บทที่ 312 พี่ใหญ่ตลอดกาล! (ต้น)
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ! หลิงฮั่นรวมทั้งคนอื่นๆ หันมาทางเยี่ยฉวน นัยน์ตาของแต่ละคนที่มองมาแดงก่ำด้วยความรู้สึก ทุกคนมาพบกัน จากนั้น พวกเขาและเยี่ยฉวนได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน!
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ที่พานพบด้วยกันมา แต่กับตระกูลของตนเล่า? จะว่าไปการต้องตัดสินใจระหว่างความเป็นพี่น้องกับตระกูล นับเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
ครู่ต่อมา เยี่ยฉวนจึงเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าหลิงฮั่น จากนั้นก็ยกมือขึ้นตบบ่าคนตรงหน้าเบาๆ สีหน้ายิ้มแย้มขณะพูดขึ้นทำนองปลอบใจ “ถึงพวกเจ้าจะกลับไป ใช่ว่าความเป็นพี่เป็นน้องจะต้องจบสิ้นมิใช่หรือ? ไม่เอาน่า แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่อยู่ พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องที่ร่วมทุกร่วมสุขกันอยู่ดี เจ้ารู้ใจข้าเหมือนกับข้าที่รู้ใจเจ้า!”
พูดแล้วก็หันไปเผชิญหน้ากับเหยี่ยลี่และทุกคน “เจ้าต้องกลับไปขจัดปัดเป่าวิกฤตครั้งนี้ให้กับตระกูลของพวกเจ้า ทำหน้าที่ดูแลปกป้องคนในตระกูล โลกนี้ไม่ได้มีแต่พี่น้องและมิตรสหายแต่ยังมีวงศาคณาญาติ กลับไปเถอะและคอยข้าอยู่ที่นั่น ข้าจะไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่เพื่อไปตามหาพวกเจ้าเอง!
หลิงฮั่นกล่าวอะไรไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าไปมา ขณะเดียวกัน เบ้าตาแดงช้ำทั้งสองข้าง “พี่ใหญ่ ถ้าพวกเราไม่อยู่ ท่านจะทำอย่างไร?” เยี่ยฉวนฉีกยิ้ม “โฮ้ยอย่าห่วงเลย! ข้ายังมีไม้ตายอีกเยอะ ไม่มีใครทำอะไรข้าได้หรอก!”
ถึงตอนนั้นก็ยังหามีใครขยับออกจากสถานที่ไม่ ทุกคนยังยืนปักหลักนิ่งอยู่ที่เดิม บรรดาลูกผู้ชายอกสามศอก บัดนี้แต่ละคนขอบตาแดงก่ำ น้ำตาปริ่มแทบล้นเบ้าตา
เยี่ยฉวนจึงหันไปหาหญิงสาวอีกทางซึ่งยืนห่างออกไปไม่มากนัก ลู่ป้านจวงยืนนิ่งเงียบไม่เปล่งเสียงเอื้อนเอ่ยแม้สักคำ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวจับตามองคนที่กำลังเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้า หากไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม
เยี่ยฉวนออกคำสั่งแผ่วเบา “เจ้าช่วยพาพวกเขากลับไปคอยข้าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” หญิงสาวมองสบตานิ่งเงียบ เขากล่าวเบาๆ ต่อมาอีกว่า “ข้าขอมอบหน้าที่ดูแลพวกเขาคืนให้กับเจ้า พวกเรายังอายุน้อยยังมีเวลาอีกมาก พาพวกเขากลับไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดูแลกันและกันให้ดี อย่าทำให้เสียชื่อกองกำลังจอมโจรล่ะ”
