บทที่ 314 เจ้าคนซื่อบื้อ! (ต้น)
น้ำเสียงคุ้นหู! เยี่ยฉวนไม่ได้ยินเสียงนี้มานานเหลือเกิน!
อันหลานซิ่ว! แม่นางน้อยอัน!
เมื่อจดจำน้ำเสียงนั้นได้ เยี่ยฉวนยืนนิ่งขึงตัวแข็ง! เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าอันหลานซิ่วจะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ร้ายแรงเช่นนี้!
คนที่ยืนอยู่ต่อหน้านั่นคืออันหลานซิ่วจริงๆ นางยังคงสวมชุดสีขาวสะอ้าน ปราศจากสิ่งแปดเปื้อนอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้างดงามที่สามารถทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง!
อันหลานซิ่ว สุดยอดมหัศจรรย์แห่งแคว้นเจียงคนก่อน! เหตุใดนางจึงมาอยู่ตรงนี้? เยี่ยฉวนไม่อาจปล่อยใจให้เตลิดได้นาน ด้วยมีเหตุการณ์เฉพาะซึ่งต้องรีบจัดการในเวลานี้
ความทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้! ขณะที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง ครั้นแรงบันดาลใจบังเกิด เจ้าจะต้องรีบไขว่คว้ามิเช่นนั้นหากมันเลือนหาย ก็ไม่รู้ได้ว่าเมื่อใดจะเกิดขึ้นอีก! เช่นเดียวกับครั้งนี้แรงบันดาลใจปุบปับเกิดขึ้นมา และพุ่งกระทบจิตใจอย่างไม่คาดฝันเป็นสิ่งซึ่งฟ้าประทานพร
จะไม่ปล่อยให้หลุดมือ! ดังนั้น เยี่ยฉวนจึงพยายามข่มจิตใจให้สงบเยือกเย็นลงให้ได้ คนที่ยืนบังอยู่ข้างหน้า อันหลานซิ่วเหลือบมองกลุ่มคนที่กำลังกรูกันเข้ามา สีหน้าและแววตาเรียบเฉยยิ่งนัก ทวนยาวกระชับมั่นในอุ้งมือทั้งสอง
คนสวมชุดสีเทาและคนอื่นที่พากันดาหน้าเข้ามาพร้อมๆ กัน หากสายตาของนางกลับสงบเยือกเย็น ไม่มีแม้ร่องรอยของความปั่นป่วนว้าวุ่นในดวงตาคู่งาม
ชายสวมเสื้อเทาทะยานนำหน้า เขาได้รวบรวมแรงผลักดันไว้แล้วเต็มที่ ทุกฝีเท้าที่ก้าวย่างจึงทั้งหนักและแน่นกระทั่งพื้นดินที่เขาวิ่งผ่านพลันปริแตกออกจากกัน เป็นภาพที่ชวนผวาต่อสายตาของผู้พบเห็นไม่น้อย!
เหลือระยะห่างอีกไม่เกินสี่จั้ง อันหลานซิ่วจึงผลักทวนยาวกระแทกออกไปข้างหน้า ชั่ววินาทีเดียวกันทวนได้ปรากฏออกที่เบื้องหน้าคนชุดเทาอย่างไม่คาดฝัน ไร้วี่แววมาก่อน
เขาหรี่ตาลงด้วยตนเอง คิดไม่ถึงว่าทวนของอันหลานซิ่วจะสามารถเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าประหลาดเช่นนี้ จึงสัญชาตญาณป้องกันตัวทำได้เพียงยกแขนขึ้นสกัดพลังปะทะจากทวนเท่านั้น
ตู้ม!
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ได้ประจักษ์เมื่อร่างของคนสวมเสื้อเทาผงะถอยไปไกลกว่า 150 จั้ง เมื่อคนหยุดลงกับที่ ร่างพลันทรุดฮวบลงไปคุกเข่ากับพื้น ความรุนแรงทำให้แผ่นดินในบริเวณแตกระเบิดออก ขณะเดียวกัน ห่วงโลหะที่พันรอบแขนกลายเป็นกรอบร่วงกราวกองกับพื้นราวกับขยะ ซ้ำร้ายแขนข้างที่เคยพันห่วงเหล็กบัดนี้แหลกยุ่ย ป่นเป็นผุยผง
ใบหน้าของคนสวมเสื้อเทาเงยมองตรงมาที่อันหลานซิ่วสายตาว่างเปล่า จริงหรือที่เขาไม่ทันปะทะแม้แต่ยกหนึ่ง?
ขณะที่ อันหลานซิ่วซึ่งขณะนั้นอยู่ห่างออกไป นางหาได้หยุดยั้งเพียงเท่านั้นไม่ เพราะหญิงสาวตวัดกลับทวนยาวชี้ปลายลงแผ่นดิน ต่อมาจึงวาดลำทวนยาวออกไปอย่างรุนแรง ทันใดนั้น ที่ว่างโดยรอบกลับกลายเป็นภาพลวงตา
ที่ว่างลวงตา!
