้นยังคงหนีสุดแรง

ทิศทางที่เขามุ่งหน้าเป็นไปตามความรู้สึก บัดนี้กำลังมุ่งไปที่ที่ราชรถเคลื่อนมา!

ขณะเดียวกัน ชั่วเวลาที่สวี่ชิงกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย นอกแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ เอ้อร์หนิวกำลังหลับกรนครอกอยู่ท่ามกลางกลุ่มอาภรณ์หลากสีสันในแดนใหญ่อันเป็นที่ตั้งของเผ่าอาภรณ์

รอบตัวเขารายล้อมด้วยเสื้อผ้าสตรีหลากหลายรูปแบบ

ชัดว่าเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีในเผ่าอาภรณ์ ทั้งมีสหายสนิทให้นอนด้วยมากมาย

อย่างถุงมือข้างนั้น บัดนี้ก็นอนอยู่บนอกเขา นิ้วมือเคลื่อนวนอยู่ตรงนั้น…

กระทั่งพริบตาต่อมา เอ้อร์หนิวพลันตัวสั่นลืมตาขึ้นฉับพลัน

การตื่นของเขาทำให้กลุ่มอาภรณ์รอบด้านทยอยตื่นตามไปด้วย ต่างคนลอยอยู่รอบตัวเขา ถุงมือข้างนั้นก็เช่นกัน มันกำลังวาดมืออยู่ตรงหน้าเอ้อร์หนิวคล้ายถามว่าเขาเป็นอะไร

เอ้อร์หนิวส่ายหน้า บนหน้าเผยความงุนงง

“ไม่มีอะไร แค่ฝันร้าย”

“ในฝันเหมือนอาชิงน้อยอยากพูดบางอย่าง…”

“ฝันนี้ประหลาดนัก”

เอ้อร์หนิวพึมพำ กลุ่มอาภรณ์เหล่านั้นฟังแล้วต่างร่ายรำ คล้ายกำลังปลอบใจ

“ที่พวกเจ้าว่าก็ถูก อาจเพราะช่วงนี้ข้าเหนื่อยเกินไป พวกเจ้าจะนวดให้ข้าอีกหรือไม่”

เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปาก

“ก็ได้ เช่นนั้นหลับต่ออีกสักหน่อย พวกเจ้าก็นวดให้ข้าแล้วกัน”

เอ้อร์หนิวกล่าวพลางนอนลงอย่างตื่นเต้น

แต่พริบตาต่อมา เขาพลันผุดนั่งขึ้นมาอีก

“ไม่ได้ ข้ากลับไปทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณสักครั้งดีกว่า รู้สึกเหมือนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอยู่เรื่อย”

“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากให้ข้าไป เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน?”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!