หญิงสาวตรงข้ามมองหน้าเยี่ยฉวนแน่วนิ่งอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดจึงมีเสียงพูดว่า “ข้าต้องกลับ ไม่อย่างนั้นสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการจะก่อสงครามกับตระกูลของเรา และจะทำให้ผู้คนล้มตายอีกมาก” ภายหลังจากพูดจบ นัยน์ตาของนางปรากฏหยาดน้ำใสรื้นขึ้นมา “แต่ถ้าข้าไปเสีย แล้วใครจะอยู่ช่วยเจ้า”
“ใครจะช่วยท่าน!” เมื่อได้ยินคำคำนี้ หลิงฮั่นและคนอื่นเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ใครจะช่วยเยี่ยฉวน? ทั้งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการต่างเปิดตัวว่าร่วมมือกันกลั่นแกล้งเยี่ยฉวนอย่างชัดแจ้ง เยี่ยฉวนลำพังตัวคนเดียว อีกทั้งไม่มีอำนาจใดๆ หนุนหลัง เมื่อมีพวกคนเหล่านี้มาช่วย เขาสามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้ ตอนนี้ถ้าพวกเขากลับไปเสีย เยี่ยฉวนจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย
เยี่ยฉวนพูดพลางฝืนยิ้ม “จำที่ชางเย่วเคยบอกไว้ได้ไหม?” สายตาทุกคู่จ้องมองมายังคนพูด ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแห้งสืบไป “ข้าตั้งใจที่จะเข้าสู่ยุทธภพ แถมเป็นคนดื้อรั้น ไม่ชอบให้ใครยั่วโมโห และไม่ใสใจการประนีประนอม ถ้าใครมากลั่นแกล้งข้าก่อน ข้าจะตอบโต้กลับ ตราบใดที่ยังมีคนคอยคิดจะกลั่นแกล้ง ข้าก็จะไม่ทน และไม่เคยกลัวแม้ว่าจะสู้ไม่ได้ก็ตามที!”
เขาหยุดพูดพลางเหยียดมุมปากยิ้มเยาะ “ดังนั้น ข้าจึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนวู่วาม แต่ก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในข้อนี้! ถ้าวันหนึ่งต้องตายด้วยสาเหตุนี้ก็สมควรแล้ว แสดงว่าข้าไม่แข็งแกร่งพอ และข้าก็จะไม่โทษใคร ภายหลังจากที่พวกเจ้ากลับกันไปแล้ว จงตั้งใจฝึกฝน ข้ารับปากกับพวกเจ้าไว้ตรงนี้เลยก็แล้วกันว่าข้าจะไปตามหาพวกเจ้าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงตอนนั้น หวังว่าพวกเจ้าจะจดจำคนที่เคยเป็นพี่ใหญ่คนนี้ได้!”
พี่ใหญ่!
หลิงฮั่นเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยฉวนเต็มตา “พี่เยี่ยท่านเป็นพี่ใหญ่ของพวกเราเสมอ ตลอดกาล จะมีพี่ใหญ่แห่งกองกำลังจอมโจรเพียงคนเดียวตลอดไป” เหยี่ยลี่และคนอื่นพร้อมใจกันพยักหน้า “พวกเราเรียกท่านว่าพี่ใหญ่แล้ว ท่านจะเป็นพี่ใหญ่ของพวกเราตลอดไป!” ทุกคนที่เป็นสมาชิกของกองกำลังจอมโจรพยักหน้าเพื่อเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่น
เยี่ยฉวนเม้มปาก เอ่ยคำลาแผ่วเบายิ่ง “โชคดี!” จากนั้นเขาหั่นไปทางลู่ป้านจวงอีกครั้ง “ตอนนี้เจ้าเป็นพี่ใหญ่แล้ว ทำตัวให้สมกับเป็นพี่ใหญ่ด้วยล่ะ” ลู่ป้านจวงมองสบตาเยี่ยฉวนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังและเดินตรงไปทางสุนัขป่าสีดำร่างยักษ์ซึ่งคอยท่าอยู่ไม่ไกลนัก “ทุกคนตามมา!”