ทันทีที่ภาพปรากฏต่อหน้า สีหน้าของคนชราสวมผ้าคลุมสีขาวเผือดวูบ ขณะที่ปากตะโกนออกไปน้ำเสียงหวาดหวั่นเต็มที่ “จ้าวแห่งทวน! ที่แท้เจ้าบรรลุขั้นจ้าวแห่งทวนแล้ว! เจ้า……”
ในที่ไม่ไกลนั่นเอง เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่องยาวเหยียด ร่างของคนจำนวนมากถอยออกห่างจากบริเวณไปไกลถึง 150 จั้ง ในคราวเดียว ชายผู้ที่แขนด้วนข้างหนึ่งบัดนี้แขนข้างซ้ายของมันถูกทวนตัดขาดกระเด็นไปเสียอีกข้าง เป็นเหตุให้เวลานี้ ชายคนนั้นกลายเป็นคนไร้แขนอย่างสิ้นเชิง! ขณะนั้น เจ้าตัวเงยมองหน้าอันหลานซิ่วด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขลาดกลัวสุดขีด!
“จ้าวทวน!” อีกทางหนึ่งชายวัยกลางคนจ้องเขม็งมาที่อันหลานซิ่วด้วยความตื่นกลัว “เจ้าคือใครกันแน่?” ท่าทางของคนขณะนั้นต้องบอกว่ากลัวเสียยิ่งกว่ากลัว แสดงว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้จ้าวแห่งทวนมีอยู่จริง! และเป็นจ้าวแห่งทวนที่วัยยังอ่อนเยาว์……เขาเพิ่งเคยเห็นกับตาก็หนนี้!
ฝ่ายหญิงสาวสีหน้านิ่ง มิได้เอ่ยตอบชายวัยกลางคนแต่อย่างใด ขณะนั้น นางเหลือบมองเพียงแว่บเดียว จากนั้นจึงถอยกลับไปหาเยี่ยฉวน ท่วงท่าราวเทพเจ้าแห่งสงคราม!
คนที่อยู่ในลานพลอยนิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย! น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
อีกคนหนึ่งถัดไปชายชราสวมผ้าคลุมขาว กำลังเขม้นมองอันหลานซิ่วไม่วางตา “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ!” อันหลานซิ่วหันไปมองตอบคนสวมผ้าคลุมขาว “เจ้าจะไม่ยินยอมหรือไง?”
อีกฝ่ายหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางว่า “กล้าเข้ามายุ่งแบบนี้ รู้ใช่ไหมว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?” เป็นเรื่องปกติที่เขาไม่กล้าจู่โจมในตอนนี้ ด้วยไม่วางใจว่ายอดฝีมือผู้นี้จะไม่มีกองกำลังอยู่เบื้องหลัง
อันหลานซิ่วเดินตรงเข้าหาชายชราสวมผ้าคลุมขาวขณะในมือถือทวนยาว สายตาจ้องเขม็งแน่วนิ่ง “อยากสู้กันตัวต่อตัวหรือจะเข้ามาพร้อมกันล่ะ?” สู้ตัวต่อตัวหรือรวมกลุ่มต่อสู้! เสียงที่เคยอึงอลพลันเงียบกริบลงทันควัน!
สีหน้าของคนถูกตั้งคำถามแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมดุดันเมื่อได้ยินคำถาม หญิงสาวผู้นี้ทำเกินไป เหตุไฉนนางจึงกล้าเอ่ยถาม? ขณะนั้น ชายชราทำท่าเหมือนจะออกปะทะในเป็นจังหวะที่รังสีประหลาดแผ่กระจายครอบร่างคนไว้อย่างแน่นหนา!
ทั้งที่พวกเขาล้วนขั้นพลังเหนือกว่าสุดยอดผนึกยุทธ์! เมื่อรู้สึกแปลกประหลาด สีหน้าคนกลับเผือดวูบลงอีกครา!
ในเวลานั้นเอง ปรากฏว่ามีร่างของชายชราอีกคนเข้ามาที่เบื้องหน้าอันหลานซิ่ว ชายคนที่เข้ามาใหม่สวมชุดดำทั้งชุด มองไม่เป็นปลายแขนด้วยมือทั้งสองสอดไว้ในแขนเสื้อ นัยน์ตาคนกริบจับจ้องเฉพาะใบหน้าของชายชราสวมผ้าคลุมขาว และปราศร่องรอยที่บ่งบอกความรู้สึก ณ ขณะนั้น
ชายชราสวมผ้าคลุมขาวชำเลืองมองทางอันหลานซิ่วสลับกับชายสวมชุดดำทั้งชุด “พวกเจ้ามีใครอยู่เบื้องหลัง?!” เขารู้สึกตกใจไม่น้อยด้วยเป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือเหล่านี้จะไร้กลุ่มอำนาจคอยอุ้มชู อีกทั้งยิ่งเป็นไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดยุทธ์เหนือกว่าขั้นผนึกยุทธ์ทั้งสิ้น
ชายชราสวมชุดดำเหลือบมองคนสวมชุดขาวตรงหน้า หาได้ใส่ใจจะตอบคำถามนั้นกลับตวาดไล่เสียงดังอย่างไม่ไว้หน้า “ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทั้งไม่เป็นมิตรและกระด้าง
เมื่อได้ยินวาจาตอกกลับเช่นนั้น ชายสวมชุดขาวรู้สึกโกรธจนหน้าเขียว จนเกือบระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ขณะนั้นเสียงของใครบางคนดังสะท้อนขึ้นในจิตสำนึก ครู่ต่อมา เขาหรี่ตาชำเลืองมองอันหลานซิ่วพิจารณาอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง “อัน……” เขาชะงักลิ้นกระทันหัน เสมือนไม่สามารถกล่าววาจาออกมาทั้งหมด ราวกับลิ้นคับปาก!