หลิงฮั่นรีบหันมาพูดกับเยี่ยฉวนโดยเร็ว “พี่ใหญ่ พวกเราจะกลับไปคอยท่านอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นะ!” ใครบางคนส่งเวียงมาบ้าง “พี่ใหญ่ เราจะไปคอยที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์!” ตามด้วยอีหลายคน “พวกเราจะคอย พี่ใหญ่!”
“พี่ใหญ่ ข้าชื่อหลินอวิ่นเซียน เราแทบไม่ได้พูดจากันมาก่อน แต่……เพราะข้าเป็นคนพูดน้อย เรื่องนั้นช่างเหอะ จะบอกว่า ข้าจะคอยท่านที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย!”
“พี่ใหญ่ ท่านต้องไม่เป็นไร ท่านต้อง……สัญญาสิ……”
“พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ ขอโทษด้วย บิดาขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ข้าก็เลย……”
“พี่ใหญ่ ข้าอยากอยู่ที่นี่ จริงๆ นะ……”
“.”
ครู่ใหญ่ต่อมา ลู่ป้านจวงพร้อมกลุ่มคนควบม้าออกไปไกลลิบ กระทั่งลับหายไปกับขอบฟ้า ท่ามกลางกลุ่มคนที่ออกห่างมาไกล ลู่ป้านจวงสีหน้านิ่งเฉย ขณะที่คนด้านข้างหลิงฮั่นและคนอื่นต่างน้ำตาหลั่งรินอาบใบหน้า
อยู่ด้วยกัน! ทุกคนอยากอยู่ด้วยกัน! ถึงกระนั้นพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้! ตอนนั้นเอง เสียงของหลิงฮั่นพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “กลับไปคราวนี้ ข้าจะพยายามเป็นประมุขของตระกูลให้ได้!” เหยี่ยลี่เอ่ยสำทับมาด้วยอีกคน “ข้าก็เหมือนกัน……”
ทุกคนจึงพากันพยักหน้าเห็นด้วย……ถ้าได้เป็นประมุขของตระกูล ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรย่อมได้ทั้งสิ้น แม้แต่ส่งคนไปจัดการตระกูลที่ว่าแข็งแกร่ง……เพียงแค่เป็นคนแข็งแกร่งกว่าเดิม พวกเขาจะมีสิทธิ์มีเสียงและสามารถจะกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง!
ชายแดนด้านใต้ ณ เมืองไค่หยาง
เยี่ยฉวนยืนมองเหยี่ยลี่และคนอื่นซึ่งเดินทางห่างออกไปจนลับตา จึงหันกลับมาสู่ความจริง กลับไปหมดแล้ว! บัดนี้เขารู้สึกได้ถึงอารมณ์ซึมเศร้าเล็กๆ เยี่ยฉวนและคนกลุ่มนั้นเสมือนพี่น้องคลานตามกันมาอย่างแท้จริง! ช่วงเวลาที่ได้ต่อสู้มาด้วยกัน เป็นความรู้สึกประทับใจมิรู้ลืม
รู้สึกเสียดายการเฉลิมฉลองหลังจบงานแต่ละครั้ง แต่เยี่ยฉวนไม่สามารถแสดงความเห็นแก่ตัวด้วยการรั้งหลิงฮั่นและคนอื่นๆ ไว้ได้ เพราะมันจะทำให้ตระกูลของพวกเขาต้องตกอยู่ในอันตราย!
เช่นเดียวกับชางเย่ว เด็กหนุ่มคนนั้นยังปรารถนาการมีชีวิตอยู่ เขายังต้องการมีชีวิตอยู่มากเหลือเกินแต่ไม่อยากต้องเป็นภาระของคนอื่น จึงตัดสินใจปลิดชีพของตนเสีย ในขณะนั้น เจียงจิ่วเดินเข้าทางด้านข้างพลางพูดเสียงเบาราวกระซิบ “เจ้ายังเหลือข้าอีกคน!”



